ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลมแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ๒

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56


                    อย่างที่ใครหลายๆคนรู้กันว่าวันเปิดเทอมวันแรกนั้นเป็นอย่างไร เพื่อนๆทุกคนในห้อง จะจับกลุ่มคุยกันเรื่องปิดเทอมว่าไปไหนกันมาบ้าง บางคนเล่าอย่างออกรสออกชาติ บางคนก็หน้าตาจริงจังมากกว่าเรื่องที่เล่า

                    “จริงๆนะเว้ย” เด็กชายรูปร่างอ้วนคนหนึ่งตะโกนบอกเพื่อนแม้จะอยู่กันแค่สามสีคนเท่านั้น

                    “อยากจะบอกว่า....” วลีติดปากของหญิงสาวเหมือนตัวแมวน้ำพูดขึ้นทุกครั้งเมื่อเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ

                    “ปิดเทอมไปเที่ยวไหนมาบ้างมิว” เสียงของเพื่อนหญิงอีกคนในห้องที่กำลังนั่งให้ปัณฑิตาช่างผมประจำห้องมัดผมยาวสวยของเธอให้เข้าที่ เธอเป็นคนน่ารักหุ่นดีมากกว่าผู้หญิงคนอื่นในโรงเรียนแม้จะมีนิสัยที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะโตเท่าไหร่นั้นก็ทำให้ใครหลายๆคนอดชื่นชมเธอไม่ได้ รวมไปถึงมโนพัศเอง

                    “ไปบ้านย่าน่ะ” คนถูกถามตอบ “แพรวละ”

                    “อยู่บ้าน” เธอลุกหันหลังมาบอก “ไปละ ขอบคุณมากปูเป้”

                    แล้วเธอก็เดินไปกลับเข้ากลุ่มเธอที่นั่งอยู่ท้ายสุดของห้อง

                    “มองตาเป็นมันเลยนะ” ปัณฑิตาอดแซวมาจากด้านข้างไม่ได้ เธอเป็นเพื่อนกับชายหนุ่มมาห้าปีแล้วแน่นอนว่าเวลามโนพัศชอบหรือปลื้มใครมักจะบอกเธอเสมอ

                    “ก็น่ารักดีนี่” มโนพัศบอกกลับไป “เหมือเป้ตอนมองน้องต๊ะนั้นแหละ”

                    “ไม่ได้เป็นแบบนั้น” หมีส่ายหัวไปมาอย่างแรงพอพูดถึง น้องต๊ะ หรือ น้องธวัชชัย ที่กำลังกุ๊กกิ๊ก ปิ๊งปั๊งกันอยู่ โดยน้องธวัชชัยนั้นเป็นพ่อสื่อให้เพื่อนไม่รู้สื่อกันอีท่าไหนเลยแอบมาดูใจกันซะอย่างงั้น

                    “ไปห้องน้ำไหม” พาญีถามเพื่อนมีกาญแก้วกับปสุตาและบุญสิตาตามาข้างหลัง “ไปชั้นสามนะ”

                    “ไปเลยสิ” ปัณฑิตารีบตอบตกลงอย่างรวดเร็วแล้วลุกเดินไป มโนพัศเองก็เดินตามไปด้วยโดยไม่ลืมใส่เสื้อกันหนาวไปด้วย เพราะบรรยากาศใกล้ถึงหน้าหนาวแล้ว ทั้งหมดเดินออกมาจากห้อง

                    แล้วเท้าของชายหนุ่มก็หยุดชะงักเมื่อความรู้สึกแปลกๆกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พอรวบรวมความกล้าหันกลับไปข้างหลังก็พอกับประตูห้องม6/4เปิดออกอยู่ ข้างๆไม่มีใครนั่งที่ระเบียงมีแต่ชั้น6/3ออกมาเดินเล่นนอกระเบียงทางเดิน และห้อง6/2 ออกมานั่งสอบกัน นอกจากนั้นก็ไม่มีใครนอกจากอาจารย์ใส่เสื้อสีน้ำตาลเดินกลับไปที่ห้องพักครู

                    “อะไรหรอ” บุญสิตาเดินลงมาถาม “ไปได้แล้วเพื่อนไปกันหมดแล้ว”

                    “โอเค” แล้วจึงตัดสินใจเดินตามเพื่อนไป แล้วเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจของตัวเอง ว่าอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อเช้า

                    ทั้งหมดมาถึงห้องน้ำแล้ว ไม่มีผิดอย่างที่คาดเดาไว้เลยพาณีบอกให้ฐาปกรณ์น้องรหัสของธนวรรธออกมาหา ทั้งสองคนไปนั่งเติมความหวานให้กันระหว่างช่วงปิดเทอมที่ไม่ได้เจอหน้ากันมา

                    “โฮนั้นอะไรนะ” มโนพัศที่โสดมานานก็อดแซวเพื่อนไม่ได้ “แพทกับหนึ่งนะระวังมดกัดนะ”

                    “เออๆวุ้ยๆ” บุญสิตาส่งเสียงโฮร้องออกมาก่อนจะเข้าห้องน้ำไป ไม่นานธวัชชัยก็เดินออกมาจากห้องเดินมาถามชายหนุ่มที่ยืนมองอย่างรู้ทัน

                    “ในห้องน้ำเดี๋ยวออกมา” ว่าแล้วก็นั่งลงรอเพื่อน ปัณฑิตาเดินออกมาแล้วแยกตัวไปนั่งคุยกันแค่สองคน แม้จะไม่ได้เจอกันทั้งสองก็ยังคงเติมเรื่องราวต่างๆให้รู้กันด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ทั้งสองคุยกันทุกวันไม่เว้นวันเลยสักครั้ง

                    เหลือแค่สี่คนที่ยืนแก่วอย่างคนไรคู่ แต่ไม่ใช่ทั้งสี่หรอกเรียกว่าเป็นมโนพัศคนเดียวแล้วกันที่ไม่ได้ต้องยืนคิดถึงใคร นอกนั้นก็ บุญสิตากำลังกดโทรศัพท์คุยไลน์กับน้องคนหนึ่ง กาญแก้วเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาก็เดินไปรับห่างไกลจากเพื่อน ปสุตาเองก็กำลังงุ้งงิ้งกับรุ่นน้องอยู่คำพูดแต่ละคำนั้นอยากที่จะเข้าใจ นี้เองหรอภาษาที่คนมีความรักเขาคุยกัน

                    ตอนนี้มโนพัศเหมือนกำลังตกลงไปในโหลน้ำตาลขนาดใหญ่และกว้างเอามากๆและกำลังโดนลมคำหวานที่กำลังโหมกระหนำลงมาใส่ทั้งที่หนีไปไหนไม่ได้

                   

                    กว่าจะลากทั้งหมดกลับมาห้องได้นั้นมันสุดแสนจะยากมากกว่าอะไรทั้งนั้น พลังแห่งรักนี้ช่างมีพลังมากจริงๆ

                    โทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้นแล้วก็เป็นเบอร์ที่คุ้นเคยอยู่แล้วจึงกดตัดสายแล้วชวนบุญสิตาไปด้วยกัน

                    “โบไปหาพี่ดลกัน” ดลนภารุ่นพี่ที่จบไปแล้วกลับมาเป็นครูนั้นโทร.ตามให้ทั้งสองคนไปช่วยงานที่ห้องพักครู ทั้งสองเลยเดินไป

                    “มาแล้วคร้าบผม” บอกแล้วนั่งลงข้างๆ

                    “โบมาช่วยพี่หน่อย” บุญสิตาโดนอาจารย์เสียงน้อยน่ารักเรียก อาจารย์ปาริฉัตรนั้นเอง “ตัดอันนี้ให้พี่หน่อยสิ”

                    “ได้ๆ” แล้วเธอก็ลงมือทำส่วนมโนพัศก็นั่งนับเงินต่อเหมือนกับคราวก่อนๆที่เคยมาทำนั้นเอง การที่เราทำอะไรบ่อยๆนั้นมันจะทำให้เราชำนาญมากขึ้นจึงทำให้การนับเงินแค่ห้าหมื่นเป็นเหมือนการนับเงินแค่ไม่กี่ร้อยไปแล้ว

                    “เสร็จยัง” ผมเดินไปหาบุญสิตาที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ “พี่ปลาใช้มันทำอะไรเนี่ย”

                    “ตัดกระดาษไงมิวไม่เห็นหรอ” โดนเข้าให้หนึ่งดอก “แล้วเห็นมันซักผ้าหรอ”

                    “ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มยัง” ชายหนุ่มยิงกลับไปทันทีที่มีโอกาส แล้วยักคิ้วให้สองที

                    “น้ำกับวินมาหาพี่หน่อย” เสียงของอาจารย์ทัศณีเรียกใครชื่อใครสองคนมาหาคนแรกที่เดินมานั้นเหมือนกับว่าหลุดออกมาจากหนังเรื่องดังที่พระเอกเป็นแวมไพร์เลย ถ้าไม่มีใครบอกว่านี้คือห้องพักครูละก็บุญสิตาและมโนพัศคงคิดว่าทั้งสองกำลังอยู่ในหนังแน่ๆ

                    อาจารย์คนนี้เป็นอาจารย์ใหม่ที่เข้ามาในเทอมนี้ชื่ออาจารย์น้ำหรืออาจารย์ ณภัทรประจำสาขาวิชาฟิสิกส์ เขามีรูปร่างสูงหุ่นดี สันกรามเห็นชัดจมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากเหมือนกำลังซ่อนเขี้ยวเอาไว้ รวมๆแล้วเหมือนเทพบุตรลงมาเดินดินเลย

                    ส่วนอีกคนชื่ออาจารย์วินหรืออาจารย์วายุ ประจำสาขาวิชาฟิสิกส์เหมือนกัน อาจารย์คนนี้มีดวงตาไม่โตมาแต่กลับมีขนตายาวงอนเหมือนผู้หญิง ริมฝีปากบนใหญ่กว่าริมฝีปากล่างเล็กน้อย หน้าคม จมูกโด่งไม่มากนักเมื่อเทียบกับอาจารย์ณภัทร ผมหยักน้อยๆมีหน้าม้าดูท่าทางสุภาพใส่เสื้อสีน้ำตาล

                    ทั้งสองเดินเข้าไปหาอาจารย์ทัศณีที่กำลังแจงเรื่องการลงชื่อทำงานให้ฟัง

                    มโนพัศและบุญสิตามองตากันอย่างรวดเร็วเมื่ออาจารย์ณภัทรเดินกลับไปที่นั่งประจำตัวของเขา แล้วทั้งสองก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

     

                    ทั้งมโนพัศและบุญสิตาเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องราวในห้องพักครูเลยว่าเจออาจารย์คนใหม่ที่หล่อมากๆหนึ่งคน จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนกลับบ้าน ทั้งหมดสิบสามคนกำลังรอรถกลับบ้านอยู่ เจตน์กลับไปกับเพื่อนแถวบ้านแล้วส่วนส่วนอีกคนคือณัฐพลที่วันนี้ทั้งวันเอวแต่สงเค้กไปมาก็กำลังโทร.ตามมารดาให้มารับในโรงเรียนเพราะต้องรีบกลับไปทำเค้ก ขารีบๆทั้งสองเดินก้าวขึ้นรถยนต์สีขาวไปแล้ว

                    เมื่อว่าอย่างมโนพัศเองก็ต้องหาอะไรทำโดยการแกล้งอาจารย์ผู้หญิงคนอื่นๆด้วยเพื่อนคู่ในของเขา นั้นก็คือเจ้างูน้อยนากินีนั้นเอง เริ่มจากอาจารย์ที่กำลังคุยกันกลุ่มใหญ่

                    “กรี๊ด!!!!” ทั้งกลุ่มหันมามองเป็นตาเดียว

                    “กรี๊ด!!!!” แล้วก็อีกลุ่ม

                    ก่อนจะเห็นเงาของใครคนหนึ่งจึงรีบกลับมานั่งที่ตามเดิมนั้นเอง ผู้รับใบอนุญาต สิวกรเอาลำโพงมาทั้งหมดถึงนั่งล้อมกันแล้วเปิดเพลงเบาๆฟังกันคลายเคลีย

                    แล้วปัณฑิตาก็ซุบซิบกับธนวรรธอีกรอบหนึ่งสายตาจับจ้องไปที่ด้านหลัง แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจไปเพราะมโนพัศเองก็ขี้เกียจอยากจะรู้แล้ว

                    เพลงหนึ่งดังขึ้นเป็นเพลงสบตาที่ทั้งสองเพื่อนรักยมร้องเมื่อเช้าใครกันนะที่มาเปลี่ยน เพลงพลอยนั้นเองที่แบบมานั่งข้างหลัง

                    “เปลี่ยนทำไม”

                    “ก็อยากฟังเพลงนี้” แล้วเธอก็ยิ้มแบบอายๆก่อนจะวางโทรศัพท์ลง เมื่อเพลงทุกเพลงฟังจนจบแล้วก็ได้เวลาเดินออกไปสู่โลกอื่น ทั้งหมดเดินไปนั่งคุยกับพี่ดลและอาจารย์ปาริฉัตรที่นั่งคุยกันอยู่สองคน ไม่พ้นที่พี่ดลจะคุยโน้นนี้นั้นก็ชายหนุ่มเพราะทั้งสองสนิทกันมาก

                    จนมีใครสองคนเดินผ่านกุมารเงินกับกุมารทอง

                    “มิว!” เสียงของปัณฑิตาร้องเรียก

                    “อะไรเป้” มโนพัศหันไปแบบงงๆ

                    “เขาแอบมองมิวน่ะ” ปัณฑิตาบอกแล้วชี้ไปทางที่สองคนเมื่อกี้เดินผ่านอาจารย์นำกับอาจารย์วินนั้นเอง

                    “ใครละคนไหน” มโนพัศทำท่าทีสนใจ “คนเสื้อฟ้าหรือเปล่า”

                    ปัณฑิตาส่ายหน้าไปมาเหมือนเมื่อเช้า

                    “คนใส่เสื้อน้ำตาลต่างหาก” ปัณฑิตาบอกแล้วหันไปหาแนวร่วม “ใช่ไหมทิว”

                    ธนวรรธพยักหน้า

                    “ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วด้วย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×