ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (นิยายแปล)The Lazy Swordmaster จอมราชันดาบขี้เกียจ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 - นั่นใคร...?

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 60


    มันเป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่น

    ข่าวที่ส่งมาถึงนั้นกล่าวถึงเอียนผู้เป็นพ่อบ้านได้นำมีดสั้นที่ถูกพบไปแสดงแก่เคาท์สไตน์

    เป็นเรื่องธรรมดาที่สมาคมนักฆ่าต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แม้มันจะไม่ถูกพบในตัวศพ แต่ก็ไม่สามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างได้

     

    ‘เพื่อความปลอดภัย... งานต้องเสร็จภายในวันนี้เท่านั้น’

     

    ท่านหญิงโอแรลีย์ ภรรยาคนแรกแห่งตระกูลไอเฟลเลต้า

    แม้จะไม่เป็นที่รู้จัก แต่พ่อของเธอเป็นหัวหน้าสมาคมนักฆ่าแบบลับๆ

    ถ้าจะกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้... ก็คงต้องพูดถึงความจริงที่ว่าตระกูลไอเฟลเลต้านั้นเกลียดชังคนเหล่านี้ และสำหรับโอแรลีย์ ความลับของตระกูลเธอนั้นกำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย

    จะเป็นอย่างไรถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกรู้เข้า?

    เมื่อเวลานั้นมาถึง สถานการณ์ก็จะแย่ลงจนน่าหวาดหวั่น

    การแต่งงานระหว่างโอแรลีย์และสไตน์นั้นเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมืองเท่านั้น

     

    ‘ถะ-ถ้าพวกเขารู้ว่ายาพิษที่ไอริสกินเข้าไปมากจากฉันล่ะก็...’

     

    โอแรลีย์กลืนน้ำลายลงไป

    ถ้าคำเหล่านี้หลุดออกไปล่ะก็ ความสัมพันธ์อันเปราะบางระหว่างเธอกับบุตรชายทั้งสองคงสลายไปอย่างสิ้นเชิง

    เธอไม่อยากเสียชายอย่างสไตน์ไป

    เธอไม่ยอมเสียเขาให้กับไอริสอย่างแน่นอน

    นั่นเป็นสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด เธอกังวลในเรื่องนี้มากว่าการที่ความลับของเธอจะถูกเปิดเผยเสียอีก

     

    “-ม่ครับ?”

     

    ‘ไม่ เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกินขึ้นได้หรอก’

     

    “ท่านแม่ครับ!”

     

    บุตรชายคนที่สองแห่งตระกูลไอเฟลเลต้า ลอยด์ กำลังเขย่าไหล่เธออยู่

     

    “หืม? มีอะไรเหรอจ๊ะ?”

     

    “เรากำลังคุยเรื่องไรลีย์กันอยู่ครับ ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

    ใบหน้าเธอแสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

    บางทีอาจเป็นเพราะแม่ของเขาดูสภาพไม่ค่อยดีก็เป็นได้

     

    “เปล่าจ้ะ แม่สบายดี”

     

    “ดูเหมือนท่านแม่จะมีไข้นิดหน่อยนะครับ”

     

    “อาจเป็นเพราะแม่นอนไม่พอก็ได้จ้ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันหนักเกินไปสำหรับแม่น่ะจ้ะ”

     

    โอแรลีย์โกหกออกไปราวกับเธอไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิด

    เธอไม่ได้บอกบุตรชายทั้งสองของเธอว่าศพที่ถูกพบหน้าห้องเธอนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ

     

    “แม้เขาจะตายแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นอันตรายต่อเราครับ มีที่อื่นตั้งเยอะ แต่กลับมาตายหน้าห้องท่านแม่”

     

    ลอยด์กัดฟัน

     

    “พักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ ท่านแม่ ผมจะอยู่กับท่านแม่เอง”

     

    เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าเธอเป็นลูกสาวของนักฆ่าผู้โหดเหี้ยม?

    ไม่มีทาง

     

    “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม้สนใจเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้มากกว่า เกี่ยวกับเรื่องของไรลีย์ใช่ไหมจ๊ะ?”

     

    โอแรลีย์ยิ้มให้กับบุตรชายของเธอที่กำลังกังวล

     

    “ใช่ครับ”

     

    ลอยด์พยักหน้า

     

    “จริงๆแล้ว เมื่อวานนี้ไรลีย์จับดาบแล้วครับ”

     

    “โอ้ ไรลีย์จับดาบงั้นเหรอจ๊ะ?”

     

    “มันเป็นเรื่องก่อนที่ศพจะถูกพบน่ะครับ”

     

    ลอยด์เกาหัวตัวเอง

     

    “อาจเป็นเพราะท่านหญิงไอริสโดนยาพิษก็เป็นได้ครับ ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ผมคิดว่าในตอนนั้นเจ้าเด็กขี้เกียจนั่นต้องโกรธมากแน่ๆเลยครับ ฮ่าๆ”

     

    “แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะจ๊ะ?”

     

    หางตาของโอไรลีย์กระตุกเล็กน้อย

    เธอรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากชายสวมผ้าคลุมแล้ว

    แต่การได้ยินจากบุตรชายของเธอนั้นให้ความรู้สึกแตกต่างจริงๆ

     

    “...มันแย่จนเกินบรรยายเลยครับ”

     

    ตอนนี้ รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของเธอ

     

    “โอ้ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ?”

     

    ใช่แล้ว

    หลักฐานที่จะแสดงว่าเธอนั้นเหนือกว่าภรรยาน้อยอย่างไอริสคือเธอควรเป็นคนได้รับความรักมากที่สุด

    บุตรชายของไอริสนั้นน่าสังเวช และเป็นเพียงไพร่ที่ไร้ประโยชน์ ในขณะที่บุตรชายทั้งสองของเธอเกิดมาเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งดาบอย่างแท้จริง

    เพียงสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าเธอนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลนี้

     

    “โฮะๆ เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง”

     

    สายตาของโอไรลีย์นั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง

    ข้างนอกนั่น เธอเห็นไรลีย์นอนอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลภายในสวน

    ราวกับความคิดที่จะให้เขาเรียนวิชาดาบนั้นไม่มีทางเป็นจริง

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    ยามบ่ายแก่ๆ ณ หมู่บ้านอิฟฟา

    ด้วยเหตุบางประการ ในหมู่บ้านมีขบวนรถม้าวิ่งเรียงกันอยู่

    พวกมันช่างดูหรูหรายิ่งนัก

     

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไม ‘ขบวนรถมิธริล’ ของเทสแห่งสมาคมการค้าถึงได้มาที่หมู่บ้านนี้กัน?”

     

    ชาวบ้านคนหนึ่งถามออกมาพร้อมชี้ไปยังรถม้าที่ดูหรูหรามากที่สุด

     

    “ใครจะไปรู้ล่ะ?”

     

    “พวกเขาพบเหมืองทองใกล้ๆนี้หรือเปล่า?”

     

    “ถ้าพวกเขาพบเหมืองทองสักแห่งล่ะก็ ข้าจะยกเมียข้าให้แกเลย”

     

    “การเดิมพันนี้เหมือนจะเป็นประโยชน์กับแกเลยนะ?”

     

    ดูเหมือนไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เหตุผลเลย

    ชาวบ้านทำได้เพียงมองอย่างสงสัย

    สมาคมการค้าเป็นหนึ่งในสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป

    การที่ขบวนรถม้าส่วนตัวของหัวหน้าสมาคมมาที่นี่นั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านอิฟฟา

     

    “อืม... ข้าได้ยินข่าวลือว่าพวกเขามาหาภรรยาของตระกูลไอเฟลเลต้าน่ะ”

     

    “หืม?”

     

    เหล่าชาวบ้านกระซิบกระซาบเกี่ยวกับข่าวลือกันโดยใช้มือป้องปาก

     

    “ภรรยาคนแรกชื่ออะไรนะ... อ๋อ! ท่านหญิงโอแรลีย์นี่เอง ข้าเคยได้ยินว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าสมาคม”

     

    “อะไรนะ? ข้าพึ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลย!”

     

    “เฮ้ ลองคิดดูสิว่าทำไมท่านเคาท์สไตน์ถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ค่อยสวยอย่างท่านหญิงโอแรลีย์กันล่ะ? ถ้าเธอไม่ได้เป็นลูกสาวหัวหน้าสมาคมล่ะก็ เขาคงไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอกจริงไหม?”

     

    ชาวบ้านที่คุยกันเรื่องท่านหญิงโอแรลีย์กำมือแล้วนำนิ้วหัวแม่มือไปสอดใต้นิ้วชี้

     

    “เรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ”

     

    “ว้าว...”

     

    ชาวบ้านร้องออกมาเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้ เหล่าพนักงานของสมาคมการค้าหันมาทางชาวบ้านเมื่อยินได้เสียงเหล่านั้น

     

    “ชู่ พวกแกน่ะระวังปากหน่อย”

     

    “...”

     

    แม้พวกเขาจะคุยกันอย่างเงียบๆ แต่พวกเขายังคงได้ยินอีกกระนั้นหรือ?

    เมื่อเห็นว่าพ่อค้าเทสกำลังมองมาทางพวกตน ชาวบ้านทั้งสองจึงยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

     

    “แล้วทำไมขบวนรถมิธริลถึงได้มาที่นี่กันล่ะ?”

     

    “ก็นะ? บางทีเขาคงคิดถึงลูกสาวล่ะมั้ง?”

     

    เมื่อออกจากระยะสายตาของพ่อค้าเทสแล้ว ชาวบ้านทั้งสองยังคงนินทาต่อ

     

    “ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงมาจอดรถม้าในหมู่บ้านแทนที่จะไปยังคฤหาสน์ล่ะ? ไปที่นั่นด้วยรถม้าใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีเลยด้วยซ้ำ”

     

    “การจะเข้าพบตระกูลไอเฟลเลต้ามันยากแค่ไหนนายรู้ไหม แม้จะเป็นขุนนางชั้งสูงก็ยังต้องมีการขออนุญาตก่อนเข้าพบเลย”

     

    “อ่า งั้นเหรอ”

     

    “ที่พวกเขาหยุดรถม้าในหมู่บ้านเพราะพวกเขากำลังส่งคนไปส่งจดหมายให้แก่คฤหาสน์เพื่อขอเข้าพบล่ะมั้ง”

     

    ชาวบ้านทั้งสองที่กำลังคุยเกี่ยวกับโอแรลีย์และตระกูลไอเฟลเลต้าไม่สามารถรู้สึกได้ถึงสายตากระหายเลือดที่จับจ้องมาทางพวกตนแม้แต่น้อย

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    “ฝันแบบนั้นอีกแล้วเหรอ...”

     

    ไรลีย์ถอนหายใจออกมาเมื่อเขาตื่นจากการนอนอันยาวนาน เขานอนจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน

     

    “...ฮาววววว”

     

    เขากำลังอารมณ์เสีย

    มีเหตุผลสามประการที่ทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างนี้

    หนึ่ง ‘มุมที่สมบูรณ์แบบ’ ของเขาได้หายไปแล้ว

    สอง เป็นเพราะ ‘ความฝันเกี่ยวกับชาติที่แล้วของตัวเขา’

    และสาม...

     

    <หมายเลข 2 เข้าไปก่อน ตามด้วยหมายเลข 4 และ 5 อย่าทำพลาดล่ะ>

     

    เขาได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยอยู่ภายในหัวของเขา

    มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตื่น

     

    “ชิ... ไม่ชอบแบบนี้เลยแฮะ”

     

    ไรลีย์ขมวดคิ้วแล้วพึมพำออกมา

    สิ่งที่เขาคาดหวังไว้คือมีดสั้นที่เอียนนำไปแสดงให้แก่สไตน์จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดมาทำอะไรในคฤหาสน์มากกว่านี้

    โดยทั่วไปแล้วมันคือการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์อื่นๆเกิดขึ้นอีก แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นดั่งแผนที่เขาวางไว้

     

    “ก็นะ ยังไงมันก็มีโอกาส 50/50 อยู่แล้ว”

     

    ไรลีย์ลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกจากกางเกง

     

    <พวกแกพร้อมหรือยัง?>

     

    ‘「โทรจิต」สินะ’ 

    เขามีทักษะในการในการดักฟัง 「โทรจิต」ระหว่างผู้คน เขาสามารถได้ยินในสิ่งที่เข้าต้องการได้ยิน

     

    <อย่างแรก ตอนข้าเข้าไปต้องทำให้มั่นใจว่าเครื่องมือพร้อมทุกเมื่อ เราต้องทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว และต้องเร็วกว่าครั้งก่อนๆด้วย>

     

    คำเหล่านั้นที่ไรลีย์ได้ยินจะสามารถส่งผ่านได้เฉพาะผู้ที่ควบคุมมานาได้เท่านั้น มันเหมือนการสื่อสารทางจิต

    [TLN: โดยทั่วไปแล้ว「โทรจิต」นั้นเป็นทักษะที่ต้องใช้มานา มันทำให้ผู้ร่ายสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องขยับปาก ไรลีย์สามารถดักฟังสิ่งเหล่านี้ได้ บทสนทนาที่ใช้「โทรจิต」จะถูกครอบด้วยเครื่องหมาย < > ครับ]

     

    <เป้าหมายของเรามีเพียงสิ่งเดียว คือการนำศพของหมายเลข 3 กลับมา>

     

    มีเพียงเสียงเดียวที่เขาได้ยิน

    ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของผู้บุกรุก

     

    <พยายามอย่าถูกตรวจพบโดยข้ารับใช้ภายในคฤหาสน์ พวกนั้นไม่ได้เป็นเพียงสาวใช้หรือพ่อบ้าน... ก่อนมาทำงานที่นี่พวกเขาต่างก็เคยเป็นนักรบมาก่อน>

     

    “ชิ...”

     

    ไรลีย์เดาะลิ้นอีกครั้ง

    ดูเหมือนผู้นำกลุ่มผู้บุกรุกจะค่อนข้างคุ้นเคยกับตระกูลไอเฟลเลต้า

     

    <ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มภารกิจได้>

     

    <เดี๋ยวก่อน... ก่อนจะเริ่มภารกิจน่ะ>

     

    ไรลีย์เข้าร่วมบทสนทนาก่อนพวกเขาจะเริ่มภาระกิจ

    โดยการใช้ 「โทรจิต」ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องใช้มานา

     

    <…?!>

     

    ความเงียบได้เข้าปกคลุม

    ได้ยินเพียงเสียงใบไม้สั่นไหว

    แม้ขณะไรลีย์กำลังคิดว่าจะพูดอะไรออกไปดี ผู้บุกรุกกลับไม่ส่งข้อความใดๆกลับมาเลย

    เมื่อตระหนักได้ว่าบทสนทนาของพวกตนโดนดักฟัง พวกเขาก็ตั้งท่าป้องกัน

     

    <ฉันอยากบอกอะไรพวกนายอย่างหนึ่ง>

     

    <...>

     

    <ฉันไม่สนว่าพวกนายจะทำอะไรในคฤหาสน์นี้ แค่อย่าทำอะไรให้ฉันต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็พอ พิจารณาคำเตือนนี้ด้วย>

     

    ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา แต่「โทรจิต」ได้ถูกส่งแล้วออกไปอย่างแน่นอน

    หลังจากไรลีย์เตือน บรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนไป

     

    <อย่า>

     

    ไรลีย์พูดต่อขณะกำลังเดิน

     

    <รบกวนฉัน>

     

    เขาเดินตรงไปยังห้องไอริส

     

    <ก็นะ ขอแค่เพียงเคารพพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันก็พอ !>

     

    แม้ไรลีย์จะไม่แน่ใจว่าพวกเขารู้ถึงความหมายของพื้นที่ส่วนตัวหรือไม่ แต่เขาเพียงแค่ต้องการถ่ายทอดออกไปว่าให้เคารพซึ่งกันและกันและจากไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×