ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (นิยายแปล)The Lazy Swordmaster จอมราชันดาบขี้เกียจ

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 - นั่นใคร...?

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 60


    ยามเช้า ณ ห้องทำงานของเคาท์สไตน์ 

    “แล้ว ไรลีย์จับดาบแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
     
    “ครับ”
     
    เอียนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแก่สไตน์
    เมื่อวานนี้ ไรลีย์ไปยังสนามฝึกหลังจากได้เห็นแม่ของเขาทรุดลง
    เอียนเสริมอีกว่าบรรยากาศแห่งความขี้เกียจที่มักจะปกคลุมเขาได้หายไปชั่วขณะ
     
    “เขาจับดาบแล้วครับ แต่...”
     
    แม้ว่าการที่เด็กขี้เกียจอย่างเขาได้แสดงศักยภาพออกมานั้นเป็นข่าวดี แต่มันเป็นแค่หลักประกันเล็กๆน้อยๆว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับตัวเขา ในห้องที่ว่างเปล่านี้
     
    “เขาเลิกสนในมันในทันทีครับ”
     
    “ทันทีเลยงั้นเหรอ?”
     
    “ผมคาดว่าเขาคงผิดหวังในพลังการลงดาบของเขาน่ะครับ”
     
    นั่นหมายความว่าทักษะในเชิงดาบของเขานั้นเกินกว่าคำว่าน่าสงสารแล้ว
     
    “หืม”
     
    สไตน์ที่เคาะนิ้วบนโต๊ะทำงานพยักหน้า
     
    “เข้าใจแล้ว นายไปได้แล้ว”
     
    “นายท่านครับ บางทีท่านควรจะมอบ-”
     
    “ฉันกำลังปวดหัวกับหนูที่แทรกซึมอยู่ในคฤหาสน์อยู่ ฉันสันนิษฐานว่าไรลีย์ทำได้แค่นั้นแหละ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะสอนวิชาดาบของตระกูลไอเฟลเลต้าให้กับคนที่ไม่มีแรงจูงใจแบบนั้น ฉันมั่นใจว่าบรรพบุรุษของฉันต้องคิดเหมือนฉันแน่นอน”
     
    หลังจากพูดเสร็จ สไตน์ก็โบกมือเพื่อไล่เอียน
    เอียนหันกลับพร้อมจากไป เขาก้มหน้าลงด้วยความโศกเศร้า
     
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    ไรลีย์หามุมเพื่อนอนใต้ต้นแอปเปิ้ลที่เขาเลือก
    มันเป็นมุมที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียวในสองสัปดาห์
    ถ้าเขาขยับแม้แต่นิดเดียว เขาต้องสูญเสียการพักผ่อนของเขาเป็นแน่
    อย่างไรก็ตาม ไรลีย์นั้นไม่ขยับจากที่ๆเขานอนอยู่แม้แต่นิดเดียว
     
    “เมื่อไหร่มันจะหล่นลงมานะ”
     
    เขาเลียริมฝีปากเมื่อมองไปยังแอปเปิ้ลที่ห้อยอยู่บนต้น
    มันก็พักหนึ่งแล้ว ที่เขารอให้มันหล่นลงมาเอง
     
    ไม่ว่าจะเป็นเพราะลม
    ไม่ว่าจะเป็นเพราหนอน
    หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะนกบินมาเกาะกิ่งไม้
     
    เขายังคงรออย่างคาดหวังให้แอปเปิ้ลลูกหนึ่งซึ่งอยู่บนหัวเขาหล่นลงมา
    ถ้าเขาลุกขึ้นไปเด็ดมัน เขาต้องฝืนใจสละมุมที่สมบูรณ์แบบของเขา
     
    “เฮ้อ นายน้อยครับ...”
     
    ไรลีย์ซึ่งกำลังนับใบไม้รอบๆผลแอปเปิ้ลอยู่นั้นหันไปทางต้นเสียง
    คำที่ดังมาจากด้านหลังนั้นราวกับเป็นการถอนหายใจด้วยความท้อแท้
    ชายผู้ซึ่งพูดออกมานั้นคือเอียนที่กำลังเศร้าใจ
     
    “มีอะไรเหรอ? นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
     
    ตาของไรลีย์จับจ้องไปทางเอียน
     
    “…”
     
    “อ่า! รู้แล้ว! วันนี้ฝนตกใช่ไหม? นายต้องปวดหลังและเข่าแน่ๆ”
     
    เอียนเริ่มจ้องกลับไปทางไรลีย์
     
    “…”
     
    “ใช่ไหม?”
     
    ไรลีย์เกาหัวแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า
    ท้องฟ้าสีครามไร้เมฆ
     
    “ฉันทำอะไรผิดล่ะ?”
     
    “นายน้อยครับ!”
     
    เอียนตะโกนใส่ไรลีย์ในทันที
     
    “ชิ นายทำให้ฉันตกใจนะเนี่ย...”
     
    ไรลีย์สะดุ้งจึงทำให้เขาออกจากตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบของเขา
     
    “นายน้อยจะยอมแพ้แล้วเหรอครับ?”
     
    “แล้วมันยังไงล่ะ?”
     
    ไรลีย์ตอบกลับราวกับถามว่ามีปัญหาอะไร
    เอียนยืนเท้าสะเอวแล้วพูดต่อ
     
    “ผมขอชื่นชมที่ท่านหาเมล็ดพวกนั้นให้แก่ท่านหญิงไอริสครับ ร่างกายของท่านหญิงไอริสสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วต้องขอบคุณพวกมันจริงๆครับ!”
     
    แน่นอน
    พวกมันไม่ใช่เมล็ดพืชธรรมดา
    ไรลีย์ได้ลงอาคมพิเศษลงไปบนเมล็ดเหล่านั้น
     
    “แต่ การยอมแพ้หลังจากเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียว! แบบนั้นมัน... มัน...!”
     
    เอียนเริ่มพูดตะกุกตะกัก
    ในฐานะชายคนแรกที่ได้เห็นพรสวรรค์ของไรลีย์ เขาเป็นคนหนึ่งที่เสียใจมากที่สุดเพราะไรลีย์นั้นไม่มีแรงจูงใจใดๆเลย
    เขาสงสัยว่าช่วงชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขานั้นทำได้แต่เพียงมองหน่ออ่อนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์เหี่ยวแห้งไปอย่างนั้นหรือ หรือมันจะทำให้เขาเป็นมะเร็งตายไปก่อน
     
    “ก็นะ ถ้าฉันชนะด้วยดาบไม่ได้ งั้นฉันแค่ไปเป็นจอมเวทย์ก็พอ ยังไงฉันก็ชอบการอ่านมากกว่าอยู่แล้ว”
     
    ด้วยโชคอันน้อยนิด อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเป็นมะเร็งอีกแล้ว
    เอียนกรีดร้องด้วยความผิดหวัง
     
    “อะไรนะครับ นายน้อยคิดว่าการเป็นจอมเวทย์มัน...”
     
    มันง่ายอย่างนั้นเหรอ?!
    ขณะเขาถามออกมา ไรลีย์ก็ย้ายสายตาของเขาไปที่ไหนสักแห่ง
     
    “ท่านกำลังมองไปที่ไหนกันครับ?”
     
    “แอปเปิ้ลน่ะ”
     
    “ทำไมกันล่ะครับ?”
     
    “ฉันคิดว่าถ้าฉันได้เป็นจอมเวทย์แล้วล่ะก็ ฉันจะสามารถเด็ดแอปเปิ้ลโดยไม่ต้องยืน...”
     
    “นายน้อยครับ!”
     
    “...”
     
    ไรลีย์หยุดพูดทันที
    เขาถูกเอียนทำให้หวาดกลัว ไรลีย์รวบรวมความกล้าแล้วพึมพำออกมา
     
    “...เสียงตะโกนของนายนี่มันแสบแก้วหูจริงๆ”
     
    “อย่าเปลี่ยนเรื่องสิครับ ครั้งนี้ ผมมั่นใจว่าผมต้องเปลี่ยนนายน้อย-”
     
    “หืม? เดี๋ยวก่อนเอียน! ดูตรงนั้นสิ! นั่นใช่ประกายจากคมดาบหรือเปล่า?”
     
    “นายน้อยกำลังพูด...”
     
    เอียนบอกกับตัวเองว่าเขาจะให้ท่านหญิงไอริสเป็นข้ออ้าง หากไรลีย์หลอกเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงมองไปด้านบน
     
    “หืม?”
     
    เดี๋ยวนั่นมันอะไร?
    เหมือนอย่างไรลีย์พูด เขาเห็นดาบปะปนอยู่กับใบไม้
    มันไม่ใช่ดาบยาวหรือดาบสองคมอย่างที่ใช้กันในตระกูล
    มันเป็นมีดสั้น
    มีดสั้นไร้ปลอกเล่มหนึ่ง
     
    ‘มีดสั้นงั้นเหรอ?’
     
    เอียนถูกดึงความสนใจโดยด้ามจับสีม่วงแปลกๆ เขากระโดดขึ้นไปบนต้นไม้
    เมื่อเขาลงบนกิ่งไม้ เขาค่อยๆหยิบมีดสั้นขึ้นมา
     
    ‘มันดูคุ้นตาจริงๆ’
     
    มันเป็นมีดสั้นที่ตรงส่วนใบดาบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
    เอียนเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้
     
    ‘เดี๋ยว... นี่มัน...?’
     
    รูปทรงของดาบนั้นพอดีกับปลอกที่อยู่ในห้องทำงานของสไตน์
     
    “อะไรน่ะ? มันเกิดอะไรขึ้น? ให้ฉันดูด้วยสิ”
     
    ไรลีย์ไม่อยากขยับไปไหน แต่เขาก็สงสัยเช่นกัน
    ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะสั่งเอียน
    เอียนกระโดดลงมาข้างๆไรลีย์แล้วยื่นมีดสั้นให้ดู
     
    “ผมเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นของศพที่เราพบเมื่อวานแน่ๆครับ”
     
    “หา? นายรู้ได้ไง?”
     
    “รูปทรงนั้นตรงกับปลอกดาบที่เราพบบนตัวเขาครับ อีกไม่นานเราจะได้รู้ครับ”
     
    เอียนรับมีดสั้นคืนจากไรลีย์
     
    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปพบท่านสไตน์ก่อนนะครับ”
     
    “หือ? ไปสิ”
     
    ไรลีย์พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อเห็นเอียนพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
    เขาหยุดบ่น แล้วเดินจากไป
     
    “...”
     
    เมื่อเห็นเอียนจากไปอย่างเร่งรีบ ไรลีย์จึงเตะต้นไม้เบาๆ
     
    “เอาล่ะ”
     
    ไรลีย์พูดกับตัวเอง
    แม้ว่าดวงตาของเขาจะยังดูขี้เกียจเช่นเคย แต่บรรยากาศรอบตัวเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
     
    “พวกนั้นจะแสดงท่าทียังไงนะ?”
     
    ไรลีย์หลับตาแล้วกระจายประสาทสัมผัสไปทั่วทั้งคฤหาสน์ แล้วปกปิดตัวตนของตัวเอง
     
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    “อับดับ 3 ตายแล้วงั้นเหรอ?”
     
    “ครับท่าน”
     
    ภายในห้องซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
    เทียนที่ห้อยลงมาจากเพดานนั้นส่องแสงรางๆ
    ที่นี่เป็นที่ซ่อนของเหล่าชายสวมผ้าคลุม
     
    “เขาตายได้อย่างไร?”
     
    ชายผู้มีอาภรณ์ต่างจากชายสวมเสื้อคลุมคนอื่นๆถามเรื่องรายงาน
    เขาคาดหวังคำตอบจากนักฆ่าที่มีประสบการณ์สูง แต่คำตอบนั้นกลับเรียบง่าย
     
    “พวกเราไม่ทราบครับ”
     
    มันหมายความว่าการตายของอันดับ 3 นั้นไม่ใช่การฆ่าตัวตาย
     
    “แล้วศพล่ะ?”
     
    เขาเม้มริมฝีปากแล้วถามอีกคำถามหนึ่ง
     
    “มันถูกพบในคฤหาสน์ตระกูลไอเฟลเลต้าครับ”
     
    “หะ”
     
    สถานการณ์เลวร้ายมาก
    มันเกิดขึ้นในคฤหาสน์ไอเฟลเลต้าผู้เลื่องชื่อ
    ถ้ามีหลักฐานสักชิ้นถูกพบจากศพล่ะก็ ไม่ใช่แค่ที่ซ่อนตัวนี้ แต่ชีวิตทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ต้องอยู่ในอันตรายแน่นอน
     
    “โอแรลีย์ตกที่นั่งลำบากจริงๆ”
     
    เขาลูบเคราเมื่อนึกถึง ‘ลูกสาว’ ของเขา
     
    “ท่านจะทำอย่างไรต่อไปครับ?”
     
    หลังจากชายสวมผ้าคลุมถาม ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
     
    “ฉันจะไปเอง”
     
    “ตรงๆเลยเหรอครับ?”
     
    “เราจะถูกพบตัวไม่ได้ เราจะย้ายออกจากที่นี่ในเย็นนี้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภารกิจแทรกซึม”
     
    “ตามบัญชาครับ”
     
    ชายสวมผ้าคลุมโค้งคำนับแล้วหายตัวไป
     
    “เอาล่ะ”
     
    ชายคนนั้นยืนอยู่ในห้องคนเดียว เขาหยิบหน้ากากบนโต๊ะ แล้วใส่ลงไปในกระเป๋า
     
    “มันก็นานแล้วสินะที่ฉันไม่ได้ไปหาลูกเขยของฉัน”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×