ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (นิยายแปล)The Lazy Swordmaster จอมราชันดาบขี้เกียจ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 - วีรบุรุษที่มีอยู่เพื่อช่วยโลก

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 60


    เหล่าวีรบุรุษนั้นมีไว้เพื่อการช่วยโลก

    คำเหล่านั้นทำให้ผมสะอิดสะเอียนจริงๆ

     

    ด้วยความโชคดี ไม่สิ โชคร้ายต่างหาก ผมได้ถูกรับเลือกโดยดาบศักดิ์สิทธิ์ ผมจึงถูกบีบให้เข้าเส้นทางแห่งการสังหารราชาปีศาจ

     

    ทุกๆคนล้วนแต่จับตามองมาที่ผม และความหวังของพวกเขาก็กลายมาเป็นแรงผลักดันให้ผมก้าวต่อไป…

     

    ด้วยน้ำหนักของโลกทั้งใบที่ผมแบกไว้บนบ่า แรงกดดันของมันได้กดลงมาที่ผมอย่างไม่มีหยุดหย่อน

     

    อะไรคือรางวัลสำหรับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป?

    เพื่อให้ได้รับการยกย่อง ?

    เพื่อที่จะเป็นแบบอย่างและแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆ ?

    ผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว

     

    หลายคนอาจบอกว่า รางวัลของคุณก็คือการผจญภัยและความทรงจำร่วมกับเหล่าเพื่อนๆของคุณ

     

    อย่าทำให้ผมขำหน่อยเลย

    ความทรงจำร่วมกับเหล่าเพื่อนๆงั้นหรอ?

     

    ผมขอบอกอีกครั้งเถอะ

    เหล่าวีรบุรุษนั้นมีไว้เพื่อช่วยโลก แต่ไม่ได้มีอยู่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆของพวกเขา

     

    โชคชะตาของเหล่าเพื่อนๆของผมนั้นมักจะมีจุบจบที่เลวร้ายเสมอ

     

    ด้วยคำสั่งที่ให้กำจัดราชาปีศาจผู้ซึ่งคิดจะทำลายโลก

     

    ไม่ว่าแต่ก่อนหรือตอนนี้ ราชาปีศาจก็เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจเสมอมา

     

    แน่นอนว่าในฐานะวีรบุรุษ ในฐานะบุคคลๆหนึ่ง ผมพยายามจนถึงที่สุดแล้วที่จะช่วยบุคคลที่สำคัญกับผม

     

    แต่ผลที่ได้รับนั้นล้วนแต่เป็นหายนะ

     

    ความเจ็บปวดที่ผมรู้สึกจากการที่พวกเขากระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบาด้วยลมหายใจสุดท้ายกับผม

     

    “อย่างน้อยนายก็ช่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข”

     

    เส้นทางของวีรบุรุษนั้นมักจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามากกว่าความสุข

     

    ผมไม่อาจล้มเหลวและตายไปพร้อมกับความหวังของพวกเขาได้

     

    แม้แต่ตอนที่ผมแทบจะเสียสติ ผู้คนก็ยังฝากความหวังของตัวเองมาไว้ที่การคงอยู่ของตัวผม

     

    วันคืนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า

     

    การดำรงอยู่ของเหล่าวีรบุรุษอาจมีไว้เพื่อช่วยโลก

    แต่ผมกลับแสวงหาแต่ความตายอันสงบสุข

    พอกันทีชีวิตนี้....

     

    มอนเตอร์ลึกลับที่บุกรุกบ้านของเรา

    เหล่าวายร้ายที่ทำร้ายเหล่าสหายของผม

     

    ผมได้ฆ่าพวกนั้นไปมากแล้ว

     

    และผมยังช่วยชีวิตคนอื่นๆอีกมากมายจากปากเหวแห่งความตาย

     

    และในท้ายสุด

    ผมก็ได้กำจัดราชาปีศาจลงไป

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    มันสูงแค่ไหนกันนะ?

    หมู่เมฆที่อยู่เบื้องล่างของเขาขณะที่เขาหล่นลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับร่างที่ใหญ่ยักษ์ร่างหนึ่ง

    ร่างใหญ่ยักษ์ที่มีผิวสีแดงและเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่ง

    ราชาปีศาจ!

     

     

    “ฟู่ว....”

     

    บาดแผลนับไม่ถ้วนที่สามารถมองเห็นได้บนร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมัน

    ราชาปีศาจกัดฟันแล้วต้องไปที่ศัตรูของมัน โดยพยายามที่จะประคองสติที่เลือนรางของตน

    ในมือข้างขวาของศัตรูกำลังถือดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายเจิดจ้า

     

    “…”

     

    ศัตรูของมันยืนอยู่ที่เหนือศีรษะของมัน วีรบุรุษผู้สังหารราชาปีศาจ

     

    “ตอนนี้แกกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ?”

     

    ราชาปีศาจถามวีรบุรุษ

    แม้ว่ามันจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันก็ยังคงโกรธเคืองเขาอยู่ มันทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในความแข็งแกร่งของศัตรู

    ดังนั้นมันจึงถามศัตรูของมัน ศัตรูที่สามารถเทียบเคียงกับมันได้ มันถามออกไปด้วยความสงสัย

     

    “ถ้าแกถามถึงสิ่งที่ฉันคิดอยู่ล่ะก็”

     

    วีรบุรุษได้กล่าวออกมา

    ใบหน้าของศัตรูผู้นั้นดูซีดเผือกเหมือนกับว่าเขากำลังมุ่งไปสู่ความตาย

     

    “…”

     

    หลังจากหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

     

    “ฉันเหนื่อย”

     

    ราชาปีศาจไม่อาจเข้าใจคำตอบของศัตรูได้

     

    “อะไรนะ?”

     

    อืม เท่านี้น่าจะพอแล้วสินะ?

    นั่นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่จริงๆ

    ทำไมกัน?

     

    ‘ถ้าไม่ใช่คุณ ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ ถ้าหากคุณไม่สามารถ…’

     

    เขาเคยได้ยินสิ่งเหล่านี้มานับไม่ถ้วน

     

    ‘มีแค่ท่านคนเดียวที่สามารถทำได้’

    ‘มันเป็นไปไม่ได้เลยนอกเสียจากว่าเป็นท่าน’

    ‘มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้’

    ‘ท่านต้องปกป้องพวกเขา’

     

    ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของพวกเขา เขามีชีวิตอยู่ได้แค่เพื่อความปรารถนาของพวกเขา

    สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ตัวเขา

     

    “ฉันก็แค่เหนื่อยมากๆเท่านั้นเอง”

     

    มันเป็นเรื่องยากมากที่จะต้องเผชิญกับสายตาที่ล้วนแล้วแต่จับผิดในตัวเขาเหล่านั้น

     

    “จริงๆนะ ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว”

     

    ขณะที่ราชาปีศาจจดจำคำพูดของวีรบุรุษที่ได้พูดกับมัน มันมองลงไปเบื้องล่าง มันกำลังหล่นลงจากบนฟ้า

     

    “…”

     

    ขณะที่เขาตกลงมาจากความสูงที่ไม่น่าเชื่อ เสื้อผ้าของเขาสะบัดปลิวอย่างบ้าคลั่ง

    แสงดาวที่ส่องเข้ามาในดวงตาของเขา และสายลมที่ปะทะเข้ากับร่างกายของเขา

     

    ‘ในที่สุด…’

     

    มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะลืมตาขึ้นมอง เขาจึงหรี่ตาไว้ครึ่งหนึ่ง

    หมู่เมฆที่เขาเคยเห็นจากที่ไกลๆ ได้เข้าปะทะกับร่างกายของเขาแล้ว

     

    ผืนดินนั้นใกล้เข้ามาทุกที

     

    “ใกล้แล้ว…”

     

    วีรบุรุษสามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างสีดำซีดที่สร้างจากคอนกรีตได้

    ทุกครั้งที่เขากระพริบตา พวกมันก็เข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ มันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เขาจะปะทะกับพื้น

     

    “อา นี่คือจุดจบสินะ”

     

    ด้วยความสูงระดับนี้ แม่แต่วีรบุรุษก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้

    เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก

    ด้วยบาดแผลและคำสาปบนร่างกายของเขา การคืนชีพนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

     

    “…?”

     

    ราชาปีศาจเอียงศีรษะด้วยความสงสัย

    หลังจากที่ได้ช่วยโลก หลังจากที่ได้เสียสละไปมากมาย สิ่งที่รอวีรบุรุษอยู่กลับมีแค่ความตายเท่านั้น ถึงอย่างนั้นวีรบุรุษก็ได้ยิ้มออกมา

    ราวกับว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นคือความสงบสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

     

    “ฮะ!? มีคนกำลังล่วงลงมาจากท้องฟ้า!”

     

    ใกล้แล้ว

     

    นอกจากเสียงตะโกนของผู้คน เขาได้ยินเสียงศีรษะของราชาปีศาจกระแทกกับพื้นดิน มันคล้ายกับเสียงมะเขือเทศที่ถูกทุบจนแตก

     

    แล้วก็ถึงตาของเขาแล้ว

     

    จากนั้น…

     

    วีรบุษก็ได้ล่วงหล่น

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    “ผู้สืบทอดงั้นหรอ?”

     

    “ผู้สืบทอดของตระกูลไอเฟเลต้าที่มีชื่อเสียงนั่นน่ะหรอ”

     

    ในโรงแรมที่เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไอเฟลเลต้า

     

    “ใช่!”

     

    ตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า นั้นเป็นตระกูลมีชื่อเสียงในเชิงดาบที่มีบุตรชายถึงสามคน

     

    บุตรชายคนแรก ดาบแกร่งไรอัน เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความแข็งแกร่ง

    บุตรชายคนที่สอง ดาบไวลอยด์ เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความเร็ว

    บุตรชายคนที่สาม ช่างเถอะ…

     

    “ผู้สืบทอดจะถูกเลือกจากบุตรชายหนึ่งในสามคนนี้แหละ!”

     

    “มีแค่คนเดียวที่จะถูกเลือกใช่ไหม?”

     

    “แน่นอนสิ!”

     

    “หรือจะเป็นพี่ชายคนโต ไรอัน?”

     

    “ก็นะ ใครจะไปรู้ล่ะ? ฉันเคยได้ยินมาว่าบุตรชายคนที่สองลอยด์ก็เก่งเอาเรื่องเหมือนกันนา”

     

    “ฉันก็เคยคิดอยู่ว่าที่ตระกูลนั้นมีบุตรชายถึงสามคนช่างน่าอิจฉาเสียงจริง แต่ปัญหามันก็เยอะเหมือนกันแฮะ”

     

    “มันเป็นปัญหาสำหรับพวกตระกูลชั้นสูง โดยเฉพาะพวกขุนนางชั้นสูง”

     

    “สำหรับชาวบ้านธรรมดาแบบพวกเรา มีบุตรหลายๆคนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”

     

    “ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ถ้าแกมีลูกสาวสวยๆซักคนน่ะ”

     

    “ฮ่าๆๆ! หน้าแบบแกเนี่ยนะ? ฝันไปเถอะไอน้องเอ๊ย”

     

    หมู่บ้านอิฟฟา(iffa)นั้นเป็นดินแดนในการปกครองของตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า ภายในโรงแรมนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่คาดเดาว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป

     

    “จากที่พูดๆกัน ตกลงเป็นหนึ่งในสองคน แค่คนโตไม่ก็คนรองใช่ไหม?”

     

    “ใช่ แบบนั้นแหละ”

     

    “แล้วบุตรชายคนที่สามล่ะ?”

     

    “เอ่อ ก็นะ เขาได้ชัดเลยว่าเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์”

     

    “เขาเกิดมาเพื่อแบบนั้นเลยแหละ”

     

    “…”

     

    มีพ่อบ้านคนหนึ่งกำลังมองไปยังผู้คนในโรงแรม มือของเขาบีบแก้วเบียร์จนแน่น ราวกับว่าเขาอยากจะบีบมันให้แหลกคามือ

     

    “เขาเป็นชนชั้นสูง แล้วยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “จอมขี้เกียจ” ในเรื่องนี้เขามีชื่อเสียงมากกว่าพี่ชายทั้งสองของเขาอีก”

     

    บุตรชายคนที่สาม

     

    เป็นที่รู้กันในคฤหาสน์ของตระกูลไอเฟลเลต้า ถึงความขี้เกียจของเขา

     

    ฉายาของเขาคือ “ดาบขี้เกียจ”

     

    ไรลีย์

    [TLN:Na-Geom – Lazy Blade]

     

    “ดาบขี้เกียจงั้นหรอ?”

     

    “เฮอะ ฉันไม่เคยได้ยินฉายาที่น่าอายแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต”

     

    “นายคงรู้ว่าตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า นั้นมีชื่อเสียงในเชิงดาบใช่มั้ย? ก็นะ ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาก็ไม่เคยเหวี่ยงดาบแม้แต่ครั้งเดียว…”

     

    “แบบนี้นี่เอง เขานี่น่าสิ้นหวังจริงๆ”

     

    คนหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

     

    “มีเหตุผลอะไรรึเปล่าที่เขาไม่ยอมจับดาบ?”

     

    “ก็นะ ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาจะชักถ้าเขาจับดาบ”

     

    “มั่วแล้ว ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นโรคภูมิแพ้ดาบต่างหาก”

    [แฮ้ง:โรคอะไรวะครับนั่น!!]

     

    “เขาทำตัวเหมือนผักที่ไม่แม้แต่จะขยับตัว ฉันได้ยินมาว่าเขานอนแผ่อยู่บนเตียงทั้งวัน”

     

    “…!”

     

    ชายชราคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว หน้าของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงเพราะความโกรธจนคล้ายกับแอปเปิ้ล

     

    “พวกแกพูดห่าอะไรกันห๊ะ! ไอพวกสารเลวเอ๊ยยยย!”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×