คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 - วีรบุรุษที่มีอยู่เพื่อช่วยโลก
เหล่าวีรบุรุษนั้นมีไว้เพื่อการช่วยโลก
คำเหล่านั้นทำให้ผมสะอิดสะเอียนจริงๆ
ด้วยความโชคดี ไม่สิ โชคร้ายต่างหาก ผมได้ถูกรับเลือกโดยดาบศักดิ์สิทธิ์ ผมจึงถูกบีบให้เข้าเส้นทางแห่งการสังหารราชาปีศาจ
ทุกๆคนล้วนแต่จับตามองมาที่ผม และความหวังของพวกเขาก็กลายมาเป็นแรงผลักดันให้ผมก้าวต่อไป…
ด้วยน้ำหนักของโลกทั้งใบที่ผมแบกไว้บนบ่า แรงกดดันของมันได้กดลงมาที่ผมอย่างไม่มีหยุดหย่อน
อะไรคือรางวัลสำหรับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป?
เพื่อให้ได้รับการยกย่อง ?
เพื่อที่จะเป็นแบบอย่างและแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆ ?
ผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว
หลายคนอาจบอกว่า รางวัลของคุณก็คือการผจญภัยและความทรงจำร่วมกับเหล่าเพื่อนๆของคุณ
อย่าทำให้ผมขำหน่อยเลย
ความทรงจำร่วมกับเหล่าเพื่อนๆงั้นหรอ?
ผมขอบอกอีกครั้งเถอะ
เหล่าวีรบุรุษนั้นมีไว้เพื่อช่วยโลก แต่ไม่ได้มีอยู่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆของพวกเขา
โชคชะตาของเหล่าเพื่อนๆของผมนั้นมักจะมีจุบจบที่เลวร้ายเสมอ
ด้วยคำสั่งที่ให้กำจัดราชาปีศาจผู้ซึ่งคิดจะทำลายโลก
ไม่ว่าแต่ก่อนหรือตอนนี้ ราชาปีศาจก็เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจเสมอมา
แน่นอนว่าในฐานะวีรบุรุษ ในฐานะบุคคลๆหนึ่ง ผมพยายามจนถึงที่สุดแล้วที่จะช่วยบุคคลที่สำคัญกับผม
แต่ผลที่ได้รับนั้นล้วนแต่เป็นหายนะ
ความเจ็บปวดที่ผมรู้สึกจากการที่พวกเขากระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบาด้วยลมหายใจสุดท้ายกับผม
“อย่างน้อยนายก็ช่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข”
เส้นทางของวีรบุรุษนั้นมักจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามากกว่าความสุข
ผมไม่อาจล้มเหลวและตายไปพร้อมกับความหวังของพวกเขาได้
แม้แต่ตอนที่ผมแทบจะเสียสติ ผู้คนก็ยังฝากความหวังของตัวเองมาไว้ที่การคงอยู่ของตัวผม
วันคืนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า
การดำรงอยู่ของเหล่าวีรบุรุษอาจมีไว้เพื่อช่วยโลก
แต่ผมกลับแสวงหาแต่ความตายอันสงบสุข
พอกันทีชีวิตนี้....
มอนเตอร์ลึกลับที่บุกรุกบ้านของเรา
เหล่าวายร้ายที่ทำร้ายเหล่าสหายของผม
ผมได้ฆ่าพวกนั้นไปมากแล้ว
และผมยังช่วยชีวิตคนอื่นๆอีกมากมายจากปากเหวแห่งความตาย
และในท้ายสุด
ผมก็ได้กำจัดราชาปีศาจลงไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มันสูงแค่ไหนกันนะ?
หมู่เมฆที่อยู่เบื้องล่างของเขาขณะที่เขาหล่นลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับร่างที่ใหญ่ยักษ์ร่างหนึ่ง
ร่างใหญ่ยักษ์ที่มีผิวสีแดงและเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่ง
ราชาปีศาจ!
“ฟู่ว....”
บาดแผลนับไม่ถ้วนที่สามารถมองเห็นได้บนร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมัน
ราชาปีศาจกัดฟันแล้วต้องไปที่ศัตรูของมัน โดยพยายามที่จะประคองสติที่เลือนรางของตน
ในมือข้างขวาของศัตรูกำลังถือดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายเจิดจ้า
“…”
ศัตรูของมันยืนอยู่ที่เหนือศีรษะของมัน วีรบุรุษผู้สังหารราชาปีศาจ
“ตอนนี้แกกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ?”
ราชาปีศาจถามวีรบุรุษ
แม้ว่ามันจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันก็ยังคงโกรธเคืองเขาอยู่ มันทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในความแข็งแกร่งของศัตรู
ดังนั้นมันจึงถามศัตรูของมัน ศัตรูที่สามารถเทียบเคียงกับมันได้ มันถามออกไปด้วยความสงสัย
“ถ้าแกถามถึงสิ่งที่ฉันคิดอยู่ล่ะก็”
วีรบุรุษได้กล่าวออกมา
ใบหน้าของศัตรูผู้นั้นดูซีดเผือกเหมือนกับว่าเขากำลังมุ่งไปสู่ความตาย
“…”
หลังจากหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ฉันเหนื่อย”
ราชาปีศาจไม่อาจเข้าใจคำตอบของศัตรูได้
“อะไรนะ?”
อืม เท่านี้น่าจะพอแล้วสินะ?
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่จริงๆ
ทำไมกัน?
‘ถ้าไม่ใช่คุณ ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ ถ้าหากคุณไม่สามารถ…’
เขาเคยได้ยินสิ่งเหล่านี้มานับไม่ถ้วน
‘มีแค่ท่านคนเดียวที่สามารถทำได้’
‘มันเป็นไปไม่ได้เลยนอกเสียจากว่าเป็นท่าน’
‘มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้’
‘ท่านต้องปกป้องพวกเขา’
ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของพวกเขา เขามีชีวิตอยู่ได้แค่เพื่อความปรารถนาของพวกเขา
สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ตัวเขา
“ฉันก็แค่เหนื่อยมากๆเท่านั้นเอง”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะต้องเผชิญกับสายตาที่ล้วนแล้วแต่จับผิดในตัวเขาเหล่านั้น
“จริงๆนะ ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว”
ขณะที่ราชาปีศาจจดจำคำพูดของวีรบุรุษที่ได้พูดกับมัน มันมองลงไปเบื้องล่าง มันกำลังหล่นลงจากบนฟ้า
“…”
ขณะที่เขาตกลงมาจากความสูงที่ไม่น่าเชื่อ เสื้อผ้าของเขาสะบัดปลิวอย่างบ้าคลั่ง
แสงดาวที่ส่องเข้ามาในดวงตาของเขา และสายลมที่ปะทะเข้ากับร่างกายของเขา
‘ในที่สุด…’
มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะลืมตาขึ้นมอง เขาจึงหรี่ตาไว้ครึ่งหนึ่ง
หมู่เมฆที่เขาเคยเห็นจากที่ไกลๆ ได้เข้าปะทะกับร่างกายของเขาแล้ว
ผืนดินนั้นใกล้เข้ามาทุกที
“ใกล้แล้ว…”
วีรบุรุษสามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างสีดำซีดที่สร้างจากคอนกรีตได้
ทุกครั้งที่เขากระพริบตา พวกมันก็เข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ มันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เขาจะปะทะกับพื้น
“อา นี่คือจุดจบสินะ”
ด้วยความสูงระดับนี้ แม่แต่วีรบุรุษก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้
เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก
ด้วยบาดแผลและคำสาปบนร่างกายของเขา การคืนชีพนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
“…?”
ราชาปีศาจเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
หลังจากที่ได้ช่วยโลก หลังจากที่ได้เสียสละไปมากมาย สิ่งที่รอวีรบุรุษอยู่กลับมีแค่ความตายเท่านั้น ถึงอย่างนั้นวีรบุรุษก็ได้ยิ้มออกมา
ราวกับว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นคือความสงบสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
“ฮะ!? มีคนกำลังล่วงลงมาจากท้องฟ้า!”
ใกล้แล้ว
นอกจากเสียงตะโกนของผู้คน เขาได้ยินเสียงศีรษะของราชาปีศาจกระแทกกับพื้นดิน มันคล้ายกับเสียงมะเขือเทศที่ถูกทุบจนแตก
แล้วก็ถึงตาของเขาแล้ว
จากนั้น…
วีรบุษก็ได้ล่วงหล่น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ผู้สืบทอดงั้นหรอ?”
“ผู้สืบทอดของตระกูลไอเฟเลต้าที่มีชื่อเสียงนั่นน่ะหรอ”
ในโรงแรมที่เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไอเฟลเลต้า
“ใช่!”
ตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า นั้นเป็นตระกูลมีชื่อเสียงในเชิงดาบที่มีบุตรชายถึงสามคน
บุตรชายคนแรก ดาบแกร่งไรอัน เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความแข็งแกร่ง
บุตรชายคนที่สอง ดาบไวลอยด์ เป็นที่เลื่องชื่อในด้านความเร็ว
บุตรชายคนที่สาม ช่างเถอะ…
“ผู้สืบทอดจะถูกเลือกจากบุตรชายหนึ่งในสามคนนี้แหละ!”
“มีแค่คนเดียวที่จะถูกเลือกใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ!”
“หรือจะเป็นพี่ชายคนโต ไรอัน?”
“ก็นะ ใครจะไปรู้ล่ะ? ฉันเคยได้ยินมาว่าบุตรชายคนที่สองลอยด์ก็เก่งเอาเรื่องเหมือนกันนา”
“ฉันก็เคยคิดอยู่ว่าที่ตระกูลนั้นมีบุตรชายถึงสามคนช่างน่าอิจฉาเสียงจริง แต่ปัญหามันก็เยอะเหมือนกันแฮะ”
“มันเป็นปัญหาสำหรับพวกตระกูลชั้นสูง โดยเฉพาะพวกขุนนางชั้นสูง”
“สำหรับชาวบ้านธรรมดาแบบพวกเรา มีบุตรหลายๆคนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”
“ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ถ้าแกมีลูกสาวสวยๆซักคนน่ะ”
“ฮ่าๆๆ! หน้าแบบแกเนี่ยนะ? ฝันไปเถอะไอน้องเอ๊ย”
หมู่บ้านอิฟฟา(iffa)นั้นเป็นดินแดนในการปกครองของตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า ภายในโรงแรมนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่คาดเดาว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป
“จากที่พูดๆกัน ตกลงเป็นหนึ่งในสองคน แค่คนโตไม่ก็คนรองใช่ไหม?”
“ใช่ แบบนั้นแหละ”
“แล้วบุตรชายคนที่สามล่ะ?”
“เอ่อ ก็นะ เขาได้ชัดเลยว่าเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์”
“เขาเกิดมาเพื่อแบบนั้นเลยแหละ”
“…”
มีพ่อบ้านคนหนึ่งกำลังมองไปยังผู้คนในโรงแรม มือของเขาบีบแก้วเบียร์จนแน่น ราวกับว่าเขาอยากจะบีบมันให้แหลกคามือ
“เขาเป็นชนชั้นสูง แล้วยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “จอมขี้เกียจ” ในเรื่องนี้เขามีชื่อเสียงมากกว่าพี่ชายทั้งสองของเขาอีก”
บุตรชายคนที่สาม
เป็นที่รู้กันในคฤหาสน์ของตระกูลไอเฟลเลต้า ถึงความขี้เกียจของเขา
ฉายาของเขาคือ “ดาบขี้เกียจ”
ไรลีย์
[TLN:Na-Geom – Lazy Blade]
“ดาบขี้เกียจงั้นหรอ?”
“เฮอะ ฉันไม่เคยได้ยินฉายาที่น่าอายแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
“นายคงรู้ว่าตระกูลฟินน์ ไอเฟลเลต้า นั้นมีชื่อเสียงในเชิงดาบใช่มั้ย? ก็นะ ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาก็ไม่เคยเหวี่ยงดาบแม้แต่ครั้งเดียว…”
“แบบนี้นี่เอง เขานี่น่าสิ้นหวังจริงๆ”
คนหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“มีเหตุผลอะไรรึเปล่าที่เขาไม่ยอมจับดาบ?”
“ก็นะ ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาจะชักถ้าเขาจับดาบ”
“มั่วแล้ว ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นโรคภูมิแพ้ดาบต่างหาก”
[แฮ้ง:โรคอะไรวะครับนั่น!!]
“เขาทำตัวเหมือนผักที่ไม่แม้แต่จะขยับตัว ฉันได้ยินมาว่าเขานอนแผ่อยู่บนเตียงทั้งวัน”
“…!”
ชายชราคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว หน้าของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงเพราะความโกรธจนคล้ายกับแอปเปิ้ล
“พวกแกพูดห่าอะไรกันห๊ะ! ไอพวกสารเลวเอ๊ยยยย!”
ความคิดเห็น