ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ ของคนธรรมดา

    ลำดับตอนที่ #15 : Camp Half Blood II : Noah Tarinberk

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 56









    ฤดูฝนเป็นฤดูที่ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบจนถึงขั้นเกลียดสุดๆเลยล่ะ






    ฤดูฝนทำให้ผมเป็นหวัดง่าย ต้องนอนซม จะอ่านหนังสือก็ไม่มีแรง 





    ฤดูฝนทำให้ผมรู้สึกอึดอัด,ตัวสั่นและหนาวจับใจ






    ฤดูฝนมักทำให้ผมเปียกเพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบพกร่ม.......ผมไม่ผิดนะ!?ก็ฝนมันตกมาทำไมล่ะ




    ฤดูฝนทำให้เสื้อผ้าของผมแห้งยากและก็เหม็นอับชื้นอีกด้วย




    ฤดูฝนทำให้ผมต้องคอยเช็ดบ้าน น้ำจากฝนจะกัดเซาะทั้งหลังคาจนมาถึงเพดานบ้านทำให้พื้นเปียก ที่ร้ายกว่านั้นก็คือทำให้เฟอร์นิเจอร์และเครื่องของใช้ไฟฟ้าในบ้านเสียหายหมด







    พ่อของผมต้องมาตาย.........เพราะฤดูฝน!?!?!?!?!?





    ฤดูฝน..........ทำให้ผมต้องสูญเสียทุกอย่าง!!!!!!
     


    พ่อของผมต้องมาตายเพราะมีรถที่ดื่มสุรามาชนเข้า เพราะวันนั้นฝนตกหนักมากจึงไม่ค่อยเห็นอะไร



    แต่ผมจำหน้ามันได้ "หน้าของคนเลวที่มาพรากทุกอย่างไปจากผม" 




    เขาคนนั้นคือ แฟรงค์ ทิมเบอร์ตี้ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพลมาก



    และที่จริงหมอนั่นก็ไม่ได้เมาด้วย........หมอนั่นน่ะขับรถตามพวกเรามาตั้งแต่แรกแล้ว






    แฟรงค์ ทิมเบอร์ตี้  หมอนี่แค้นพ่อมากเนื่องจาก........
     





    "มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะนะ เด็กไม่เกี่ยว"


     
    ผมมองพ่อด้วยสายตาประหลาดใจ 



    "สักวันเมื่อลูกโตมาลูกก็จะรู้เอง 'เรื่องของผู้ใหญ่' " พ่อวางมือบนหัวของผมและยีหัวผมเบาๆ







    ผมหันมายิ้มให้พ่อ ก่อนที่........ก่อนที่ไฟของรถหมอนั่นจะพุ่งตรงมาทางนี้!!!




    "ลาก่อน......." ผมได้ยินพ่อพูดเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง 

     




    ผมกำมือของพ่อเอาไว้แน่น.....ผมจะไม่ปล่อยมือของพ่อไปเป็นอันขาด!!!





    แต่ว่า.......แต่ว่าพ่อ........ผลักผม ผลักผมออกมาจากตรงนั้น ผมลอยไปไกลหลายเมตร




    แล้วมันก็........โครมมม!!!!!




    ไม่นะ......ไม่นะ......ไม่ๆๆๆๆ 



    น้ำตาอาบไล้ไปทั่วใบหน้าของผม และผมก็ตะโกนออกมาสุดเสียง



    "พ่อออออ!!!!!" 



    ผมวิ่งมาอยู่ตรงหน้าพ่อของผม คุกเข่าและจับแขนของพ่อขึ้นมา 




    พ่อลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากและเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า



    "บ....บน.....หะๆๆ....หัว...หัวเตียง อ่อค!" พ่อกระอักเลือดออกมา


    "หัว.....เตียงนอน.....มีกล่องไม้อยู่......ให้.....ลูกเปิด.....ออกมาและ.....ลูก.ก็.....ต้อง......อึกกก!!"



    มือที่พ่อยกขึ้นจะมาเช็ดน้ำตาของผม.......ตอนนี้ได้ตกลงไป



    ไม่นะๆๆๆๆๆๆ






    1เดือนต่อมา ณ.สถานีตำรวจ





    "หลักฐาน"



    "วีดีโอบันทึกจากกล้องวรจรตรงหัวมุมถนนของร้าน แอนนา น้ำผึ้งพระจันทร์"



    "พยาน"



    "คุณนาย ยอกซ์แฮร์(แอนนา) , คุณ อัลเฟร็ด , คุณ โจนาธาน , คุณ จิมส์ , คุณนาย อิง ,คุณนาย แฮทเทอร์"



    "การตัดสินจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลาเก้านาฬิกาตรงที่ศาลกลางเมือง ขอให้ทุกคนมากันทุกคนด้วยนะครับ"



    "ขอบคุณนะครับคุณแฟรมลินส์ คุณเป็นตำรวจที่ดีจริงๆ" ผมพูดกับคุณแฟรมลินส์ คนที่ถามถึงเรื่องพวกหลักฐานและพยายมาตั้งแต่ข้างบนนั้น



    "ไม่เป็นไรหรอกโนอาห์ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว" คุณแฟรมลินส์ส่งยิ้มมาให้ผม



    "งั้นผมไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่ศาลนะครับ" ผมกล่าวลาและเดินออกไป









    9:40 น.




    "เนื่องจากคดีนี้ไม่มีทั้งพยานและหลักฐานที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้ ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นโมฆะ......."




     
    "ปิดศาล!!!!"

     


    ทำไมล่ะ.......หลักฐานหายไปไหน? พยานทุกคนล่ะ?



    ทำไมกันล่ะ.......ทำไม?





    ผมเดินออกมาจากห้องนั้น.......คุณตำรวจยืนมองด้วยด้วยสายตาที่........หวาดกลัว!?





    ผมเดินไปหาเขาพร้อมคำถามมากมายที่จะออกมาจากปากของผม......




    "เพราะเงินยังไงล่ะ........." !?!?!?!?



    หมอนั่นเดินมาจากข้างหลังผมเดินไปหาตำรวจคนนั้น



    "เพียงแค่ใช้เงิน'นิดหน่อย'ทุกคนก็พร้อมที่จะทำตาม'คำสั่ง'ชั้นกันหมดเลย" มันพูดพร้อมกับเอาแขนพาดไหล่ตำรวจคนนี้



    "เอาเช็คไปที่ธนาคารนะ 100,000ดอลล์ แล้วออกไปได้แล้ว!!" หมอนั่นเขียนเช็คและยื่นให้ตำรวจ.......คนที่ผมอุตส่าห์เชื่อใจมาตลอด




    เป็นอย่างนี้เองสินะ.......ผมเข้าใจแล้ว.......โลกที่แสนโหดร้ายใบนี้น่ะ......เงินคือพระเจ้าสินะ






    "สุดท้าย........ฉันก็เป็นผู้ชนะ.......'อีกตามเคย' " มันเดินมากระซิบที่ข้างหูผมและเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ







    ซ่าๆๆๆๆๆๆ




    ผมเดินกลับบ้านอย่างช้าๆ.......ฝนตกลงมากระหน่ำราวกับหัวเราะเยาะผมอยู่อย่างงั้นแหละ





    กลับบ้านมา.......มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว........ตอนนี้บ้านมืดหมดเพราะไฟในบ้านไม่ได้เปิดไว้เหมือนเมื่อก่อน




    ผมรีบเปิดไฟและไปอาบน้ำ.........ชะล้าง.......ทั้งร่างกาย.......และจิตใจ.......ลบรอยความเศร้านี้ออกไปจากหัว




    ผมไล่เปิดไฟให้ทั่วบ้าน.........บ้านของผมกลับมาสิ





    ผมคิดว่าถ้าหากว่า........ถ้าหากทำให้เหมือนกับเมื่อก่อน........ก็จะย้อ......



    แหมะๆๆ


    น้ำตา.......น้ำตามันไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าผมจะพยายามเช็ดมันเท่าไหร่ก็ยิ่งออกมาเรื่อยๆ



    แม้แต่ตอนที่พ่อจะตายผมก็ยังไม่ร้องไห้ ตอนจัดงานศพ......ตอนที่ฝังพ่อผมก็........




    ผมเหลือบไปมองตัวเองในกระจก........





    พ่อเคยบอกว่าผมหน้าเหมือนแม่........น้ำตาผมหยุดไหล




    ผมเดินไปที่กระจกและ




    เพล้งงง!!!



    ผมทุบไปที่กระจกนั่นอย่างแรง.......กลิ่นเลือดกระจายออกมาและเลอะไปทั่วกระจก




    ผมหยิบเศษกระจกที่แตกออกมาและจะกรีดไปที่........


     
    'หัวเตียงนอน'


     
    เสียงที่สงบและเยือกเย็นดังก้องอยู่ทั่วหัวของผม 



    ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมได้ปล่อยเศษกระจกลง




     
    'ห้องของพ่อเจ้า'

     

    เสียงนี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง......เสียงที่คุ้นเคย.......เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเด็ก.....ตอนที่ผมหลงกับพ่อ
    เสียงนี้แหละที่นำทางผมกลับไปหาพ่อจนเจอ 



    พ่อบอกว่า 'มันเป็นเสียงของแม่'



    ผมตัดสินใจลุกขึ้น.......และเดินตรงไป......ห้องที่ผมพยายามไม่มองมาตลอด1เดือนเพื่อที่จะได้ไม่อ่อนแอ



    ผมเปิดประตูนั้นออกอย่างช้าๆ......




    เดินตรงไปที่เตียงนอน กล่องไม้สินะ



    ผมนั่งลงบนเตียง และหยิบกล่องไม้นี้ขึ้นมาดู



    ผมได้เปิดออกและเจอจดหมาย



    จาก.......พ่อ........ถึง.......ผม!?



    ผมรีบเปิดจดหมายออกมาดู




    ถึงโนอาห์


               
                 พ่อรู้ว่าลูกรู้สึกสงสัยแต่ช่วยฟังพ่อด้วย ลูกจำได้ไหมตอนเด็กๆพ่อเคยพูดเรื่องเทพให้ลูกฟังว่ายังไง นานๆครั้งที่พวกเทพจะลงมายังโลก และรัก.......กับมนุษย์ 
    ลูกก็รู้ใช่ไหมว่าเราจะเรียกพวกที่กำเนิดมาจากพวกเทพเจ้ากับมนุษย์ว่าอะไร 'พวกเลือดผสม'
    และก็.........ลูก........ลูกก็เป็นเหมือนกับพวกนั้น พวกเลือดผสม

    ตอนที่พ่อยังหนุ่ม..........พ่อได้มาพบกับแม่.........แม่เค้าสวย.......สง่า.....และฉลาด พ่อว่าลูกคงเดาได้ว่าลูกคงเดาออกเลยว่าใคร.....นั่นก็คือ เทพีอธีน่า ผู้ทรงด้วยปัญญาและเต็มไปด้วยไหวพริบ แต่........ลูกก็ยังคงสงสัยอีกอยู่ดี เธอเป็นเทพีแห่งพรหมจารีย์ แต่ให้กำเนิดลูกได้ยังไง
    พ่อจะไม่บอกลูก.......เด็ดขาด.......ถึงนางจะให้กำเนิดลูกได้แต่นางก็ยัง.......บริสุทธิ์อยู่
    นางไม่ได้มีอะไรกับพ่อ......แต่ให้กำเนิดลูกได้........พ่อจะไม่บอกลูก กลับมาเข้าประเด็นกันก่อน ลูกจะต้องไปที่ค่ายฮาร์ฟบลัด สถานที่มีเด็กสายเลือดครึ่งเทพเหมือนกับลูกอีกมากมาย สุดท้ายนี้พ่อขอมาเรื่อง แฟรงค์ จำที่พ่อเคยบอกลูกได้มั้ย คนชั่วมักต้องได้รับผลที่ตัวเองทำไว้เสมอ

    ลาก่อนนะลูก พ่อจะคอยเฝ้าดูลูกเสมอ ลาก่อน

     


    จาก พ่อของลูก


     



    ขอบคุณครับพ่อ ตอนนี้ผมมาถึงแล้ว ผมมาถึงแล้ว ค่ายฮาร์ฟบลัด 



    เมื่อผมเข้ามาก็เจอเซอร์ไพรส์(?)เลย เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายเลย



    ฝูงตัวประหลาดหน้าตาเหมือนคนแต่ตั้งแต่ช่วงล่างลงไปเหมือนกับขาแพะแถมพวกนั้นมีเขาด้วย



    คราวนี้มีตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งม้าวิ่งด้วยขาทั้งสองคู่ตรงมาที่ผม 



    ผมต้องเงยหน้ามองเพราะเขาสูงกว่าสองเมตร 



    "เด็กใหม่สินะ.......เดี๋ยวเธอไปที่บ้านใหญ่นะ เดินตรงไปอีกเกือบ50เมตรแล้วจะเจอเอง เดินเข้าไปแล้วเดี๋ยวก็จะรู้เองนั่นแหละ"



    "เอ่อ....." ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรตัวประหลาด(?)ก็ห่างออกไปไกลแล้ว



    ผมถอนหายใจกับตนเอง เดินต่อไปอีก50เมตร ไม่ใช่ใกล้ๆนะ!?







    แย่สุดๆแย่มากๆ คนที่ชื่อว่าคุณDนิสัยแย่ชะมัด ต่อม(?)เกลียดความเมินของผมแทบหลุดออกมาแล้วต่อยหมอนั่นให้ฟันหน้าหายให้หมด........อุ๊บ!?หลุดๆ




    บ้านเฮอร์เมส........หลังที่11เหรอ........



    ที่นี่ดูอบอุ่นมากครับ น่าจะติดไฟง่ายดี(?)


    ผมเข้ามาข้างใน.......ดูกว้างกว่าที่คิดนะเนี่ย


    ผมหาเตียงที่ดูว่างๆ ซึ่งอยู่มุมข้างในมากกกกกก



    ผมวางกระเป๋าและเอาข้าวของออกมาดู



    ท้องเจ้าปัญหาส่งเสียงร้องคำราม(?)ออกมา



    เหมือนก่อนหน้าที่ผมเดินผ่านมาเห็นลานที่มีอาหารเต็มเลย ถึงว่าทำไมที่นี่คนหายไปไหนกันหมด



    "นี่เธอดูนั่นสิ หน้าตาของเขาดู......"



    เด็กผู้หญิงหน้าตาเซ็กซี่กลุ่มหนึ่งชี้มาทางผมแล้วนินทา ผมหล่อสินะๆๆ


    "หน้าตาดูโทรมมากกก สงสัยเพิ่งถูกหักอกมาล่ะมั้ง อ๊ายๆๆ" 


    เพล้ง!? จบแล้วครับ จริงสิตั้งแต่ผมออกจากบ้านมาแล้วก็นั่งในรถติดต่อกันมา10ชั่วโมงผมไม่ได้ล้างหน้าเลยนี่นาแถมไม่ได้หลับเลยด้วย



    อายสิครับ ก็ทำเป็นเมินแล้วเดินไปหา(?)อาหารกินแล้วก็เดินออกมา



    ผมได้ยินเสียงคนเป็นกลุ่มมุงดูกันตรงป้ายที่ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ 


    ด้วยความอยากรู้อยากเห็น........ก็แหกเข้าไปดูสิครับ 



    ผมพยายามแหก(?)ฝูงชนเข้าไป ผมเห็นแล้วๆ



    หา.......ศึกชิงธง?มี2ฝ่าย ต้องมาทำที่ป่า อืม.......I get it 



    เมื่อกระจ่างผมก็แหก(?)ฝูงชนออกไปอีกครั้ง



    ผมจะวางแผนล่ะสำหรับศึกชิงธง........แผนการณ์ที่นำมาสู่ชัยชนะ



    ผมกลับมาอาบน้ำและหาโต๊ะสักตัวมาเขียนแผนการณ์ของผม คนบ้านเฮอร์มิสก็เริ่มทยอยมากันแล้ว ก็มีเข้ามาทักทายผมบ้างอะไรบ้าง



    ได้แล้วล่ะ.......ก่อนอื่นก็ต้องให้กลุ่มแอรีสอยู่แถวหน้า2คนโพไซดอนอีก2 อะพอลโล่คอยสนับสนุนเป็นพลยิง ไดโอนีซุสก็ด้วย อืมๆ


    กลุ่มอื่นๆที่เราแบ่งมานิดหน่อยก็รวมกันคอยคุ้มกันให้บ้านเฮอร์มีสที่เร็วๆ ก็เร็วหมดนั่นแหละ ไปแอบชิงเอาธง แล้วก็คอยสกัดด้วย....อืม


    แล้วที่เหลืออาธีน่า บ้านนี้ฉลาด จะคอยควบคุมกลุ่มฝ่ายเราไม่ให้เสียแผน แบ่งๆออกมาเข้าไปอยู่กับหลายๆกลุ่ม







    ไม่รู้ว่าผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนกัน


    ผมฝันแปลกๆรอบข้างผมเต็มไปด้วยหมอกสีทองและดูศํกสิทธ์และอลังๆ 



    มีนกฮูกตัวหนึ่งดูฉลาด(?)มันเหมือนจะให้ผมตามไป ก็ไปสิครับนี่มันฝันนะ



    แล้วก็ต้องตะลึงครับ เพราะว่า.......



    หญิงสาว ผู้งดงาม สง่าผ่าเผย อยู่ในชุดสีขาวทรงโบราณเหมือนจะไปทางอรยธรรมโรมัน 
    ใส่หมวกสำริด  ถือหอก มีโล่วางอยู่ข้างๆ ผมสีเข้มปลิวไสวไปกับสายลม ใบหน้าดูสงบ







    ผมรู้สึกคุ้นๆเหลือเกิน บางอย่างในตัวของเธอ เหมือนผมเคยเห็นเธอเมื่อนานมาแล้ว



    แม่สินะ........แม่ของผม เทพีอธีน่า 



    "ถึงเวลาแล้วบุตรแห่งข้า ถึงเวลาแล้ว" 


    เสียงนี้แหละที่คอยชี้นำผมมาตลอด



    "ขอบคุณครับ.......แล้ว" ผมหยุดพูด....รวบรวมความกล้าและเอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้น"ผมจะได้เจอแม่อีกมั้ย?"



    เธอไม่ตอบ แต่ทำเพียงแค่หันหลัง.......และเดินจากไป ร่างกายค่อยๆหายไปกับหมอกสีทอง



    ผมพยายามวิ่งตามไปแต่ว่า.......หายไปไหนล่ะ ผมวิ่งไปอีก ผมไม่รู้หรอกว่า



    .........ข้างหน้าน่ะมีหน้าผา





    เฮือกกก!?!?



    ผมสะดุ้งตัวขึ้น ฝัน? ในมือของผมมีของบางอย่าง อะไรน่ะ.......สร้อยเหรอ?








    ต้องย้ายของแล้วสินะ........ผมเก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋าและเดินออกไป 



    กล่าวทักทายกับคนอื่นๆเล็กน้อยและเดินออกไป



    ต้องไปแจ้งคุณD แต่ว่า.........ผมเหลือบมองกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานหน้าลานรับประทานอาหารและล้อมรอบกันหน้าเตาไฟ คุยอะไรกันท่าทางสนุก




    ถ้าหากว่าผมเข้าไปคุยกับพวกเขาก่อน คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง.........เนอะ



    To be Continued(?)




     
    quality
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×