คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กำเนิดวิญญาณ
กำเนิดวิญญาณ
ในสมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันสามารถมองเห็นพวกภูตผี วิญญาณได้ มันทำให้ฉันนั้นถูกรังเกียจจากผู้คน เพราะพวกเขาบอกกันว่าฉันเป็นตัวประหลาด ไม่มีใครเชื่อฉันเลยว่าฉันสามารถมองเห็นพวกมันได้ ในบางทีฉันเห็นพวกมันก็จะทำเป็นเมินใส่ และในบางทีที่ฉันเห็นพวกมันฉันก็จะเข้าไปช่วยเหลือ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดเกิดขึ้น ในตอนนั้นเป็นตอนที่ฉันได้ไปช่วยเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในบ้านร้าง แล้วจู่ๆก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นแล้วเด็กคนนั้นก็หายไป พ่อแม่ของฉันได้เข้ามาช่วยฉันจนสุดท้ายพวกเขาก็จากฉันไปเพราะเหตุการณ์เพลิงไหม้ ซึ่งต้นเหตุนั้นมาจากฉัน ซึ่งจำเป็นที่ฉันจะต้องไปอาศัยอยู่กับญาติของพ่อและแม่ แต่เมื่อพวกเขารู้สาเหตุที่มาจากฉันพวกเขาก็กลัวกันจนบางทีถึงกับขว้างของใส่กันก็มี แต่ฉันก็ยินยอมรับมันเพราะฉันไม่มีที่พึ่งที่จะทำอะไรอยู่แล้วหละ ตั้งแต่นั้นฉันก็ต้องอาศัยอยู่กับญาติที่เปลี่ยนกันไม่ซ้ำหน้า จนมาถึง ณ ปัจจุบันฉันได้อายุครบ 22 ปีแล้วและก็สามารถที่จะมาซื้อบ้านได้แล้ว นั้นจึงทำให้ฉันได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องมีผู้ใหญ่มากวนใจฉันอีก
“เฮ่อ กล่องสุดท้ายแล้วสินะ” ฉันถอนลมหายใจใหญ่เมื่อการย้ายที่อยู่มันต้องลำบากยากเย็นที่จำเป็นต้องขนของไปยังในบ้านคนเดียว ทำไมฉันต้องมายกของคนเดียวหนะหรอคงเพราะในบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านร้างมาก่อนและก็ไม่มีคนอยู่ด้วย แต่เมื่อถูกเติมแต่งให้ดูสวยงามแล้วก็ถูกขายออกทันที เมื่อฉันรู้ว่ามีการขายบ้านหลังนี้ฉันก็ใช้เงินที่เก็บมาตั้งแต่เด็กซื้อเอาสะเลย แล้วฉันก็ได้เป็นอิสระจากพวกเขา เฮ่อ แต่ว่าการย้ายที่อยู่นี้มันก็ลำบากเหมือนกันแหะ ดีนะที่ฉันยังเป็นคนฉลาดไปจดทะเบียนที่อยู่ใหม่ก่อนแล้วหนะ ไม่งั้นฉันคงต้องโดนข้อหาบุกรุกพื้นที่แล้วก็ต้องเสียเวลาไปทำโฉนดอีก เฮ่อ รู้สึกเหมือนฉันจะถอนหายใจเยอะเกินไปนะ
“ในที่สุดก็เสร็จสักที” ฉันได้บ่นออกมาเมื่อได้ยกกล่องเครื่องใช้ของฉันเข้ามายังในบ้านนี้เป็นกล่องสุดท้าย ถึงจะลำบากในการย้ายที่อยู่ในครั้งนี้แต่ฉันก็ถูกย้ายที่อาศัยบ่อยอยู่แล้วนี้เนาะ
“เอาหละ ไปสำรวจพื้นที่ดีกว่า” ฉันได้เดินออกไปรอบๆบ้านพร้อมกับสมุดหนึ่งเล่มและดินสอหนึ่งแท่ง เพื่อจะไปจดส่วนต่างๆของบ้าน ฉันลองสำรวจจากชั้นแรกซึ่งก็เป็นชั้นที่ฉันยืนอยู่ ฉันลองสำรวจไปตามแต่ละห้องเมื่อสำรวจเสร็จแล้วฉันก็ไปสำรวจชั้นที่สองแล้วต่อมาก็ชั้นที่สาม ในบ้านหลังนี้มีสี่ชั้นแต่ที่ฉันสำรวจได้ก็มีเพียงสามชั้นเอง จะว่าไปเจ้าของพื้นที่เก่าคนนั้นก็เคยบอกว่ามีชั้นใต้ดินอยู่ด้วย ก็คงจะเป็นชั้นที่สี่หละมั้ง เดี๋ยวค่อยไปสำรวจดีกว่า เมื่อสำรวจรอบบ้านเสร็จแล้วก็พบว่า ชั้นแรกมีห้องน้ำรวมห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องนั่งเล่นขนาดกลางห้องหนึ่ง และยังมีห้องรับประธานอาหารขนาดกลางๆอยู่ 1 ห้องและยังมีห้องครัวที่เป็นทางต่ออีกด้วย ส่วนชั้นที่สองก็มีห้องน้ำ 1 ห้อง ห้องนั่งเล่นขนาดกลาง 1 ห้อง และห้องว่างอีก 3 ห้อง 4 ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไรเหมือนกัน มากันที่ชั้นที่สามชั้นนี้ก็จะไม่ค่อยมีอะไรนอกจากห้องว่าง 1 ห้อง ห้องเก็บของ ห้องน้ำ ห้อง และยังมีห้องของฉันซึ่งก็มีระเบียงด้วย ชั้นที่สองและสามจะมีระเบียงหมดทุกห้องและมีบานกระจกด้วย เมื่อฉันจดรายละเอียดบ้านนี้เสร็จแล้ว ฉันจึงลองเดินไปดูแถวหลังบ้าน จะว่าไปบ้านหลังนี้ยังมีสวนอีกด้วยแต่มันก็เต็มไปด้วยต้นหญ้าอะนะ ถ้าตัดมันทิ้งคงจะดูน่าเล่นดีนะ แต่เดี๋ยวนะในสวนนั้นมีบ่อปลาแบบสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้วยหรอเนี้ย แหม่น่าเสียดายที่เจ้าของพื้นที่นี้ขายบ้านให้ฉันจัง ทั้งๆที่มีพื้นที่ที่น่าดูขนาดนี้แต่กลับเพียงดูแลบ้านแล้วก็ขายทันทีโดยไม่คำนึงถึงราคาเลย แต่ที่ฉันซื้อบ้านหลังนี้ได้มันก็ เอ่อ ปาไปหลักหมื่นๆเกือบแสนนู้นอะนะ แต่นั้นมันก็ถือว่าเป็นโชดดีของเราแล้วหละ เอาหละมาลองไปดูชั้นใต้ดินกันดีกว่า แต่ก่อนอื่น
ฉึ๊บ ฉึ๊บ ฉึ๊บ
“ไฟฉายพร้อม ไม้กางเขนพร้อม ยันต์พร้อม สร้อยพระพร้อม ไม้เขกผีพร้อม (มีด้วยหรอ) เท่านี้ก็ไปกัน” ถึงฉันจะเป็นคนเห็นพวกผี วิญญาณได้ แต่ก็ระวังเอาไว้เพื่อมันจะมาสิงเราอะนะ ฉันไม่ใช่คนกลัวผีหรอกนะ เพียงไม่อยากโดนจ๊ะเอ๋เท่านั้นแหละ ณ ตอนนี้ฉันได้มาอยู่ชั้นใต้ดินที่ที่มืดที่สุด ฉันไม่ค่อยชอบสีดำสะด้วยสิ แต่พอได้ลงบันไดมาแล้วก็พบกับประตูบานหนึ่งเข้ามันไม่มีทางไปต่อและไม่มีทางเลี้ยวเลย นอกจากกำแพงและประตูบานนี้
แอ๊ด~~
ฉันได้ลองตัดสินใจเปิดประตูนั้นเข้าไป ก็พบว่าข้างในนั้นมีแต่ชั้นวางหนังสือเพียบเลย นี้แค่บ้าน 3 ชั้นกว้างขนาดนั้นแต่นี้กลับมีห้องสมุดกว้างขนาดนี้ ถ้าให้เดาได้ก็คงประมาณกิโลหนึ่งละมั้ง ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงไม่กลัวความมืดเลยอาจจะเพราะไฟฉายคู่ใจหละมั้ง ฉันได้ลองเดินเข้าไปตามทางเดิน แล้วลองไล่ดูหนังสือแต่ละเล่ม เกือบทุกเล่มที่ฉันเห็นเป็นเรื่องพวกเวทมนต์ นิยาย วรรณคดี และพวกผีด้วย ฉันไม่รู้ว่ามันยังมีอะไรอีกบ้างในตอนนี้ฉันก็ได้แต่เดินไปตามทางของช่องหนังสือ จนกระทั่งมาอยู่ตรงใจกลางของห้องใต้ดินได้ยังไงไม่รู้ แต่ตรงนี้ที่ฉันยืนอยู่นั้นกลับเป็นรูปวงกรม ไม่มีชั้นวางหนังสือวางกั้นเลยแม่แต่ชั้นเดียว กลับมีเพียงหนังสือเล่มเดียวที่วางอยู่บนพื้น ฉันได้ลองเดินไปหยิบขึ้นมาดู
ตู้ม
จู่ๆประตูที่ฉันได้เดินเข้ามาแล้วเปิดอ้าไว้มันก็ปิดทันที ทั้งได้มืดสนิทแต่ยังมีแสงจากไฟฉายของฉันอยู่ ไม่รู้ทำไมฉันรูสึกว่าลางสังหรณ์จะไม่ดีแน่ๆ
ฟื้บ ฟื้บ
แล้วจู่หนังสือที่ฉันยิบขึ้นมามันก็เรื่องแสงแล้วเปิดเองได้
“ผีหนังสือหรอ?” ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ฉันต้องคิดไว้ก่อนว่ามันเป็นพวกวิญญาณที่อยู่ในนี้แน่ๆ
‘โปรดบอกชื่อของท่านมา’
“หืม =^=?” ใครพูดอะ ในนี้ก็ไม่มีใครหนิ นอกจากฉันและก็….หนังสือเล่มนี้มะ มีวิญญาณอยู่จริงๆ
‘โปรดบอกชื่อของท่านมา’ จู่ๆเจ้าหนังสือมันก็พูดออกมาอีกครั้ง
“เอ่อ ไอริส ” นั้นคือชื่อของฉันจริงๆ ไอริศา สัญรักษา หรือ ไอริส นั้นแหละ ไอริสเป็นชื่อของเทพแห่งรวงข้าวหรือเทพแห่งสายรุ้งนั้นแหละ อยากรู้ก็ลองไปหาน้องกูลดูแล้วกัน
‘ไอริส นั้นคือชื่อของท่านใช่หรือไม่’
“ใช่” ก็บอกไปเมื่อกี้นี้ ยังจะมาให้ยืนยันอีก
‘ลงพันธะสัญญาอย่างถูกต้อง ตั้งแต่วันนี้ไปเธอจะต้องดูแลพวกเขา’ อะ อะไรนะ ดูแลหรอ ดูแลใคร งงแล้วนะ @0@
“หมายความว่าไง ฉันต้องดูแลใคร เอ๊ะ!!” จู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนพื้นมันสั่นๆและรู้สึกจะเรืองแสงด้วย
‘เปิดผนึกปีศาจได้’ อะไรนะ ผนึกปีศาจหรอ =[]=!! ไม่นะ
ฟืบ~~~
จากนั้นจู่ๆก็แสงล้อมรอบเป็นวงกลมบนพื้น เหมือนจะเป็นวงแหวนผนึกอะนะเท่าที่รู้ ตอนนี้ลูกที่หนีออกมาจากชีวิตเก่าๆได้แล้ว แต่ดันมาเจอกับชีวิตที่จะหายไปจากโลกนี้เสียแล้วค่ะท่านพระผู้เป็นเจ้า T^T
“>^< ลูกขอโทษ” ฉันได้แต่หลับตาปี๋เพื่อที่จะรอกลับบ้านเก่า
“เธอเป็นใคร” จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายพูดออกมา เอ๊ะ เสียงผู้ชายหรอ แถมเสียงเด็กด้วย
“>^0 หือ” ฉันลองลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อจะมองหน้าคนที่พูด ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นลูกปีศาจอะนะ แต่ว่าเขาน่ารักมากเลย
“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร ยัยใบ้” =^= แต่ดันปากเสีย
“ฉันไม่ใช่ยัยใบ้นะ ฉันมีชื่อว่าไอริส”
“ไอริส โหว ชื่อสูงนะเธอเนี้ย แต่ฉันว่ามันไม่เหมาะกับยัยใบ้อย่างเธอหรอก” =^=* เจ้าเด็กคนนี้นี่
“ละ..แล้วเธอหละจ๊ะ..เป็นใคร ^ v ^*” ฉันที่กลั้นอารมณ์ไม่ให้ร่างนางมารในตัวเองเผยออกมาให้เด็กรู้จึงได้แต่ยิ้มให้โดยที่ไม่เต็มใจ
“เห็นแค่นี้ก็ไม่รู้หรือไง”
“^ v ^**” เอ่อ นี้คงเป็นแค่การกลั่นแกล้งใช่ไหม
“นอกจากเป็นใบ้แล้วสายตาเธอยังไม่ดีอีกหรือไงหะ”
“= v =***” ชักจะโกรธแล้วนะยะ
“ไม่ไหวจริงๆพวกมนุษย์เนี้ย สมองบื้อสะไม่มี”
“=_=***” พอที
“นี้บอกทีสิว่าที่นี้ไม่ใช่โลกของพวกมนุษย์ซื้อบื้อหนะ”
“พอกันที!!!!! =[]= ในตอนแรกๆฉันอุส่าพูดดีๆไม่ว่าอะไรนายแล้วนะ แต่ไอ้หลังๆมาเนี้ยมันชักจะไม่เข้าเรื่องแล้ว ฉันไม่ใช่ยัยใบ้ฉันชื่อไอริส แล้วฉันก็ไม่ได้สายตาเสียฉันรู้ว่านายเป็นตัวอะไร เพราะฉันรู้ว่านายคือปีศาจที่ทำพันธสัญญากับฉันเมื่อกี้นี้ และอีกอย่างมนุษย์หนะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พวกปีศาจอย่างพวกนายจะมาดูถูกกันได้นะยะ!!!!!!!” เฮ่อ อั้นตั้งนานพูดออกไปสักที
“…” ได้ผลแฮะ เขาเงียบไปแล้ว
“และฉันต้องการรู้ชื่อนาย”
“…” ทำไมเขาถึงเงียบหละ
“หรือว่านาย”
“ฉันไม่มีชื่อ” =w= (ได้โอกาสเลยเรา)
“แสดงว่าฉันต้องตั้งชื่อให้นายใช่ไหม”
“ชิ” = = ‘ชิ’ อะไรกัน ไม่น่ารักสะเลย
“ถ้างั้นนายพอจะนึกชื่อตัวเองออกไหมหละ”
“…”
“ไม่รู้อีกสินะ”
“…” เงียบอีกละ เฮ่อ กลายเป็นเอาแต่เงียบแล้วไอ้ร่างเด็กปากเสียนั้นหายไปไหนสะหละ
“แล้วนายถูกผนึกนานเท่าไร”
“พันปี” หา!!!!!!! =[]=!!
“พะ พันปีเชียวหรอ” ไม่น่าเชื้อตั้งพันปีเชียวทำไมมันนานแบบนั้นหละ “นายจำอะไรไม่ได้เลยหรอ” ฉันลองถามเขาอีกครั้งเพื่อจะพอจำอะไรได้บ้าง
“ไม่” =^= จนปัญญาจริงฉัน
“โอเค งั้นฉันจะไม่ถามอะไรมาก งั้นฉันจะตั้งชื่อให้นายแล้วกัน”
“หึ ฉันไม่อยากได้ชื่อจากคนอย่างเธอเลย”
“งั้นหรอกหรอ งั้นฉันเรียกนายว่าเจ้าลูกปีศาจก็ได้สินะ”
“ชื่อน่าเกลียดฉะมัด”
“งั้นนายจะให้เอาไงหละ” ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เราเอาแต่ถามเรื่องเดียวอยู่อย่างงั้นแหละ ในเมื่อจริงๆแล้วเหตุการณ์นี้มันไม่น่าจะเกิดกับฉันเลยสักนิด
“…”
“เฮ่อ ถึงยังไงนายก็จะไม่ยอมรับชื่อที่ฉันตั้งหรอกมั้ง”
“…” เงียบอีกแล้ว -_-
“ถ้าอย่างงั้นฉันจะเรียกนายว่า เดวิล นะ”
“หะ”
“เดวิล ฉันจะเรียกนายแบบนี้แหละ”
“เธอ…”
“หือ” เขาก้มหน้าลง แล้วพูดเบาๆเหมือนะเรียกฉัน
“เธอ..”
“อะไร”..มีเซ็นในการตั้งชื่อได้ห่วยมาก” =w= อ้อ
ตุ๊บ
“นี้แหนะ” ฉันได้เขกหัวของเขาไปข้อหามาปากร้ายกับผู้ที่อายุมากกว่า
“เธอทำอะไรเนี้ย เจ็บนะ” ปีศาจเจ็บเป็นด้วยแหะ ถ้าพวกปีศาจตนอื่นรู้ว่าเจ้าเด็กปีศาจนี้ถูกมนุษย์เขกหัว มันจะเสียชาติเกิดไหมนะ
“เจ็บไม่เจ็บก็เรื่องของนาย ไม่ใช่ฉันยังไงสะเรื่องนี้ฉันก็ไม่เกี่ยวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” จากนั้นฉันก็เดินตรงไปยังประตูทางที่เข้ามา
“เดี๋ยวสิ ยัย..”
“อ้อ ฉันไม่ใช่ชื่อยัยใบ้อย่างที่นายบอก ฉันชื่อว่าไอริส เรียกให้ถูกด้วย”จากนั้นฉันก็ปิดประตูใส่เขาแล้วขึ้นบันไดขึ้นไปยังชั้นบน ก็พบว่าข้างนอกเริ่มมืดลงแล้ว
“นานขนาดนั้นเลยหรอเนี้ย” ฉันไม่รู้ว่าใช้เวลาเท่าไหรกับการที่จะต้องมาถกเถียงกับเจ้าเด็กปีศาจนั้น ในตอนนี้ฉันได้รู้ว่าชั้นใต้ดินนั้นเป็นยังไง คงเป็นเรื่องนี้สินะที่พวกเขายอมขายบ้านให้กับฉัน เอ้ายัยไอเธอไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว ใช้ชีวิตใหม่ให้ดีที่สุด
“รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนดีกว่า” ฉันได้เดินขึ้นไปยังชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องนอนเพียงห้องเดียวของฉันไว้อยู่ แล้วมุ้งหน้าเดินไปเข้าห้องน้ำแต่น้ำก็ไม่ไหล
“พวกเขาคงลืมจ่ายค่าน้ำหละมั้ง” ฉันที่ลองมองดูรอบๆก็ไปพบกับอ่างใบหนึ่ง พอฉันเปิดออกมาก็มีน้ำเก็บไว้ครึ่งอ่าง ฉันจึงใช้น้ำในอ่างนั้นในการอาบน้ำสะเลย พออาบเสร็จแล้วฉันก็แต่งตัวในนั้นเลย แล้วก็เตรียมตัวเข้านอน ดีนะที่ตอนเตรียมของฉันจัดที่นอนเสร็จแล้ว ไม่งั้นต้องขนของมาจัดอีกแน่ๆ ในตอนนี้ฉันจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว ขอเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตที่ดีกว่าอดีตก็พอ จากนั้นฉันจึงหลับตาลงเตรียมรอรับกับความฝันที่เกิดซ้ำหลายครั้งจนมิอาจ….ลืมได้
>>.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แหม่ ต้องขออภัยที่หายไปนานนะเจ้าค่ะ พอดีตอนนี้เป็นช่วงหน้าสอบเลยไม่มีเวลามาแต่งเลย แต่ก็ได้มีความคิดที่จะเปิดเรื่องใหม่เลยจะเอามาแต่งก่อนที่จะลืมเลือนไป ส่วนเรื่องเก่าที่ยังไม่จบก็จะพยายามแต่งให้อ่านกันต่อนะเจ้าค่ะ ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะเจ้าค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ
ความคิดเห็น