ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอแค่ใครสักคน

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งความเหงา

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 49


    บทที่ 1...


         "ชีวิตเราทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ"

         นี่คือคำถามที่ผมเฝ้าถามตัวเองเรื่อยมา จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า ทำไมชีวตผมถึงต้องเหงา ต้องเศร้าอยู่คนเดียว ทำไมผมไม่มีคนรู้ใจเหมือนคนอื่นๆเขา

         รถบัสแล่นไปอย่างช้าๆ พัดพาเอาหัวใจที่แสนจะอ้างว้าง ให้ลอยไปอย่างไม่มีจุดหมาย ไกล้ถึงบ้านผมแล้ว แต่ทำไมผมไม่อยากที่จะเดินออกจากรถคันนี้เลยนะ เป็นเพราะอะไรกันแน่?

         สายลมยามเย็นโชยมาอ่อนๆ ดอกหญ้าริมทางปลิวไสวเหมือนจะหยอกล้อกัน แสงแดดผีตากผ้าอ้อม ฉายแสงแดงอาบทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ให้เป็นสีแดง ตัวผมเองยังเดินอยู่บนถนน สายน้ำที่ดูระยิบระยับด้วยแสงแดดยามเย็นยังอาบหัวใจของผมให้หนาวเหน็บ ถึงตอนนี้ผมยังไม่อยากทำอะไรเลย ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กับความจริง ความจริงที่เรายังไม่มีใคร

            -------------------------------------------------------------------------------------
         ย้อนหลังกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาอยู่เลย ไม่รู้ว่าผมเกิดมามีกรรมหรือเปล่า ที่ต้องทนเดียวดายอยู่ในขณะที่เพื่อนๆต่างก็มีคนรู้ใจกันหมดแล้ว และวันนี้ ผมต้องไปทำงานที่บ้านอาจารย์ด้วย 
          "เฮ้ย! ติม เอ็งไม่ไปช่วยงานข้าวะ" ผมถาม
          "เออ ข้าต้องไปหาแฟนก่อนว่ะ เอ็งทำคนเดียวได้ไหมวะ" ติมบอกมาอย่างขอร้อง
          "เออก็ได้ แต่ข้าให้เอ็งแค่ครั้งเดียวนะ"ผมตอบมันออกไป
          "เออ ขอบใจเอ็งมากเพื่อน แล้วข้าจะช่วยงานอย่างอื่นนะเว้ย"

          ติมวิ่งออกไปแล้ว ผมยังยืนเหม่ออยู่ที่เดิม งานต่างๆยังคามือโดยที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด ผมไม่โกรธมันหรอกที่มันทำแบบนี้ แต่ว่าผมแอบอิจฉามันต่างหาก อิจฉาที่อย่างน้อยมันก็ยังมีคนให้คิดถึง ไม่เหมือนผม ที่แม้จะกลับบ้านยังต้องนั่งรถบัสกลับคนเดียว
     
           "อ้าว นายริท แล้วเมื่อไหร่งานจะเสร็จล่ะ ทำไมไม่ยอมทำงาน หา" เสียงอาจารย์ตะโกนมาจากห้องด้านข้าง ผมสะดุ้ง เริ่มรู้สึกตัวจึงรีบทำงานต่อให้เสร็จๆไปซะ

            "เรียนก็ไม่เก่ง ยังจะขี้เกียจอีกนะเธอ อ้าว นี่นายติมหายไปไหนแล้วล่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ นายริท"
            "แม่มันโทรมาตามครับอาจารย์ บอกว่ามีธุระ" ผมโกหกไปส่งๆ
            "อื้อ งั้นเธอก็ทำไปคนเดียวแล้วกันนะ งานทั้งหมดเนี่ย อาจารย์ไปซื้อของก่อน"

           ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เวลาล่วงเลยจนบ่ายแก่ๆแล้ว งานในมือผมทุกอย่างลงตัวและเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมรีบเก็บของ แล้วเดินออกจากบ้านของอาจารย์

            "เฮ้อ ได้เวลากลับบ้านซะที"
           ผมเดินออกมาที่หน้าโรงเรียน หน้าโรงเรียนของผมเป็นตลาดสดและท่ารถ ผมต้องมาขึ้นรถกลับบ้านที่นี่เป็นประจำทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ผมต้องมานั่งรถจากที่นี่เพื่อกลับบ้านที่อยู่นอกตัวเมือง เหมือนเดิมๆเช่นทุกๆวันที่ทำ

           รถบัสยังจอดสนิทเพื่อรอรับผู้โดยสาร ผมขึ้นไปบนรถและเลือกที่นั่งที่หนึ่ง นั่งรอรถออกเพื่อกลับบ้าน แล้วผมก็เผลอหลับไป

            ผมหลับไปนานเท่าใดไม่รู้ แต่อยู่ๆมีฝ่ามือมาแตะที่ไหล่ของผม
             "ขอนั่งด้วยคนได้มั๊ยคะ" เธอเป็นผู้หญิงแน่ๆ
            ผมลืมตาขึ้นมามอง เธอเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ ไม่น่ารักในสายตาของคนอื่นแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนักแต่ผมเคยเห็นเธอในโรงเรียน จำได้ว่าเธอเป็นรุ่นพี่ผมสองปี เธอชื่ออุษา และที่สำคัญ ผมแอบชอบเธอมานานแล้ว

              "ได้ครับพี่"
             เธอพึมพำขอบคุณ ปกติเธอจะออกมาก่อนผมแต่ว่าวันนี้ทำไม เธอออกมาทีหลังผมนะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน
              รถบัสเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้หัวใจของผมไม่เฉื่อยชาอีกแล้ว เพราะว่านางฟ้าของผมมานั่งอยู่ข้างๆผมแล้ว ผมแทบอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้นเลยทีเดียว เอาไว้ไม่ให้มันเคลื่อนไปเพราะว่าถ้ามันเคลื่อนไป นางฟ้าที่รักของผมก็จะต้องจากผมไป

                "เออ น้องริท พี่วานอะไรหน่อยได้ไหม" เสียงพี่ษาถามผมมาเบาๆ
                "ได้ครับพี่ มีอะไรให้ช่วยหรอครับ"
                "ช่วยทำงานให้พี่หน่อยได้ไหม พี่ต้องเอาไปส่งพรุ่งนี้น่ะ"
                "ได้ครับพี่ ว่ามาเลย"
                  ...........

             หลายๆเดือนผ่านไป พิธีจบการศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็เริ่มต้นขึ้นหัวใจของผมเริ่มว่างเปล่า ผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่อุษา แล้วถึงตอนนี้ ผมกำลังจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกแล้ว
             เมื่อกลางดึกคืนนั้น ผมจึงลองโทรไปหาพี่อุษาดู
                "ฮัลโหลๆ สวัสดีครับ"
                "อ้าว น้องริท สวสดีจ้ะ มีอะไรหรือเปล่า"
                "เปล่าครับ ผมแค่อยากจะถามอะไรนิดหน่อย" เสียงผมเริ่มสั่นน้อยๆ
                "ว่ามาเลยจ้ะ" เสียงพี่ษาลอดออกมาทางโทรศัพท์
             เสียงผมเริ่มสั่น โทรศัพท์ที่ถืออยุ่สั่นเหมือนมีคนโทรเข้า เพราะมือผมสั่นมาก ตื่นเต้นและลุ้นที่สุดในชีวิตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุด ผมก็รวบรวมความกล้าบอกพ่เขาไปจนได้ ผมไม่ได้จะถามอะไรหรอก แค่อยากจะบอกว่าชอบ ก็เท่านั้นเอง
                 "คือว่า....ผมชอบพี่น่ะครับ" บอกออกไปแล้ว
                 ".........................." เสียงเงียบหายไป ไปพร้อมๆกับหัวใจของผมที่มันแทบจะหยุดเต้น ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
                 "เอ่อ...เราเป็นแบบเดิมไม่ได้หรือ" เสียงพี่ษาเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด
                 "เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะ"
               หัวใจผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว หยาดน้ำใสๆมันไหลออกมาจากสองตา น้ำตาที่ไม่เคยออกมานานมากแล้ว มันกลับไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผมกดวางสาย ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง ทำอะไรไม่ถูก ได้ตั่งนั่งร้องไห้

           และนั่นคือการอกหักครั้งแรกของผม
     --------------------------------------------------------------------------------------------------

              "อ้าว เร็ว มาถึงแล้วก็ช่วยกันทำงาน" เสียงพี่ๆตะโกนเรียกแต่ไกล เราคงสายมาแล้วสิ
              "ครับพี่" ผมตะโกนกลับออกไป

          ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาแล้ว เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเงียบเหงา และความเดียวดาย มันเหมือนเพื่อนของผมคนหนึ่ง จากตอนนั้น ครั้งที่ผมเคยอกหัก ผมไม่เคยรักใครอีกเลย หลายๆคนที่ผ่านเข้ามา ผ่านมาแล้วพวกเขาก็ผ่านออกไป แต่ตอนนี้สิ ไม่มีแม้คนที่จะผ่านเข้ามา
             พระอาทิตย์ตกดินแล้วงานทุกอย่างที่จัดวางไว้เพื่องานใหญ่ในวันรับปริญญาพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มกว่าๆผมเดินออกมาจากคณะมาที่ป้ายรถเมล์ เพื่อจะกลับหอพัก ผมเดินออกมาเหมือนๆเดิม บุคลิกของผมเวลาเดินมันช่างดูไม่น่ารักเอาซะเลย หลายๆคนเคยบอกว่าเวลาผมเดินคนเดียวทำไมดูเศร้าสร้อยจัง เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะผมเหงาน่ะสิ

               "เฮ้ ริท รอเราด้วยๆ" เสียงใสๆตะโกนตามหลังมา
               "อะไรหรือ เฟริสท์"            
               "แหม กลับด้วยคนสิ จะทิ้งให้คนสวยกลับคนเดียวหรืองัยจ๊ะ"
               "อ้วกก"
             เธอคนนี้น่ะชื่อเฟริสท์ บางคนบอกว่าผมไม่รอดยัยคนนี้หรอก เพราะผมสนิทกับเธอมาก ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด จนบางคนเข้าใจผิดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ไม่ใช่หรอก เฟริสท์มีแฟนแล้ว และผมก็ไม่ได้รักเฟริสท์ด้วย

                "รถมาแล้วๆ" เฟริสท์ตีแขนผมอย่างยินดี
                "โอ๊ย! มันเจ็บนะ ยัยถึงเอ๊ยยย"
                "อารัยยะ ว่าฉันรึ นี่แน่ะๆ" เฟริสท์ตีผมหลายที เธอจะโมโหมากถ้าผมเรียกเธอว่ายัยถึก ก็แรงเยอะซะขนาดนั้น
                 "รถมาแล้ว รีบขึ้นเหอะ อูยยยย" ผมบอก แต่ยังสูดปากเจ็บที่โดนตี
                 "ย่ะ ตาบ๊องส์" เฟริสท์ค้อนขวับ และขึ้นรถไป
               นถวิ่งออกไปแล้ว กรุงเทพยามราตรีมันช่างสวยงามนัก ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ในใจผมยังเงียบเหงา ช่างต่างกับบบรยากาศที่ดูคึกคักในตอนนี้เสียจริง เสียงเฟริสท์คุยโทรศัพท์กับแฟนอย่างสดใส ผมไม่เคยโกรธเฟริสท์เลย แต่ผมเศร้าข้างในอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้ยินเฟริสท์คุยโทรศัพท์กับแฟน เพราะผมชอบเฟริสท์รึ ไม่ใช่หรอก เพราะว่าผมไม่มีใครต่างหาก ที่ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น

                   รถจอดสนิทลงแล้ว เฟริสท์ร่ำลาก่อนจะเดินลงจากรถไป ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวแล้ว อยู่กับความเหงาในกรุงเทพ ยามราตรี
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

                   "ไหนแกบอกว่าแกจะมาหาชั้นงัย ตาริท"
                   "อ้าว ก้อชั้นมีงานต้องทำนี่หว่า มาแล้วจะเอางัยอีกล่ะ"
                   "นี่ๆ ย้อนรึเดี๋ยวนี้" เฟริสท์ตีผมแบบนับไม่ทัน
     
               วันนี้วันเสาร์แล้ว เฟริสท์นัดผมให้มาซื้อของเป็นเพื่อน วันนี้ผมมาสายเพราะว่าติดงานเขียนแบบ เฟริสท์เลยวีนแตก ทุบผมเสียหลายที

                    "แน่ะๆๆ เดี๋ยวนี้มีนัดกันมาเที่ยวแล้วเว้ย คู่นี้"
                    "เมื่อไหร่จะควงออกงานวะ ฮ่าๆๆๆ"
                    "โถ ไอ้มอส ไอ้วิน เดี๋ยวกุก็ถีบกระเด็นไปนู่นเลย" ผมตะโกนด่าออกไป
                 สองคนนั้นหัวเราะกันคิกคัก ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ไอ้มอสกับไอ้วิน เพื่อนซี้ผมเอง เพิ่งรู้จักกันไม่กี่เดืนอแต่รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานานมากแล้ว ก้ฃ็ไอ้สองตัวนี้แหละที่แซวผมกับเฟริสท์ตลอด ว่าเป็นแฟนกัน

                      "ไปเถอะ เดี๋ยวก็เย็นกันพอดี" เสียงเฟริสท์บอกมา

                   ผมจึงหยุดความสนใจจากสองคนนั้น แต่ไม่วายยังได้ยินเสียงมันแซวไล่หลังมาอีก
                      "แต่งเมื่อไหร่อย่าลืมแจกซองให้พวกกูด้วยนะโว้ย ฮ่าๆๆ"

                   สยามพารากอนอยู่ไม่ไกลนัก ผมจึงเดินมากับเฟริสท์เพื่อประหยัดค่ารถแท๊กซี่ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ว่าเวลาตอนนี้ก็ไกล้เที่ยงเข้าไปทุกที
            
                   "หาอะไรกินกันก่อนไหม ริท" เสียวเฟริสท์ถามมา
                   "เธอหิวไหม๊ล่ะ"
                   "หิวแล้ว ฮิฮิ อย่าเพิ่งถามเลยหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว" ว่าแล้วเธอก็จูงมือผมเดินเข้าร้านพิซซ่าไป
                   "นี่ ยัยหมูตอน บ่นว่าอ้วนแล้วยังจะกินพิซซ่าอีกนะ"
                   "นี่ ก็ชั้นอยากกินนี่นา อย่าพูดมากนะ เดี๋ยวเจอดีหรอก"
                   "จ้า คุณแม่"
                ............................
         
                 "เฮ้ย กูกลับมาแล้ว เปิดประตูหน่อย"
                 "เออๆ เดี๋ยวเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละโว้ย"
              ไอ้นนท์ออกมาเปิดประตูให้ผม ตอนนี้ผมอยู่กับมันที่หอพักแถวๆรังสิต มันเป็นเพื่อนรักของผมมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะอยู่คนละมหาลับกันก็เหอะ
                 "เฮ้อ เหนื่อยชิบหายเลยยย"
                 "ก็เสือกถ่อไปทำไมถึงสยามพารากอนล่ะ ไกลชิบหายยังจะถ่อไป"
                 "มันอยู่ข้างมหาลัยกูนี่หว่า แล้วอีกอย่างกูก็นัดเพื่อนไว้ด้วย"
                 "เออ ทีสาวๆล่ะก็ไปหาได้ถึงนู่น ทีกูนัดที่เซียร์ เสือกบอกว่าไปไม่ได้ มันไกล"
                 "ก็มันไกลจริงๆนี่หว่า"
                 "เออๆกูไม่เถียงกะมึงและ ไปทำงานต่อดีกว่า"

             ผมนอนทอดยาวอยู่บนเตียง เหนื่อยกับการเดินซื้อของมากๆ แล้วยังเหนื่อยกับการที่ต้องเดินทางอีก ที่สำคัญคือ ทุกๆเวลาผมก็ยังเหงาอยู่เหมือนเดิม ทำมห้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรมากนัก ทุกๆอย่างช่างน่าเบื่อไปหมด
     
             แล้วผมก็เผลอหลับไปอย่างอ่อนล้า ทั้งกายและใจ

                 "....................*******.................."
                 "เฮ้ย ไอ้ริท โทรศัพท์มึงดังโว้ย ตื่นนนนนนน" เสียงไอ้นนท์ตะโกนออกมาจากห้องทำงาน
              ผมสะดุ้งสุดตัว ตกใจกับเสียงอย่างกับเชือดหมาของไอ้นนท์ โทรศัพท์ผมดังจริงๆ ผมไม่มีเวลาที่จะหันไปด่ามัน จึงรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ดูเบอร์ที่โทรเข้า
          
                 "เฟริสท์ รับสาย?"
               "ยัยเฟริสท์นี่เอง โทรมาทำไมวะดึกดื่นป่านนี้แล้ว" ผมบ่น แล้วกดรับโทรศัพท์
               "ฮัลโหล ว่างัย ยัยถึก" ผมทักออกไป
               "...........ฮึกๆ.......ฮึก" เสียงนี้มันเสียงสะอื้นนี่นา
               "เฮ้ย เฟริสท์ เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม"
               "ริท...ฮืออออ...แฟนเฟริสท์บอกเลิกเฟริสท์แล้วว.......ฮืออ"
              ใจผมหายวาบ วันนี้พี่ของเฟริสท์ไม่อยู่บ้านด้วย ตอนนี้เฟริสท์อยู่บ้านคนเดียวแน่ๆเพราะว่าพ่อแม่ของเฟริสท์ออกไปทำงานต่างประเทศ ตายละ ทำไมต้องเวลานี้ด้วยนะ                       "ใจเย็นๆก่อนเฟริสท์ แล้วเขาบอกเลิกแกเพราะอะไรล่ะ" ผมถามอย่างร้อนใจ
               "วันนี้เราทะเลาะกัน..ฮึก..แล้ว แล้วเฟริสท์ไปตบหน้าเขา เขาเลยบอกเลิกเฟริสท์เลย ฮือออออ"
               "ทะเลาะกันเรื่องอะไร บอกมาเร็ว" ผมถามอย่างเร็วแทบฟังไม่ได้ศัพท์
               "ก็ ก็ เขามีคนอื่น ฮืออออออออออ ตอนนี้เฟริสท์ไม่เหลือใครแล้ว ริท"
               "ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ อย่าทำอะไรบ้าๆนะไท่ต้องวางสายด้วย" ผมพูดอย่างร้อนใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
               "จ้ะ ริท ...."
               "ตู๊ดดด" เสียงโทรศัพท์ขาดหายไปแล้ว ผมรับใส่เสื้อ แล้ววิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

               กว่ารถจะมาถึงบ้านเฟริสท์ก็ปาเข้าไปสิบกว่านาทีแล้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเฟริสท์ทันที "...โธ่ แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ..." ผมคิดในใจตลอดเวลา
               ในบ้านเงียบสนิท ผมรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองแล้วเข้าไปในห้องเฟริสท์ทันที เมื่อถึงหน้าประตู ผมได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ออกมาจากในห้องที่ล็อกปิดตายเอาไว้
     
               "เฟริสท์ๆ แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ เปิดประตูออก เดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม๊ เฟริสท์ๆๆๆๆ "
              เงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด ผมลองเรียกดูอีกสองสามรอบเผื่อว่าเธอจะหลับอยู่ แต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม
              ผมตัดสินใจพังประตูเข้าไป
               "โครม"
              ในห้องนอนสีชมพูที่จัดอย่างเรียบร้อยนั้น ผมได้เห็นภาพที่ทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น เลือดทุกหยดแทบจะจับตัวกันเป็นก้อน

              "เฟริสท์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×