ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[ChangMinHo's Love Fiction Library]]

    ลำดับตอนที่ #9 : [Fiction] My Precious One Updated!!!

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 54



    20110526 - Updated!!! เปลี่ยนเป็น INTRO แล้วนะค้า >___<





    [Fiction] My Precious One - INTRO

    Couple: ChangMinHo**, YunJae and others

    Category: Romantic, Drama

    Rate: PG-13 – NC-17

    Note: เรื่องนี้เน้น “ชางมินโฮ” เป็นหลักนะคะ (ขีดเส้นใต้ที่ชางมินโฮเป็นสีแดงสองเส้นพร้อมไฮไลท์ 555+) 




    คุณ...เคยมีความรักมั้ยครับ?

    ความรักทำให้ผม “ยอม” ที่จะทำทุกอย่าง...เพียงแค่ให้มีที่ยืนอยู่ข้างๆ “เขา”

    แม้ที่ว่างตอนนี้ไม่ใช่ของผม...ก็แค่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นผม

    ...และที่ว่างตรงนั้นจะมีเพียงแค่ผมและเขา “ตลอดไป”




    ...โซลเปลี่ยนไปเยอะจัง

    ใบหน้าเรียวเล็กแนบกับกระจกรถยุโรปคันใหญ่ราคาแพงระยับของครอบครัวที่กำลังแล่นผ่านทางหลวงเข้าเมืองด้วยความเร็วสูงในยามดึกสงัด ดวงตากลมโตกลอกไปมาด้วยความสนใจกับทิวทัศน์ข้างทางของบ้านเกิดที่เจ้าตัวจากมานานเกือบสิบปี ตึกระฟ้ามากมายผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดหลากสีที่แต่งแต้มด้วยดวงไฟดวงเล็กจนคล้ายจะระยิบระยับในสายตาคนที่มองอยู่ไกลๆ แม่น้ำฮันใจกลางกรุงโซลยังคงไหลเอื่อยๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในยามรัตติกาล คลื่นน้ำขนาดเล็กบนผิวน้ำใสสะท้อนกลับพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่กลางแผ่นฟ้าสีดำสนิท

    “คุณหนูไม่ได้กลับมานานเลยนะครับ ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ” ชายสูงวัยที่ทำหน้าที่ขับรถประจำครอบครัวชเวมาหลายสิบปีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคุณหนูคนเล็กของตระกูลกำลังตื่นเต้นกับทิวทัศน์ข้างทางราวกับเด็กๆ

    “ฮะ...ผมจำแทบไม่ได้แล้วว่าสมัยก่อนที่นี่หน้าตาเป็นยังไง” ดวงตากลมโตยังคงจดจ้องกับทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างสนใจ “กลับมาคราวนี้ผมคงต้องพกแผนที่ไปไหนมาไหนด้วยแล้วสินะ”

    “คุณหนูไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมจะขับรถพาคุณหนูไปทุกที่ๆ คุณหนูต้องการเองนะครับ” ชายสูงวัยเอ่ยอย่างนอบน้อม

    “แล้วพี่ซีวอนจะให้ใครขับให้ล่ะครับ? คุณลุงคิมขับรถให้พี่ชายมาตั้งหลายปีแล้ว” คิ้วได้รูปบนใบหน้าหวานขมวดขึ้นเมื่อเกิดข้อสงสัย

    “เดี๋ยวนี้คุณชายเล็กท่านขับรถเองเกือบตลอดล่ะครับ ยกเว้นมีประชุมนอกสถานที่ถึงจะเรียกใช้ผม”

    “ก็คงไว้ขับพาสาวๆ เที่ยวสินะครับ” ดวงตากลมหยีลงจนเกือบเป็นเส้นตรงยามยิ้ม ถึงเขาจะไม่ได้คลุกคลีกับพี่ชายมากนักในช่วงที่พี่ชายกลับมาบริหารกิจการในครอบครัวช่วยบิดามาสามสี่ปีแล้ว แต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าชเวซีวอนเป็นเพลย์บอยหนุ่มระดับมหาเศรษฐีที่สาวอเมริกันอยากจะได้มาควงสักครั้งในชีวิต

    “ฮ่าๆ ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกันครับคุณหนู เดี๋ยวลุงจะซวยเอาถ้าคุณชายเล็กเกิดรู้ว่าผมแอบมาเผาให้คุณหนูฟัง”

    ชเวมินโฮยิ้มบางๆ กับความเป็นกันเองของคุณลุงคิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปสักนิด เขากำลังตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าผู้เป็นบิดามารดาอีกครั้งในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง รวมถึงพี่ชายที่มักจะบ่นให้ได้ยินว่ายุ่งอยู่ตลอดเวลากับหน้าที่รองประธานบริษัท อีกทั้งช่วงนี้ยังต้องบริหารค่ายเพลงใหม่ที่เพิ่งลงทุนกับเพื่อนสนิทของพี่ชายไว้เมื่อปีกลายอีกต่างหาก

    เขาเองชินแล้วกับการที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งถูกส่งไปเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่ชั้นประถมโดยอาศัยอยู่กับน้าสาวที่เป็นนักกฎหมายชื่อดังที่บอสตัน แต่เมื่อน้าสาวของเขาแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่ลอนดอนกับสามีแล้ว ทางบ้านจึงบังคับให้ลูกชายคนเล็กของตระกูลกลับมาเรียนต่อที่เกาหลีกลางคันเพราะกลัวจะไม่มีใครคอยดูแล แม้เจ้าตัวจะไม่เต็มใจนักก็ตาม...เขาจึงหาหนทางกลับไปเรียนต่ออเมริกาด้วยตัวเอง โดยการแอบยื่นใบขอทุนไว้กับมหาวิทยาลัยชื่อดังที่นิวยอร์คเอาไว้ก่อนเดินทางกลับมา หากถูกเรียกตัวกลับไปพ่อแม่จะได้ไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้ได้อีก...

    ไม่นานนักรถคันหรูก็ถึงจุดหมายปลายทางคือคฤหาสน์หลังใหญ่แถบคังนัม หนึ่งในย่านที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ครอบครัวชเวก็เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศด้วยธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

    ร่างสูงเพรียวก้าวลงมาจากรถคันหรูด้วยความประหม่า ดวงตากลมกวาดมองรอบกายที่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว คฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวทรงโรมันยังคงโดดเด่นท่ามกลางคฤหาสน์ใหม่ๆ หลายหลังที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ขายาวก้าวผ่านโถงเพดานสูงด้านหน้าที่ประดับประดาด้วยแชนเดอเลียขนาดใหญ่ส่องแสงสีส้มระยิบระยับ คนงานในบ้านต่างยืนเรียงแถวต้อนรับคุณหนูคนเล็กของตระกูลชเวที่เพิ่งเดินทางกลับมายังเกาหลีเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี สาวใช้วัยรุ่นหลายคนถึงกลับเขินอายยามได้สบตาคุณหนูคนเล็กของบ้านที่แม้จะดูบอบบางเมื่อเทียบกับคุณชายซีวอนมาก หากแต่ดวงตาดำขลับช่างดูมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่พบเห็นแม้เพียงครั้งแรก

    “มาถึงเร็วดีนี่” ชเวซีวอนพี่ชายแท้ๆ ของชเวมินโฮเอ่ยทักทายพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือยี่ห้อดัง ชายหนุ่มรีบตรงเข้ามาดึงน้องชายคนเดียวเข้ามากอดด้วยความคิดถึงจนร่างเล็กกว่าแทบจะแหลกคาอ้อมกอดของผู้เป็นพี่

    “อ่า...พี่ซีวอนปล่อยผมเหอะครับ” มินโฮพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของผู้เป็นพี่ชายที่แสดงออกเสียดูเว่อร์ในสายตาคนมอง แม้ซีวอนจะจริงจังกับหน้าที่การงานมากเพียงใด แต่กับคนที่รู้จักกันดีจะรู้ว่าซีวอนรักและหวงน้องชายคนนี้มากกว่าใครๆ “อื๊ออออออ...”

    “อะไรกัน นายไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้บ้างเหรอเนี่ย” ซีวอนคลายอ้อมกอดให้น้องชายเล็กน้อยพลางมองด้วยสายตาตัดพ้อแต่มินโฮกลับรู้สึกหมั่นไส้พี่ชายที่โตจนอายุเกือบสามสิบในอีกไม่กี่ปี หากปฏิบัติตัวกับเขาแทบไม่ต่างไปจากสมัยเด็กๆ...แม้มินโฮจะรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่ก็ดีใจอยู่ไม่น้อยที่พี่ชายยังคงรักและเอาใจใส่เขาอยู่เสมอ เวลาพักร้อนประจำปีซีวอนก็จะบินไปอเมริกาและพามินโฮไปเที่ยวประเทศต่างๆ ด้วยตัวเองทุกปี

    “คิดถึงฮะ แต่พี่ก็โตแล้วนะฮะ” ดวงตากลมช้อนมองพี่ชายอย่างขัดใจ “ทำตัวไม่น่าเกรงใจเลย ดูสิคนเต็มไปหมด”

    “ที่แท้ก็เขินนี่เอง...” ซีวอนดีดนิ้วดังเปาะแล้วขยับมือเป็นสัญญาณให้เหล่าคนงานในบ้านที่ยืนต้อนรับคุณหนูคนเล็กให้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง มือใหญ่โอบไหล่บอบบางของน้องชายพร้อมช่วยถือเป้สะพายหลังใบใหญ่ให้แล้วพาไปยังห้องรับแขกภายในบ้านแต่ก็ไม่พบบุคคลที่มินโฮคาดว่าจะเจอ ใบหน้าหวานหันมองพี่ชายหนึ่งครั้งด้วยความสงสัย

    “คุณพ่อกับคุณแม่นอนไปแล้วน่ะ คุณแม่ไม่สบายนิดหน่อยพี่เลยรีบไล่ให้ไปนอน กว่าจะไปได้พี่เหนื่อยแทบแย่”

    “คุณแม่เป็นอะไรเหรอครับ ผมไปเยี่ยมที่ห้องได้มั้ย”

    “ไม่ต้องหรอก แค่อ่อนเพลียนิดหน่อยน่ะ เห็นช่วงนี้กำลังสนุกกับงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยอยู่ ไม่ค่อยดูวัยตัวเองหรอกแม่เราเนี่ย” ซีวอนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีเลือดหมูตัวใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน จริงๆ วันนี้ทั้งวันเขาก็เทียวประชุมในบริษัทลูกหลายแห่งในเครือแต่ก็ยังนั่งรอน้องชายที่รักจนถึงเที่ยงคืนเช่นนี้ “แล้วมินโฮสบายดีใช่มั้ย”

    “ฮะ...พี่ล่ะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าบ้างรึยัง” มินโฮนั่งลงข้างๆ พี่ชายพร้อมจ้องใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักที่ใครๆ ต่างก็หลงใหล “นี่แก่แล้วนะ...ตีนกาสองอันแล้วเนี่ย” นิ้วเรียวจิ้มที่หางตาของพี่ชายอย่างน่ารัก

    “เดือนหน้าพี่ไปทำโบท็อกซ์ก็ได้น่า ช่วงนี้งานเหนื่อยจะตาย พี่ก็โทรมบ้างอะไรบ้างสิ” ซีวอนมองน้องชายด้วยความหมั่นไส้ มินโฮอายุห่างจากเขาถึงแปดปี เรียกว่าเป็นลูกหลงของตระกูลทีเดียวดังนั้นใครๆ ถึงได้รักและตามใจมินโฮยิ่งกว่าใครๆ

    “ผมไม่ได้หมายความให้พี่ไปทำศัลยกรรมซะหน่อย แค่อยากให้หาคนดูแลได้แล้วนะฮะ พี่ชายของผมหล่อขนาดนี้ยังไม่มีใครเข้ามาอีกเหรอ”

    “ก็...มีดูๆ กันไว้แหละน่า เดี๋ยวถ้าใช่แล้วจะพามาให้มินโฮรู้จักนะ” มือใหญ่ขยี้หัวน้องชายด้วยความหมั่นไส้ที่ชอบแสร้งทำเป็นเย็นชาใส่คนรอบๆ ข้าง ทั้งๆ ที่เป็นคนน่ารักกับคนที่อยู่รอบข้างมากไม่แพ้ใคร

    “อืมม์...ว่าแต่พี่ไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”

    “ครับๆ คุณน้องชาย...อ้อ เรื่องโรงเรียนพี่ให้คนไปติดต่อไว้แล้วนะ มะรืนนี้ก็ไปเริ่มเรียนก็ได้” ซีวอนลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ดวงตาคมจะหลับมิหลับแหล่อยู่แล้ว แต่ก็ถ่างตาไว้สุดฤทธิ์เพื่อรอรับน้องชายสุดที่รักของเขา

    “ผมยังต้องไปเรียนอีกเหรอ จริงๆ วุฒิผมจากอเมริกาก็ใช้สอบเข้าได้แล้วนี่นา...ไปเรียนอีกแป๊บเดียวก็ต้องสอบเข้ามหาลัยแล้ว” คุณชายคนน้องเขย่าแขนพี่ชายอย่างอ้อนวอน แพขนตาสวยกระพริบถี่ๆ เพื่อขอความเห็นใจ แต่...

    “เข้าไปหาเพื่อน ไปทำความรู้จักสังคมในเกาหลีหน่อยสิ ที่นี่นายอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ” ดวงตาคมทรงอำนาจของพี่ชายจดจ้องกลับมาพร้อมกับน้ำเสียงเอาจริงเอาจังจนมินโฮได้แต่ถอนใจเบาๆ เพราะถ้าพี่ชายเขายืนกรานแบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้าขัดใจ แม้ปกติซีวอนจะตามใจมินโฮแทบทุกอย่าง แต่ยกเว้นเรื่องเรียน...และเรื่องความรักของเขาที่พี่ชายขี้หวงคนนี้ต้องขอเข้ามามีส่วนร่วมตลอดด้วยความเป็นห่วง

    “ฮะ...ไปเรียนก็ไป”

    เสียงใสตอบรับอย่างเสียไม่ได้จนพี่ชายต้องพาไปปลอบใจด้วยการส่งน้องชายสุดที่รักเข้านอนในห้องนอนที่ซีวอนอุตส่าห์ลงทุนตกแต่งใหม่และเลือกเฟอร์นิเจอร์ด้วยตนเองแม้จะมีงานรัดตัวมากมาย สไตล์โมเดิร์นเรียบง่ายด้วยสีดำของพรมเนื้อดีสีดำสนิทตัดกับผนังสีขาวสนิทและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Minimalism ที่มินโฮชื่นชอบ แค่เห็นห้องนอนใหม่ที่พี่ชายลงทุนขุดวิชา interior design ที่ซีวอนชื่นชอบเป็นการส่วนตัวกลับมาใช้อีกครั้งทำให้มินโฮถึงกับยิ้มไม่หุบ ร่างบางเดินสำรวจห้องนอนไม่นานก็ผล็อยหลับบนเตียงนุ่มสีขาวสะอาดด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางข้ามซีกโลกมานับสิบชั่วโมง...

     

     

     

     

    “นี่กินข้าวกินปลาบ้างรึยังเนี่ย แจจุงมาทีไรก็เห็นชางมินนั่งอยู่ตรงนั้นตลอดอ่ะ” แค่เปิดประตูเข้ามาเสียงหวานของคนเพิ่งมาถึงดังขึ้นด้วยความเป็นห่วงระคนเหนื่อยใจเมื่อเห็นร่างสูงยังนั่งคุดคู้บนเก้าอี้อ่านหนังสือริมหน้าต่างตัวเดิม มือเรียวยาวถือหนังสือเล่มใหญ่ไว้ในมือพร้อมกับเหลือบมองคนเพิ่งมาใหม่ผ่านแว่นสายตากรอบดำสนิทด้วยความแปลกใจ

    “แจจุงอ่า..บอกแล้วว่าไม่ต้องแวะมาหรอก ดึกแล้วนะ” ร่างสูงวางหนังสือติวสอบ IELTS ไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสืออื่นๆ อีกมากมาย ขายาวตรงเข้าไปหาร่างบอบบางที่หอบถุงกระดาษที่ใส่อาหารสดที่มาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ แล้วอาสายกมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่ใช้ทานอาหารในครัว

    “แล้วถ้าแจจุงไม่มา ชางมินก็จะกินแต่อาหารร้านสะดวกซื้อตลอดเลยสินะ” ดวงตากลมโตของคิมแจจุงสบกับดวงตาคมของคนตัวสูงกว่าที่เดินเข้ามาใกล้จนต้องเงยหน้าคุยกัน “แจจุงเป็นห่วงชางมินนี่นา...”

    ชิมชางมินยิ้มจนแก้มแทบแตกเมื่อคิมแจจุงทำแก้มป่องเพราะกำลังงอนที่เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งของคนเอาแต่ใจ ยิ่งชางมินยิ้มกว้าง ริมฝีปากอิ่มสีชมพูยิ่งยู่เข้าหากันด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายไม่เคยเชื่อฟังเขาเสียเลย...ทั้งๆ ที่เขาโตกว่าชางมินตั้งหนึ่งปี แต่ชางมินไม่เคยเรียกแจจุงว่าพี่เลยสักครั้ง ทำราวกับเขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ

    “รู้แล้วๆๆ” ยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยนของชิมชางมินระบายบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักที่ไร้ที่ติใดๆ จนได้ตำแหน่งเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ถึงสี่ปีซ้อน แต่ชางมินไม่ใช่คนที่จะยิ้มให้ใครง่ายๆ มีแค่คิมแจจุงเท่านั้นที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาที่ได้ครอบครองรอยยิ้มนี้แต่เพียงผู้เดียว

    ไม่ต่างกันกับชิมชางมินที่ถูกใครๆ อิจฉาที่ได้ใกล้ชิดกับคิมแจจุงที่โด่งดังตั้งแต่เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์จนกระทั่งบัดนี้ที่กลายเป็นนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ที่วงการบันเทิงเกาหลีกำลังจับตามองด้วยความสนใจ เพราะฝีมือการแสดงที่โดดเด่นตั้งแต่สมัยเรียน และใบหน้าสวยหวานเกินกว่าจะเป็นผู้ชายได้...ทั้งตัวขาว ร่างบอบบาง ใบหน้าเรียวเล็กที่ประดับด้วยดวงตากลมโตสีดำขลับและริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ

    “ชางมิน...จะสอบแล้วต้องกินอาหารดีๆ มีประโยชน์ต่อสมอง เข้าใจใช่มั้ย” แจจุงออกคำสั่ง “ถ้าสอบเข้าเป็นนักบินไม่ติด เดี๋ยวพ่อแม่ของชางมินจะหาว่าแจจุงดูแลไม่ดี”

    “พ่อแม่ผมไม่ว่าแจจุงแบบนั้นหรอกน่า” ชายหนุ่มยิ้มขำกับท่าทางเอาจริงเอาจังของแจจุงเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินของเขา “ก็อยากให้แจจุงทำให้กินทุกวัน...แต่แจจุงว่างซะเมื่อไหร่”

    “นั่นน่ะสิ...วันนี้แจจุงเลยจะมาทำอาหารเก็บไว้ให้ชางมินกินไงล่ะ” คนสวยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองที่ใครๆ ต่างชื่นชมว่าอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารชื่อดัง

    “แจจุง...นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วนะ” ชางมินเอ่ยเสียงดุๆ เมื่อเห็นร่างบางคว้าผ้ากันเปื้อนสีชมพูดสดใสแล้วเดินตรงไปยังตู้เย็นขนาดใหญ่ พร้อมหยิบอุปกรณ์ทำอาหารที่แจจุงขนซื้อมาไว้ในตู้เย็นของคอนโดชางมินราวกับเป็นห้องครัวบ้านตัวเอง

    “แล้วไง...ไม่อยากกินอาหารฝีมือแจจุงรึไง”

    “เปล่า...ผมกลัวแจจุงเหนื่อยน่ะ” ร่างสูงโปร่งกอดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลัง มือหนาเกี่ยวเอวบางไว้หลวมๆ ก่อนจะซบใบหน้าหล่อเหลาบนไหล่บางของแจจุง “แล้วถ่ายละครเสร็จแล้วเหรอฮะ”

    “ยังหรอก แต่พระเอกเรื่องนี้เค้าต้องไปโปรโมตละครอีกเรื่องที่ญี่ปุ่นน่ะ แจจุงเลยว่าง” แจจุงอธิบายพร้อมลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของชางมินไปด้วยเพราะความเคยชิน “วันนี้พอถ่ายเสร็จก็เลยให้จุนซูมาส่งที่คอนโดชางมินไง แจจุงว่างตั้งสองวันเลยนะชางมิน”

    “นั่นสิ ก็ยิ่งไม่เห็นต้องรีบมาก็ได้นี่” เสียงทุ้มดุร่างบางราวกับอีกฝ่ายราวกับแจจุงเป็นเด็ก หากดวงตาคู่คมที่ฉายประกายอ่อนโยนทุกครั้งที่มองมาทำให้แจจุงยิ่งรู้สึกผิดเวลาขัดใจชางมินที่ดูเหมือนจะโตกว่าเขาทั้งตัวและความคิดเสมอ

    “ชางมินไม่คิดถึงแจจุงรึไง...” พอโดนดุก็เริ่มอ้อน แจจุงที่เป็นแบบนี้จะไม่ให้ชิมชางมินหลงรักได้ยังไง

    “คิดถึงสิ...คิดถึงมากแล้วก็เป็นห่วงมากด้วย”

    ชางมินหมุนร่างบอบบางให้หันหน้ากลับมาทางเขา ดวงตาคู่คมถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดลงไปทุกครั้งที่มองไปยังอีกฝ่ายที่อาจจะทึ่มจนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรด้วยหรือไม่ก็...แกล้งทำเป็นไม่รู้ ซึ่งคงเป็นอย่างหลังมากกว่า

    คนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอดหลวมๆ ของคนตัวโตตรงเข้าไปกอดกระชับน้องชายของเขาเพื่อตอบแทนความอ่อนโยนที่มอบให้มาตลอด ยิ่งพักนี้ที่เขาเริ่มทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวแล้วยิ่งทำให้มีเวลาน้อยลงที่จะได้ดูแลชางมินที่เขารักไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัว...รักเหมือนน้องชายแท้ๆ

    “ชางมินของพี่แจจุง...พี่แจจุงก็คิดถึงชางมินนะ”

    แจจุงลูบหลังคนตัวสูงกว่าราวกับต้องการปลอบใจชางมินที่ยิ้มบางๆ แต่แฝงไปด้วยความเศร้าที่แจจุงพยายามจะแปลความหมายเข้าข้างตัวเอง แม้จะรู้ว่ากำลังทำร้ายความรู้สึกของชางมิน

    เช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายที่รู้ใจอยู่แก่ใจดีกับความรู้สึกของแจจุง รู้ว่ามันไม่เคยเปลี่ยน และอาจจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเลย ชางมินจึงเลือกที่จะเก็บคำๆ นั้นไว้แม้อยากจะพูดออกไปมากแค่ไหนก็ตาม...

     

    ไม่ต้องให้ชิมชางมินคนนี้เป็นอะไรของคิมแจจุงก็ได้

    แค่ขอที่ยืนตรงนี้ให้ผมมองเห็นเขาและให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้ตลอดไป...ก็เพียงพอ




    to be continue in 'My Precious One - Chapter 1'...as soon as (I am) possible ><"


    >> ตอนที่ 2 update แล้วที่นี่ค่ะ 
    http://writer.dek-d.com/korazy_minnie/writer/viewlongc.php?id=756492&chapter=2








    ...[[Talk with Writer]]...

    สะ...สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักของเรา ><" แอบย่องเข้ามาลง intro แบบเงียบๆ 555+
    ลืมเรื่องนี้ไปรึยังค๊าา...? (ขอเสียงหน่อยยยย) 
    ยังไงก็ขอโทษที่เรามาลงช้ามาก และขอบคุณมากสำหรับคนที่ยังรออ่านฟิคของเรานะคะ ^_^
    จริงๆ ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่หลังสอบเสร็จแล้วแต่ก็...ลืมไฟล์ไว้ที่หอ ไม่อยากเขียนใหม่ด้วย 555
    แถมอาทิตย์นี้ขึ้นวิชาใหม่ก็เรียนเลคเชอร์จนหัวบวมมากเลยฮับ...ลงช้าหน่อยไม่ว่ากันนะคะ

    ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่เห็นมีคนเข้ามาดูเรื่องนี้บ้างประปรายทุกๆ วันก็ดีใจฮับ
    คิดไปเองว่ายังมีคนรออ่านเรื่องนี้อยู่...ขอบคุณสำหรับนักอ่านขาประจำและขาจรทุกท่านด้วยใจจริงค่ะ
    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ...มาลุ้นกันว่าชางมินกับมินโฮจะได้เจอกันเมื่อไหร่ อะไร ยังไง -[ ]-

    With love,
    Korazy_Minnie

    2011.05.26

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×