ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[ChangMinHo's Love Fiction Library]]

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Love is never gone

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 54


    Title: [SF] Love is never gone…

    Author: korazy_minnie

    Couple: ChangMinHo (Changmin x Minho) feat. YunJae

    Genre: Romantic

    Rating (for this part): PG-17

    Note: มันหวานอีกแร้วค่ะ T^T ก็มันเป็นภาคต่อของ “เธอยัง” นี่นา 555+ >////<; Talk ด้านล่างฮับ ^^

     


    เสียงประกาศให้ผู้โดยสารกลับเข้าประจำที่ก่อนเครื่องจะแลนดิ้งดังขึ้น ใบหน้าหวานค่อยโผล่จากผ้าห่มผืนอุ่นที่ซุกตัวนอนมาค่อนคืนบนนกยักษ์ลำใหญ่ที่เดินทางจากฟลอเรนซ์จนบัดนี้ใกล้จะถึงบ้านเกิดของเขาเต็มที

    ดวงตากลมโตหยีลงเล็กน้อยเมื่อต้องเปิดหน้าต่างขึ้นและพบกับแสงอาทิตย์สว่างจ้าจนแสบตา แต่ก็อดเอาหน้าแนบกระจกบานเล็กไม่ได้ บ้านเรือนอันแสนคุ้นตาค่อยๆ ปรากฎชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามความสูงของเครื่องบินที่ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างเชื่องช้า...คิดถึงเกาหลีจริงๆ สิ ให้ตายเถอะ

    ไม่นานนักเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินอินชอนอย่างปลอดภัย เพียงแค่ก้าวแรกที่พ้นจากเครื่องบิน ชเวมินโฮก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่ยังคงหนาวเย็นในเดือนมีนาคม ต่างจากอากาศอบอุ่นในอิตาลีที่เขาคุ้นเคยมากว่าสี่ปี แขนเล็กกระชับเสื้อแจ็กเกตสีดำให้แนบร่างกายเพื่อกำบังความหนาวเย็น ยังดีที่ผ้าพันคอไหมพรมสีขาวสะอาดตายังช่วยบรรเทาความหนาวได้ระดับหนึ่ง ขาเรียวจึงรีบก้าวยาวๆ เพื่อให้ไปถึงตัวอาคารสนามบินให้เร็วที่สุด

    ฟู่...

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เมื่อสัมผัสอากาศอบอุ่นภายในอาคาร เขาไม่น่าลืมดูพยากรณ์อากาศก่อนกลับมาเกาหลีเลย มัวแต่หาของฝากให้พ่อแม่พี่น้องจนเกือบเก็บของมาขึ้นเครื่องบินแทบไม่ทัน ดวงตากลมโตกวาดมองบรรยากาศรอบกายด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ แม้บรรยากาศภายในสนามบินจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่แค่ได้ยินเสียงภาษาเกาหลีรอบๆ กายเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว

    ระหว่างรอคิวในด่านตรวจคนเข้าเมืองที่แสนจะยาวเหยียด ความคิดสนุกๆ บางอย่างก็ผุดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก...

    นิ้วเรียวยาวกดเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ข้อความและมิสคอลหลายสายสั่นเตือนเจ้าของโทรศัพท์ หากแต่มินโฮก็เพิกเฉยเสีย ปลายนิ้วรูดหน้าจอไปมาอย่างเร่งรีบและหารายชื่อใครบางคนที่น่าจะช่วยอะไรบางอย่างเขาได้

    ...โจว คยูฮยอน...

     

     

     

    ศัลยแพทย์หนุ่มร่างสูงแผนกศัลกรรมประสาทกำลังยืนอ่านฟิล์ม MRI อยู่หน้าบล็อกฟิล์มสว่างจ้าที่เต็มพรืดไปด้วยฟิล์มท่าทางและมุมมองต่างๆ จนชวนเวียนศีรษะ หากเขาเพียงแค่ปรายตามองเล็กน้อยก็เห็นได้ซึ่งความผิดปกติที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงามืดมัวบนฟิล์มสีดำสนิทนั้นได้ไม่ยาก

    “นายเปิดตรง temporal bone ไปก่อนนะ เดี๋ยวชั้นไปรับ consult ของ neuromed* ก่อน มีอะไรเรียกแล้วกัน ร่างสูงฝากงานไว้กับแพทย์เฉพาะทางปีที่ห้าสาขาศัลยกรรมประสาทให้รับหน้าที่เริ่มลงมือผ่าตัดไปก่อน เพราะเขาเพิ่งถูกพยาบาลเรียกให้ไปรับโทรศัพท์ด่วนจากสาขาอายุรกรรมประสาทก่อนที่จะเริ่มผ่าตัดเพียงไม่นาน

    (*Neuromed ย่อมาจาก Neurological Medicine หรือว่าอายุรกรรมระบบประสาท เป็นหมอที่รักษาโรคทางสมองด้วยการใช้ยา ต่างจากพระเอกของเราที่เป็น Neuro ศัลย์ ที่เป็นหมอผ่าตัดนะคะ ^^)

    “คุณหมอชางมิน ทางนี้ค่ะ” พยาบาลสาวกวักมือเรียกศัลยแพทย์หนุ่มไปยังเคานเตอร์พยาบาลอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนมาก หากแต่ชิมชางมินเป็นขวัญใจของพยาบาลแทบจะทั้งแผนก ด้วยนิสัยที่เป็นกันเองและให้ความสำคัญกับผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี ใครๆ ต่างก็ประทับใจในตัวเขา ยังไม่รวมหน้าตาที่หล่อขั้นเทพยิ่งกว่าดาราอีกต่างหาก จึงไม่แปลกที่จะทำให้ชางมินมีแฟนคลับตั้งแต่รุ่นน้อง รุ่นเพื่อน รุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน

    มือหยาบรับโทรศัพท์ไร้สายภายในจากมือพยาบาลสาวที่คงปลื้มเขาอยู่มิใช่น้อย ก็ไอ้อาการเขินจนแก้มแดงปลั่งเสียขนาดนั้น ชิมชางมินไม่ได้ตาบอด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับปฏิกิริยาเหล่านี้จากสาวๆ ดีโดยไม่เป็นการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ จนเจ้าหล่อนพาลคิดไปไกล จึงได้แต่ส่งยิ้มแทนคำขอบคุณตามมารยาท

    “ครับ ชิมชางมิน Neuroศัลย์ครับ” ศัลยแพทย์หนุ่มแนะนำตัวกับปลายสาย “จากที่ไหนครับ”

    “ไม่ต้องเป็นทางการ นี่คยูเพื่อนรักเองครับ” ปลายสายส่งเสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างน่ารำคาญ ถ้าอยู่แถวนี้ชางมินคงได้เตะสักทีสองที

    “นี่เมิงว่างรึไง กูจะเข้าเคสผ่าตัดครับ ไม่ได้นอนเล่นอยู่” ชางมินขมวดคิ้ว

    “ก็รู้สิวะว่าอยู่ในห้องผ่าตัดเนี่ย ไม่ได้มานอนหรอก แต่เมิงปิดมือถือแล้วจะให้ติดต่อทางไหนล่ะครับ” โจวคยูฮยอนเพื่อนรักของชิมชางมินที่ขึ้นชื่อว่านิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างกำลังสนุกกับการต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง

    “เออๆ มีอะไรว่ามา วันนี้ต้องรีบผ่าแล้วไปออกตรวจตอนบ่ายๆ อีก แมร่ง งานจะเยอะไปไหนวะเนี่ย”

    “เมิงแก่แล้วไง ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย เมื่อก่อนเมิงอยู่เวรติดกันสามวันยังไม่บ่น” ได้ทีก็ขอให้ได้แขวะเสียหน่อย นี่แหละนิสัยของโจวคยูฮยอน

    “เข้าเรื่องเหอะเมิง ให้ไวเลย อย่ามาเกรียนตอนนี้”

    “เออๆ เปล่า กูแค่จะถามแหละว่าเมิงออกตรวจคนไข้รึป่าววันนี้”

    “ตรวจตอนบ่าย ทำไมวะ” ชางมินถามด้วยความสงสัย

    “นึกว่าว่างจะชวนไปกินข้าวเที่ยงไง แต่เออ งั้นแค่นี้นะ อาจารย์คิมมาแล้ว...ตื๊ดดดด”

    อยู่ดีๆ ก็โดนเพื่อนรักวางสายกระแทกหน้าจังๆ รู้สึกอยากจะด่าจริงๆ ไว้ให้เจอตัวก่อน ชิมชางมินจะจัดหนักโจวคยูฮยอนสักที ในฐานที่ชอบกวนอารมณ์ได้โดยไม่ดูเวล่ำเวลาจริงๆ

    ร่างสูงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอยู่ดีๆ คยูฮยอนถึงอยากชวนไปทานอาหารเที่ยง เพราะเห็นช่วงนี้เพื่อนรักของเขากำลังทำคะแนนกับอีซองมินซึ่งเป็นรุ่นน้องที่เรียนเฉพาะทางด้านตาโดยไปรับไปส่งที่หอพัก พาไปกินข้าวสามมื้อและโทรหาสามเวลาหลังอาหาร...แต่ชางมินก็ไม่ได้สงสัยอะไรต่อเพราะนิสัยของคยูฮยอนก็เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มเลยได้แต่เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีกลับเข้าไปเริ่มเคสผ่าตัดตามปกติ

     

     

    ร่างสูงโปร่งในเสื้อยืดขาวพิมพ์ลายคลุมทับด้วยเทรนช์โค้ทสีโอ๊คแบรนด์ดังจากเกาะอังกฤษที่ดูเรียบๆ หากแต่ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามากลายเป็นจุดสนใจในสถานที่แห่งนี้ได้ไม่ยาก สายตานับสิบคู่ต่างพากันจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ก็ดูสวยหวานจนน่าหลงใหลจนเจ้าตัวทำตัวไม่ถูก ยังดีที่มีแว่นกันแดดอันโตคอยพรางสายตาจากคนข้างนอกได้บ้าง

    เอ่อ...ขอโทษนะครับ ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดอันโตออกเพื่อความสุภาพก่อนจะเอ่ยขอความช่วยเหลือจากพยาบาลสาวที่เคานเตอร์หน้าแผนก

    สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ? หญิงสาวทักทายด้วยความยินดีเกินหน้าที่ ก็คนตรงหน้ามัน...หล่อซะขนาดนี้

    ผมมาพบคุณหมอชิมชางมินน่ะครับ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมหยิบเวชระเบียนยื่นให้ตามขั้นตอน

    เอ...ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าคะ คิวของคุณหมอชางมินยาวมาก ถ้าไม่ได้นัด คุณต้องรอนานมากเลยนะคะ

    ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้

    อาจจะต้องเป็นคิวสุดท้ายของวันนี้ ประมาณสี่โมงเย็นเลยนะคะ พยาบาลสาวในเคานเตอร์ไล่เรียงดูกองเวชระเบียนสูงเป็นตั้งของคุณหมอชางมินแล้วก็กะประมาณเวลานัดให้ เพราะคนไข้บางคนรอนานจนต้องขอเปลี่ยนคุณหมอกันเลยก็มี

     “ผมทราบครับชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ เพราะตอนที่โทรไปถามคยูฮยอนฮยองก็ได้รับคำตอบประมาณนี้ว่าชางมินฮยองเป็นคุณหมอสุดป๊อบปูล่าร์จริงๆ แต่จะให้ใช้เส้นของคยูฮยอนเข้าไปเลยก็คงดูเอิกเกริก ไหนๆ ชเวมินโฮก็ว่างอยู่แล้ว นั่งเล่นแถวนี้สัก 2-3 ชั่วโมงก็ไม่ได้เสียหายอะไร

    หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว มินโฮก็ถือโอกาสเดินเล่นสำรวจโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่ชางมินทำงานอยู่เสียหน่อย ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับชางมิน แต่ก็ไม่ได้มาหาที่นี่บ่อยนักเพราะส่วนใหญ่ชางมินจะเป็นคนออกมาหามินโฮเสียมากกว่า หลังจากเดินชมสถานที่ต่างๆ อย่างสนใจไปเรื่อยๆ มินโฮก็บังเอิญเจอพี่ชายคนสวยกำลังเดินทานไอศกรีมกับเพื่อนอีกคนของพี่ชางมินพอดี

    แจจุงฮยอง ยุนโฮฮยอง~” มินโฮกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทักทายคนรู้จักทั้งสองคนด้วยความดีใจ สมัยก่อนที่มินโฮยังอยู่เกาหลี ก็ได้รับความเอ็นดูอย่างดีจากพี่ชายที่น่ารักทั้งสองคน...แต่ตอนนี้แจจุงฮยองก็คงเสร็จยุนโฮฮยองไปแล้วสินะ เดินกระหนุงกระหนิงกันมาซะขนาดนี้

    อ้าว~ มินโฮนี่นา คิมแจจุง คุณหมอคนสวยแผนกผิวหนังเอ่ยทักทาย เด็กหนุ่มค้อมศีรษะทักทายพี่ชายทั้งสองอีกครั้ง

    นี่มายังไงน่ะเรา มากับชางมินเหรอ? แจจุงยิ้มหวานพลางโผเข้ากอดน้องชายที่น่ารักของเขาด้วยความคิดถึง โอ๊ยยยย มินโฮ โตขึ้นแล้วหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย~” นิ้วเรียวสวยหยิกแก้มน้องชายตัวสูงด้วยความหมั่นเขี้ยวจนมินโฮทำหน้าเหยเก

    เบาๆ หน่อยแจจุง น้องเจ็บแล้ว ชองยุนโฮเอ่ยปรามท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆ ของคนรัก เรียนจบแล้วเหรอเราน่ะ

    ฮะ จบแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รับปริญญาเลย ผมขอกลับมาก่อนน่ะฮะ

    อย่างงี้พี่ก็เรียกว่าด็อกเตอร์มินโฮได้แล้วสิจ๊ะแจจุงตาโตด้วยความดีใจที่เห็นน้องชายอันเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคนของชางมินประสบความสำเร็จ แล้วแบบนี้มินโฮก็แต่งงานกับชางมินได้แล้วสิ คริคริ

    อ่า...ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ มินโฮยิ้มเขินๆ เกาศีรษะแก้เก้อ อดคิดมากถึงเวลาที่ห่างไปจากชางมินถึง 4 ปีไม่ได้ เขายังคงรักชางมินอยู่เสมอ หากแต่อีกฝ่ายจะคิดเช่นเดียวกับเขาอยู่หรือเปล่า เป็นสิ่งที่ทำให้มินโฮเองอดหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

    ไม่ต้องเขินหรอกน่า แต่งเมื่อไหร่ต้องบอกพี่คนแรกนะ มินโฮน้องรัก แจจุงได้ทียิ่งแกล้งคนขี้อายแบบมินโฮต่ออีก ยุนโฮอดส่ายหัวกับความไม่รู้จักโตของคนรักไม่ได้ แล้วชางมินอยู่ไหนอ่ะ ทำไมปล่อยมินโฮมาเดินคนเดียวแบบนี้

    ผมมาเซอร์ไพร์สฮยองเค้าน่ะฮะ

    น่ารักแฮะ เด็กคนนี้ เนอะยุนโฮเนอะ คนสวยอดดีใจแทนน้องชายตัวแสบแบบชางมินไม่ได้ ทำไมถึงได้โชคดีที่มีแฟนน่ารักขนาดนี้ ยุนโฮเองก็รู้สึกประทับใจในความรักที่มีระยะทางและเวลาเป็นอุปสรรคมากเสียขนาดนี้ แต่ทั้งคู่ก็ประคับประคองความรู้สึกของกันและกันมาได้นานขนาดนี้

    แจจุงไปกันเถอะ ผมต้องกลับไปประชุมที่บริษัท ให้มินโฮไปหาชางมินได้แล้วล่ะ ยุนโฮกระตุกมือของแจจุงที่กุมเอาไว้เพื่อเป็นการเตือน ไม่เช่นนั้นคนขี้เม้าท์แบบแจจุงได้ชวนมินโฮคุยอีกเป็นชั่วโมงแน่นอน มินโฮ พวกพี่ไปกันก่อนนะ เดี๋ยวนัดทานข้าวกันดีมั้ย

    ฮะ ผมจะรอพี่ๆ เลี้ยงผมนะฮะ ^^” มินโฮยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี พลางโบกไม้โบกมือล่ำลาพี่ชายที่แสนใจดีทั้งสองคน แค่ได้เห็นว่าคนที่รู้จักยังสบายดีและมีความสุข เขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว

    มินโฮกลับมานั่งรอคิวตรวจที่โซฟาเยื้องๆ หน้าห้องของชางมินเพื่อไม่ให้คนในห้องมองออกมาเห็น หากแต่เป็นมุมที่พอมองเห็นคนในห้องเป็นบางครั้งเมื่อมีคนไข้เดินเข้าออก หนังสือในมือที่มินโฮเตรียมมาอ่านก็เปิดค้างไว้ที่หน้าเดิมมาเป็นชั่วโมงแล้ว เพราะดวงตากลมมัวแต่ลอบมองคนในห้องเป็นพักๆ มีเพียงแต่ไอซ์ลาเต้ในมือที่ลดปริมาณลงเรื่อยๆ เป็นส่วนกลับกับความครียดกังวลที่เพิ่มขึ้น

    ดวงตากลมภายใต้แว่นกันแดดอันโตลอบมองนายแพทย์หนุ่มในห้องตรวจที่มีคนไข้เวียนเข้าออกมากมายจนคนข้างนอกเริ่มจะเวียนศีรษะแทน หากมินโฮก็ยังเห็นท่าทางกระตือรือร้นของคุณหมออยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอชางมินประดับด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนต่อคนไข้ทุกคนเสมอ มินโฮอดประทับใจในตัวของคนรักที่เอาการเอางานมากขนาดนี้ไม่ได้ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่คนรอเองก็ไม่รู้ตัวว่าคนไข้เริ่มลดจำนวนลงมากและกำลังจะถึงคิวตรวจของตนเองในอีกไม่ช้า

    ตื่นเต้นจัง...

     

     

    คุณหมอพักก่อนมั้ยคะ พยาบาลผู้ช่วยในห้องตรวจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนายแพทย์หนุ่มบิดขี้เกียจแก้เมื่อยขณะที่ยังไม่ได้เรียกคนไข้เข้ามา แค่สามชั่วโมงในช่วงบ่ายก็มีคนไข้เกือบร้อยคนที่รอคิวตรวจ แต่ชางมินก็เคลียร์เคสได้อย่างรวดเร็วเพราะส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่เคยผ่าตัดและนัดตรวจติดตาม มีอยู่บ้างที่เป็นเคสใหม่ ช่วงนี้ชางมินได้นอนน้อยกว่าปกติเพราะต้องเร่งทั้งอ่านหนังสือเพื่อสอบจบผู้เชี่ยวชาญในอาทิตย์หน้า รวมทั้งต้องแลกเวรให้ว่างยาวๆ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะบินไปหาคนรักที่อิตาลีทันทีที่สอบเสร็จ

    อ่า...ไม่เป็นหรอกครับ ก็เหลืออีกไม่กี่เคสแล้ว จะได้ไปพักเร็วๆ นายแพทย์หนุ่มยิ้มบางๆ เหลืออีกกี่เคสครับ

    อ๋อ...นี่เคสสุดท้ายแล้วค่ะ โชคดีจังนะคะ พยาบาลสาวหน้าตาน่ารักยิ้มเป็นกำลังใจให้คุณหมอชางมินพร้อมยื่นเวชระเบียนเล่มสุดท้ายให้ งั้นดิชั้นไปเรียกคนไข้เลยนะคะ

    ชางมินพยักหน้าเบาๆ พลางหมุนปากกาเล่นขณะรอคนไข้คนสุดท้าย นายแพทย์หนุ่มพลิกเวชระเบียนเล่มบางไปมาซึ่งมีแต่ประวัติเมื่อนานเกือบห้าปีแล้วซึ่งก็ดูไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่

    เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ เรียกให้นายแพทย์หนุ่มขยับนั่งตัวตรง ปลายปากกาเตรียมจรดลงบนหน้ากระดาษว่างเปล่าและเริ่มถามคำถามแรกเหมือนเช่นเคย

    สวัสดีครับ ผมชิมชางมินนะครับ วันนี้มีอาการอะไรมาครับ

    ผมรู้สึก...คิดถึงคุณหมอมากเลยน่ะครับ

    ชางมินที่เตรียมเขียนประวัติลงไปถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนไข้ที่เขาเผลอคิดว่าใครกล้ามาเล่นกับเขาแบบนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะคิดถึงของคนรัก ชางมินถึงกับต้องถอดแว่นแล้วขยี้ตาอีกทีว่าภาพที่เห็นนั้นไม่ใช่ภาพหลอนอันเกิดจากการไม่ได้นอนมาหลายคืน

    มินโฮ...จริงๆ เหรอ ชางมินแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นคนรักที่ไม่ได้เจอกันมา 4 ปีกว่ามายืนอยู่ต่อหน้าโดยไม่ได้บอกกล่าวกันมาก่อน มือหยาบเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าหวานที่กำลังมีน้ำใสเอ่อคลอบริเวณดวงตาดำขลับเป็นประกาย

    ฮยอง...ผมกลับมาแล้วนะฮะ หัวกลมๆ พยักเบาๆ ตอบคำถามเมื่อครู่ น้ำตาแห่งความคิดถึงค่อยๆ ไหลพวกแก้มสีชมพูระเรื่ออย่างไม่อาย ผมคิดถึงฮยองใจจะขาดแล้ว

    ฮยองอยู่ตรงนี้แล้วครับ คนดี ชางมินโผเข้ากอดร่างบอบบางของคนรักด้วยความคิดถึงอย่างสุดหัวใจ มือใหญ่ค่อยๆ ปาดน้ำตาของคนรักอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหวานโผเข้าซบไหล่กว้างของนายแพทย์หนุ่มด้วยความคิดถึงเช่นกัน มือใหญ่อีกข้างสัมผัสด้านหลังของคนรักหมายจะปลอบใจให้หยุดร้องไห้ หากยิ่งทำให้คนในอ้อมกอดสะอึกสะอื้นหนักเข้าไปอีก

    เด็กขี้แยเอ๊ย ร่างสูงลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ ไหนเงยหน้าให้ฮยองดูหน่อยสิ ร้องไห้แบบนี้แล้วจะให้ฮยองทำยังไงครับ

    ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาค่อยๆ เงยขึ้นสบตาชางมินที่กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาอันอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง หากดวงตากลมก็เผลอไปเห็นคุณพยาบาลสาวที่ยืนอึ้งหน้าแดงอยู่ริมห้องเมื่อเห็นฉากสวีตของคุณหมอหนุ่มต่อหน้าต่อตา

    ฮยอง~ เอ่อ คุณพยาบาลเค้า... เด็กหนุ่มก้มงุดๆ ลงไปกระซิบข้างหูชางมินอีกรอบ

    อ่า..ขอโทษนะครับ คุณมีจองกลับเลยก็ได้ครับ ไม่มีอะไรแล้วครับ มือใหญ่โอบเอวคนรักไว้แน่นหนาแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าคุณพยาบาลสาวที่เมื่อครู่ยืนเขินจนทำอะไรไม่ถูก คังมีจองค้อมศีรษะให้นายแพทย์หนุ่มเล็กน้อย อดเหลือบมองคนน่ารักที่เป็นคนรักของคุณหมอชางมินอย่างอิจฉาไม่ได้ก่อนเดินออกไปทางหลังห้อง

    ฮยองยังไม่บอกว่าคิดถึงผมสักคำเลย เด็กขี้แยปาดน้ำตาบนใบหน้าและเริ่มงอนพี่ชายคนรักที่เอาแต่กอดเขาอยู่นั่นแหละ ไม่พูดอะไรสักหน่อยรึไง ไม่งั้นก็เลิกกอดผมเลยนะ

    ขี้แยแล้วก็ขี้งอนอีกนะครับ ชางมินอมยิ้มกับความน่ารักของคนตรงหน้าที่ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้มานาน ยิ่งได้แกล้งคนน่ารักยิ่งมีความสุข แต่คนตัวเล็กกว่าก็เริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ

    คิดถึงสิครับ...ที่รักริมฝีปากหยักช่วงชิงความหวานที่ริมฝีปากอิ่มของคนขี้งอนเป็นค่าตอบแทน ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดจนชางมินเผลอหอมแก้มไปอีกทีไม่ได้ อื้มมม~ มินโฮนี่น่าหอม น่ากอดทั้งคืนเลยจริงๆนะเนี่ย

    ไอ้คนบ้า~ ชอบฉวยโอกาสจริงๆ เลย ว่าเค้าแต่ก็อมยิ้มอยู่จนแก้มแทบแตก ความกังวลและสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มลายหายไปเพียงแค่ได้พบหน้ากัน...เพราะความรู้สึกในขณะนี้แจ่มชัดเสียเหลือเกินว่าอีกฝ่ายคือคนสำคัญที่สุดของกันและกันมาตลอดเวลา

    แล้วมินโฮสบายดีรึเปล่า ชางมินพิศมองใบหน้าหวานของคนรักอย่างตั้งใจ ดวงตากลมโตชวนมองประดับกับแพขนตางอนยาวบนใบหน้าหล่อเหลาที่ชางมินเห็นว่าดูโตขึ้นเป็นชายหนุ่มเต็มตัวเสียแล้ว แต่กิริยาแบบเด็กๆ ไม่ได้ทำให้ชางมินรู้สึกว่ามินโฮโตขึ้นแม้แต่น้อย หล่อขึ้นขนาดนี้ สาวๆ มาหาเพียบเลยสิ

    ฮ่าๆ ก็เยอะอยู่นะฮะ คำตอบของคนรักทำให้ชางมินหน้าเสียไปนิดหน่อย ก็เขาหวงมินโฮจะตายแค่ไม่ค่อยแสดงออกให้อีกฝ่ายรับรู้ ผมน่ะเป้าหมายพวกสาวๆ อเมริกันเชียวนะ ไม่อยากจะบอก ท่าทางภาคภูมิใจของมินโฮยิ่งทำให้ชางมินรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

    เหรอครับ ชางมินขานรับเสียงต่ำ ใบหน้าหล่อเหลาตึงเครียดขึ้นมาจนทำให้มินโฮเริ่มกลัวขึ้นมาบ้าง

    ผมล้อเล่นน่า...นอกจากฮยองแล้ว ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ มินโฮมองลึกไปในดวงตาคมของอีกฝ่ายและเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจให้ได้ฟังจึงค่อยๆ เรียกรอยยิ้มจากชางมินกลับมาได้อีกครั้ง

    ฮยองกลัวมาก...มากๆ เลยรู้มั้ย ว่าถ้าเรากลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ชางมินดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดอีกครั้ง หัวใจของเขายังคงเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกับมินโฮ แต่มินโฮก็ยังรู้สึกกับฮยองเหมือนเดิม ขอบคุณนะครับ

    ผมก็ขอบคุณฮะ...ขอบคุณที่เรายังเหมือนเดิม

     

     

     

    สายลมแผ่วเบาที่ปะทะผิวหน้าระหว่างที่รถสปอร์ตคันงามของนายแพทย์หนุ่มกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ริมแม่น้ำฮัน แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์สีส้มทองกำลังลาลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงสีส้มเข้มตัดกับท้องฟ้าสีเทาหม่นจนกลายเป็นเส้นขอบฟ้าสีม่วงอันอยู่ไกลลิบตา หัวใจสองดวงที่กำลังเต้นด้วยจังหวะเดียวกันรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาดจากความเหนื่อยล้าทั้งหลายในรอบวัน มือแกร่งกอบกุมมือเล็กของคนรักไว้ข้างกายหลวมๆ หากยังส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นให้แก่กันและกันได้อย่างไม่บกพร่อง ดวงตาคมลอบมองคนรักที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางที่เปลี่ยนไปไม่น้อยจากเมื่อหลายปีก่อน รอยยิ้มบางๆ ที่ประดับบนใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความสุขของคนรักที่ส่งผ่านมายังคนข้างๆ ด้วย

    “ฮยองจะพาผมไปไหนเหรอฮะ” สักพักเมื่อรถคันงามเปลี่ยนทิศทางสู่สะพานข้ามแม่น้ำฮันแล้ว มินโฮที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางจึงเอ่ยถามขึ้น

    “ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน มินโฮอยากกินอะไร”

    “อืมม์ อะไรก็ได้ฮะ” มินโฮเอียงคอคิดนิดหน่อย แต่ก็นึกไม่ออกว่าอยากทานอะไรเป็นพิเศษเพราะตอนนี้ก็รู้สึกอิ่มเอิบกับความสุขตรงหน้าจนไม่อยากทานอะไรแล้ว...แต่กับชางมินผู้รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ ความสุขในชีวิตของผู้ชายคนนี้รวมเรื่องอาหารอร่อยๆ ไว้ด้วยเสมอ ชเวมินโฮรู้ดี

    “อาหารยุโรปนายคงเบื่อแย่แล้วสิ” ชางมินเหลือบมองใบหน้าครุ่นคิดของมินโฮเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ทำให้ชางมินอดอมยิ้มในความจริงจังของคนรักไม่ได้

    “ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ ฮยองไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบซะหน่อยนะ”

    “เปล่าเครียดนี่ฮะ” มินโฮส่ายหัวปฏิเสธฉับพลัน ดวงตากลมจ้องมองคนรักที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ข้างๆ “ฮยอง...ผมว่าเราไปกินอาหารเกาหลีกันนี่แหละ คิดถึงกิมจิ ทันมูจี จาจังมยอนชะมัดเลย”

    “ได้สิ...แต่ฮยองพานายไปที่ๆ นึงก่อนได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามเชิงขอร้อง

    “ถ้าฮยองไม่หิวตอนนี้ ไปที่ไหนก่อนก็ได้ฮะ ผมก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” มินโฮไม่ปฏิเสธคำขอพร้อมยิ้มพร้อมคำตอบให้อีกหนึ่งที ศีรษะเล็กค่อยๆ เอนลงบนไหล่กว้างของสารถีรูปหล่อที่นั่งเคียงข้างอย่างผ่อนคลาย

    “ผมมีความสุขชะมัดเลย อยากให้ทุกวันเป็นแบบนี้จัง” มินโฮเอ่ยเบาๆ แม้จะรู้ว่าไม่มีทางเป็นจริง เพราะชางมินมีภารกิจอันแสนยุ่งเหยิงมากมายในแต่ละวัน แค่วันนี้มีเวลาออกมาขับรถกินลมเล่นกับมินโฮได้ก็นับว่าเป็นวันที่พิเศษมากๆ แล้ว

    “ฮยองก็อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน...” ปากหยักประทับจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากกลมกลึงของคนรักอย่างทะนุถนอม “ขอโทษนะครับคนดีที่ฮยองต้องงานยุ่งแบบนี้ไปอีกหลายอาทิตย์ แต่หลังจากนั้นเราคงมีเวลามากขึ้น”

    “ผมเข้าใจฮะ ช่วงนี้ผมก็คงต้องปรับตัวกับงานที่มหาวิทยาลัยเหมือนกัน” มินโฮนึกถึงภาระงานหลังจากกลับจากเรียนจบปริญญาเอกที่อิตาลี เขาก็ต้องทำงานใช้ทุนที่มหาวิทยาลัยในฐานะอาจารย์ แม้ฐานะทางครอบครัวของมินโฮเรียกว่าอยู่ในขั้นมหาเศรษฐี แต่เด็กหนุ่มยังรู้สึกสนุกที่ได้ทำงานกับคนอื่นๆ ก่อนจะเข้าไปรับตำแหน่งบริหารในธุรกิจของครอบครัวในอนาคตตามชเวซีวอนผู้เป็นพี่ชาย

    Maserati GranCabrio สีควันบุหรี่ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงจอดบริเวณตีนเนินเขาสูง เห็นกังหันลมสีขาวด้านบนหมุนเอื่อยๆ ไกลลิบตาเป็นแนวยาว ชางมินก้าวลงไปเปิดประตูอีกฝั่งในคนรักที่ยังดูสับสนเล็กน้อยที่อยู่ดีๆ พามายังสวนสาธารณะแห่งนี้ในยามค่ำ ซึ่งโดยทั่วไปสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้ท้องฟ้าที่สุดในกรุงโซล ส่วนมากคนมักจะเดินขึ้นเขาเพื่อออกกำลังกายในยามเช้าหรือเย็น แต่เมื่อพลบค่ำมักจะไม่ค่อยมีใครมาเดินเล่นแถวนี้ด้วยลมที่ค่อนข้างแรงและเป็นสถานที่เปลี่ยวหากมาเดินเพียงคนเดียว

    “ฮยองพาผมมาออกกำลังกายเหรอฮะ” มินโฮถามติดตลก เพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่พามายังที่แห่งนี้สักเท่าไหร่ บางทีเขาก็ต้องการสถานที่โรแมนติคไว้สวีตบ้างอะไรบ้าง

    “นายไม่เคยปีนขึ้นไปจนสุดใช่มั้ย บนนั้นสวยมากเลยนะ” ชางมินกุมมือมินโฮแน่นพลางพาเดินไปยังทางขึ้นที่เป็นบันไดวนขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดสายตาจนคนที่ไม่คุ้นเคยสถานที่แบบมินโฮอดถอนหายใจไม่ได้

    “ผมไม่ได้ออกกำลังกายจริงจังมาตั้งนานแล้วอ่ะ ไม่ไหวหรอก” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นความต้องการแรงกล้าในดวงตาของคนรักที่อยากพาเขาขึ้นไปข้างบนภูเขาสูงแห่งนี้จริงๆ

    “เอาน่า นายยังไม่หิวสักหน่อย เราค่อยๆ เดินไปพร้อมๆ กันก็ได้นี่” ชางมินยิ้มให้กำลังใจร่างบอบบางที่ยืนสั่นจากลมแรงอยู่ข้างๆ เขาจึงเสียสละผ้าพันคอเนื้อดีไปพันรอบลำคอระหงของคนรักเพื่อเพิ่มความอบอุ่น “มันน่าจะอุ่นขึ้นนะ”

    “แล้วฮยองไม่หนาวเหรอฮะ” มินโฮทำท่าจะแกะผ้าพันคอออกแต่มือหนาก็ดึงข้อมือของเด็กดื้อมากุมเอาไว้แทน

    “เราไปกันเถอะ”

    ชางมินจูงมือมินโฮขึ้นบันไดเวียนแต่ละขั้นๆ จากความเหน็ดเหนื่อยในช่วงแรก มินโฮก็เริ่มปรับตัวได้และเริ่มเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของกรุงโซลชัดขึ้น เขาก็เริ่มรู้สึกสนุกและวิ่งแซงชางมินที่กำลังเดินขึ้นไปอย่างใจเย็น แต่สักพักก็หมดแรงจนนั่งหอบคาบันไดอยู่พักใหญ่ ชางมินก็เดินขึ้นมาจนทันพอดี

    “ซนดีนัก ค่อยๆ เดินขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่เหนื่อยหรอก” ชางมินก้มลงขยี้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของมินโฮที่นั่งพิงราวบันไดพร้อมหอบแฮ่กๆ ร่างสูงค่อยๆ ย่อลงนั่งด้านข้างพร้อมโอบกระชับเอวบางไว้หลวมๆ

    “เหนื่อยแล้ว ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย” เสียงหวานบ่นกระปอดประแปดและซุกกายลงในอ้อมกอดของคนรักเพื่อหลบลมที่พัดแรงมากขึ้นตามความสูงที่มากขึ้น “ฮยองขับรถขึ้นมาก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากปีนกันขึ้นมาเลย”

    ชางมินพยักหน้าเข้าใจ มือหนากอดกระชับร่างบอบบางข้างกายอย่างแน่นหนา “อีกนิดเดียวเอง...ฮยองอยากให้มินโฮเห็นข้างบน มันสวยมากจริงๆ”

    “อืมม์ ก็ได้ฮะ” คนน่ารักรู้สึกผิดที่เอาแต่ใจกับชางมินมากจนเกินไปทั้งๆ ที่ชางมินตามใจเขามาตลอดทั้งวันแล้ว “งั้นเรารีบไปกันเถอะ ผมก็อยากเห็นข้างบนเหมือนกัน”

    ไม่นานนักทั้งคู่ก็ขึ้นมาถึงด้านบนของเขาสูง มินโฮตื่นเต้นเมื่อเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันแสนสวยงามของกรุงโซลเต็มตา ด้านล่างเป็นแม่น้ำฮันที่ไหลอย่างเชื่องช้าจนดูคล้ายสงบนิ่ง ช่างแตกต่างกับรถยนต์มากมายบนถนนที่เคลื่อนตัวอย่างเร่งรีบจนชวดปวดหัว

    ชางมินพามินโฮเดินลึกเข้าไปยังสนามหญ้าสีเขียวขจีที่เริ่มแตกใบอ่อนแห่งฤดูใบไม้ผลิ แสงเทียนสีส้มที่เรียงตัวเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่เต็มความกว้างของสนามหญ้ากำลังส่องแสงระยิบระยับไหวไปตามแรงลมแผ่วเบาในทิศทางเดียวกัน อยู่ดีๆ น้ำใสก็ไหลคลอดวงตากลมโตดำขลับที่ส่องประกายสว่างไสวไม่แพ้แสงเทียนเบื้องหน้า

    “ชอบรึเปล่า...มินโฮ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความขลาดเขิน ปกติเขาไม่ใช่คนโรแมนติคเสียด้วย พออยู่ในบรรยากาศแบบนี้เข้าจริงๆ คนที่เคยมีความมั่นใจกับทุกเรื่องอย่างชิมชางมินกลับเริ่มทำตัวไม่ถูก

    “ทำไมต้องทำขนาดนี้ฮะ ไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนี้ก็ได้”

    “ไม่ได้หรอก ก็มินโฮเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้” ดวงตาคมจดจ้องใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความประทับใจ “ฮยองทำมินโฮร้องไห้สองรอบเลยนะวันนี้” มือหนาปาดน้ำตาที่กำลังไหลพรั่งพรูจากดวงตาของคนรักด้วยความเอ็นดู “ขอโทษจริงๆ”

    “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ลำบากเดินมาด้วยกันตั้งไกล...” ชางมินคว้ามือสองข้างของคนรักมากุมให้ความอบอุ่น “ถ้าฮยองจะขอให้มินโฮ...เดินเคียงข้างไปด้วยกันตลอดชีวิต จะยากเกินไปรึเปล่า”

    “...ฮยองขอผมแต่งงานรอบที่สองแล้วนะ คราวนี้เอาจริงใช่มั้ยฮะ” ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขิน น้ำตาค่อยๆ ซึมออกมาอีกรอบโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อพี่ชายคนรักค่อยๆ บรรจงสวมแหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลาลงบนนิ้วนางด้านซ้าย

    “แต่งงานกันนะ...ชเวมินโฮ”

    “อื้อ...”

    มินโฮพยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาด้วยความประหม่า ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นกับการขอแต่งงานโดยไม่ทันได้ตั้งตัว พลุสีสดใสก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าสีดำสนิทเพื่อแสดงความยินดีกับความรักของคนทั้งคู่ ริมฝีปากอบอุ่นเคลื่อนเข้าบดขยี้บนกลีบปากบางสีกุหลาบอย่างแผ่วเบาแต่ค่อยๆ ทวีความร้อนแรงมากขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเผยอริมฝีปากให้เรียวลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้าไปฉวยโอกาสเก็บเกี่ยวความหอมหวานที่แสนคิดถึงมาหลายปีที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ร่างบอบบางแทบทรงตัวไม่อยู่เมื่อชางมินเริ่มเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อเรียวลิ้นไร้เดียวสาอย่างเชี่ยวชาญ ความเสียวซ่านแพร่ผ่านทุกอณูความรู้สึกจนมินโฮไม่สามารถควบคุมเสียงครางเครืออันน่าอาย หากอีกฝ่ายกลับยิ่งได้ใจและรุกล้ำและไล่ต้อนอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละจนคนตัวเล็กกว่าต้องพยายามทุบไหล่กว้างสามสี่ครั้งเพื่อประท้วงขอเวลาหายใจสักนิด

    “แฮ่กๆๆๆ...ฮยองร้ายกาจที่สุด” มินโฮเขวี้ยงค้อนวงเบ้อเริ่มให้หนึ่งทีก่อนจะหอบหายใจอย่างหนักเพื่อนำอากาศเข้าร่างกายอีกครั้งหลังจากโดยช่วงชิงลมหายใจโดยไม่ทันตั้งตัวยาวนานเกือบสามนาที

    “ก็มินโฮน่ากอด น่าจูบ น่าฟัดขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว”

    “น่าไม่อายจริงๆ ชิมชางมิน ฮึ่ยยยย...บอกว่าจะแต่งงานด้วย ไม่ได้บอกว่าให้จูบสักหน่อย” คนน่ารักทำหน้างอซึ่งก็ยังดูน่ารักน่าแกล้งในสายตาของชางมินอยู่ดี มินโฮเดินหนีคนตัวสูงกว่าได้ไม่นานก็โดนโผเข้ากอดจากด้านหลังพร้อมทั้งเสียงกระซิบแผ่วเบาชวนหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน

    “ทำอย่างกับไม่เคยงั้นแหละ...คืนนี้ไม่ต้องนอนแล้ว ชเวมินโฮของชิมชางมิน”

     
    ::Love is never gone...ChangMinHo Forever::



    Talk with Writer >O<

    เพิ่งปั่นเสร็จสดๆ ร้อนๆ ค่ะสำหรับฟิคเรื่องนี้ โอ้ยยยย นานมากกกกกว่าจะเขียนออกมาได้ เพราะจริงๆ ไม่ได้วางพลอตต่อไว้สำหรับ "เธอยัง" เลย อยากให้จบค้างๆ แบบนั้นอ่ะค่ะ 
    แต่มีหลายเสียงเรียกร้อง (พูดเหมือนมีเยอะมาก - -") บอกว่าอยากอ่านต่อ ได้ค่า จัดไป!!!
    และแน่นอนว่ามันก็ต้องหว๊านนนน...หวานอีกเช่นเคย ไรทเตอร์ไม่เคยจะพ้นแนวนี้ได้จริงๆ T-T
    แต่ว่าก็ไม่ได้จัดให้ชางมินโฮเค้า NC กันเหมือนเรื่องที่แล้วนะคะ ไม่งั้นอีกนานกว่าจะได้อ่านค่ะ เพราะฉากแบบนั้น ใช้จินตนาการและประสบการณ์(จากการอ่าน ย้ำค่ะ อ่านมานะคะ)มากมายยย
    เอาจริงๆ ก็อยากให้มันไปต่อค่ะ แต่ไรทเตอร์คงต้องไปอ่านหนังสือที่ทิ้งร้างมาหลายสัปดาห์บ้างแล้ว ก่อนเขาจะงอกไปมากกว่านี้ กรั่กๆ แต่ก็อยากเขียนง่ะ เอาเท่านี้ไปก่อนละกันนะคะ
    ถ้ามีเวลาและพร้อม ไรทเตอร์จะมาสานต่อ NC ทีหลังให้เป็นภาคพิเศษละกันนะคะ แต่ไม่รับปากว่าจะอีกนานแค่ไหน ><"
    (ถ้ามีผู้อ่านเรียกร้องมาก ก็อาจจะมาเร็วก็ได้นะ ใครจะไปรู้  ><) 

    สำหรับเรื่องที่ผ่านมา ขอบคุณจากใจจริงค่ะสำหรับคอมเม้นทั้งหลาย ขอบคุณมากกกกกก *น้ำตาไหลพรากๆ*
    ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาเม้นถึงห้าคนสิบคนด้วยซ้ำ เกินความคาดหมายไปมาก ขอบคุณมากๆ เช่นกันค่ะ
    (แต่เม้นอีกก็ได้นะคะ ไม่ว่าอะไรเล้ยยย เค้าชอบอ่านคอมเม้นมากกกก ^^)

    ไว้เจอกันเรื่องหน้าเมื่อชาติต้องการ...
    ส่วนจะเป็นเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวก็คอยติดตามกันนะฮับ ><
    ขอบคุณสำหรับทุกรอยยิ้มที่มีให้กับฟิคของเรานะคะ ^^;;

    With Love,
    Korazy_Minnie

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×