คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] เด็กข้างบ้าน ตอนที่ 2/2 (100% แล้วค่า ^^)
ครบ 100% แล้วนะคะ แปะ NC ไว้ให้เรยค่าเพื่อความสะดวก
หวังว่าจะไม่มีใครมาแบนเค้าน้า 555+ ไปอ่านเรยจ้า
Title: [SF] เด็กข้างบ้าน Part 2
Author: korazy_minnie
Couple: ChangminHo (Changmin x Minho)
Gerne: Romantic, Erotic
Rating (for this part): NC-17
Note: ชางมินโฮจะทำให้คุณลืมหายใจ ><!!!
ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักภายใต้ผ้านวมผืนหนาบนเตียงนุ่มขาวสะอาด การจะลืมตาเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกิน ทั้งปวดหัวทั้งปวดร้าวไปหมดตามกระบอกตา แต่ดวงตากลมโตก็พยายามเบิกขึ้นช้าๆ เพื่อสู้แสงแดดจ้าภายนอกที่ส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใสที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านเอาไว้เช่นปกติ
หลังจากปรับสายตากับแสงสว่างจ้าได้สักพัก เด็กหนุ่มก็นอนกลอกตามองรอบข้าง...นี่มันห้องนอนเขานี่นา
มินโฮจำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ว่ามาถึงบ้านด้วยวิธีไหนและใครเป็นคนพามาส่งเมื่อคืนนี้ รู้ตัวจริงๆ ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ดื่มเบียร์ไปได้สักสามสี่ขวด และลองเหล้ารัมที่อีแทมินเพื่อนตัวเล็กในกลุ่มเป็นคนสรรหามาให้พร้อมอวดอ้างสรรพคุณว่ารสชาติดีมาก กลิ่นหอมหวานของรัมทำให้มินโฮติดใจจนเผลอดื่มไปเรื่อยๆ จนไม่จำแทบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น
ร่างบอบบางยันตัวขึ้นพิงหัวเตียงด้วยท่าทางที่ไม่มั่นคงนัก ดวงตากลมมองผ่านประตูกระจกใสผ่านระเบียงไปยังบ้านข้างๆ เขารู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไม่ได้บอกชางมินว่าจะไปดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ เหมือนที่เคยทำตามปกติ เพราะอยู่ดีๆ ยงฮวาก็ชวนพวกเขาไปดื่มกันต่อหลังจากไปทานข้าวเลี้ยงฉลองสอบจบม.ปลายกันแล้ว
มือเรียวควานหาโทรศัพท์มือถือที่ปกติมักจะวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แต่กลับว่างเปล่า มีเพียงเครื่องดื่มแก้เมาค้างที่ติด post it สีเหลืองอ๋อยและลายมือไม่ค่อยสวยที่แสนคุ้นตาบนนั้น
ตื่นแล้วก็ดื่มซะจะได้หายเมาค้าง...^^
ถึงไม่ลงชื่อมินโฮก็รู้ว่าฝีมือใคร เด็กหนุ่มยิ้มคนเดียวพลางมองไปยังพี่ชายข้างบ้านก็เห็นร่างสูงโปร่งกำลังขนอุปกรณ์เขียนแบบออกมาที่ระเบียง อากาศดีๆ แบบนี้มินโฮรู้ว่าชางมินชอบออกมานั่งทำงานหรือไม่ก็อ่านหนังสือข้างนอกพร้อมกาแฟอเมริกาโน่แก้วโปรด มือบางคว้าขวดเครื่องดื่มแก้เมาค้างแล้วลุกเดินไปยังประตูเพื่อไปแอบมองใกล้ๆ แต่เหมือนใจจะตรงกัน ดวงตากลมโตประสานเข้ากับคนตัวโตที่แอบมองอยู่พอดี
คนข้างบ้านส่งยิ้มมาให้หนึ่งที สาบานได้ว่ามินโฮรู้สึกว่ามันแปลกๆ...ไปกว่าทุกวัน หรือว่ายังเมาค้างอยู่ตาเลยลายๆ ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาของชางมินมันวิบวับๆ แข่งกับแสงแดดได้ขนาดนั้น
ชางมินเดินมาใกล้ระเบียงมากขึ้นพลางกวักมือเรียกให้เด็กหนุ่มที่ยืนอึ้งอยู่ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ร่างสูงเลยตะโกนเรียกซะเสียงดัง
“มินโฮฮฮฮฮฮ~~”
“อะไร ตะโกนอย่างกับเด็กประถม” มินโฮเก๊กหน้าเซ็งใส่พี่ชายข้างบ้านที่ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ที่ระเบียงอีกฝั่ง อยากจะขำจะตาย ถ้าใครมาเห็นผู้ชายหน้าตาดีแต่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าแบบนี้ก็ไม่ไหวจะไม่ขำหรอกนะ
“ดื่มรึยัง” คนข้างบ้านชี้มายังขวดเครื่องดื่มแก้เมาค้างสีแดงสดใสที่อยู่ในมือของมินโฮ
“ยัง แล้วรู้ได้ไงว่าผมเมาถึงได้เอามาให้เนี่ย” ดวงตากลมโตฉายแววสงสัย เมื่อคืนชางมินอาจเห็นจินกิหรือใครสักคนมาส่งที่บ้าน เด็กหนุ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อยในท่าทางใจดีโอเว่อร์ของชางมินที่ปกติชอบดุเวลามินโฮกลับบ้านดึกดื่น
วันนี้มาแปลก
“ห๊ะ” คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาขมวดเป็นปม “นี่จำเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ อ่ะ”
“ใครจะไปจำได้ เมาไม่รู้เรื่องขนาดนั้น ถามเหมือนชางมินไม่เคยเมางั้นแหละ” มินโฮตอบไปแบบงงๆ ทำเป็นแกล้งโง่หรือไง คนเมาจะให้จำอะไรได้เล่า!!!
“...”
“ผมเวียนหัว ไปนอนต่อแล้วนะ” ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำเล็กน้อยต่อสู้กับแสงแดดอันร้อนแรงที่ชวนปวดหัวเวลาเมาค้างแบบนี้ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันขอบคุณพี่ชายข้างบ้านที่อุตส่าห์เป็นห่วง “ชางมิน...ขอบคุณนะ”
“เดี๋ยวมินโฮ...” เสียงต่ำดังขึ้นด้านหลังทำให้มินโฮชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปอีกครั้ง
“มีอะไรฮะ?”
“เอ่อ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก นายไปนอนเหอะ พี่จะทำงานเหมือนกัน” ชางมินเปลี่ยนใจกะทันหันที่จะเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เพราะดูท่าทางมินโฮดูไม่ค่อยสบายและไม่น่าจะจำเรื่องเมื่อคืนได้จริงๆ ...
หลังจากล้มตัวลงนอนได้ไม่นานนัก โทรศัพท์บ้านของมินโฮก็ดังขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีโทรศัพท์มาขัดจังหวะการนอนอันแสนสบายของเขา มินโฮเดินไปรับโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโซฟานั่งเล่นในห้องของเขาแบบเนือยๆ
“สวัสดีฮะ” มินโฮกรอกเสียงลงไปอย่างเซ็งๆ
“เฮ้ มินโฮ นี่จินกิเองนะ เอ่อ นายทำไรอยู่ป่ะ”
“ก่อนนายโทรมาฉันก็นอนอยู่ไง เวียนหัวอ่ะ” มินโฮบ่นงุ้งงิ้ง พลางทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ โทรศัพท์ “นี่ เมื่อวานนายมาส่งที่บ้านใช่มั้ย ขอบคุณนะเว่ย”
“ไอ่บ้า พี่ชางมินต่างหากที่ไปรับนายกลับมาน่ะ”
“อะไรนะ? ชางมินน่ะเหรอ...” เด็กหนุ่มถึงกับตกใจพลางพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่เหมือนความคิดยังไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่นักจึงถามเพื่อนรักต่อ “ไปรับที่โน่นเลยนะเหรอ”
“ใช่ดิ เมื่อวานที่นายเมาแล้วไปนั่งคุยกับผู้ชายคนนึงในคลับน่ะ โหย...สายตาพี่ชางมินงี้แทบจะฆ่าไอ้คนนั้นให้ตาย” จินกิเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ยังอดกลัวท่าทางโหดๆ ของพี่ชายที่ปกติจะใจดีกับน้องๆ ไม่ได้
“ละ...แล้วไงอีก เมื่อคืนชั้นจำอะไรไม่ได้เลย” มินโฮอดนึกไปถึงสายตาแปลกๆ ที่ชางมินมองเขาเมื่อครู่นี้ไม่ได้ สายตาที่ดูเศร้าๆ และปนความผิดหวังบางอย่างจนน่าเจ็บปวด...ซึ่งมินโฮไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่นายพูดจริงป่ะ พี่ชางมินเสียใจแย่...” จินกิถอนหายใจ คิดว่าควรจะพูดถึงเรื่องราวเมื่อคืนทั้งหมดให้มินโฮรู้ดีหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ไปคุยกับเจ้าตัวเอง
“แล้วทำไมชางมินจะต้องเสียใจด้วย นายเล่ามาดิ...เร็วๆ” หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเด็กหนุ่มนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้เลือนราง เหมือนจะจำได้ว่าเขานั่งดื่มอะไรบางอย่างกับผู้ชายที่ชื่อคยูฮยอน แล้วชางมินก็เข้ามาหา
ลากเขาออกไป อะไรทำนองนี้
“เอางี้ เดี๋ยวฉันกำลังจะเอากระเป๋านายที่ลืมไว้ไปคืน ค่อยเล่าทีเดียวดีมั้ย” จินกิเสนอ เพราะคิดว่าคงคุยกันอีกยาว
“อือๆๆ นายรีบมาเลยนะ”
หลังจากวางสายมินโฮก็ได้แต่เดินกระวนกระวายภายในบ้านอยู่คนเดียว ทำไมเขาจำเรื่องเมื่อคืนที่ดูเหมือนจะสำคัญแทบไม่ได้ ดวงตากลมแอบมองพี่ชายข้างบ้านที่นั่งทำงานอยู่ที่ริมระเบียง ใบหน้าที่จริงจังยามทำงานของชางมินดูมีเสน่ห์เสียจนคนแอบมองอดใจสั่นไม่ได้ แววตามุ่งมั่นของชางมินเวลาตั้งใจทำอะไรสักอย่างก็ดูดีจนมินโฮไม่อยากละสายตาไปไหน
ว่าแต่...
มินโฮก้มลงดูชุดนอนลายทางตัวโปรดของเขา ก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้ใส่ชุดนี้ไปเที่ยวแน่นอน คิดแล้วก็อดรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าไม่ได้ แสดงว่านอกจากจะไปรับเขากลับมา อุ้มขึ้นไปนอนข้างบน แถมยังเปลี่ยนชุดให้อีก...แค่คิดก็จะเป็นลมตายไปตอนนี้ให้ได้
ติ๊งต่อง...
เสียงกริ่งดังขึ้นหน้าบ้านเรียกสติของคนใจลอยกลับมา มินโฮจึงรีบวิ่งไปเปิดทันทีซึ่งก็เป็นอีจินกิที่มาพร้อมกับอีแทมินที่ส่งยิ้มสดใสมาให้เป็นการทักทาย
“เอ้า กระเป๋านาย” จินกิโยนกระเป๋าสะพายใบโปรดของมินโฮให้ “นี่จะไม่เชิญแขกเข้าบ้านเลยรึไงเนี่ย อุตส่าห์เอาของมาให้ถึงบ้าน”
“เออ ลืม เข้ามาดิ” มินโฮเปิดบ้านเชิญจินกิและแทมินไปในห้องนั่งเล่น ส่วนตัวเองก็ไปเตรียมน้ำและขนมมาให้ตามมารยาทของเจ้าบ้าน
“มินโฮไม่ต้องก็ได้นะ เดี๋ยวพวกเราจะไปกินข้าวข้างนอกกันอยู่แล้ว” แทมินเอ่ยเสียงใสขณะเดินตามมินโฮเข้าครัว
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” มินโฮว่าพลางยกน้ำดื่มและขนมขบเคี้ยวเล็กน้อยออกไป “แล้วเมื่อคืนนายกลับบ้านยังไง”
“แหะๆ นอนบ้านจินกิอ่ะ” แทมินยิ้มเขินๆ ถึงใครๆ จะรู้ว่าเขาคบกับจินกิแล้วแต่ก็รู้สึกเขินอายที่จะพูดเรื่องแบบนี้ทุกที “แต่ไม่มีอะไรนะ ไปนอนเฉยๆ”
“เอ่อ...ถึงนายจะมีอะไรกัน ฉันก็จะว่าอะไรล่ะ ฮ่าๆๆ” มินโฮหัวเราะอารมณ์ดีแต่เล่นเอาคนฟังหน้าแดงไปถึงหูแล้วก็พาลเขินจนทุบไหล่เพื่อนรักอั้กๆ
“มินโฮบ้าชะมัด >////<” เพื่อนตัวเล็กเดินงอนไปหาจินกิที่นั่งอ่านการ์ตูนที่มินโฮวางทิ้งไว้อย่างสนุกสนาน “จินกิ มินโฮนิสัยไม่ดี ไม่ต้องเล่าให้มินโฮฟังดีกว่า”
“เหรอ...มินโฮแกล้งแทมินของผมเหรอครับ” จินกิแกล้งทำเป็นปลอบใจแทมินที่ส่งสัญญาณว่าอยากจะแกล้งมินโฮที่ตอนนี้ทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ซะแล้ว “เฮ้ยยยย ล้อเล่นน่า ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็ได้”
“แทมินล้อเล่นเฉยๆ มินโฮอย่าเครียดดิ” แทมินเข้าไปลูบหลังเบาๆ และพามินโฮที่ทำแก้มป่องงอนๆ มานั่งข้างๆ “จินกิ เล่าสิ” ดูจากการออกคำสั่งก็คงรู้แล้วว่าคู่จินกิกับแทมิน ใครใหญ่กว่าใคร
จินกินั่งเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังว่าเขาเป็นคนโทรไปหาชางมินให้มารับเอง แล้วมินโฮก็เมาจนไม่รู้เรื่องและไปนั่งดื่มต่อกับผู้ชายคนหนึ่งในคลับ พอดีชางมินเข้ามาเลยเห็นเหตุการณ์นั้นเข้าพอดี ชางมินดูโกรธมากแล้วรีบพามินโฮกลับทันที
“มันก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่” มินโฮรู้สึกประหลาดใจ เขานึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียอีกเพราะน้ำเสียงจินกิตอนที่โทรมาดูตื่นเต้นมาก
“มันไม่ใช่แค่นั้น...” จินกิยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะตอนที่ฉันเห็นว่านายลืมกระเป๋าก็รีบวิ่งตามนายกะพี่ชางมินไปที่รถน่ะ
ฉันก็เห็นพี่ชางมินกับนายกำลังจูบกัน”
“ห๊า...?” มินโฮร้องเสียงหลง “มันมืดแล้วนายตาฝาดอ่ะดิ”
“ไม่ฝาดชัวร์ ก็เห็นทั้งภาพ ได้ยินทั้งเสียง...ฉันว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้เมาเลยนะ ชเวมินโฮ” จินกิพูดจบคนฟังก็ได้แต่นั่งหน้าแดงทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยๆ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เมื่อถูกจินกิสะกิดเข้านิดหน่อย...ความทรงจำก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาที
“...ฉันมั่นใจว่าพี่ชางมินชอบนายนะมินโฮ สายตาที่เค้ามองนาย มันไม่ใช่แค่พี่น้องน่ะ” จินกิย้ำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าสิ่งที่เห็นชางมินปฏิบัติต่อมินโฮมาตลอด รวมทั้งเมื่อคืนนี้แสดงความรู้สึกของอีกฝ่ายชัดเจน เพียงแต่ทั้งคู่ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจให้กัน เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์รูปแบบใหม่อาจจะเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเดิม
“ฉันไม่รู้จะทำยังไง...ถ้าเค้าไม่ได้รู้สึกแบบที่ฉันรู้สึกมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ อย่างน้อยให้ฉันมีที่ยืนอยู่ตรงนี้...”
“แล้วมินโฮจะแอบรักพี่ชางมินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ น่ะเหรอ” แทมินเอ่ยขึ้น “เราว่าพี่ชางมินชัดเจนกับมินโฮมาก แค่มินโฮเปิดใจให้พี่ชางมินเข้ามาจริงๆ สักครั้งสิ เราอยากให้มินโฮมีความสุขนะ”
“ทำตามที่ใจนายต้องการเถอะมินโฮ ถ้านายมัวแต่กลัวและอยู่ที่เดิมไปตลอด นายอาจจะเสียพี่ชางมินที่ดีกับนายขนาดนี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้นะ” จินกิตบไหล่ให้กำลังใจมินโฮพร้อมกับขอตัวกลับพร้อมกับแทมิน ทิ้งให้มินโฮนั่งจมอยู่กับความคิดเพียงคนเดียว
มินโฮคว้ากระเป๋าที่จินกิคืนแล้วควานหาโทรศัพท์ที่นอนสงบนิ่งอยู่ในกระเป๋า นิ้วเรียวสวยเลื่อนเบาๆ ยังหน้าจอสัมผัสก็พบมิสคอลจากคุณแม่ที่โทรมาจากแคนาดา และข้อความหลายอันซึ่งหนึ่งในนั้นมีข้อความของพี่ชายข้างบ้านส่งมา...
“ทำอะไรอยู่ ฝนตกโคตรแรงเลย กลัวรึป่าว...”
เปลือกตาบางขยับเพื่อกักเก็บน้ำตาที่รื้นขึ้นมาเล็กน้อย...ตัดสินใจแล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
(มาต่อแร้วจ้า ><)
ชางมินที่นั่งทำงานอยู่ริมระเบียงท่ามกลางอากาศเย็นสบายพลางจิบกาแฟแก้วโปรด ปกติเพียงเท่านี้ชางมินก็มีสมาธิทำงานได้ทั้งวันแล้ว แต่วันนี้แค่ทำงานได้สักพัก สายตาก็อดมองไปยังระเบียงบ้านข้างๆ ไม่ได้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรและกำลังทำอะไรอยู่ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ที่ชางมินตัดสินใจที่จะเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดแล้ว...หากแต่ตอนนี้เขากำลังเสียใจที่อีกฝ่ายกลับจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยไปถึงสิ่งต่างๆ ออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงชะโงกลงไปดูก็เห็นเด็กหนุ่มข้างบ้านหอบชีทกองใหญ่ยืนทำหน้าตาลังเลอยู่หน้าบ้าน ซึ่งไม่นานมารดาของชางมินก็เดินออกมาเปิดรับมินโฮที่ปกติก็เดินเข้านอกออกในบ้านของชางมินแทบไม่ต่างกับบ้านของตัวเอง
“ชางมิน~ น้องมาหาแน่ะ” เสียงมารดาของชางมินดังขึ้นเหมือนทุกๆ ครั้ง หากแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้ามินโฮอีกครั้งด้วยความผิดหวังและยิ่งรู้สึกผิดที่ล่วงเกินคนที่ตนเองแอบรักทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายแทบครองสติไม่อยู่...
“ฮะ” ชางมินตอบรับเบาๆ ในลำคอ รู้อยู่แล้วว่ายังไงผู้เป็นแม่ก็ให้มินโฮขึ้นมาที่ห้องเขาอยู่ดี ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ชางมินเปิดประตูแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ผู้มาเยือน อดลอบมองใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดนั้นไม่ได้
“เข้ามาสิ” ชางมินเปิดประตูทิ้งไว้และให้มินโฮเดินตามเข้ามาระหว่างที่ตนเองพยายามเก็บห้องเพื่อหาที่นั่งให้เด็กหนุ่มที่ยืนเก้ๆ กังๆ ราวกับเพิ่งมาห้องนี้ครั้งแรก...
“นั่งสิ” ชางมินผายมือไปทางเตียงนอนของตนเอง เพราะตอนนี้ห้องนอนของเขารกไปด้วยเศษกระดาษและโครงสร้างจำลองที่ต้องทำโปรเจกต์ส่งในการสอบจบปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงโซล
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของมินโฮอีกเช่นกันที่ไปนั่งบนเตียงนอนของชางมิน แต่วันนี้หัวใจกลับเต้นแรงเป็นพิเศษเพียงแค่เห็นชางมินเลือกให้มินโฮไปนั่งบนเตียงนอนของเขา
“มีอะไรรึเปล่า หน้าตานายดูไม่ค่อยสบายนะ” พี่ชายข้างบ้านนั่งลงบนเตียงข้างๆ แต่อีกฝ่ายกับกระเถิบออกห่างและมองหน้าชางมินด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ผม...อยากให้ชางมินสอนทำโจทย์เลขบางข้อ” เสียงหวานสั่นเล็กน้อยและไม่ยอมสบตาเวลาพูดจนชางมินสงสัย
“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังก็ได้” ชางมินถอนหายใจ “อยากพูดเรื่องอื่นมากกว่าใช่มั้ย หรือจะให้พี่พูดก่อน”
“บรรยากาศแบบนี้อึดอัดเนอะ” มินโฮก้มหน้าต่อไปพลางใช้นิ้วเขี่ยเล่นที่สันหนังสือที่หอบมาด้วย “แล้วชางมินมีอะไรอยากพูดกับผมมั้ยล่ะ”
“เมื่อคืน...จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” ชางมินเริ่มถามก่อน เพราะหากเขาไม่เริ่มพูดก่อนคงง้างปากเจ้าเด็กปากแข็งนี่ไม่ขึ้นหรอก อีกทั้งบรรยากาศเงียบๆ พาลจะทำให้ยิ่งอึดอัดกันมากยิ่งขึ้น
“ผมจำไม่ค่อยได้...” เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา ใบหน้าหวานค่อยๆ เงยขึ้นสบตาชางมินที่กำลังมองมาทางตนด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“...แล้วทำไมไม่ทำให้ผมจำได้ล่ะ”
“วะ...ว่าไงนะ” ร่างสูงถึงกับสะดุ้งจนต้องหันมองมองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าที่แดงระเรื่อ ชางมินอมยิ้มเล็กน้อยที่เห็นเด็กน้อยมินโฮที่แสนจะดื้อรั้นมาทำกิริยาที่ชางมินเรียกมันว่า ยั่ว...
“ก็แบบที่พูดแหละน่า...” แก้มแดงระเรื่อของคนตัวเล็กกว่าป่องออกอย่างน่ารัก เวลามินโฮเขินมักจะทำแบบนี้เสมอ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าคนมองกำลังจะอดใจไม่ไหวแล้ว “จินกิเล่าให้ฟังแล้ว แต่ผมจำไม่เห็นจะได้”
“ให้พี่ฟื้นความจำให้ตอนนี้เลยมั้ย...” จมูกโด่งเป็นสันของชางมินเคลื่อนเข้าใกล้พวงแก้มแดงระเรื่อ กลิ่นหอมจางๆ ของครีมอาบน้ำกลิ่นลาเวนเดอร์ที่มินโฮชอบลอยเข้าปะทะจมูกจนอดที่จะเคลื่อนเข้าไปสัมผัสใบหน้าร้อนผ่าวของคนตรงหน้าไม่ได้
“เมื่อวานทำแค่นี้เหรอ...?” มินโฮพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “ที่จินกิเล่ามันไม่ใช่...”
ริมฝีปากอิ่มสีชมพูที่เอ่ยวาจาเจื้อยแจ้วเมื่อครู่กลับเงียบลงทันทีเมื่อเห็นใบหน้าคมคายของพี่ชายข้างบ้านในระยะลมหายใจรดกัน ดวงตาคมของชางมินจ้องมองคนตรงหน้าอย่างลึกซึ้งจนคนตัวเล็กต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
“เมื่อคืนไม่เห็นจะกลัวพี่เลยนี่ ไม่ต้องหนีหรอก” ชางมินยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อได้แกล้งคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุด มือหนาค่อยๆ เชยคางมินโฮขึ้นเบาๆ ให้สบตากับเจ้าตัว “บอกมาสิว่านายรู้สึกยังไง...ตอนนี้”
“ตอนนี้...” มินโฮทวนคำถาม คนตัวโตพยักหน้ารัวๆ เพราะต้องการฟังคำตอบแถมยังเร่งเร้าด้วยการเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว
“เขินอ่ะดิ...” ดูคนแกล้งจะสนุกที่เห็นน้องข้างบ้านอายม้วนได้ขนาดนี้ เป็นภาพที่ร้อยวันพันปีจะได้เห็นเด็กดื้อมายั่วได้ขนาดนี้
“เปล่าเขินซะหน่อย” คำพูดกับการกระทำช่างตรงกันข้ามจนคนฟังอยากจะลงโทษคนปากแข็งนี่เสียที ก็หน้าแดงแปร๊ดขนาดนี้ แถมยิ่งพอยู่ใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของแต่ละฝ่ายชัดเจนขนาดนี้...หลอกตัวเองมันยากนะ ชเวมินโฮ
“ไม่เอาละ ขี้เกียจฟัง” ชางมินทำหน้าเบื่อหน่ายแต่อาศัยช่วงทีเผลอของมินโฮเนียนเข้าไปช้อนร่างบางๆ ให้มาอยู่บนตักเรียบร้อยแล้ว มินโฮที่อยู่ในท่าคร่อมตักของชางมินพยายามจะปีนลงแต่แขนแกร่งก็จัดการโอบรอบเอวคอดไว้อย่างรู้งาน คราวนี้ไม่ว่ามินโฮจะก้มหน้าหนีแค่ไหนก็ไม่พ้นหรอก
“พี่รักนายนะ...มินโฮ” ประโยคที่มินโฮยากฟัง ประโยคที่คนพูดเคยลังเลที่จะพูดมานาน ประโยคสำคัญที่ทำให้น้ำตาของคนถูกบอกรักค่อยๆ รินไหลด้วยความรู้สึกสับสน...
“...”
“ให้พี่ดูแลนายแบบนี้ ให้พี่ทำให้นายมีความสุข...ได้มั้ยครับ”
“...”
“พูดอะไรหน่อยสิ พี่ก็เขินนะ...ให้พูดคนเดียวเหมือนคนบ้าเนี่ย” ชางมินเอ่ยติดตลกที่อีกฝ่ายเอาแต่สะอื้นฮักๆ จนเขาต้องประคองกอดเบาๆ พลางลูบหลังเพื่อให้ร่างบางในอ้อมกอดคลายกังวล
“ผม...ก็...รัก...พี่ชางมินนะ” แก้มใสขึ้นสีระเรื่ออีกรอบ กว่าจะหลุดแต่ละคำออกมาได้คนฟังก็ลุ้นแทบแย่...แต่ เมื่อกี้มัน
“เมื่อกี้เรียกว่าพี่ด้วยเหรอ...” ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ก็เห็นอยากได้ยิน...ชอบเซ้าซี้ให้เรียกอยู่เรื่อย” แก้มป่องอมลมอย่างงอนๆ พอเรียกเข้าจริงๆ ก็ทำมาเป็นตกใจ เพราะชเวมินโฮไม่เคยเรียกชางมินว่าพี่สักครั้ง แม้ชางมินจะอายุมากกว่ามินโฮถึงสี่ปีก็ตาม
“รู้สึกดีเป็นบ้าเลย ได้ฟังทั้งคำบอกรักและได้ยินมินโฮเรียกพี่ว่าพี่สักที” ชางมินดึงร่างบอบบางในอ้อมกอดเข้ามาแนบกายมากยิ่งขึ้น เสียงหัวเราะคิกคักของคนในอ้อมกอดยิ่งทำให้ชางมินรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน
“งั้นมาฟื้นความจำได้แล้วครับ...ที่รัก”
คนเจ้าเล่ห์ไม่ยอมให้คนในอ้อมกอดตั้งตัว ริมฝีปากหยักทาบทับเบาๆ บนริมฝีปากอิ่มของคนตัวเล็กกว่าทันที เพราะถูกจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก แต่ไม่นานนักที่ชางมินค่อยๆ ดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายเพื่อสร้างความคุ้นเคย คนที่ถูกรุกล้ำก็ค่อยๆ หลับตาพริ้มรับรสสัมผัสที่หวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้ คนขี้แกล้งขบเม้มที่ริมฝีปากล่างเบาๆ จนร่างเล็กเสียวซ่านแทบขาดใจ ลิ้นร้อนค่อยๆ ส่งเข้าไปในโพรงปากหอมหวานเพื่อทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น ไม่นานนักทั้งคู่ก็คุ้นเคยและไล่เกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นจนแทบลืมหายใจ มือบอบบางเหนี่ยวต้นคอแกร่งโอบกระชับร่างสูงให้เข้าใกล้มากยิ่งขึ้นเพื่อสัมผัสกันและกันมากยิ่งขึ้น มือหนาแทรกเข้าไปยังกลุ่มผมนุ่มด้วยความเสียวซ่าน
“อา...อื้มม” เสียงครางหวานหูที่ไม่อาจควบคุมได้ของคนไม่ประสีประสา เบี่ยงเบนความสนใจของชางมินให้เปลี่ยนเป้าหมายมายังต้นคอขาวเนียนที่ตัดกับเสื้อยืดคอกว้างสีม่วงอ่อนที่ตัดกับผิวนวลเนียน ริมฝีปากซุกซนค่อยๆ ซุกไซร้สูดกลิ่นกายของคนตัวเล็กที่กำลังอ่อนระทวยในอ้อมกอด ไม่เท่านั้นยังสร้างรอยรักสีกุหลาบมากมายตีตราจองว่าคนน่ารักคนนี้มีเจ้าของแล้ว
ชางมินประคองกอดคนตัวเล็กแล้วค่อยๆ วางลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา มินโฮลืมตาขึ้นเล็กน้อยก็เห็นใบหน้าของชางมินอยู่ไม่ห่าง สายตาอ่อนโยนของชางมินที่มอบให้กับมินโฮในตอนนี้ทำให้เขามั่นใจว่าชางมินต้องดูแลเขาไปได้ตลอดชีวิต
“พี่ฮะ...” ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเองด้วยความปลาบปลื้ม ฝ่ามือหนาของคนตัวโตลูบไล้โครงหน้าได้รูปอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสองคู่จดจ้องกันด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจถ่ายทอดเป็นคำพูดใดๆ ทันใดริมฝีปากของทั้งคู่ก็บดเบียดเข้าหากันด้วยความต้องการกันและกัน เสียงครางอืออาในลำคอของคนตัวเล็กดังขึ้นเป็นระยะ แม้เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นเพียงใด แต่ทุกครั้งที่จะหยุดมัน ชางมินก็รุกล้ำมากยิ่งขึ้น ฝ่ามือร้อนผ่าวของคนตัวโตค่อยๆ สอดเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางพร้อมทั้งเคล้นคลึงที่ติ่งไตสีชมพูที่ชูชันขึ้นสู้มืออย่างไม่ได้ตั้งใจ
“อา...หยุด...พี่หยุดนะ...” เสียงร้องห้ามปะปนกับเสียงครางแสนหวานยามที่สัมผัสแสนวาบหวิวเคลื่อนผ่านผิวกายเนียนละเอียด ริมฝีปากหยักแทะเล็มบริเวณติ่งไตสีชมพูที่ประดับบนแผ่นอกบอบบางที่เคลื่อนขึ้นลงพร้อมกับเสียงหายใจหอบเหนื่อยเป็นระยะเนื่องจากถูกปรนเปรอด้วยลิ้นร้อนที่ละเลงไปทั่วและขบเม้มสร้างความรู้สึกเสียวซ่านจนร่างบางไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือบอบบางลูบไล้เปะปะไร้ทิศทางทั่วแผ่นหลังอันแข็งแรง อีกด้านฝ่ามือหยาบก็เคลื่อนลงต่ำจนถึงส่วนอ่อนไหวของร่างกายที่ถูกปลุกเร้าจากแรงปรารถนาและความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส
“อืออออ...”
ใบหน้าหวานแดงซ่านราวกับเลือดทั่วร่างกายไหลเวียนมารวมกันในที่เดียว ดวงตากลมโตรื้นด้วยน้ำตาอีกครั้งเมื่อความรู้สึกอึดอัดบริเวณส่วนอ่อนไหวเริ่มมากเกินกว่าที่เขาจะสะกดกลั้นมันไว้ได้อีก เสียงครางหวานและแผ่วเบาของมินโฮเร่งให้ชางมินปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ปิดบังร่างกายแสนงดงามนี้ออกให้เร็วที่สุด หากแต่คนด้านล่างกำลังเขินอายที่จะต้องเปลือยกายต่อหน้าคนรักเป็นครั้งแรกจึงพยายามหนีบขาจนตัวงอเพื่อปิดบังส่วนน่าอายที่กำลังอัดอั้นไปด้วยแรงอารมณ์
“ไม่ไหวแล้ว...พี่ชางมินนนน” ร่างกายบอบบางบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองให้พ้นทางจนร่างกายเปลือยเปล่าไม่ต่างกับคนรัก มือหยาบด้านหนึ่งยังคงลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกขาวเนียน หากอีกด้านค่อยๆ กอบกุมแกนกายขนาดพอดีอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากแสนซนไล่เรียงสร้างรอยรักตั้งแต่ซอกคอขาว แผ่นอกเนียนละเอียด หน้าท้องแบนเรียบ จนถึงแท่งรักที่ปริ่มด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ส่วนปลายแล้ว
“อา...ช่วยมินโฮด้วยฮะ พี่ชางมิน” ใบหน้าแดงซ่านที่มีแต่ความเขินอายต้องกัดฟันขอร้องให้คนตัวโตช่วยเหลือ แพขนตากระพริบถี่ๆ เมื่อเห็นร่างกายแข็งแรงกำยำสมส่วนแบบชายหนุ่มของอีกฝ่ายแบบเต็มๆ ตา ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดกับใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร หน้าอกและแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดกำลังดี อีกทั้งหน้าท้องที่มีกล้ามท้องแบบซิกซ์แพคที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา
“ตามคำบัญชาครับ...ที่รัก” จากฝ่ามือหยาบที่กอบกุมแท่งร้อนไว้เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นปากหยักที่สัมผัสส่วนปลายอย่างแผ่วเบาจนร่างกายด้านล่างบิดเร่าด้วยความทรมาน น้ำขาวขุ่นค่อยๆ เอ่อบริเวณส่วนปลายของแกนกาย ลิ้นร้อนของผู้รับคำสั่งลากไล้จากโคนจรดปลายราวกับลิ้มลองรสหวานจนไอศกรีมรสเลิศ
“อา...มันสกปรก พี่ไม่ต้องทำแบบนี้เถอะฮะ” เสียงหวานอ้อนวอนสั่นเครือ ใบหน้าแดงก่ำซุกลงบนหมอนใบโตเพื่อซ่อนความเขินอาย
หากคนรับคำสั่งเมื่อครู่กลับไม่ฟัง โพรงปากอุ่นโอบล้อมแท่งร้อนแล้วดูดขึ้นดูดลงจนร่างบอบบางกระตุกและกรีดร้องเสียงหวานพร้อมกับน้ำรักขาวขุ่นที่ทะลักในโพรงปากร้อนของอีกฝ่าย
“แฮ่กๆๆ พี่...” ร่างเล็กหอบเหนื่อยแทบขาดใจเมื่อปลดปล่อยความสุขสุดยอดที่ไม่เคยมีใครทำให้เขามีความสุขได้ถึงเพียงนี้มาก่อน ถึงเขาจะมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้บ้าง แต่กับชางมิน...มันช่างแตกต่างและมีความสุขยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“อย่าเพิ่งหมดแรงสิ...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูและขบเม้มเบาๆ “มินโฮยังไม่ช่วยพี่เลย...” ดวงตาคมเว้าวอนพร้อมกระตุ้นความรู้สึกอีกรอบด้วยการลูบไล้แถวต้นขาด้านใน
“อา...จะให้ผมทำยังไงละฮะ...”
ร่างสูงลูบไล้ทั่วร่างกายข้างใต้อันแสนงดงามที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยรักของตน ดวงตากลมโตหวานฉ่ำของมินโฮและมือเล็กๆ ที่สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ของชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง...แกนกายร้อนค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นจนมินโฮรู้สึกตกใจ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะทำให้มินโฮเจ็บน้อยที่สุด” ชางมินลูบหัวคนรักเบาๆ เป็นการปลอบใจ “ทำตามที่พี่บอกนะครับ คนดี”
ชางมินค่อยๆ ยกสะโพกมนขึ้นเล็กน้อย จัดให้ต้นขาขาวเนียนสองข้างกางกว้างจากกันจนเห็นช่องทางสีสวยทางด้านหลังอันแสนเย้ายวน ชายหนุ่มจึงค่อยๆ แทรกนิ้วผ่านช่องทางเล็กทีละนิ้วอย่างใจเย็น
“อ๊า....เอาออกไป เจ็บ มินโฮเจ็บ” น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้งกับสัมผัสคับแน่นที่ช่องทางด้านหลังเป็นครั้งแรก มันเจ็บปวดเจียนตายเวลาที่ช่องทางนั้นบีบรัดนิ้วเล็กๆ หัวใจเต้นรุนแรงราวกับจะหลุดออกมา
“คนดี...มันจะเจ็บน้อยลงครับ” ชางมินจูบปลอบขวัญที่เปลือกตากลมโตอีกครั้ง เขาเองแทบจะสะกดกลั้นตัวเองไม่ไหวเพราะความคับแน่นของช่องทางที่แสนเย้ายวนเบื้องหน้า “อา...แน่นมากเลย มินโฮ”
ชายหนุ่มค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วในช่องทางจนมินโฮรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น จากความรู้สึกเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวูบไหวบริเวณช่วงท้องน้อยแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต ใบหน้าหวานเริ่ดขึ้นด้วยความเสียวซ่านที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ หัวสมองเริ่มไม่สั่งการอะไรนอกจากความต้องการเบื้องลึกในจิตใจที่คอยบังคับบัญชาร่างกายของคนไร้เดียงสา
“เจ็บมากมั้ย ถ้าเจ็บก็กอดพี่ไว้นะ...” ชางมินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู พร้อมโอบกระชับร่างกายบอบบางให้แนบชิด “พี่รักมินโฮนะ”
สิ้นเสียงบอกรักอันแสนอ่อนหวาน แกนกายร้อนที่อัดอั้นไปด้วยแรงอารมณ์แทรกผ่านช่องทางไร้เดียงสาอย่างเนิบนาบ แม้จะคุ้นเคยกับสัมผัสเมื่อครู่นี้บ้างแล้ว แต่เมื่อแกนกายร้อนผ่าวที่แทรกผ่านช่องทางรักเข้าไปจริงๆ นั้นให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ช่องทางคับแคบบีบรัดสิ่งแปลกปลอมที่ไม่คุ้นเคยอย่างรุนแรง จังหวะรักเนิบนาบวาบหวิวค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงเมื่อร่างกายด้านบนถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด สะโพกแกร่งขยับกายเข้าออกเร็วรัวแข่งกับเสียงครางหวานหูที่เปรียบเสมือนเชื้อไฟชั้นดีที่โหมให้เพลิงรักยิ่งร้อนแรง แรงกระแทกรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วนแทบจะทำให้ร่างเล็กแหลกเป็นเสี่ยงๆ
มินโฮรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกบดขยี้ให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ หัวใจบีบรัดรุนแรงราวกับจะหลุดออกมายามที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองมายังเขาด้วยความอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับความร้อนแรงช่วงล่างที่โหมกระหน่ำไม่หยุดยั้ง...แม้จะเจือด้วยความเจ็บปวด แต่มินโฮไม่อาจปฎิเสธเลยว่าเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขที่สุดในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดคนรักและมอบความสุขให้แก่กันครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งคู่ไม่สนใจว่าเวลาเดินผ่านไปนานแค่ไหน เพราะความสุขที่มอบให้แก่กันยังไม่สิ้นสุด สัมผัสรักนับครั้งไม่ถ้วนที่ค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยและผูกพันผ่านทางภาษากายและคำพร่ำบอกรักให้แก่กันที่ต่างฝ่ายต่างก็โหยหากันและกันมาเนิ่นนาน
ชางมินโอบกอดคนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนภายใต้ผ้าห่มหนานุ่ม เผลอจ้องมองใบหน้าน่ารักยามหลับใหลที่อยู่ใกล้เพียงแค่ลมหายใจรินรดกัน ทั้งดวงตาคู่สวยที่แสดงอารมณ์หลากหลายยามโกรธ เหงา งอนที่ชางมินชอบที่จะแอบมอง จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้ายาวได้รูป แก้มแดงระเรื่อที่ไม่อาจห้ามใจแล้วฝังจมูกโด่งลงไปเพื่อเก็บเกี่ยวความหอมหวานนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอรี่ที่เผยอเล็กน้อยจนเผลอฝากสัมผัสแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
แพขนตายาวกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสีส้มอ่อนนุ่มนวลในยามเย็น มินโฮกระเถิบตัวเข้าหาร่างสูงและวาดแขนโอบกอดอย่างแน่นหนาเพราะนึกว่าอีกฝ่ายหลับสนิทไปแล้ว ดวงตาดำขลับช้อนขึ้นมองร่างสูงด้วยความขวยเขิน แต่ก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นตาคมจ้องแป๋วมาที่ตัวเอง
“นึกว่าพี่หลับอยู่ซะอีก...” มินโฮก้มหน้างุดเมื่อเผลอไปจ้องดวงตาสีเข้มที่ใครๆ ก็บอกว่าจะละลายทุกครั้งเมื่อได้จ้องตากับผู้ชายที่ชื่อชิมชางมิน แน่นอนว่ามินโฮก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าสบตาชางมินตรงๆ ในบางโอกาสรวมทั้งตอนนี้ด้วย
“เพิ่งตื่นน่ะ แล้วเมื่อกี้ก็มองมินโฮอยู่ว่าทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะ” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามพวงแก้มแดงระเรื่อด้วยความทะนุถนอม “สรุปว่านายไม่ได้อ่านหนังสือไปหนึ่งวัน พรุ่งนี้ห้ามเถลไถลนะ อีกสองอาทิตย์ก็ต้องสอบเข้ามหาลัยแล้ว” นิ้วแกร่งจิ้มปลายจมูกคนตัวเล็กที่ทำหน้ายู่แก้มป่องจนน่าแกล้งอีกสักสองสามรอบ
“คนเริ่มมันพี่ไม่ใช่ผมซะหน่อย” มินโฮบ่ายเบี่ยงแล้วหันหน้าหนีไปอีกฝ่ายเพราะความเขินแต่ก็โดนแขนแกร่งรวบเข้าที่เอวบางจนด้านหลังเปลือยเปล่าแนบชิดกับอกกว้างของชางมิน จนร่างบอบบางพยายามดิ้นขลุกขลักออกไปเพราะมือปลาหมึกของคนข้างหลังเริ่มหน้าที่ลูบไล้ที่สะโพกอิ่มอย่างเนิบนาบจนมินโฮเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดอีกรอบ
“แต่มินโฮมาถึงบ้านพี่ แล้วก็ขอให้ฟื้นความจำเมื่อคืนนี้ให้ไม่ใช่เหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกระตุ้นความทรงจำคนตัวเล็กที่นอนแข็งทื่อในอ้อมกอดแข็งแกร่งเพราะถูกริมฝีปากร้อนซุกไซร้ที่ซอกคออีกทั้งฝ่ามือซุกซนก็เลื่อนขึ้นไปสัมผัสติ่งไตสีทับทิบบนแผงอกบอบบางอีกครั้ง “หืมม...มินโฮเองนี่นาที่ทำแบบนี้น่ะ”
“อ๊ะๆๆ ผมเริ่มก็ได้อ่ะ แต่พี่ปล่อยผมก่อน อื๊อออ...อย่าสิฮะ..อย่าจับตรงนั้น...อ๊ากกกกกกก”
ผ้านวมถูกยกขึ้นมาคลุมสองร่างที่ดิ้นขลุกขลักและส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข สองร่างโอบกอดมอบความรักให้แก่กันเพื่อเติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไปเพราะความขลาดเขินที่จะเริ่มต้นแสดงออกความรักให้กันและกัน...เสมอและตลอดไป
::Neverending Story of Changminho::
[[ Let's Talk ^___^]]
ก่อนอื่นกราบขอบพระคุณงามๆ ที่เข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้จนถึงบรรทัดนี้
คนเขียนฟิคมือใหม่รู้สึกปลาบปลื้มดีใจเมื่อเห็นคอมเม้นทุกอันเลยค่ะ ไม่ได้มากมาย แต่ก็เป็นกำลังใจที่ดีสุดๆ ในการผลักดันในเราเขียนเรื่องนี้ต่อจนจบได้ เรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างยาวมากกกเมื่อเทียบกับสองเรื่องก่อนหน้านี้เนอะ >< (อินี่มันโปรโมตทางอ้อมว่าอย่าลืมไปอ่านกันนะค้า 555)
มีน้องคอยไปทวงฟิคในทวิตเตอร์บ่อยๆ ด้วย ไม่รู้อ่านจบแล้วจะผิดหวังมั้ย 555
ภาษาอาจจะไม่ลื่นไหลไปบ้างก็จะพยายามปรับปรุงนะคะ
สำหรับฉาก NC เนี่ยยยยย >///< เขินอ่ะ เขียนครั้งแรก แต่มัน...ยาว...มาก
ยังไงก็แสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ จะติจะชมยังไงก็ตามสะดวก ไรเตอร์ไม่กินหัวค่า แง่มมม แง่ม ^^;;
ตอนนี้เขียนได้ค่อนข้างช้าเพราะต้องเจียดเวลาไปโฮกโฮมิน กรี๊ดคิมแจ และดูแลน้องฮยอนแห่งซีเอนบลู เลยค่อนข้างจะไม่ค่อยว่าง คิคิ แต่ก็เข็นจนจบเรื่องได้เน้อออ โล่งๆๆๆ ^___^
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคอมเม้นและยินดีที่ได้รู้จักคนอ่านที่เดินผ่านไปผ่านมานะคะ
ถ้าฟิคเรื่องนี้จะทำให้คุณยิ้มได้บ้าง...เราก็ดีใจแล้วค่ะ
เจอกันคราวหน้ากับฟิคเรื่องใหม่...ตั้งใจว่าจะให้เป็นภาคต่อของ "เธอยัง"
มีคนเรียกร้องว่าอยากให้น้องมินโฮโดนพี่หมอชางมินปล้ำด้วย 555+ รอกันก่อนนะค้า ><
แล้วเจอกันคราวหน้า รักคนอ่านทุกท่านนนนนนน XOXO
ความคิดเห็น