คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [Fiction] Hate You, Love You - Step 2 Unbelievable'
Writer: korazy_minnie
Pairing: Changmin x
Genre: Romantic, Fantasy
Rate: N/A
Note: อ่านให้สนุกนะคะ~~
บรรยากาศปาร์ตี้บาร์บีคิวริมทะเลในยามค่ำดำเนินไปอย่างสนุกสนาน เวทีด้านหน้าของงานที่ถูกจัดไว้เพื่อให้แต่ละคนขึ้นไปทำการแสดงอย่างอิสรเสรี บ้างก็ขึ้นไปร้องเพลง เล่นกีต้าร์ หรือว่าเต้นเลียนแบบเพลงฮิตกันอย่างไม่ขาดสาย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกๆ คนจนดังไปทั่วบริเวณชายหน้าด้านหน้าของรีสอร์ต
หากบางคนที่กำลังมีความสุขอย่างเงียบๆ ด้วยการเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามความยาวของชายหาดยามค่ำคืน ดวงตากลมโตทอดมองผืนน้ำสีฟ้าใสที่กระเพื่อมเป็นจังหวะฉาบด้วยความมืดมิดในยามรัตติกาลจนกลายเป็นสีดำจนสุดลูกหูลูกตา ไฟสีส้มกระพริบไกลๆ จากเรือประมงที่ออกหาปลาในยามค่ำคืน เสียงคลื่นซัดสาดเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้บรรยากาศรอบกายดูไม่เงียบจนน่าวังเวงแม้มีเพียงไฟส่องริมหาดดวงเล็กติดตั้งอยู่เป็นช่วงห่างๆ
“นี่นายมาเดินอะไรตรงนี้คนเดียวน่ะ” เสียงนี้อีกแล้ว...มินโฮจำได้ดีจนไม่ต้องหันไปมองแล้วว่าเป็นใคร
“แล้วรุ่นพี่ชางมินมาทำอะไรแถวนี้ล่ะฮะ” ใบหน้าหวานหันกลับไปมองต้นเสียงครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเจอหน้ากันทีไรก็โดนดุไม่ก็โดนแกล้งตลอดเวลา
“มาเดินเล่นก็หัดดูเวลาซะบ้าง นายกับพี่ต้องไปไนท์แรลลี่กัน จำไม่ได้หรือไง” ชางมินเดินไปดักด้านหน้าของเด็กดื้อที่ยังคงเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าจะหยุด “นี่...หยุดเดินได้แล้ว” มือแกร่งคว้าที่ข้อมือเล็กแล้วกระตุกเอาไว้จนร่างเล็กกว่าแทบจะเซจนล้ม
“ผมบอกรุ่นพี่กี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาแตะต้องตัวผมน่ะ” ท่อนแขนบอบบางพยายามบิดไปมาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของชางมิน หากยิ่งขืนเท่าไหร่ อีกฝ่ายกลับยิ่งออกแรงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
“พี่ไม่มีเวลามานั่งจำคำพูดของทุกคนหรอกนะ...แต่ตอนนี้นายต้องกลับไปกับพี่ เดี๋ยวนี้” ชางมินออกคำสั่งรุ่นน้องด้วยท่าทีจริงจังแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งฟังเฉยๆ “ถ้านายไม่ได้จับคู่กับพี่ พี่ก็จะไม่สนใจเลยว่านายจะหายไปไหน หรือไปทำอะไร ครั้งนี้ถือว่าพี่ขอร้องแล้วกัน...”
ดวงตาคมจ้องใบหน้าของเด็กดื้อด้วยความเหนื่อยหน่าย มือแกร่งผ่อนแรงที่เกาะกุมข้อมือเล็กออกเมื่อมินโฮดูจะไม่ขัดขืนแล้ว หากก็เห็นรอยแดงเป็นปื้นที่ข้อมือบอบบางอย่างชัดเจน มินโฮก้มลงมองด้วยความตกใจไม่น้อยกว่าคนที่กระทำเช่นกัน
“เจ็บสินะ...” ชางมินถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายลูบไปบนรอยแดงแล้วทำให้สะดุ้งเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายพยายามหลบเลี่ยงการแสดงออกทางสีหน้าด้วยการพยายามก้มหน้าก้มตา แต่ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาชางมิน “พี่ขอโทษ...”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ...ผมเองก็ผิดที่ไม่ยอมดูเวลา” มินโฮกุมข้อมือเอาไว้ด้วยหวังว่าความอุ่นจะช่วยให้แผลระบมน้อยลง “ไปกันเถอะ...”
มินโฮหันหลังเดินกลับเดินนำหน้าชางมินไปทางรีสอร์ตอย่างหงอยๆ ก็ยิ่งทำให้ชางมินรู้สึกผิดอีกเท่าตัวที่เผลอไปดุอีกฝ่ายแถมยังทำให้เจ็บตัวอีก
“...ทำไมมาเดินเล่นคนเดียวแถวนี้ มืดจะตายไป” ชางมินเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัดรอบกายที่มีเพียงเสียงคลื่นจากทะเลเป็นพักๆ จนชวนอึดอัดหากจะไม่พูดคุยกันเลยระหว่างทางเดินกลับที่ก็อยู่ไกลจากบริเวณนี้ไม่ใช่น้อย
ใบหน้าหวานยามต้องแสงสีนวลจากพระจันทร์เต็มดวงชวนมองที่ค่อยๆ หันมามองชางมินด้วยความประหลาดใจ หากอีกฝ่ายกลับรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดจากแก้วตาสุกใสของดวงตาคู่โตของมินโฮจนพูดอะไรไม่ออก...
“ก็...ผมไม่ชอบเสียงอึกทึก มันน่ารำคาญ ผมก็เลยออกมาเดินเล่น แต่สงสัยจะเพลินไปหน่อย เลยเดินมาตั้งไกลเสียขนาดนี้” มินโฮตอบคำถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แล้วรุ่นพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่แถวนี้”
“เอ่อ...พี่ถามคิมจงฮยอนเพื่อนนายน่ะ เขาบอกว่านายบอกว่าจะออกมาเดินเล่นสักพัก แต่ฉันรออยู่นานก็ไม่เห็นนาย เลยลองเดินตามหาดูน่ะ”
“เราต้องรีบไปกันรึเปล่า นี่กี่โมงแล้วฮะ” มินโฮหันไปถามอีกฝ่ายที่เผลอเหม่อมองใบหน้าของตนด้วยท่าทางแปลกๆ “หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึไง”
...น่ารักไง...
ได้แต่คิดอยู่ในใจแล้วก็ส่ายหัวแทนคำตอบของคำถามเมื่อครู่นี้ของมินโฮ นาฬิกาแนวสปอร์ตบนข้อมือแกร่งถูกยกขึ้นมาดูเวลา “เราต้องเดินไปให้ถึงที่โน่นอีกสามนาที...จะทันมั้ยเนี่ย”
“วิ่งกันมั้ย”
มินโฮไม่รอคำตอบจากชางมินที่กำลังลังเลอยู่แต่กลับเริ่มวิ่งและหันมาเยาะเย้ยชางมินที่ต้องวิ่งตามเพราะอีกฝ่ายแท้ๆ
“นี่รุ่นพี่วิ่งตามเต่าอยู่รึไง ช้าจริงๆ” ชเวมินโฮตะโกนเสียงดังใส่ชางมินที่วิ่งเหยาะแหยะในสายตานักกีฬาอย่างเขาเหลือเกิน “เคยวิ่งรึเปล่าครับรุ่นพี่ ฮ่าๆๆ”
มินโฮดูจะสนุกกับการได้กลั่นแกล้งชางมินบ้าง แต่คนถูกแกล้งกลับยิ้มออกเพราะอย่างน้อยมินโฮก็ดูร่าเริงมากขึ้นจากท่าทางเนือยๆ ของมินโฮตั้งแต่เช้าที่พบกัน แม้เขาพยายามยั่วแหย่ตั้งแต่เช้าหากก็กลายเป็นการยั่วโมโหให้เด็กหนุ่มเกลียดเขามากยิ่งขึ้นแทนเสียอย่างนั้น
“นี่แค่วอร์มอัพต่างหาก...คอยดูแล้วกัน” ชางมินตะโกนกลับไปแล้วเร่งสปีดขึ้นมาจนเหลือระยะห่างจากมินโฮในเวลาแค่นิดเดียวจนมินโฮอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ท่าทางนายตกใจ ตลกชะมัด” สุดท้ายชางมินก็วิ่งขึ้นมาตีคู่มินโฮได้สำเร็จด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับเด็กหนุ่มที่วิ่งมาไกลจนเริ่มเหนื่อยแทบพูดไม่ไหว เมื่อร่างบางวิ่งมาจนถึงชายหาดหน้ารีสอร์ตจึงล้มต้วลงบนพื้นทรายทันที...
“แฮ่ก...แฮ่ก...” มินโฮอ้าปากเพื่อสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ชางมินลดความเร็วลงช้าๆ ก่อนจะย่อตัวลงมานั่งข้างๆ เพื่อดูอาการของเด็กขี้อวดที่สบประมาทเขาเอาไว้แต่กลับนอนแผ่อย่างไม่เหลือสภาพนักกีฬาคนเก่งของโรงเรียน
“นายคงไม่รู้ว่าพี่เป็นสมาชิกชมรมวิ่งมาราธอนสินะ”
“...” มินโฮเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรจึงได้แต่มองชางมินตาขวางๆ แล้วโกรธตัวเองที่ไปสบประมาทอีกฝ่าย...ก็ขนาดมินโฮวิ่งเร็วสุดในชมรมบาสเกตบอลแล้ว ใครจะคิดว่าจะแพ้คนอย่างชิมชางมินที่ท่าทางเหมือนคุณชายเหยาะแหยะแบบนั้นเล่า
“มาทันเวลาพอดี เอ๊า...ลุกขึ้นได้แล้ว เราต้องไปรวมกับทุกคนที่ลอบบี้ก่อน” ดวงตาคมมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะหันมาดูคนข้างกายที่ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งอย่างเหนื่อยล้า “ว่าแต่นายจะไหวมั้ยน้า...” ชางมินเปรยเบาๆ ให้มินโฮได้ยิน เพราะรู้ว่าหมอนี่คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แล้วก็ได้ผลทันที เมื่อมินโฮกระเด้งตัวขึ้นมายืนภายในเวลาอันรวดเร็ว
“โถ่ แค่นี้คิดว่าผมจะไม่ไหวรึไง ดูถูกกันจัง” มินโฮโมโหทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วรีบเดินลิ่วเข้าไปในรีสอร์ตทันทีโดยไม่สนใจชางมินที่ยืนอมยิ้มกับท่าทางน่ารักของอีกฝ่ายเมื่อครู่โดยไม่รู้ตัว...อีกครั้ง
จองยงฮวาหัวหน้ากิจกรรมได้อธิบายเส้นทางไนท์แรลลี่บนเนินเขาหลังรีสอร์ตด้วยแผนที่ซึ่งแจกให้กับทุกคน โดยกติกาการเล่นคือให้ทุกทีมตามหาไอเท็มห้าชิ้นที่ติดสัญลักษณ์ของโรงเรียนตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ ทีมใดกลับลงมาพร้อมไอเท็มที่ถูกต้องเร็วที่สุดจะได้รับเงินสดหนึ่งแสนวอนและงบพิเศษเพิ่มเติมให้กับฝ่ายที่ทีมนั้นสังกัดอยู่ด้วย
“ของรางวัลครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะประธานนักเรียนชิมชางมินได้ไปขอสปอนเซอร์จากอาจารย์ใหญ่มาให้พวกเราด้วย ขอบคุณรุ่นพี่มากๆ นะครับ” ยงฮวาเอ่ยประกาศเกียรติคุณให้กับชางมินที่กำลังปรึกษาเรื่องงานกับคยูฮยอนอยู่ เสียงขอบคุณและกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ เรียกให้ชายหนุ่มต้องค้อมศีรษะตอบรับคำขอบคุณด้วยท่าทางงุนงง
“เอาละครับ ขอให้ทุกทีมตรวจเช็คอุปกรณ์ในถุงที่แจกว่าครบหรือไม่ โดยเฉพาะแผนที่ ไฟฉาย และนกหวีดนะครับ หากทีมไหนออกนอกเส้นทาง ถ้าโทรหาทีมผมไม่ติด ให้รีบเป่านกหวีดทันที จะมีทีมเรสคิวออกตามหาทันทีนะครับ...”
มินโฮนั่งฟังกฎกติกาจนเบื่อแล้วหลับคอพับคออ่อนอยู่ตรงโซฟาข้างๆ คู่ของจงฮยอนที่เข้ากันได้ดีและกำลังช่วยกันปรึกษาเส้นทางอย่างเป็นจริงเป็นจัง มินโฮ
“...เราแยกกันเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยต่อคืนนี้แล้วกัน” ชางมินจบบทสนทนากับคยูฮยอนเอาไว้ก่อนเมื่อเห็นชเวมินโฮกำลังหลับใหลหัวโยกไปโยกมาจนดูน่าสงสาร “นายรู้ทางลัดแล้วนี่หว่า คยูฮยอน” ชางมินเหลือบมองแผนที่ในมือของคยูฮยอนที่มีไฮไลท์สีเหลืองลากเส้นทางพิเศษขึ้นมา
“แหม๊...พูดอย่างกับแกไม่รู้งั้นแหละ ไอ้ประธานขี้โกง” คยูฮยอนกระแนะกระแหน ก็เขากับชางมินก็มาสำรวจสถานที่พร้อมๆ กันนั่นแหละ “แต่ฉันจะไม่ใช้หรอกนะ เพราะจะได้ใช้เวลาสานสัมพันธ์กับน้องซองมินให้เต็มที่ นี่ถ้าฉันกลับมาเช้าไม่ต้องแปลกใจนะเว้ย ฮ่าๆๆ”
“ไอ้บ้ากาม แกจะไปทำอะไรกันถึงเช้า” ชางมินแทบจะหลุดหัวเราะในความฝันเฟื่องของเพื่อนรักที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ นัก
“แกสิบ้า ฉันจะชวนน้องซองมินอยู่ยันเช้าเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาเลย เป็นไง โรแมนติกมั้ยวะ” คยูฮยอนเริ่มเข้าโหมดเวิ่นเว้อแบบที่กู่ไม่กลับ ชางมินจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วตบบ่าเพื่อนรักอย่างระอาใจ
“ฉันล่ะกลัวเพื่อนรักจะโดนน้องซองมินถีบตกลงมาจากยอดเขาจัง”
“โห...เพื่อนรักอวยพรกันอย่างนี้ งั้นฉันขอให้แกกับเด็กจอมเฮี้ยวนั่นทะเลาะกันให้สนุกตลอดทางนะครับท่านประธานนักเรียน”
จิกกัดกันตามสมควรแล้วก็แยกย้ายไปตามหาคู่ของตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงานไนท์แรลลี่ในอีกสิบห้านาทีที่จะถึง ชางมินพยายามจะเดินแหวกทางเข้าไปหามินโฮที่นั่งสัปหงกอยู่อีกมุมหนึ่งของลอบบี้แต่ก็ถูกสาวๆ หลายคนรุมล้อมหน้าล้อมหลังจนแทบจะเดินไม่ได้ ส่วนคยูฮยอนนั้นไหวตัวทันไปก่อนจึงได้รีบวิ่งอ้อมออกทางสวนด้านข้างลอบบี้ไปโผล่อีกทางหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
“พี่ชางมินคะ รับขนมไว้ทานระหว่างทางนะคะ”
“พี่คะ~ อันนี้เป็นเครื่องรางแห่งความโชคดี ขอให้พี่ชนะนะคะ”
“พี่ชางมินคะ ถ้าหลงทางโทรฉันที่เบอร์นี้นะคะ~”
“พี่...”
ชางมินรีบรับของฝากทุกอย่างเอาไว้พร้อมเอ่ยขอบคุณแทบจะตลอดทางเดิน ส่วนชเวมินโฮซึ่งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังแสบแก้วหูจากบรรดาสาวๆ ที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปเท่าไหร่นักก็ยังมีรุ่นพี่สาวๆ เอาขนมมาให้แล้วอวยพรให้โชคดีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน มินโฮได้แต่แจกยิ้มน่ารักพร้อมทั้งอวยพรกลับไปตามมารยาท อย่างน้อยแฟนคลับของเขาก็มารยาทดีกว่าแฟนคลับของชิมชางมินที่ชอบกรี๊ดกร๊าดจนน่ารำคาญตั้งเยอะ
แต่ก็น่าเสียใจที่คนที่เขาชอบกลับไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองผู้ชายที่ชื่อชเวมินโฮเลยสักครั้งเดียว...เฮ้อ~
มินโฮเริ่มทนไม่ไหวเมื่อรออีกฝ่ายอยู่นานพอสมควรก็ยังไม่สามารถพ้นวงล้อมจากสาวๆ ออกมาได้ เด็กหนุ่มจึงแทรกเข้าไปกลางกลุ่มแล้วดึงชางมินออกมาท่ามกลางความงุนงงของกลุ่มสาวๆ แฟนคลับชางมินที่ได้แต่ยืนอึ้งกับใบหน้าเยือกเย็นของมินโฮเมื่อครู่จนไม่มีใครกล้าปริปากอะไรออกมา
“รุ่นพี่เร่งให้ผมรีบมา แต่กลับไปมีความสุขอยู่ท่ามกลางสาวๆ พวกนั้นน่ะนะ ไม่แฟร์เลยนะครับ” เมื่อเดินมาถึงกลางทาง มินโฮก็ปล่อยให้ชางมินเป็นอิสระ ชายหนุ่มชื่นชมความเด็ดขาดของมินโฮอยู่เงียบๆ
...เจ้าเด็กนี่มันเผด็จการใช้ได้เลยแฮะ เจ๋งว่ะ...
“หึงพี่ก็บอกกันตรงๆ ก็ได้นะครับ”
“นี่รุ่นพี่จะกวนโมโหผมไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย ผมแค่รำคาญ จะรีบทำอะไรก็ทำสักอย่างนึงไม่ได้รึไง” มินโฮนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วจะให้พี่ปฏิเสธคนที่เค้ามีความปรารถนาดีมาให้ จะให้พี่ทำยังไงล่ะ”
“โอเค...จบเรื่องนี้เถอะ ผมว่าเราควรไปเตรียมตัวกันได้แล้ว จะได้รีบๆ แข่ง รีบๆ เสร็จ ฮ้าว~~” มินโฮไม่รู้จะตอบว่ายังไง แต่ก็อ้าปากหาวกว้างเสียจนแมลงวันบินเข้าไปได้สักหนึ่งฝูงใหญ่อย่างไม่แคร์สายตาชาวบ้านสักนิด “ง่วงเป็นบ้าเลย”
“พี่มีทางลัด...” ชางมินเอ่ยขึ้นพร้อมกางแผนที่ให้มินโฮที่ตาโตด้วยความสนอกสนใจ “ขาขึ้นเราต้องขึ้นทางปกติ แต่ขาลงน่ะ ไปตามทางเส้นสีเหลืองนี่จะย่นเวลาลงได้สิบห้านาทีเลยนะ”
“โอ๊ะ แล้วรุ่นพี่รู้ได้ยังไงน่ะ” มินโฮตาลุกวาวอย่างตื่นเต้น
“ฉันเป็นคนมาสำรวจที่นี่เอง ทำไมจะไม่รู้” ร่างสูงพยักหน้าด้วยความรู้สึกมั่นอกมั่นใจ “มีแค่ฝ่ายจัดกิจกรรมกับพี่และคยูฮยอนเท่านั้นที่รู้”
“อ้าว ยังงี้ผมอาจจะแพ้ก็ได้น่ะสิ”
“นายสนใจรางวัลด้วยรึไง เห็นออกจะทำตัวเนือยๆ แทบจะทั้งวัน”
“ไหนๆ ก็มาแล้วถ้าได้ของติดไม้ติดมือกลับไปก็น่าจะดี รุ่นพี่ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ” แน่นอน เงินรางวัลหนึ่งแสนวอนเชียวนะ ถ้าได้เป็นค่าขนมทดแทนความน่าเบื่อหน่ายตลอดทั้งวันที่ผ่านมาก็ไม่เลวหรอก
“อ๋อ...แต่คนที่เล่นเกมคู่กับฉันจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการร่วมสนุกชิงรางวัลทันทีนะ อันนี้คณะกรรมการไม่ได้บอกนายเหรอ” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ได้เล่นเกมคู่กับพี่ ไม่มีใครคิดหรอกว่ามันไม่คุ้มน่ะ”
“เฮอะ...ผมคนนึงแหละที่คิด” มินโฮทำหน้าเซ็ง “รางวัลยังไม่มีให้ลุ้น แถมยังต้องทนกับคนหลงตัวเองอย่างนี้ โชคร้ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ”
ไม่นานนักสัญญาณการเริ่มเล่นไนท์แรลลี่ก็เริ่มขึ้น ทุกทีมต่างกรูกันขึ้นไปบริเวณทางเข้าเล็กๆ ที่ตีนเข้าซึ่งเปิดเอาไว้รอเหล่าผู้มาเยือนทั้งหลาย ผิดกับคู่ของท่านประธานนักเรียนที่เดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทางหลังจากที่ทุกทีมวิ่งแข่งขันกันเพื่อหาไอเทมต่างๆ กันอย่างวุ่นวาย ก็เพราะมินโฮเองก็หมดแรงบันดาลใจในการเล่นเกมที่แม้ว่าจะชนะก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับมา
“เออนี่...บนภูเขาที่นี่มันมีตำนานโบราณด้วยนะ” เดินไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ ชางมินก็นึกเรื่องที่ชาวบ้านแถวนี้เคยเล่าให้ฟังตอนที่เขามาสำรวจเส้นทางครั้งแรก “นายกลัวเรื่องลี้ลับอะไรอย่างนี้รึเปล่า”
“เรื่องผีเหรอ” มินโฮเงยหน้าจากแผนที่ในมือขึ้นมามองหน้าชางมินและบรรยากาศรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น พูดถึงเรื่องแบบนี้ทีไร แม้มินโฮจะไม่กลัวเรื่องพวกนี้แต่ก็ยังรู้สึกเย็นวาบอยู่ด้านหลังไม่น้อย
“ไม่ใช่ เป็นเรื่องเทพเจ้าแห่งความรักของที่นี่น่ะ แต่มันก็...จะว่าเป็นเรื่องผีก็ยังได้ คือถ้านายกลัวจะได้ไม่ต้องเล่าไง”
“เอาเถอะ ผมจะฟังแล้วกันถ้ารุ่นพี่อยากจะเล่า”
“ไม่เล่าดีกว่าถ้าดูท่าทางไม่ค่อยจะสนใจแบบนี้” ชางมินฟังจากน้ำเสียงเฉยเมยของอีกฝ่ายก็พอจะรู้ว่าเขาคงไม่สมควรเซ้าซี้เจ้าเด็กนี่ให้รำคาญเล่นอีก เวลาโมโหก็น่ากลัวชะมัด
“...เล่ามาก็ได้ครับ ผมอยากฟัง” อยู่ดีๆ มินโฮก็หันมากระตุกยิ้มให้ชางมินแบบหวานๆ หนึ่งทีในขณะที่อีกคนนึงตั้งรับแทบไม่ทัน “...โอเคมั้ย ผมอยากฟังจริงๆ”
“มีคนเคยบอกนายรึเปล่าว่าเวลายิ้มแล้วนาย...น่ารักมากเลยน่ะ” แม้จะตะขิดตะขวงใจในการเอ่ยปากชมเพศเดียวกันว่าหน้าตาหน้าเอ็นดู แต่ชางมินแค่อยากเห็นมินโฮที่จริงๆ แล้วคงเป็นเด็กหนุ่มขี้อายมากจึงไม่ดูปิดกั้นตัวเองจากคนไม่คุ้นเคยเช่นนี้
“รุ่นพี่พูดนอกเรื่องอีกแล้ว ผมไม่อยากจะคุยด้วยเลย” มินโฮเปลี่ยนความสนใจกลับไปที่แผนที่ตรงหน้าต่อแทบจะทันที แก้มใสร้อนผ่าวเล็กน้อย แต่บรรยากาศรอบตัวที่มืดเกือบสนิท มีเพียงแสงสลัวจากไฟฉายและแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเพียงเท่านั้น มินโฮแค่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นว่าเขากำลังเขินอยู่
“รุ่นพี่ช่วยตั้งใจหาไอเท็มหน่อยสิ...เฮ้ยยยย~” หันไปบ่นอีกคนที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดีโดยที่ตัวเองก็ไม่มองเส้นทางข้างหน้า ขาเล็กจึงบังเอิญไปสะดุดก้อนหินขนาดใหญ่ที่ล้มขวางทางอยู่จนหน้าคะมำกับพื้นดินที่มีผืนหญ้าสีเขียวสั้นๆ ปกคลุมอยู่จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บนัก “โอ๊ยยยย...”
ชางมินรีบตรงเข้าไปคว้าแขนมินโฮเอาไว้ แต่ก็ดันไปโดนรอยแดงที่ข้อมือของร่างเล็กขึ้นมาอีกจนมินโฮเจ็บน้ำตาปริ่มขอบตา ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดระคนกับความรู้สึกอับอายต่อหน้าต่อตาชิมชางมินอีกครั้งหนึ่งในรอบวัน
อยากจะกระโดลงเขาไปเสียเดี๋ยวนี้เลย
“ขอโทษที...เป็นอะไรหรือเปล่า”
ร่างสูงคว้าไฟฉายในมือมินโฮแล้วดับลง อาศัยเพียงแสงสว่างจ้าจากพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญก็เพียงพอให้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนแล้ว ปลายนิ้วแกร่งค่อยๆ เขี่ยเศษใบไม้และเศษดินออกจากใบหน้าอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมจ้องลึกไปในดวงตาคู่โตที่ฉายแววตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“เจ็บตรงไหนอีกบ้างมั้ย หน้านายเป็นแผลเลยเนี่ย” ชางมินเปรยเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “ทีหลังระวังหน่อยนะ ดีนะที่พื้นเป็นหญ้าเลยไม่ค่อยถลอกเท่าไหร่ แล้วนี่สะดุดอะไรนะ...”
ชางมินมองหาสิ่งที่มินโฮน่าจะสะดุดจนล้มแบบเมื่อครู่รอบๆ หากก็พบตุ๊กตาหินขนาดครึ่งเมตรที่ดูเก่าแก่จนตะไคร่เกาะเสียจนเป็นสีเขียวเข้มเป็นหย่อมๆ ล้มอยู่ ชางมินเปิดไฟฉายพร้อมกับกระเถิบกายเข้าไปใกล้ก็เห็นรายละเอียดของตุ๊กตาหินแกะสลักโบราณ...ลักษณะช่างคล้ายคลึงกับที่ชาวบ้านเคยเล่าให้ฟังเสียเหลือเกิน
...ตุ๊กตาเทพเจ้าแห่งความรัก...
ทันใดนั้นรอบกายของชางมินกับมินโฮก็ถูกโอบล้อมด้วยกระแสลมขนาดใหญ่ที่หมุนวนด้วยความเร็วสูงด้วยความตกใจทั้งคู่จึงกระเถิบกายเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างเรืองรองเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีเทาและค่อยๆ ดำมืดลงเรื่อยๆ เพียงชั่วพริบตา ชางมินพยายามส่งเสียงเรียกขอความช่วยเหลือหากก็ไม่มีแม้แต่เสียงออกจากลำคอแม้แต่น้อย ส่วนมินโฮกำลังตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มือบางถูกชางมินคว้าเอาไว้อย่างแน่นหนา แรงลมค่อยๆ ทวีความรุนแรงทั้งการหมุนด้วยความเร็วสูงขึ้นและขยายขนาดสูงเรื่อยๆ จนไกลสุดสายตา จากนั้นเพียงชั่วพริบตา ร่างกายของทั้งคู่ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ สติก็ค่อยๆ พร่าเลือนจนเหลือเพียงเมฆหมอกสีดำสนิทตรงหน้าเป็นภาพสุดท้าย...
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านต้นสนสูงเสียดฟ้าทว่ายังมีช่องว่างให้มองเห็นสีฟ้าสดใสในยามเช้าได้ ดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่เพิ่งโผล่พ้นผืนน้ำกว้างไกลสุดสายตา ความร้อนจากแสงอาทิตย์ค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วผืนดินรวมทั้งให้ความร้อนแก่สองร่างที่สลบไสลมาทั้งคืนบนผืนหญ้าสีเขียวขจีที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างยามเช้าอย่างอ่อนโยน ความหนาวเย็นยามค่ำคืนทำให้ทั้งคู่กระเถิบกายเข้าหากันอย่างใกล้เพื่อหาไออุ่นโดยไม่รู้ตัว
เปลือกตาที่ประดับด้วยแพขนตายาวสีดำขลับขยับช้าๆ เพื่อให้แสงสว่างจ้าในความรู้สึกแรกค่อยๆ ลดลง ร่างบางขยับกายอย่างเชื่องช้าเพราะความเจ็บปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัวอีกทั้งท่อนแขนที่ถูกอีกคนหนึ่งทับไว้ทั้งคืนก็ยกแทบไม่ขึ้นหลังจากพยายามดึงออกอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่น
ชิมชางมินสำรวจร่างกายตนเอง...ที่แปลกไปกว่าทุกวันคือฝ่ามือเล็กที่บีบนวดขมับเมื่อครู่เพื่อบรรเทาอาการเวียนกลับดูบอบบางมากกว่าปกติ เมื่อปรับสายตาจนคุ้นชินแล้วมองไปเบื้องหน้าก็พบว่า...ร่างกายที่มีหน้าตาเหมือนกับเขากำลังนอนสลบไสลอยู่ข้างๆ ตัวเขาเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”
แวบแรกเขานึกว่าตนเองตายไปแล้ว แต่ก็พบว่าเขายังหายใจอยู่และความรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายที่มีอยู่น่าจะแสดงถึงการมีชีวิตอยู่บนโลกใบเดิมแน่ๆ ครู่หนึ่งถัดมาอีกร่างหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนเขากำลังขยับเขยื้อนด้วยความเจ็บปวด เปลือกตาสีเข้มกะพริบถี่ๆ ก่อนจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ร่างนั้นนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวนั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยความยากลำบาก...
“คุณเป็นใครน่ะ...” เสียงแหบพร่าจากร่างของชางมินดังขึ้น ลักษณะการพูดแบบมินโฮที่ชางมินจำได้ หากน้ำเสียงและร่างกายนั้นถูกมินโฮที่ครอบครองเอาไว้ “แล้วทำไมตัวของฉันที่อยู่ตรงนั้น...นี่ฉันตายไปแล้วเหรอ” มินโฮรำพึงเบาๆ ขณะกำลังสับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“มินโฮ...ชเวมินโฮ นี่พี่ชางมินนะ นายจำได้หรือเปล่า” เจ้าของร่างชเวมินโฮที่บัดนี้กลายเป็นชิมชางมินไปเสียแล้วค่อยๆ เข้าไปปลอบมินโฮที่กำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน “พวกเรายังไม่ตาย แต่ว่า...เราสลับร่างกันอยู่”
ตอนนี้ทั้งคู่จับต้นชนปลายไม่ถูก...รู้เพียงแต่ว่ามีการสลับร่างกันเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากที่มินโฮสะดุดล้มลงจากตุ๊กตาเทพเจ้าซึ่งตอนนี้อันตรธานหายไปจากบริเวณนั้นอย่างไร้ร่องรอย...
จะทำอย่างไรดี...
พวกเขาจะใช้ชีวิตต่อไปด้วยร่างกายของอีกคนได้อย่างไร...
To be continue in ‘Hate You, Love You Step 3’~ be patient!!
[[Talk with Writer]]
ในที่สุดก็มาต่อตอนที่ 2 จนได้ โฮกกกก อยากบอกว่าเรื่องนี้เขียนยากมากกกกกกกก
เพราะมันไม่หวานเลี่ยนโรแมนติกอ้วกแตกแบบที่ผ่านมาน่ะสิคะ T____T~
เพิ่งเขียนเสร็จก็รีบเอาลงเลย ก่อนที่ไรทเตอร์ต้องกลับไปสะสางงานที่ค้างต่อให้เสร็จก่อนออกต่างจังหวัด
การเขียนแบบแฟนตาซี อภินิหารแบบเบาๆ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราที่ไม่เคยอ่านนิยายแบบนี้มาก่อน
ถ้าภาษามันจะดูแปลกๆ ไม่สมจริงก็ขออภัยจริงๆ นะคะ >,,<
ตอนนี้รีดเดอร์อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะสำหรับตัวละครชางมินและมินโฮ
เราอยากค่อยๆ พัฒนาระดับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้บุ่มบ่ามรักกันง่ายจังแบบที่ผ่านมา
คอยลุ้นไปด้วยกันนะคะว่าเรื่องนี้จะลงเอยกันยังไง~ คงอีกนานค่ะกว่าจะจบเพราะเราวางพลอตไว้ไกลอยู่เหมือนกัน
เหมือนเดิมค่ะ...ขอขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน
ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นท์ให้กับคนเวิ่นๆ อย่างเรา 5555
หวังว่าเรื่องนี้จะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนบ้างนะคะ ~*
With Love,
Korazy_minnie
ความคิดเห็น