คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [Fiction] Hate You, Love You - Step 1 'Hate You!'
Title: Hate You, Love You Step 1 ‘Hate You!’
Writer: korazy_minnie
Pairing: Changmin x Minho (ChangMinHo)
Genre: Romantic, Comedy
Rate: N/A
Note: ได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง Secret Garden ค่ะ ^^”
“เฮ้ยยยยย ทำไมต้องเป็นผมด้วยอ่ะ” ร่างสูงโปร่งตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจพร้อมกับเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้
“อ่า...มินโฮ ก็นายเจ็บขาอยู่ยังซ้อมบาสฯ กับเพื่อนไม่ได้ ก็ไปประชุมแทนพวกเราหน่อยน่า~” อีจินกิ ชั้นมัธยมปลายปี 3 ประธานฝ่ายกีฬาของโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังในกรุงโซลกำลังขอร้องรุ่นน้องในทีมบาสฯ ให้ไปประชุมประจำปีเกี่ยวกับงบประมาณที่ต้องใช้ในฝ่ายกีฬาในปีนี้กับคณะกรรมการนักเรียน
“ก็นั่นแหละ...ผมเกลียดอิตาประธานนักเรียนนี่จะตาย เฮอะ” ชเวมินโฮชั้นมัธยมปลายปี 2 จิ๊ปากอย่างไม่พอใจเมื่อนึกถึงประธานนักเรียนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าที่สุด
“ครั้งเดียวเองน่า ขอร้องล่ะ” คิมคิบอม รองประธานฝ่ายกีฬาอีกคนลุกขึ้นยืนขอร้อง “นายช่วยงานฝ่ายนี้มาตั้งแต่ปี 1 แถมยังเป็นคนเดียวของฝ่ายเราที่ว่างตอนนี้ นายก็น่าจะรู้นี่”
“โอ๊ยยย ทำไมพวกรุ่นพี่นี่ชอบกดดันผมจัง” มินโฮยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความเซ็ง จุดอ่อนของชเวมินโฮก็คือการที่เป็นคนดีและใจอ่อนกับทุกๆ คนนี่แหละ
ง้อไปสักพักเดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนทุกที
“เดี๋ยวพวกเราจะตั้งใจทำให้ทีมบาสโรงเรียนเราเข้ารอบชิงให้ได้ รุ่นพี่มินโฮไม่ต้องห่วงนะฮะ” อีแทมินรุ่นน้องในทีมบาสที่ได้มาเป็นตัวจริงแทนมินโฮเอ่ยขึ้นเพื่อให้รุ่นพี่ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมบาสรู้สึกวางใจ เพราะวันที่ต้องไปประชุมนั้นตรงกับแข่งรอบรองชนะเลิศพอดี “ผมจะเล่นเต็มที่ไม่ให้รุ่นพี่มินโฮผิดหวังเลยนะฮะ”
“...” มินโฮกัดเม้มปากแน่นเมื่อเห็นประธานฝ่ายกีฬารวมทั้งหัวหน้าทีมกีฬาทั้งหลายต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง
“เออๆๆ ไปให้ก็ได้วะ”
สุดท้ายชเวมินโฮก็ต้องมาเป็นตัวแทนฝ่ายกีฬาในการประชุมนอกสถานที่ประจำปีของโรงเรียนเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ขณะนี้ร่างสูงโปร่งพร้อมเป้ใบโปรดหยิบตั๋ว KTX ที่กำลังจะเดินทางไปปูซานขึ้นมาเทียบกับตารางเดินรถ ณ สถานีรถไฟใจกลางกรุงโซลด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อย...ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ!
หลังจากพบว่าชานชาลาที่ต้องไปรออยู่ไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มจึงถือโอกาสเดินเล่นในสถานีรถไฟเสียหน่อย เนื่องจากเขาเป็นคนโซลแท้ๆ จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้บริการรถไฟเดินทางไปไหนไกลๆ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีที่จะได้เดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถไฟ...แต่น่าเสียดายที่เขาต้องไปประชุมงานกับรุ่นพี่และหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่เอาเรื่องงานมาแอบอ้างเพื่อของบจากทางโรงเรียนไปเที่ยวเล่น ซึ่งก็เป็นเช่นนี้สืบต่อกันมาทุกปี แต่ก็ไม่เห็นมีใครบ่นสักนิด เพราะถือว่าได้ไปพักผ่อนกันหลังจากสอบกลางภาคเสร็จพอดี และชเวมินโฮก็คงไม่เดือดร้อนอะไรถ้าเขาไม่ถูกบังคับให้มาประชุม ทั้งๆ ที่วันนี้เขาควรจะได้ลงเล่นรอบรองชนะเลิศในการแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างโรงเรียน
“ไร้สาระชะมัด แค่วางแผนงานโรงเรียนต้องถ่อไปถึงปูซาน” มินโฮแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมติดกระเป๋าเอาไว้กินเล่นระหว่างเดินทาง ปากก็บ่นงึมงำๆ ไปเรื่อย ดีที่เด็กหนุ่มครอบหูฟังอันใหญ่ไว้บนหัว คนที่อยู่ใกล้ๆ จึงนึกว่าเขากำลังฮัมเพลงอยู่
“อืมม์ งั้นประชุมคราวนี้นายก็เสนอสิว่ามันไร้สาระน่ะ” เสียงเย็นเยียบที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาดดังขึ้นด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งจนตะกร้าใส่ของในมือเกือบร่วง หากคนที่โผล่มาทำให้ตกใจก็คว้าไว้ได้ทันพอดี
“รุ่นพี่...” มินโฮถึงกับอึ้งที่อยู่ดีๆ คนที่กำลังแอบนินทาโผล่มาอยู่ต่อหน้า จะเป็นใครที่ไหนถ้าไม่ใช่รุ่นพี่ปีสามชิมชางมิน ประธานนักเรียนขี้เก๊กที่เขาสุดจะเกลียด...
“ซื้ออะไรอีกมั้ย...ถ้าไม่ก็ไปจ่ายตังค์กัน” มือใหญ่ที่อยู่ดีๆ คว้าหมับเข้าที่ข้อมือผอมของรุ่นน้องที่ยังยืนอึ้งไม่หายแล้วพาเดินไปยังเคานเตอร์คิดเงินที่อยู่หน้าร้าน
“ปล่อยนะ!” มินโฮเริ่มเสียงดังเมื่อเขาพยายามสะบัดแขนให้พ้นจากการเกาะกุมของรุ่นพี่ตัวสูงแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะอีกฝ่ายยังทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่งั้นผมจะต่อยรุ่นพี่นะ”
หลังจากมินโฮยื่นคำขาดชางมินจึงหยุดเดินและหันมาจ้องใบหน้าโกรธๆ ของชเวมินโฮตรงๆ แก้วตาดำขลับของรุ่นน้องตัวสูงกลอกไปอีกทางเพราะสายตาของชิมชางมินมันดูอ่อนโยนเกินไปจนทำให้เขารู้สึกแย่...
“นายรังเกียจพี่จนไม่อยากมองหน้าเลยเหรอ” น้ำเสียงตัดพ้อของคนตัวโตเอ่ยขึ้นก่อนจะปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ “พี่ไปทำอะไรให้นายไม่ชอบ มินโฮ”
“ไม่รู้...ก็แค่ไม่ชอบ แล้วรุ่นพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อผมเฉยๆ ด้วย” มินโฮเลี่ยงคำถาม จริงๆ แล้วมินโฮก็ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวอะไรกับรุ่นพี่ชิมชางมินมาก่อน แค่เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับท่าทางที่ดูขี้เก๊กในสายตาของผู้ชายด้วยกัน แถมชางมินยังเก่งไปซะทุกด้านทั้งๆ ที่ดูเหมือนไม่เคยจะจริงจังกับเรื่องอะไรสักอย่าง สาวๆ ค่อนโรงเรียนต่างหลงใหลในความสมบูรณ์แบบของประธานนักเรียนหนุ่มคนนี้ที่มีความสามารถ รวย แถมยังหล่อเหลาจนสาวๆ ต่างตั้งฉายาให้ชางมินเป็นเจ้าชายของโรงเรียน
“โอเคๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ” ชางมินถอนหายใจแล้วส่งยิ้มให้อย่างไม่ถือสา ท่าทางชัดเจนของมินโฮที่มีต่อเขาทำให้ชางมินเริ่มสนใจในรุ่นน้องคนนี้ เดิมทีก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แค่เคยติดต่อเพื่อทำงานส่วนกลางของโรงเรียนมาบ้าง
“เอาตะกร้าผมมา จะไปจ่ายตังค์” มินโฮพยายามยื่นมือยาวๆ ไปคว้าตะกร้าสีส้มสดของร้านสะดวกซื้อในมือของชางมิน แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบและโยนข้าวของในมือตัวเองลงไปรวมในตะกร้าของมินโฮอีกด้วย
“เดี๋ยวจ่ายรวมกันนี่แหละจะได้ไม่เสียเวลา” ตรรกะที่ไม่ค่อยมีเหตุผลนอกจากการอยากยั่วโมโหรุ่นน้องเล่นๆ ทำให้มินโฮยิ่งมองชางมินด้วยตาขวางยิ่งกว่าเดิม
“มันเสียเวลาที่ผมต้องมายืนเถียงกับรุ่นพี่ต่างหากล่ะ” มินโฮได้แต่มองแถวยาวที่ต่อคิวจ่ายเงินอย่างเซ็งๆ ขืนคว้าของไปรอจ่ายเงินอีกรอบคงได้ตกรถไฟเป็นแน่ เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยและมายืนชี้ให้พนักงานในร้านคอยแยกขนมของเขาออกจากของใช้ที่ชางมินซื้อมา
“นี่แสดงว่าลืมของสินะ” มินโฮค่อนขอดร่างสูงที่ซื้อบรรดาสบู่อาบน้ำ เจลโกนหนวด มีดโกนหนวด ยาสีฟัน แปรงสีฟันและของใช้ส่วนตัวอย่างอื่น...เพิ่งเคยเห็นความไม่สมบูรณ์แบบของชิมชางมินเนี่ยแหละ
“ทำไม? ก็ลืมของอ่ะ ผิดเหรอ” ชางมินถามอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่า ก็ปกติใครๆ ก็บอกว่ารุ่นพี่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง...ก็เลยแปลกใจว่าเป็นคนขี้ลืมกับเขาด้วยรึไง” มินโฮยืนขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเป็นจริงเป็นจัง จนคนที่ถูกพูดถึงอดอมยิ้มกับท่าทางน่ารักๆ ไม่ได้
“ถ้ารู้จักพี่จริงๆ นายจะรู้ว่าพี่ห่างไกลจากคำๆ นั้นมากแค่ไหน”
เด็กหนุ่มรุ่นน้องยืนอยู่ข้างๆ ชางมินแล้วบัญชาการพนักงานที่แคชเชียร์ให้จัดการแยกสิ่งของของเขากับรุ่นพี่ชางมินที่ได้แต่ยืนอมยิ้มในท่าทางเอาแต่ใจของคนข้างๆ แต่สุดท้ายชางมินก็เป็นคนจ่ายเงินให้ทั้งหมดแม้มินโฮพยายามยัดเยียดให้แล้วก็ตาม
“นี่ส่วนของผม” มินโฮยื่นเงินในมือให้คนตัวสูงที่ทำเป็นเฉยเมยแล้วหิ้วถุงของที่เพิ่งจ่ายเงินเสร็จแล้วเดินตัวปลิวออกมา ทำให้รุ่นน้องตาโตต้องก้าวยาวๆ ออกมาให้ทันคนตัวสูงกว่าที่เดินเร็วชะมัดยาด
“ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณรุ่นพี่” มินโฮเดินตามหลังรุ่นพี่ชางมินที่ยิ้มจนแก้มแทบฉีกเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของมินโฮ
“ไม่ต้องหรอกน่า ถือว่าพี่เลี้ยงขนม” อยู่ดีๆ ชางมินก็หันกลับมาจนมินโฮที่เดินตามมากระชั้นชิดชนเข้าจังๆ จนใบหน้าหล่อเหลาห่างกันแค่คืบขนาดที่ได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน...
มินโฮได้แต่ตกใจจนตากลมโตเบิกกว้างขึ้นไปอีก ชางมินระยะใกล้แค่หายใจรดนี่มันหล่อขั้นเทพจริงๆ ขนาดเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ (?) ยังอดชื่นชมใบหน้าอันแสนหล่อเหลา ดวงตาคมเป็นประกายและขนตายาวสวยเป็นแพแบบที่ผู้หญิงต้องอิจฉา จมูกโด่งรับกับใบหน้าแทบจะชนเข้ากับหน้าผากของมินโฮ ทั้งๆ ที่ในทีมบาสฯ ของโรงเรียนมินโฮก็ไม่ได้สูงน้อยไปกว่าใคร
ส่วนชางมินก็เพิ่งได้เห็นใบหน้าเรียวสวยได้รูปของชเวมินโฮใกล้ๆ ดวงตากลมโตที่ฉายแววหงุดหงิดทุกครั้งที่เขาพบรุ่นน้องคนนี้มันดูน่าสนใจจนอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น หากแต่อีกฝ่ายกลับเกลียดเขาเข้าไส้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ กลีบปากบางสีชมพูอวบอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับจะเชื้อชวนให้คนมอง แถมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ เหมือนแป้งเด็กทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหัวใจเต้นด้วยจังหวะที่แปลกไปกว่าทุกครั้ง...
“นี่นายสองคนจะยืนจูบกับกลางสถานีรถไฟรึไง” เสียงอันแสนคุ้นหูของโจวคยูฮยอนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของชางมิน และรั้งตำแหน่งรองประธานนักเรียนฝ่ายวิชาการดังขึ้นข้างหลังทำให้คนสองคนที่ยืนอยู่ค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากกันสองสามก้าว
“ถ้านายไม่มาขัดจังหวะ เราอาจจะทำแบบนั้น” ชางมินเอ่ยติดตลก แต่ทำให้ชเวมินโฮเริ่มโมโหมากขึ้นที่เห็นอีกฝ่ายดูสนุกสนานที่ได้ปั่นหัวเขา
“เอาของผมมา...” มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนคนฟังหน้าเสีย มือเล็กตรงไปยื้อแย่งถุงของในมือชางมินมาได้หนึ่งถุงแล้วเดินกระแทกกระทั้นจากไปอย่างรวดเร็วจนชางมินอดตกใจไม่ได้
“เป็นไงล่ะ น้องมันโมโหจนเดินหนีไปเลย” คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังบอบบางของเด็กหนุ่มที่เดินจ้ำอ้าวออกไปด้วยความสงสาร จะว่าไปเขาก็ปากไวเกินไปจริงๆ นั่นแหละ
“ได้ข่าวว่านายเริ่มก่อนนะ โจวคยูฮยอน” ชางมินส่ายหน้าให้เพื่อนรักที่เล่นไม่รู้จักเวลาจนมินโฮเดินตัวปลิวไปขึ้นรถไฟที่เพิ่งเข้ามาจอดเทียบชานชาลาพอดี “ไปกันเหอะว่ะ เดี๋ยวขึ้นรถไฟไม่ทัน”
ขายาวเรียวในกางเกงยีนส์สกินนี่สีน้ำเงินเข้มตัดกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีแดงสดเดินดุ่มๆ ไปในขบวนรถไฟเพื่อตามหาที่นั่งตามที่ระบุไว้ในตั๋วรถไฟ มินโฮหวังว่าที่นั่งของเขาจะติดกับหน้าต่างจะได้ทำให้การเดินทางเกือบสองชั่วโมงไม่ดูน่าเบื่อเกินไปนัก สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตามหาที่นั่งจนเจอ ใบหน้าน่ารักแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสในทันที
มินโฮหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนั่งขนาดใหญ่อย่างมีความสุข ดวงตากลมโตมองผ่านกระจกบานใสด้านข้างพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้เพื่อนบางคนที่รู้จักกันและกำลังจะเดินทางไปพร้อมๆ กันในทริป มินโฮหันมามองที่นั่งด้านข้างซึ่งว่างอยู่ พอดีกับที่ชิมชางมินและโจคยูฮยอนที่กำลังเดินมาพอดี ดวงตาคู่คมบังเอิญสบตามินโฮที่เบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ต่างจากเมื่อครู่ที่ชายหนุ่มแอบมองอยู่แบบหน้ามือเป็นหลังมือ
“อ๊ะ เจอที่นั่งแล้ว ของนายตรงไหนวะ” คยูฮยอนถามเพื่อนรักขึ้นมาหลังจากตนเองพบหมายเลขที่นั่งของตนซึ่งเป็นแถวเดียวกับมินโฮแต่มีทางเดินคั่นไว้ “อ้าว นี่แกอยู่ข้างๆ ฉันเลยนี่หว่าชางมิน”
“ตรงนี้...เหรอ” ชางมินมองเลขที่นั่งบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ตรงหน้าซึ่งเป็นที่นั่งที่อยู่ข้างๆ มินโฮพอดี “แต่สงสัยคนข้างๆ ฉันเขาคง...” ร่างสูงแกล้งตัดพ้อกับเพื่อนรักเมื่อเห็นมินโฮสะบัดหน้าพรืดไปอีกทางทันที
“ชเวมินโฮ...” คยูฮยอนเอ่ยเสียงเรียบให้ดูเคร่งขรึมกว่าบุคลิกจริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ มินโฮหันตามเสียงเรียกด้วยท่าทีเรียบเฉย “ให้เพื่อนพี่มันนั่งข้างๆ หน่อยได้มั้ยครับ”
“ก็ถ้าเป็นที่นั่งของรุ่นพี่ ไม่เห็นจะต้องขออนุญาตผมนี่ครับ”
“ขอบใจนะ” ชางมินยิ้มบางๆ ก่อนจะโยนเป้สะพายหลังใบใหญ่ขึ้นไปบนชั้นวางของด้านบนเหนือที่นั่งแล้วนั่งลงข้างๆ ชเวมินโฮที่ดูสนอกสนใจกับหนังสือพิมพ์กีฬาในมือมากเกินกว่าปกติ
“อ๊ะ รุ่นพี่ชางมิน สวัสดีค่ะ ดีใจจังที่จะได้ไปเที่ยวกับรุ่นพี่ตั้งสามวันสองคืนแน่ะ” อีฮโยริน ดาวโรงเรียนปีนี้ที่เป็นตัวแทนชมรมเชียร์ลีดเดอร์เดินมาโค้งให้ชิมชางมินอย่างนอบน้อม จนเสื้อกล้ามแขนกุดคอกว้างหย่อนลงไปจนเห็นหน้าอกขาวเนียนแบบเต็มๆ ตา...ให้ผู้ชายโง่แค่ไหนก็รู้ว่าใส่มายั่วกันชัดๆ
“เอ่อ...ครับ แต่เราคงไม่ได้เที่ยวกันมากนัก มีเรื่องต้องประชุมเยอะเหมือนกัน” ชางมินตอบรับแกนๆ เพื่อไม่ให้เสียมารยาท
“ฮโยรินทำแซนด์วิชไข่กุ้งมาฝากรุ่นพี่ด้วยนะคะ” หญิงสาวยังคงพยายามอย่างไม่ลดละ แม้ชางมินจะไม่ได้ดูสนใจมากนัก แต่ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก อีฮโยรินถือคตินี้มาเสมอ “รับไว้นะคะ ฉันตื่นมาทำแต่เช้าเลย”
“ขอบคุณนะ” ชางมินรับไว้อย่างเสียไม่ได้ แต่ก็สังเกตเห็นคนน่ารักข้างๆ ชายตามามองเขาด้วยท่าทีหมั่นไส้
“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่โน่นเลยนะคะ ทานให้อร่อยนะคะรุ่นพี่” ฮโยรินทำท่าเสียดายเมื่อต้องเดินกลับไปนั่งที่ของตนเมื่อเสียงประกาศในรถไฟเตือนให้ผู้โดยสารนั่งที่ให้เรียบร้อยก่อนรถจะออกเดินทาง แต่หล่อนก็ไม่วายขยิบตาให้ชางมินอีกทีก่อนจะเดินกลับไป
“โฮ่ยยย น้องฮโยรินนี่สุดยอดเลยว่ะ ตอนใส่ชุดนักเรียนอยู่ไม่นึกว่าจะขาว อวบ อึ๋มขนาดนี้เลยเว้ยชางมิน” คยูฮยอนที่สังเกตการณ์เพื่อนรักสุดฮอตอย่างน่าอิจฉา
“กินมั้ยวะ คยูฮยอน ฉันให้” ชางมินโยนกล่องพลาสติคสีขุ่นที่ใส่อาหารเอาไว้ให้เพื่อนรัก
“อะไรวะ ปกติของกินนายไม่เคยปฏิเสธนี่หว่า” คยูฮยอนมองเพื่อนด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ขัดศรัทธาที่จะได้ของกินฟรีในยามท้องว่างเช่นนี้ “อร่อยดีแฮะ แต่ฉันว่ารสชาติมันโคตรคุ้นเลย”
“เหรอ” ชางมินถามอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะกำลังสนใจเด็กหนุ่มข้างๆ ที่กำลังนั่งคุ้ยหาของในถุงร้านสะดวกซื้ออยู่ แต่เหมือนจะไม่เจอของที่ต้องการเด็กหนุ่มจึงทำหน้ามุ่ยและเหลือบมองมาที่เขาพอดี
“ผมหยิบของผิดถุงมา ขอถุงขนมผมคืนด้วยฮะ” มินโฮยื่นถุงใส่ของจากร้านสะดวกซื้อที่กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของชางมินไปเสียอย่างนั้น แก้มใสแดงระเรื่อด้วยความอายที่ไปทำฉุนเฉียวใส่ชางมิน แต่ตัวเองกลับหน้าแตกเสียเองที่ไปคว้ามาผิดถุง
“อ้าว เหรอ?” ชางมินเองอยากจะหัวเราะสมน้ำหน้าให้หากว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา แต่กลัวชเวมินโฮจะพาลอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกจึงได้แต่อมยิ้มนิดๆ แล้วหยิบถุงใส่ของจากร้านสะดวกซื้อยื่นให้มินโฮ
“...ขอบคุณฮะ”
มินโฮเอ่ยขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ แต่อับอายจนแทบอยากจะพุ่งใส่หน้าต่างทะลุออกไปให้รู้แล้วรู้รอด หากก็ได้แต่ทำหน้าเฉยเมยไปเรื่อยๆ ระหว่างที่แกล้งอ่านหนังสือพิมพ์กีฬาที่เขาอ่านจบไปแล้วรอบนึงด้วยท่าทีสนอกสนใจ ส่วนชางมินก็ได้แต่พยายามกลั้นขำอยู่ในใจ ยิ่งเห็นมินโฮเดือดปุดๆ เขายิ่งอย่างแกล้งมากขึ้นไปอีก...จริงๆ เขาจะเปลี่ยนที่นั่งกับคยูฮยอนหรือคนอื่นก็ได้ แต่เขาก็แค่อยากทรมานเจ้าเด็กดื้อที่ชอบปีนเกลียวกับเขาอย่างไม่มีเหตุผลก็เท่านั้น
ดวงตากลมโตแอบเหล่มองท่าทางสบายๆ ของคนข้างๆ ด้วยความหมั่นไส้ มือหนาถือหนังสือพ็อคเกตบุ๊คภาษาอังกฤษอ่านไปพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย ใบหน้าคมเข้มขยับไปตามจังหวะเพลงที่บรรเลงผ่านหูฟังยี่ห้อดังที่เชื่อมต่อกับไอพอดทัช...มันเท่ขนาดที่ชเวมินโฮที่ไม่กินเส้นกับชิมชางมินยังยอมรับเลยว่าผู้ชายคนนี้ดูดีเกินไปแล้วจริงๆ
“แอบมองอะไรครับ ชเวมินโฮ?” เสียงของชางมินดังขึ้นแม้ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องที่หนังสืออยู่ มินโฮรีบกลับไปสนใจวิวทิวทัศน์ข้างทางแทบจะทันที ชางมินขำเบาๆ กับท่าทางราวกับเด็กๆ ของคนข้างๆ
“อยากฟังเพลง อ่านหนังสือ...หรือว่าอยากคุยกับพี่รึเปล่า” ชางมินเอ่ยคำพูดยั่วโมโห แค่รอดูปฏิกิริยาตอบกลับของมินโฮก็สนุกจะแย่แล้ว
“หลงตัวเอง ไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวผมเลยสักหน่อย” เสียงทุ้มหวานสะบัดใส่คนที่แกล้งยั่วโมโหจนเรียกรอยยิ้มจากชางมินได้ “รุ่นพี่อย่ามายุ่งกับผมได้มั้ย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ”
“ก็นึกว่านายแอบชื่นชมว่าฉันดูดี อะไรแบบนี้ไง” ก็แค่คำพูดที่เขาเคยแอบได้ยินมา แม้จะกระดากปากไปสักนิดเวลาที่ต้องชมตัวเอง แต่ก็อยากเห็นเวลาคนตาโตถลึงตาแล้วเบะปากใส่ ก็น่ารักแบบตลกๆ ดีเหมือนกัน
“เฮอะ ท่านประธานนักเรียนนี่หลงตัวเองสุดๆ ไปเลยนะครับเนี่ย” ถึงมินโฮจะแอบชื่นชมอยู่ในใจเมื่อครู่จริงๆ แต่ก็อยากจะถอนคำพูดในความคิดของตัวเองออกไป...อิตานี่มันขี้เก๊ก หลงตัวเอง แล้วก็หน้าด้านมากๆ ต่างหากล่ะ!!!
“นี่...พี่ไม่รู้หรอกนะว่านายไม่พอใจอะไรพี่ แต่ถ้านายพูดมาตรงๆ พี่จะรอฟังแล้วกันนะ”
ชางมินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือต่อเช่นเดิม ทิ้งไว้ให้ชเวมินโฮจมอยู่กับความคิดตัวเองจนเด็กหนุ่มค่อยๆ นึกถึงสาเหตุที่เขาไม่ชอบใจชิมชางมินออก เพราะนี่คือศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขาน่ะสิ
ควอนยูริ...คนที่เขากำลังแอบชอบน่ะ ปลื้มไอ้ประธานขี้เก๊กนี่อย่างกับอะไรดี ชเวมินโฮล่ะปวดใจชะมัด!!!
รถไฟความเร็วสูงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าเทียบชานชาลาที่ปูซานอย่างเงียบเชียบ ชางมินปิดหนังสือลงพร้อมกับถอดหูฟังเพื่อเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นเตรียมหยิบสัมภาระที่วางไว้บนช่องใส่ของเหนือศีรษะ ชางมินพูดคุยกับคยูฮยอนเล็กน้อยหลังจากที่อีกฝ่ายหลับยาวตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง
“ชเวมินโฮยังหลับปุ๋ยอยู่เลยว่ะ” คยูฮยอนเอ่ยขึ้นกับชางมินพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ทิ้งไว้แบบนี้เลยดีมั้ยวะ”
“แกแมร่งใจร้ายว่ะ” ชางมินหัวเราะเบาๆ กับความคิดเป็นเด็กของเพื่อนสนิท “แกไปปลุกหน่อยสิ เดี๋ยวฉันไปปลุก พอตื่นขึ้นมาเห็นหน้า เดี๋ยวก็โวยวายอีก”
“ทำไมล่ะ ดีออก...ฉันรู้ว่านายก็อยากแกล้งเด็กนี่ออกจะตาย” คยูฮยอนตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปก่อนเพื่อออกไปทำคะแนนกับสาวๆ ในทริปนี้เช่นเคย
“เพื่อนเวรเอ๊ย...ฉันจะพึ่งอะไรแกได้บ้างวะเนี่ย” ชางมินสบถเบาๆ ให้กับความร้ายกาจอย่างเงียบเชียบของเพื่อนสนิทภาพลักษณ์คุณชายขี้เล่นอย่างโจวคยูฮยอน รองประธานฝ่ายวิชาการมาดเท่ที่สาวๆ คลั่งไคล้กันครึ่งค่อนโรงเรียน แม้จริงๆ เขาก็รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งชเวมินโฮจริงๆ นั่นแหละ
ร่างสูงวางเป้สะพายหลังลงบนเบาะที่นั่งของตนเองเมื่อครู่ ชางมินค้อมตัวลงเล็กน้อยจนเห็นใบหน้าที่ดูคมคายของเด็กหนุ่ม แพขนตาสีดำสนิททอดตัวอย่างสงบพร้อมกับริมฝีปากอิ่มสวยที่เผยอยิ้มเล็กน้อยยามหลับใหล จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้าเรียวเล็กชวนมอง เขาเริ่มเข้าใจแล้วที่เพื่อนๆ ผู้หญิงหลายคนในห้องคลั่งไคล้เด็กหนุ่มปีสองหัวหน้าทีมบาสเกตบอลอย่างเป็นจริงเป็นจัง
...แอบถ่ายรูปเอาไปอัดขายเลยดีมั้ยนะ...
“ชเวมินโฮ...ตื่นสิ นี่ถึงแล้วนะ” ชางมินหยุดความคิดบ้าๆ ของตัวเองแล้วเรียกเด็กหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทอยู่ มือแกร่งจึงสะกิดไหล่สองสามที หากก็ยังไร้การตอบสนองใดๆ
...ไอ้เด็กนี่มันกินยานอนหลับเข้าไปรึไงนะ ขี้เซาจริงๆ...
ชางมินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเพิ่มแรงเขย่าพร้อมกับเรียกชื่อเสียงดังขึ้น ร่างสูงก้มลงไปกระซิบข้างๆ หูเผื่อเจ้านี่จะตื่นมากขึ้น แล้วก็ได้ผล...ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือเล็กสองข้างผลักชางมินจนกระเด็นออกไป ดีที่ชายหนุ่มคว้าเบาะนั่งไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงล้มก้นกระแทกพื้นขายขี้หน้าคนอื่นๆ ในรถไฟเป็นแน่
“รุ่นพี่จะทำอะไรผมน่ะ” มินโฮเองก็ตกใจไม่น้อยที่ออกแรงไปเสียมากเพราะความตกใจ แต่ก็ยังโมโหอยู่ที่อีกฝ่ายเข้ามาเสียใกล้ขนาดนั้น
“พี่ก็แค่จะปลุกนาย ถ้านายจะมาฟึดฟัดใส่ขนาดนี้ ฉันปล่อยนายไว้ตรงนี้แต่แรกก็ดีหรอก” ชางมินเริ่มโมโหอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วจริงๆ เขายังไม่ได้ทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดซะทุกอย่าง “เก็บของเสร็จก็ลงมาแล้วกัน...”
ชางมินเอ่ยทิ้งท้ายสั้นๆ ก่อนจะคว้าเป้สะพายหลังแล้วเดินออกจากขบวนรถไฟไปอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อย แค่สงสัยว่าเขาไปทำอะไรให้ชเวมินโฮตอนไหนถึงได้ต้องมาตั้งแง่รังเกียจเขาออกนอกหน้านอกตาถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้งก็เดินมาถึงกลุ่มนักเรียนที่มาประชุมงานด้วยกันซึ่งสาวๆ กำลังคุยกันจ้อกแจ้กจอแจอยู่ หากเพียงประธานนักเรียนหนุ่มเดินมาถึง ทั้งกลุ่มก็เปลี่ยนมาให้ความสนใจร่างสูงแทนทันที
“กว่าจะลงมาได้นะครับท่านประธาน หึหึ” คยูฮยอนเอ่ยแซวเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยิ้มแหยๆ ให้แทนคำตอบ ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ป่านนี้ชิมชางมินด่าไปแล้ว
“มากันครบแล้วใช่มั้ย?” ชางมินหันไปถามจองยงฮวาที่เป็นหัวหน้าทริปในครั้งนี้ซึ่งกำลังเช็คชื่อสมาชิกทั้งหมดอยู่
“เอ่อ เหลือชเวมินโฮฝ่ายกีฬาน่ะครับ ยังไม่เห็นเลย” ยงฮวามองรายชื่อในกระดาษแล้วตอบคำถามรุ่นพี่ “ผมให้คนขึ้นไปตามหาเขาแล้วฮะ”
“หมอนั่นเพิ่งตื่นน่ะ เดี๋ยวคงลงมา” ชางมินตอบคำถามเสียงเรียบพร้อมกับใบหน้าที่สงสัยของยงฮวา หากคนที่ถูกเอ่ยถึงก็เดินลงมาพอดี อีกฝ่ายจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
“เอ่อ ขอโทษครับ” เมื่อร่างสูงเห็นทุกคนมากันครบแล้วจึงเอ่ยขอโทษขอโพยสมาชิกร่วมทริปที่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ปีสามและเพื่อนๆ ในชั้นปีเดียวกัน ดวงตากลมโตไม่กล้าหันไปสบตารุ่นพี่ชิมชางมินที่มองมาทางเขาอยู่ มินโฮจึงค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มเพื่อไปอยู่กับเพื่อนที่รู้จักกันซึ่งร่วมทริปนี้มาด้วย
“โอเค งั้นมาครบทุกคนแล้วก็ไปขึ้นรถบัสที่จอดอยู่หน้าสถานีได้แล้วนะครับ” ยงฮวาประกาศผ่านโทรโข่งอันเล็กที่เอาติดมาด้วยก่อนจะเดินนำสมาชิกในทริปไปยังจุดหมายซึ่งเป็นรถบัสคันใหญ่ที่จอดรออยู่แล้ว
รถบัสคันใหญ่แล่นผ่านตัวเมืองปูซานจนเข้าสู่เขตชานเมืองอย่างรวดเร็ว เด็กกรุงโซลหลายคนตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศธรรมชาติและน้ำทะเลสีฟ้าใสที่กำลังส่องแสงระยิบระยับกับดวงอาทิตย์ในยามสายเรียกให้เด็กๆ ต่างฮือฮาในทัศนียภาพที่ไม่สามารถพบเจอได้ในเมืองหลวงอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวทุกคนจะตื่นเต้นกับที่พักของเรามากกว่านี้อีกครับ รับรองว่าบรรยากาศดีแน่นอน” จองยงฮวาประกาศอยู่หน้ารถบัสราวกับเป็นไกด์พาเที่ยวก็ยิ่งเรียกความสนใจให้ทุกคนมากขึ้นไปอีก หากยังมีบางคนอย่างชเวมินโฮที่ไม่ได้สนใจว่าจะได้เที่ยวหรือจะได้ทำกิจกรรมอะไรสักเท่าไหร่ หน้าที่เขาก็แค่มาพูดโครงการและแผนงานของฝ่ายกีฬาฯ เท่านั้น แต่อย่างน้อยวิวทิวทัศน์ที่ดูสงบเงียบดูน่าหลงใหลก็ทำให้มินโฮเริ่มที่จะสนใจกิจกรรมขึ้นมาบ้างแล้ว
“เอาล่ะครับ หลังจากที่พวกเราทุกคนถึงที่พักแล้ว เรื่องห้องพักจะสามารถพักได้ห้องละสองคนโดยทุกๆ คนสามารถเลือกคู่ของตัวเองได้อย่างอิสระนะครับ แต่...” ยงฮวาหยุดพูดเพื่อกระตุ้นความสนใจผู้ฟังเล็กน้อย “ทุกคนจะได้พักผ่อนจนถึงช่วงบ่ายๆ ซึ่งเราจะเริ่มประชุมงานจนถึงตอนเย็นตามกำหนดการที่เพื่อนๆ ทราบแล้ว แต่หลังจากช่วงเย็น เราจะมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ด้วยการเดินแรลลี่ตอนกลางคืนกันด้วย คอยติดตามกติกาหลังจากนี้ให้ดีๆ นะครับ”
กว่าการประชุมครึ่งแรกจะจบลงก็ล่วงเลยเวลาจนเกือบหกโมงเย็น ประธานนักเรียนหนุ่มจึงสั่งพักการประชุมในส่วนของวันแรกไว้เสียก่อนเพื่อไม่ให้กิจกรรมอื่นที่จัดไว้ต้องเลื่อนตารางเวลาไปด้วย
“อืม พักการประชุมไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวให้ฝ่ายกิจกรรมมาเล่าเรื่องแรลลี่ตอนกลางคืนหลังจากปาร์ตี้ตอนเย็นก่อนแล้วกันนะครับ” ประธานนักเรียนหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงกรี๊ดเบาๆ จากเหล่าสาวๆ ในห้องได้พอประมาณ แม้จริงๆ แล้วไม่ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรก็เป็นจุดสนใจของผู้หญิงทุกคนอยู่ดี ด้วยลุคเนี้ยบเท่ๆ กับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อคมเข้มก็ทำให้สาวๆ หลงใหลได้อย่างง่ายดาย จนมีคนเรียกคู่เพื่อนสนิทอย่างชางมินกับคยูฮยอนว่าเป็น Prince Couple กันเลยทีเดียว
ยงฮวาอธิบายกติกาการเล่นไนท์แรลลี่เพื่อตามหาไอเทมซึ่งติดตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนเอาไว้ทั้งหมดจำนวนห้าชิ้นที่ถูกนำไปวางเอาไว้ในสถานที่ต่างๆ ในป่าโปร่งบนภูเขาหลังรีสอร์ตแล้ว กิจกรรมสานสัมพันธ์นี้จะให้สิทธิ์รุ่นน้องปีสองเป็นคนจับฉลากคู่ของตนที่เป็นรุ่นพี่ปีสามเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
เด็กสาวปีสองหลายคนต่างภาวนาที่จะให้ได้จับคู่กับชางมินหรือไม่ก็คยูฮยอนที่รั้งตำแหน่งเจ้าชายของโรงเรียน หลายคนรู้มาว่างานไนท์แรลลี่ประเพณีทำให้หลายคู่ได้เป็นคบหากันจริงๆ มาหลายคู่แล้ว เหล่าสาวๆ จึงภาวนากันอย่างเอาเป็นเอาตายหวังว่าจะได้จับคู่กับสองหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน
รุ่นพี่ปีสามเองที่หมายตารุ่นน้องอยู่ต่างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน รวมทั้งคยูฮยอนที่ดีใจอย่างออกนอกหน้าเมื่อคนที่จับได้ชื่อเขาเป็นรุ่นน้องปีสองหน้าตาน่ารักอย่างอีซองมินจากฝ่ายคหกรรม หากเจ้าชายอีกคนอย่างชิมชางมินก็ลุ้นไม่แพ้กันว่าจะได้จับคู่กับใคร
การจับฉลากดำเนินไปอย่างสนุกสนานจนใกล้หมด หากชื่อของชางมินก็ยังไม่ถูกจับออกมาเสียทีจนสาวๆ หลายคนเริ่มโวยวายว่าไม่มีชื่อรุ่นพี่สุดหล่อรวมอยู่ในนั้น แต่ไม่ทันขาดคำเมื่อชเวมินโฮจับฉลากที่เป็นใบเกือบท้ายๆ ของกล่องกลับกลายเป็นชื่อของบุคคลที่ทำให้สาวๆ อิจฉาร่างสูงกันยกใหญ่ มินโฮยื่นฉลากให้ยงฮวาด้วยหน้าตาเรียบเฉยก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมด้วยหน้าตาเซ็งๆ ซึ่งสาวๆ หลายคนที่ยังไม่ได้จับฉลากก็เสียดายกันเป็นแถบๆ
ยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอ...ชเวมินโฮเริ่มเข้าใจคำพูดนี้เข้าไปทุกทีแล้ว
“ชเวมินโฮปีสองฝ่ายกีฬา คู่กับ...รุ่นพี่ชางมินนะ” ยงฮวาสั่งให้เลขาจดชื่อทุกคู่ลงไปเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งการจับฉลากสิ้นสุดลง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อลงมาปาร์ตี้มื้อเย็นริมชายหาดก่อนจะเริ่มไนท์แรลลี่เป็นกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้
ระหว่างที่ชเวมินโฮกำลังเดินกลับห้องกับคิมจงฮยอนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขา หญิงสาวคนหนึ่งก็รีบวิ่งตามแล้วปราดเข้ามาดักหน้าพอดี แน่นอนว่าใครๆ ก็ต้องรู้จักดาวโรงเรียนปีสองอย่างอีฮโยรินอยู่แล้ว
“ชเวมินโฮใช่มั้ย” เสียงหวานที่ผ่านการปั้นแต่งมาอย่างดีเอ่ยอย่างสุภาพกับมินโฮที่ดูงงๆ เพราะต้องหยุดเดินกะทันหัน ผิดกับคิมจงฮยอนที่ดูตื่นเต้นเมื่อเห็นสาวสวยเดินเข้ามาทักทายก่อน
“อืมม์ มีอะไรเหรอ?”
“นายจับคู่ได้กับพี่ชางมินใช่มั้ย”
“อืมม์ ทำไมเหรอ เธออยากเปลี่ยนคู่กับฉันงั้นเหรอ” แค่คำถามและน้ำเสียงของอีกฝ่ายมินโฮก็พอเดาออกแล้ว หญิงสาวอมยิ้มอยู่ในทีเมื่ออีกฝ่ายช่างเข้าใจอะไรง่ายดีเสียเหลือเกิน
“แต่รุ่นพี่ยงฮวาบอกว่าไม่ให้สลับคู่กันเองนี่นา” จงฮยอนเอ่ยขึ้น
“เสียใจด้วยนะ ถึงฉันอยากจะเปลี่ยนคู่กับเธอ แต่กฎมันก็คือกฎ”
“เราแอบทำก็ได้ เถอะนะ ฉันอยากคู่กับพี่ชางมินนี่นา” ฮโยรินเขย่าแขนมินโฮเบาๆ ใบหน้าสวยพยายามเรียกร้องขอความเห็นใจจากอีกฝ่ายด้วยน้ำตาที่รื้นรออยู่ริมขอบตาแล้ว “นะ...ชเวมินโฮ ถ้านายให้ฉันสลับคู่ด้วย นายอยากได้อะไร ฉันจะซื้อให้หมดเลย”
“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้เดือดร้อนขนาดที่ต้องทำตามที่เธอบอกเพราะหวังของตอบแทนน่ะ อย่าคิดว่าทุกคนเป็นแบบเธอสิ” ร่างสูงขยับข้อมือเบาๆ เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แล้วเดินจากไปกับจงฮยอนโดยไม่ได้หันมาสนใจฮโยรินที่ยืนกระทืบเท้าปึงปังอยู่ที่ลอบบี้ของรีสอร์ตอย่างน่าสงสาร
มินโฮไม่รู้เลยว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาของชางมินที่กำลังจะเดินกลับห้องด้วยเส้นทางเดียวกันอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ต้องหยุดดูอยู่ห่างๆ ว่าชเวมินโฮจะจัดการกับหญิงสาวอย่างไร แต่จุดจบก็พบว่า...ชเวมินโฮนี่ก็ร้ายใช่เล่นอยู่เหมือนกัน
...แรลลี่คืนนี้คงสนุกดีพิลึกใช่มั้ย ชเวมินโฮ...
to be continue in 'Hate You, Love You - Step 2' ...
::Talk with Writer::
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ ไรทเตอร์จอมขี้เกียจได้เอาฟิคเรื่องใหม่มาลงแล้ว เย่!!!
ตอนแรกตั้งใจว่าจะชื่อเรื่อง The Secret Garden ค่ะ แต่ก็เปลี่ยนใจกระทันหัน ใช้ชื่อแต่แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่เราแต่งดีกว่า 55
แต่เรื่องนี้ขอประกาศตัวก่อนว่าแอบได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เรื่อง Secret Garden ค่ะ
ถ้าใครเคยดูคงพอเดาพลอตฟิคเรื่องนี้ออกใช่มั้ยคะ :) แต่ถ้ายังไม่เคยก็...ลองอ่านดูละกันค่ะ
ไรทเตอร์เพิ่งจะสอบเสร็จเองฮับบบบ แต่มีงานเยอะมากถาโถมเข้าใส่ ทั้งงานเก่างานใหม่เต็มไปหมด T^T
อาทิตย์หน้าก็จะไม่อยู่กรุงเทพฯ ไปอีกสองสัปดาห์ สถานที่ๆ จะไปก็แร้นแค้นสัญญาณเนตพอควร
แต่จะพยายามลงตอนที่สองให้ได้อ่านกันก่อนอาทิตย์หน้านะคะ จะพยายามดูค่ะ!!!
ส่วนเพื่อนๆ ที่ร่วมสนุกกับเราก็คงได้รับฟิคตอนนี้ไปอ่านก่อนแล้ว (ไม่รู้ว่าจะได้อ่านรึยังเนอะ)
ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ส่งอีเมล์มาร่วมสนุกกัน เราเฉลยไว้ให้ในเมล์แล้วนะคะ ^^
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างก็ฟีดแบคมาได้นะคะ ยินดีรับฟังเสมอค่ะ (จะชมจะติตรงไหน เราอยากฟังอ่ะค่ะ)
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด รวมถึงฟิคเรื่องใหม่นี้ด้วย
รักษาสุขภาพนะคะ
With Love,
Korazy_Minnie
ความคิดเห็น