คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [SF] Tricky Baby~
Writer: Korazy_minnie
Pairing: Changmin x
Genre: Romantic
Rate: PG-15
Note: ฟิคป่วงๆ ในเวลาอันสั้นๆ ไม่มีแก่นสารอะไร ไรทเตอร์ก็แค่อยากแต่งอ่ะ :)
ยามสายของวันธรรมดาวันหนึ่งในสถานอันแสนคุ้นเคยอีกแห่งที่ศิลปินดังระดับเอเชียอย่างทงบังชินกิเดินเข้าออกบ่อยครั้งอย่างสนามบินคิมโป ในวันนี้ก็มิได้แตกต่างจากทุกวันที่สองนักร้องหนุ่มพบเจอจนเคยชิน ขายาวในกางเกงขาเดฟสีชมพูอ่อนก้าวตามลีดเดอร์ของวงรวมทั้งเมเนเจอร์จอมโหดที่เดินฝ่าเหล่าแฟนคลับไปได้อย่างไม่ยากเย็นนักด้วยการคุ้มกันอย่างหนาแน่นจากการ์ดร่างยักษ์ส่วนตัวของบริษัท ระหว่างทางเดินยังมีแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปทั้งจากมือถือและกล้องระดับโปรแข่งกันกะพริบระยิบระยับจนชวนปวดตา แต่แว่นกันแดดสีดำสนิทที่ใส่เพื่อเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งของแฟชั่นไอคอนคนใหม่อย่างชิมชางมินก็ยังช่วยกรองแสงสว่างวาบรวมทั้งปกปิดดวงตาคู่คมที่ยังตื่นไม่เต็มตาหลังจากโดนปลุกให้ขึ้นบินกลับจากญี่ปุ่นด้วยไฟล์ทเช้าที่สุดของวันเช่นนี้
หากวันนี้กว่าชิมชางมินจะเดินฝ่าวงล้อมของแฟนคลับจำนวนมากไปจนถึงรถตู้สีดำคันใหญ่ของบริษัทได้ก็รู้สึกเหนื่อยเพราะต้องใช้เรี่ยงแรงที่มีน้อยกว่าปกติไปเกือบทั้งหมด เพราะไข้หวัดที่หนักหนาพอสมควรในช่วงโปรโมตเพลงเช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถพักได้เต็มที่รวมทั้งเฝือกอ่อนที่มือขวาซึ่งต้องใส่ไว้อีก 3 สัปดาห์ทำให้เจ้าตัวยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ร่างสูงโปร่งทิ้งกายลงแถวหลังสุดภายในรถตู้คันใหญ่โดยมีลีดเดอร์อย่างชองยุนโฮเดินตามเข้ามาแล้วมองน้องชายที่ไอค่อกแค่กด้วยความเป็นห่วง ชางมินได้แต่โบกมือบอกพี่ชายว่าไม่เป็นอะไรแล้วทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวภายในรถที่ติดฟิล์มหนาทึบโดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร
“พี่คยองเจ” เสียงทุ้มห้าวของชองยุนโฮดังขึ้นภายในรถ “วันนี้เราต้องซ้อมถึงกี่โมงครับ ผมว่าให้ชางมินไปพักก่อนดีมั้ย”
“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ยุนโฮ แค่กๆ” ชางมินปฏิเสธเสียงแข็งแม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากให้แผนงานล่าช้าไปกว่านี้เพราะเขา
“วันนี้มีซ้อมแค่บ่ายๆ น่ะ หลังจากนั้นนายไปซาลอนหน่อยเดี๋ยวก็กลับไปพักได้” แมเนเจอร์จอมโหดกางตารางงานเป็นกระดาษแล้วอ่านให้ฟัง “นี่ ชางมิน ให้พักแล้วไม่ต้องออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนให้หวัดมันแย่ลงอีกนะ”
“พี่เห็นผมเป็นเด็กๆ ไปได้อ่ะ” ชางมินเริ่มงอแง เขามักจะเป็นแบบนี้เวลาป่วย จนสุดท้ายใครๆ ก็ต้องมาเอาแต่ใจเขาเสมอ “ก็โดนฝนนิดเดียว ใครจะคิดว่าจะเป็นหวัดขนาดนี้ล่ะฮะ”
“พอพี่ไม่อยู่ นายก็ออกไปช็อปปิ้งซื้อของให้เด็กน้อยของนายน่ะ” ชองยุนโฮก็อีกคนที่เป็นพวกขี้น้อยอกน้อยใจ ที่เป็นหวัดกลับมาเพราะน้องชายตัวดีออกไปหาซื้อขนมที่มีคนน่ารักบ่นว่าอยากกินนักหนาจนยุนโฮหมั่นไส้ที่ความรักที่ชางมินให้เขาถูกบั่นทอนลงไปไม่น้อยจากคนน่ารักที่ชางมินมักจะตามใจอยู่เสมอ
“พี่จะบ่นทำไม ผมก็ซื้อมาฝากพี่ด้วยอ่ะ โอ๊ย ปวดหัวชะมัด...” ทำปากเบะแล้วก็หันหน้าหนีปัญหาเข้าเบาะด้านในด้วยท่าทางงอนๆ แบบที่ยุนโฮเคยชิน มือขวาที่เจ็บอยู่ทำให้เล่นทั้งไอแพดไอโฟนของโปรดได้ไม่ถนัดนัก ร่างสูงโปร่งจึงนอนเหยียดยาวพร้อมเอาผ้าปิดตาลาย Rilakkuma ที่เจ้าเด็กน่ารักของเขาซื้อมาให้...
ไม่เข้ากับหน้าเลยจริงๆ...ลีดเดอร์สุดหล่อขำอยู่เงียบๆ พร้อมกับพี่คยองเจที่นั่งอมยิ้มเมื่อมองผ่านกระจกมองหลังมาเห็นไอ้เด็กเกรียนนอนซึมพร้อมกับผ้าปิดตาลายน่ารักแบบนี้
รถตู้สีดำสนิทแล่นด้วยความเร็วสูงเพื่อตรงเข้าสู่บริษัทตามตารางงานในวันนี้ ชองยุนโฮขอแวะที่ร้านกาแฟเจ้าประจำเช่นเดิมย่านอับกุจองเพื่อเติมพลังก่อนเข้าไปซ้อม โดยไม่ต้องปลุกน้องชายขึ้นมาเขาก็รู้ดีว่าเมนูประจำของชางมินคือไอซ์ชินนามอนอเมริกาโน่แก้วกลาง พี่ชายผู้แสนใจดีจึงซื้อมาเตรียมไว้ให้คนป่วยที่ยังคงหลับสนิทอยู่หลังรถ ไม่นานนักรถคันใหญ่ก็แล่นปราดเข้าจอดด้านข้างตึกเช่นเคย พร้อมทั้งเสียงกรี๊ดเบาๆ เป็นระยะๆ จากแฟนคลับที่รออยู่ด้านนอกตึก
“เฮ้ย ยุนโฮ ปลุกชางมินสิ” แมเนเจอร์หนุ่มสั่งการลีดเดอร์ของวงที่กำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ พร้อมจิบกาแฟไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ ยุนโฮขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ก็กระเถิบตัวไปปลุกน้องชายที่หลับสนิทแต่โดยดี
“เฮ้...ชางมินอ่า ตื่นได้แล้ว” มือใหญ่เขย่าตัวน้องชายเบาๆ คนถูกปลุกแค่รู้สึกรำคาญจึงได้แต่พลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ยุนโฮจึงใช้ไม้ตายขั้นสุดยอด...แม้จะเสี่ยงโดนด่าก็เหอะ
ปลายนิ้วเรียวบีบเข้าที่แก้มกลมๆ ของคนขี้เซาพร้อมกันทั้งสองข้าง แน่นอน...ชิมชางมินตื่นขึ้นมาพร้อมกระชากผ้าปิดตาลายน่ารักออกแล้วถลึงตาโตๆ ใส่พี่ชายด้วยความโมโห ชางมินชอบให้ใครมาเล่นบนหน้าของเขาซะเมื่อไหร่ล่ะ
“ไอ้พี่ยุนโฮ...”
มักเน่ตาโตไม่ได้ลงโทษพี่ชายที่ออกจะสะใจอยู่เล็กๆ ที่ได้แกล้ง เนื่องจากประตูรถตู้เปิดออกด้วยฝีมือแมเนเจอร์ที่รำคาญเด็กไม่รู้จักโตสองคนที่ชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย แถมแฟนคลับต่างก็จับตามองเข้ามาในรถพอดี ชางมินจึงจัดแต่งทรงผมเล็กน้อยก่อนจะคว้าเป้สะพายหลังและตามด้วยสวมแว่นกันแดดแล้วเดินลงรถตามลีดเดอร์หนุ่มที่อารมณ์ดีโบกไม้โบกมือให้แฟนๆ ตลอดทางเดินเข้าบริษัท
“เห่อจริงเชียว ไอ้กระดานเนี่ย” อีจินกิหรือลีดเดอร์อนยูที่เพิ่งเดินกลับเข้าห้องซ้อมมาก็เห็นชเวมินโฮนั่งอยู่มุมห้องพร้อมเสียบหูฟังเอาไว้ มือก็ไถไปมาบนไอแพด2 ที่เพิ่งได้มาจากแฟนคลับเมื่อวานซืนแล้วก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่เดี๋ยวก็ทำหน้ามู่ทู่อย่างไม่สบอารมณ์สลับกันไปมา
“ไหนๆๆ ดูอะไรอยู่อ่ะ” อนยูนั่งยองๆ ลงข้างๆ แต่เหมือนมินโฮจะเอาแต่จดจ่ออยู่กับคลิปวิดีโอในเวบไซต์แฟนคลับของใครบางคนอยู่ จึงไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนแอบมองอยู่ในระยะประชิด
“เฮอะ...ทำตัวเป็นแฟนคลับได้ตลอดเวลา ชเวมินโฮเอ๊ย~” คีย์ที่นั่งเล่นอยู่กับแทมินอีกมุมนึงเอ่ยกระแนะกระแหนขึ้น “อนยูอย่าไปสนใจมิโนมันเลย เอาแต่ดูคลิปดูรูปพี่ชางมินได้ทั้งวี่ทั้งวัน”
“แต่คลิปนี้มันงานอะไรนะมิโน ผมพี่ชางมินทรงนี้นี่เพิ่งไม่นานมานี้เองนี่” อนยูถามขึ้น ก็น่าแปลกที่มินโฮได้ยินแล้วยิ้มหวานกลับมาตอบ
“งานของเคบีเอสที่โตเกียวโดมเมื่อวานซืนไง” มินโฮปลดหูฟังออกหนึ่งข้างก่อนจะหันมาคุยกับอนยู “อยากมีโอกาสขึ้นโดมพร้อมกับโทโฮชินกิจังอ่ะ พี่อนยู”
“เดี๋ยวเอสเอ็มคอนที่โตเกียวก็ไปสวีตกันให้หนำใจเลยสิจ๊ะ” คีย์เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงดังจนคนใบหน้าหวานของมินโฮขึ้นสีแดงระเรื่อ “เฮอะ คาริสม่ามินโฮสุดเท่ห์ ไหงเอาแต่เขินแบบนี้ล่ะ ชริ!!!”
“อ๊ะ รถของพี่ยุนโฮกับชางมินนี่ฮะ” แทมินที่ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาใต้ตึกจึงแง้มผ้าม่านทึบแสงออกไปมอง เรียกให้มินโฮรีบวิ่งมาแง้มผ้าม่านดูด้วย
ดวงตากลมโตจ้องมองที่ประตูรถตู้อย่างใจจดใจจ่อไม่ต่างจากเด็กสาวแฟนคลับที่รออยู่หน้าทางเข้าบริษัทแม้แต่น้อย สักครู่ก็เห็นลีดเดอร์สุดหล่อลงมาพร้อมรอยยิ้มให้กับแฟนๆ เช่นเคย ส่วนชางมินก็เดินทื่อมะลื่อลงมาเหมือนเพิ่งตื่นนอนจนแทมินกับมินโฮขำกันคิกคัก หากเสียงหัวเราะต้องหยุดลงเพราะอยู่ดีๆ ชางมินก็หยุดเดินแล้วมองขึ้นมายังตำแหน่งที่เป็นห้องซ้อมประจำของชายนี่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้จนเล่นเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ มือเรียวกำมือเล็กๆ ของมักเน่อย่างแทมินไว้แน่น
“พี่มิโนเป็นอะไรรึเปล่าฮะ” แทมินถามอย่างเป็นห่วงเหมือนเห็นพี่ชายตัวเองยิ้มตาลอยไปแล้ว
“พี่ชางมินหล่อชะมัดเลย ให้ตายสิ” มินโฮเขย่าแขนแทมินที่เกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ
“ทีอยู่ต่อหน้าพี่เค้าล่ะทำเป็นเก๊กเท่ๆ ใส่ แล้วพอลับหลังมาทำตัวแบบสาวน้อยแรกรุ่นเนี่ยนะ นายนี่มัน...” คีย์มองอยู่แล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆ “ซ้อมต่อกันเหอะ เดี๋ยวไม่จบเพลงกันพอดี”
คีย์ทำหน้าที่หัวหน้าวงกลายๆ แทนอนยูไปซะแล้ว...ท่าทางคำพูดที่บอกว่าภรรยามักจะใหญ่กว่าสามีท่าจะเป็นเรื่องจริง
ยุนโฮและชางมินที่เดินทางเข้ามาถึงบริษัทก็ต้องเริ่มซ้อมพร้อมทีมแบ็คอัพที่รออยู่ทันที เพลงใหม่ที่ต้องใช้โปรโมตในสัปดาห์หน้าทั้งสองเพลงทำให้ทั้งคู่เหนื่อยไม่น้อย แถมยังต้องซ้อมเพลงเก่าๆ เพื่องานเอเนชั่นในปีนี้อีกต่างหาก
ชางมินซ้อมไปได้สักพักก็ต้องหันมาขอยาแก้ปวดจากทีมงานเพราะออกแรงสะบัดที่มือขวามากเกินไปจนรู้สึกปวดขึ้นมาตุบๆ ร่างสูงโปร่งจึงเดินออกไปยังแคนทีนเล็กๆ ข้างๆ ห้องซ้อมเต้นเพื่อหาน้ำดื่มสำหรับทานยา ดวงตาคมเหลือบมองห้องซ้อมของอีกวงหนึ่งที่มีเสียงเพลงภาษาญี่ปุ่นดังออกมาเช่นเดียวกับห้องของเขา
มือซ้ายเลื่อนประตูกระจกที่ปิดไว้ไม่สนิทนักออกอย่างไม่ถนัดนัก ในห้องครัวเล็กๆ ก็พบเด็กน้อยของเขาที่กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ด้วยความบังเอิญ รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมแทบจะทันที
“มินโฮอ่า~” ชางมินเอ่ยเสียงออดอ้อนทันทีเมื่อเห็นเด็กน้อยชเวมินโฮยืนทำหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์อยู่ “คิดถึงมินโฮจังเลย” มือปลาหมึกที่แม้จะเจ็บอยู่แต่ก็ตรงเข้าจะคว้าเอวบางของร่างตรงหน้าเอาไว้ได้ แต่มินโฮก็รู้ทันจึงเบี่ยงตัวหลบได้พอดี
“พี่ชางมิน ผมสำคัญกับพี่จริงๆ รึเปล่า” เสียงทุ้มหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ “พี่ไม่คิดจะบอกอะไรกับผมหน่อยเหรอฮะ”
“เรื่องเฝือกนี่น่ะเหรอ...” ชางมินยกมือขวาขึ้นมา ชเวมินโฮพยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่ปิดบัง “ที่พี่ไม่ได้โทรบอกนาย เพราะพี่คิดว่ามันเจ็บนิดเดียว แล้วจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วยน่ะ มินโฮเป็นห่วงพี่เหรอ”
“ผมห่วงพี่น่ะสิ...จะเจ็บมากหรือว่าเจ็บน้อย แต่ผม...ผมเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอฮะ ทำไมพี่ไม่บอกผมล่ะ” ดวงตาคู่โตเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ “ผมไม่สำคัญกับพี่สินะ”
“แค่กๆๆ...” อยู่ดีๆ ชางมินก็ไอขึ้นมาทั้งๆ ที่พยายามกลั้นเอาไว้แล้ว แต่ก็ไอมากเสียจนน้ำหูน้ำตาไหลเข้าซะเอง
“พี่ชางมิน...ไม่สบายเหรอฮะ” มินโฮคลายความโกรธลงชั่วคราวเมื่อเห็นอีกฝ่ายไอหนักจนหน้าแดง มือเล็กลูบหลังเบาๆ อย่างเป็นห่วง “กินน้ำหน่อยนะฮะ”
มินโฮรีบเข้าไปกดน้ำอุ่นมาให้ชางมินดื่มแก้ไอด้วยความเป็นห่วง มือหนารับแก้วน้ำจากมือบางที่สั่นระริกเล็กน้อยเพราะความเป็นห่วงที่มากกว่าจนทำให้ตนเองรู้สึกผิดที่เอาแต่ใจกับคนรัก
“ขอบคุณนะ” หลังจากดื่มน้ำอุ่นและอาการไอเริ่มดีขึ้นบ้างชางมินจึงคว้ามือเล็กสองข้างมากอบกุมด้วยความขอบคุณ “เราค่อยคุยกันเย็นนี้ได้มั้ย พี่ต้องรีบไปซ้อมต่อแล้วล่ะ”
“อือ แล้วเย็นนี้พี่ว่างเหรอ
พี่ไม่ต้องไปไหนกับพี่ยุนโฮเหรอฮะ”
“ทำไมล่ะ?” ดวงตาคมหรี่ลงด้วยความแปลกใจที่อยู่ดีๆ คนรักเอ่ยถึงพี่ยุนโฮด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “หึงพี่กับพี่ยุนโฮหรือไง หืมม์”
“ก็ผมเห็นในคอนเสิร์ต...พี่กับพี่ยุนโฮจับมือกัน มองหน้ากันแบบนั้น จะไม่ให้ผมรู้สึกอะไรเลยได้ยังไงล่ะ พี่ยุนโฮก็ออกจะดีกับพี่ชางมินตลอดเวลา” เสียงหวานกระเง้ากระงอดแถมยังค้อนเขาอีกวงใหญ่
“ใครบอกเรามา มินโฮ” ชางมินเอ่ยเสียงเข้มแต่ยิ้มกว้างพร้อมหัวใจที่พองโตเพราะความขี้หึงแบบน่ารักๆ ของมินโฮ “มานั่งนี่สิ” มือหนาตบลงบนหน้าขาของตัวเองเบาๆ แต่มินโฮก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ไว้คุยกันเย็นนี้เถอะ ผมว่าเราต้องคุยกันหลายเรื่อง...”
“งั้นทำข้าวเย็นเลี้ยงพี่ด้วยนะ อยากกินฝีมือมินโฮ” ชางมินเอ่ยขอร้อง “สงสารคนป่วยแบบพี่หน่อยสิ นะๆๆๆ”
ดวงหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆ เมื่อชางมินไถหัวกลมๆ กับแขนเล็กๆ ของเขาอย่างออดอ้อน...ร้อยวันพันปีคนแบบพี่ชางมินจะทำอ้อนใส่เขาแบบนี้ แต่ก็อดคิดไปเองไม่ได้ว่าชางมินจะไปอ้อนแบบนี้ใส่คนอื่นอีกด้วยหรือเปล่า
“แล้วเย็นนี้เจอกันนะเด็กน้อย...” ชางมินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะประทับจูบลงบนแก้มใสของเด็กหนุ่มที่ยืนอึ้งกับจุ๊บสายฟ้าแลบของคนป่วยสุดหล่อที่พอขโมยจุ๊บเสร็จก็วิ่งแน่บออกไปทันที
มือเล็กจับแก้มใสที่เพิ่งถูกริมฝีปากอบอุ่นสัมผัสไปเมื่อครู่ มินโฮยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วหยิบแก้วน้ำของเขาและของพี่ชางมินมาล้างเก็บตามหน้าระเบียบของบริษัทอย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มยังรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วหน้าไม่หายก็ถูกมือหนาเข้ามาคล้องเอวของเขาทางด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย...เล่นอะไรวะ อ๊ะ พี่ชางมิน” เอ็ดตะโรซะชุดใหญ่เพราะพวกเด็กฝึกหัดบางคนก็ชอบมาเล่นกับเขาแบบนี้ แต่กลายเป็นชางมินที่โผเข้ามากอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง
“ลืมบอกว่า...อีกสองสามวันพี่ต้องกลับญี่ปุ่นยาวเลยนะ” ชางมินพาดคางมนไว้บนลาดไหล่ของมินโฮ “พี่ขอ...ได้มั้ย” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาข้างหูจนมินโฮรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกรอบ
“ขอ...อะไรฮะ” มินโฮถามด้วยความสงสัย ร่างเล็กๆ บิดหนีอ้อมแขนแข็งแกร่งของชางมินด้วยหวั่นใจว่าจะมีใครมาเห็นเข้า “เดี๋ยวคนมาเห็นเข้าหรอกฮะ”
“ไม่แคร์ซะหน่อย...” ชางมินยิ้มร้ายก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหูให้คนตัวเล็กกว่าได้อายจนแทบจะมุดเข้าไปใต้ซิงค์น้ำแล้ว ส่วนตัวต้นเหตุก็จุ๊บแก้มอีกข้างของมินโฮแถมให้อายมากเข้าไปอีกก่อนจะเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์กลับเข้าไปในห้องซ้อม
“แค่มือเจ็บ...ทำไมต้องให้ผมออนทอปด้วยล่ะ ไอ้คนทะลึ่ง ชิมชางมิน!!!”
Fin
<<Talk with Writer>>
สวัสดีท่านผู้อ่านที่รักค่า มาแบบงงๆ เนอะ 555+
อยู่ดีๆ พลอตฟิคก็แล่นเข้าหัว จะแต่งเก็บไว้ก็ใช่ที่ อยากให้เข้ากับสถานการณ์พอดี
เห็นเฝือกชางมินและท่าทางน่ารักเว่อร์ๆ ในคอนที่โดมเมื่อวันก่อนก็อดจะเอามาแต่งฟิคไม่ได้
อยากเห็นชางมินโหมดขี้อ้อนแบบป่วยๆ แต่ยังเจ้าเล่ห์ไม่เคยเปลี่ยน ที่ยังไงน้องมินโฮก็ต้องยอมเทออยู่ดี อะไรแบบนี้ เลยกลายมาเป็นฟิคเรื่องนี้ได้อ่ะฮับ
เป็นฟิคเฉพาะกิจแบบป่วยๆ แต่งภายใน2-3 ชม.เท่านั้น (เร็วสุดในชีวิตละ เง้อออ)
ภาษาไม่สวยหรือผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ ><
จริงๆ อย่างแต่งเอ็นซีให้คู่นี้บ้าง แบบว่าร้างลามานานมว๊ากกก
ไว้เจอกันเรื่องหน้าแล้วลุ้นอีกทีละกันนะฮับ ^^
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นค่ะ
With Love,
Korazy_Minnie
ความคิดเห็น