คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF] Caramel Macchiato Part 2/2 (End) 100% จบแล้วจ้า
UPDATE 2011/07/05 อัพครบ 100% แล้วเน้อ ><"
Title: [SF] Caramel Macchiato Part 2/2 (End)
Writer: korazy_minnie
Pairing: Changmin x
Genre: Romantic
Rate: PG-17
Note: ตอนนี้ขอร้องให้กดฟังเพลงที่ลิงค์ให้ไปด้วยนะคะ เด๋วไม่อินจะหาว่าไรทเตอร์ไม่เตือน อิอิ
มือเรียวกดเลื่อนเพลงในไอพอดทัชไปเรื่อยๆ ระหว่างอยู่บนรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางกลับร้าน Tempo Bello ที่เป็นทั้งร้านของคุณอาและเป็นที่อยู่ของมินโฮในตอนนี้ด้วย กว่าเด็กหนุ่มจะแยกย้ายกับเพื่อนเก่าอย่างจงฮยอนรวมถึงแอมเบอร์ได้ เวลาก็ล่วงเลยจนถึงเกือบห้าโมงเย็นที่มินโฮต้องกลับมาช่วยงานที่ร้าน
“ตกลงนายกับอาจารย์ชางมินมีความสัมพันธ์กันยังไงแน่” จงฮยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่มีอะไร...” มินโฮตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเจอสายตาจับของเพื่อนรักและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของแอมเบอร์ก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันที “ฉันอาจจะมี แต่...อาจารย์เค้าคงไม่ได้คิดอะไรกับฉันหรอกน่า”
“เล่ามาเถอะน่า เผื่อเราสองคนจะช่วยอะไรนายได้บ้างนะ” แอมเบอร์เอื้อมมือเล็กๆ ไปแตะเบาๆ ที่หลังมือของมินโฮพร้อมยิ้มบางๆ
มินโฮนิ่งไปครู่นิ่งเพื่อชั่งใจ แต่สุดท้ายก็เล่าเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนให้เพื่อนรักได้ฟัง ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ แล้วนั่งแก้มแดงด้วยความเขิน
“ฮ้า~ อาจารย์เรานี่เจ๋งเนอะ เนียนขอเบอร์มิโนได้แบบชิวๆ เลย” จงฮยอนตบมือดังฉาดใหญ่ด้วยความถูกใจ “ฉลาดจริงๆ เลย”
“มันไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนั้นนะ ไอ้บ้าจงฮยอน...โอ๊ยยยย ทำไมฉันดูใจง่ายอย่างนี้ล่ะ ไม่น่าให้เบอร์ไปง่ายๆ เลยอ่ะ” มินโฮเบะปากราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
“ไอ้บ้า...ใช่ที่ไหน นายใจแข็งจะตาย ตอนม.ปลายคนจีบนายเป็นร้อย นายก็ไม่เห็นสนใจใครสักคน” จงฮยอนอมยิ้มแล้วตบไหล่เพื่อนรักเพื่อปลอบใจ “นายคงชอบอาจารย์ชางมินเข้าแล้วล่ะ ฉันฟันธง”
“แล้วฉันว่าอาจารย์ก็ต้องถูกใจนายเหมือนกันแหละมินโฮ...” แอมเบอร์เอ่ยประโยคถัดมาอย่างไม่ต้องคิด
“...จริงๆ ฉันก็แอบคิดแบบนั้น แต่มันจะไม่ดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเหรอ” มินโฮทำหน้าเศร้า “ฉันไม่รู้จะทำตัวยังไงดีอ่ะ”
“ก็ทำเหมือนปกติไปสิ...นายนี่มันน่ารักดีแฮะ อายุจะยี่สิบแล้วแต่ยังใสซื่อเรื่องความรักชะมัด” จงฮยอนเอ่ยอย่างผู้มีประสบการณ์สูงที่เคยมีแฟนมาทั้งหมด...หนึ่งคนถ้วน เอาเถอะ ถึงไม่ได้เยอะแต่ก็มากกว่ามินโฮที่ไม่เคยมีแฟนกะเขาเลยแล้วกัน
“อาจารย์เค้าชอบนายแบบที่นายเป็นนั่นแหละน่า เชื่อฉันสิ”
...โอ๊ย เพ้อเจ้อจริงๆ ชเวมินโฮนี่...
นิ้วเรียวหยิกแก้มเตือนสติตัวเองเบาๆ หลังจากเหม่อลอยคิดถึงบทสนทนากับเพื่อนรักเมื่อตอนบ่าย แม้เพื่อนๆ จะได้ให้ความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าอีกฝ่ายคงมีใจให้เขาบ้าง แต่การที่เพิ่งรู้จักกันแค่สองสามวันแต่ดันไปแอบชอบเขาแล้ว มันดูใจง่ายไปจริงๆ นะ
แต่เค้าบอกว่า รักไม่ต้องการเวลานี่นา...โอ๊ย สับสนชีวิตเหลือเกิน T___T~~
แม้ขนาดกลับมาถึงร้านแล้ว คนตาโตก็ยังเผลอใจลอยถึงใครบางคนเป็นระยะๆ ดวงตากลมโตก็เอาแต่มองไปยังประตูทางเข้าเหมือนกำลังเฝ้ารอใครบางคนอยู่จนแทมินยังสังเกตท่าทางที่แปลกประหลาดของคนตัวสูงได้
“มินโฮ นายเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายมั้ยอ่ะ” คนตัวเล็กยิ้มน่ารักขณะถามไถ่อาการมินโฮที่ยิ่งซึมมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ
“เปล่านี่ ฉันดูไม่สบายเหรอ” มินโฮว่าขณะกำลังล้างอุปกรณ์ที่ใช้แล้วที่ซิงค์หลังเคานเตอร์
“นายดูเหม่อๆ แล้วก็เอาแต่ทำคิ้วขมวดแบบนี้อ่ะ” นิ้วเรียวเล็กจิ้มๆ ไปที่หว่างคิ้วสวยที่ขมวดปมอยู่ของคนตัวสูงพร้อมทั้งขยี้ๆ จนมินโฮต้องหลับตาปี๋ด้วยความเจ็บ “นี่แน่ะๆๆ เครียดอะไรอยู่รึเปล่า วันนี้นายไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ด้วย”
“ง่า แทมินนี่มือหนักชะมัด...” คนตัวสูงลูบหน้าผากป้อยๆ ด้วยความเจ็บ แต่ก็รู้สึกดีที่เพื่อนร่วมงานอย่างแทมินก็ยังเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉันน่ะ”
มินโฮยิ้มอย่างจริงใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความตั้งใจ จนกระทั่งถึงเวลาใกล้จะปิดร้าน ลูกค้าทั้งหลายค่อยๆ ทยอยออกจากร้านจนหมด มินโฮจึงอาสาออกไปปิดประตูเหล็กหน้าร้านให้แทมินที่ต้องเคลียร์บัญชีปิดร้านแทนคุณอาที่วันนี้ต้องไปงานแต่งงานของเพื่อนรักพอดี
“จะปิดร้านแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอามินโฮที่ก้มๆ เงยๆ ถึงกับสะดุ้ง ยิ่งช่วงนี้มีข่าวโจรโรคจิตอาละวาด คุณอาเลยสั่งให้ปิดร้านเร็วกว่าเดิม
“อะ...อ้าว อาจารย์ เอ่อ ชางมินฮยองเองเหรอฮะ” มินโฮถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือชางมิน ก็เล่นโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เกิดเผลอต่อยคว่ำไปคงได้อายกันอีกรอบ
“มาเงียบๆ ผมตกใจหมด”
“ขอโทษที ไม่นึกว่านายจะขี้ตกใจง่ายขนาดนี้” ชางมินเกาหัวแบบเขินๆ พร้อมยิ้มแหยๆ ให้มินโฮ “วันนี้ร้านปิดแล้วฉันมาเอากาแฟฟรีไม่ทันเลย”
“จริงๆ ผมทำให้ก็ได้นะฮะ...” ประโยคอาสาของมินโฮที่พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิดจนมินโฮตบปากตัวเองอย่างหัวเสีย ทำไมเขาควบคุมความรู้สึกต่อคนตรงหน้าไม่ได้สักที “คือถ้าฮยองไม่รังเกียจฝีมือผมอ่ะนะ”
“ฉันบอกนายแล้วนะว่าฉันชอบฝีมือชงกาแฟของนาย...แล้วจะรังเกียจได้ยังไง กลัวรบกวนนายมากกว่าน่ะ”
มินโฮพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบแจ้นเข้าไปในร้านเพราะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวกับรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อครู่ของชิมชางมินที่เดินตามเข้าไปอย่างเงียบเชียบแต่ก็แอบขำกับท่าทางเขินอายอย่างเห็นได้ชัดของอีกฝ่าย...น่าเอ็นดูจริงๆ
“คุณลูกค้าเมื่อวาน สวัสดีฮะ” แทมินที่เห็นชางมินเดินตามมินโฮเข้ามาจึงทักทายตามมารยาทด้วย ชางมินผงกศีรษะเบาๆ แล้วเดินไปยืนรอรับกาแฟที่หน้าเคานเตอร์
“เอ่อ ผมก็ลืมถามว่าวันนี้อยากดื่มอะไรฮะ” มินโฮที่วิ่งแจ้นเข้าไปกดเครื่องบดกาแฟไว้เพิ่งจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ออเดอร์เลยสักนิด...ขายขี้หน้าจริงๆ
“มินโฮทำอะไรอร่อยล่ะครับ” ถึงชางมินจะมีกาแฟถ้วยโปรดอยู่แล้ว แต่กับคนตรงหน้า...เขาอยากทำความรู้จักอีกหลายๆ ด้านของชเวมินโฮมากกว่า
“คุณถามแบบนี้ได้ไงเนี่ย มินโฮชงกาแฟเก่งทุกอย่างแหละฮะ” แทมินแหวขึ้นมากับคำพูดเหมือนดูถูกเพื่อนรักของเขา “คุณใจร้ายจัง”
“เอ่อ ขอโทษที ผมคงพูดผิด คือหมายถึงว่าถนัดอะไรน่ะ” หลังจากโดนคนตัวเล็กดุให้ อาจารย์หนุ่มตัวโตยืนหงออยู่เงียบพร้อมทำหน้าเจื่อนจนมินโฮสงสาร
“ก็...จริงๆ ก็สั่งมาเถอะฮะ ผมทำให้ได้หมดแหละ”
“เอาแบบเมื่อวานก็ได้นะ แต่ขอเป็น decaf* แล้วกัน วันนี้เหนื่อยจนผมอยากนอนแล้วล่ะ”
(*decaf คือ กาแฟที่สกัดเอาสารคาเฟอีนออกจ้า~)
“อ่าฮะ...” มินโฮพยักหน้ารับออเดอร์เบาๆ พลางแอบมองสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของอาจารย์หนุ่มด้วยความสงสาร ท่าทางงานของอาจารย์คงจะหนักมาก แต่ยังอุตส่าห์แวะมาที่ร้านแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม...แต่บางทีชางมินอาจจะอยากมาใช้สิทธิ์กินกาแฟฟรีให้ครบก็ได้นี่นา
<< กดฟังเพลงที่นี่ด้วยนะคะ>>
Baby baby 그대는 caramel macchiato
(Baby baby เธอคือคาราเมล มัคคิอาโต้)
여전히 내 입가엔 그대 향이 달콤해
(ยังคงติดริมฝีปากฉัน กลิ่นของเธอช่างหอมหวาน)
Baby, baby, tonight
(Baby baby ในค่ำคืนนี้)
[Lyrics and Translation from vallaku.exteen.com]
เสียงทุ้มแสนอ่อนโยนยามร้องเพลงเรียกให้ทั้งมินโฮและแทมินต้องเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ เพลงนี้ที่ชเวมินโฮชอบ แม้จริงๆ แล้วจะเป็นเพลงที่เศร้ามาก...แต่ชางมินกลับทำให้มันดูอบอุ่นจนหัวใจเต้นแรง
ทั้งกลิ่นหอมของกาแฟ เพลงโปรดของเขา...และคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ มินโฮรู้สึกอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆ
“เสร็จแล้วฮะ modéré decaf caramel macchiato” กาแฟกลิ่นหอมหวานถูกวางไว้เบื้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังเคาะเบาๆ ตามจังหวะเพลงขณะที่กำลังฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
“อื้ม กาแฟนี่เข้ากับเพลงเลยเนอะ” ชางมินแกะเอาหลอดที่เตรียมเอาไว้จุ่มลงไปทันที รสชาติกลมกล่อมของกาแฟและรอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้ “เพลงนี้เพลงอะไร นายรู้จักมั้ย” ชางมินถามอย่างสนใจ
“อ้าว ฮยองไม่ได้รู้จักเพลงนี้มาก่อนเหรอฮะ” มินโฮถามด้วยความแปลกใจ เห็นฮัมเพลงได้สบายๆ อย่างกับเคยฟังมาแล้วสักสิบรอบ
“เปล่านี่...แต่ฉันชอบนะ เพราะดี แต่เศร้าไปหน่อย”
“ฮะ...จังหวะมันดูไม่เศร้าเลยเนอะ ตอนแรกที่ฟังผ่านๆ แบบไม่ได้สนใจผมก็คิดแบบนั้น แต่ฟังไปหลายๆ รอบจนชอบถึงจะอินว่าเพลงนี้มันเศร้าจริงๆ ด้วย” มินโฮรู้สึกดีที่มีคนชอบเพลงนี้เหมือนกับตนเอง จึงเล่าความเป็นมาซะยาวเหยียด “ขอโทษฮะ ผมพล่ามซะยาวเชียว”
“แสดงว่านายชอบเพลงนี้ล่ะสิ ว่าแต่ชื่ออะไรนะ”
“ Caffè Latte ฮะ” มินโฮแนะนำด้วยความยินดี เด็กหนุ่มรู้สึกดีทุกครั้งที่มีคนชอบอะไรเหมือนๆ กัน “ถ้าฮยองชอบเพลงแนวนี้ วงนี้ยังมีอีกหลายเพลงทีเพราะมากๆ ฮยองต้องไปหามาฟังดูนะฮะ”
“ครับ อาจารย์มินโฮ” ชางมินแซวอีกฝ่ายจนมินโฮแก้มแดงด้วยความเขินที่ทำตัวแกมบังคับอีกฝ่ายที่เป็นอาจารย์จริงๆ
ชางมินกวาดตามองรอบๆ ตัวอย่างลังเลก็เห็นแทมินกำลังเก็บร้านอยู่ห่างๆ จึงกลั้นใจถามบางอย่างออกไปกับคนตรงหน้า คำถามที่ใช้เวลาคิดนานจนเวลาล่วงเลยถึงดึกดื่นจนเกือบมาเจอคนตรงหน้าไม่ทันเวลา
“คือ...พรุ่งนี้นายว่างรึเปล่า”
“พรุ่งนี้...ก็จะให้ว่างก็ได้น่ะครับ ฮยองมีอะไรรึเปล่าฮะ” มินโฮใจเต้นตึกตักไม่แพ้เจ้าของคำถามที่แสร้งทำเป็นเฉยๆ จนมินโฮแอบใจแป้วอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน
“ไป...เอ่อ ไปซื้อเสื้อกับฉันหน่อยสิ คือถ้านายว่างก็อยากชวนไปด้วย” การชวนเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าเขาอยู่เจ็ดปีไปออกเดททำให้ชางมินเองก็รู้สึกลำบากและกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายต่างหากที่กังวลในอีกเรื่องมากกว่า...ก็พอนึกถึงราคาเสื้อของชางมิน เหงื่อก็ตกพลั่กๆ แล้ว
“ผม...ผ่อนค่าเสื้อให้ฮยองได้รึเปล่า มัน...” มินโฮถามเสียงเศร้าๆ จนชางมินระเบิดหัวเราะออกมาเพราะหน้าหงอยๆ ของมินโฮ
“บอกแล้วว่าช่างมันเหอะเรื่องนั้นน่ะ มันของปลอม นายดูไม่ออกเหรอ” ชางมินกลั้นขำเมื่อเห็นมินโฮเริ่มหน้างออีก แม้จะน่ารักก็เถอะ แต่เดี๋ยวโดนโกรธแล้วเขาจะซวยเอา
“อ้าวเหรอฮะ” ดวงตากลมโตส่องประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าของปลอม แสดงว่าราคาคง...
“ล้อเล่นน่ะ...”
“ชางมินฮยองงงงงง~!”
“นายเชื่อคนง่ายนะเนี่ย มินโฮ” ชางมินเผลอลูบหัวทุยๆ ของคนน่ารักตรงหน้าอย่างเอ็นดู “แต่ก็น่ารักดีนะ...”
ดวงตากลมโตประสานเข้ากับดวงตาคมของอีกฝ่ายที่ส่องประกายวิบวับในความรู้สึกของมินโฮ รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นและสัมผัสที่อ่อนโยนของชางมินยิ่งทำให้มินโฮเขินจนไม่กล้าจะสบตากับอีกฝ่ายแล้ว
“ตกลงว่าว่างรึเปล่าครับ”
“อื้อ” พยักหน้า
“ว่างทั้งวันมั้ย”
“อื้อ” พยักหน้าอีกครั้ง
“พูดคำอื่นนอกจากอื้อๆ แล้วผงกหัวแบบนี้หน่อยได้มั้ย”
“อื้อ...ฮยอง~ ปกติฮยองชอบแกล้งคนอื่นมากเลยสินะฮะ” มินโฮโกรธตัวเองจริงๆ ที่โดนอีกฝ่ายปั่นหัวได้ง่ายขนาดนี้
“ไม่หรอก ฉันแกล้งเฉพาะคนที่ฉันชอบน่ะ”
“O////O”
“เสร็จแล้วรีบๆ ไปนอนนะ...พรุ่งนี้เจอกัน” ยิ้มพิฆาตอีกรอบก่อนไป นี่กะจะให้มินโฮหัวใจวายตรงนี้เลยแบบนั้นสินะ...
“ฮยอง...แล้วเจอกันกี่โมง ที่ไหน ยังไงล่ะฮะ” มินโฮตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่กำลังเดินออกไปนอกร้านอย่างไม่ใส่ใจ จนมินโฮกำลังจะวิ่งตาม แต่ชายหนุ่มก็หันกลับมาตอบคำถามก่อนจะเปิดประตูทางออก...
“ถ้าบอกหมดตอนนี้ เดี๋ยวคืนนี้เราจะคุยเรื่องอะไรกันล่ะครับ มินโฮ...อย่าลืมรับโทรศัพท์ผมล่ะ”
“อื้อ >///<” มินโฮรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอีกรอบจนคิดว่าอาจจะเป็นไข้(ใจ)ไปเสียแล้ว
อีกฝ่ายเองใช่ว่าจะไม่เขิน...ต้องทำใจกล้าหน้าด้านขนาดไหนในการจีบเด็กน้อยชเวมินโฮที่น่ารักคนนี้ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วจะทำตัวไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์คงไม่ก้าวหน้าไปไหนสักที หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจัง หลายปีแล้วที่ไม่เคยมีอาการใจเต้นแรงขนาดนี้กับใคร...แต่มินโฮเป็นคนนั้นที่ทำให้ชีวิตธรรมดาของเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และเป็นคนแรกที่ทำให้เขาเชื่อว่ารักแรกพบ...มีจริง
<<อ่านต่อตรงนี้เลยจ้า>>
โทรศัพท์มือถือสีขาวสั่นเบาๆ บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงที่มีเพียงไฟสีส้มดวงเล็กเปิดพอให้ห้องนอนไม่มืดจนเกินไป มือเล็กยื่นเปะปะออกไปข้างเตียงตามความเคยชิน หากความง่วงงุนก็มากเกินกว่าที่จะบังคับให้เปลือกตาหนังอึ้งถูกยกขึ้นไปได้
“อือ...ครายอ่า~~” เสียงอู้อี้กรอกลงไปถามชื่อเสียงเรียงนามของปลายสายแทนการที่จะลืมตาเพื่อดูชื่อสายเรียกเข้าเพราะความง่วงนอน
“มินโฮรึป่าวครับ ชางมินฮยองเองนะ” เสียงนุ่มอบอุ่นจากปลายสายทำให้มินโฮแทบจะลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่งในทันที “หลับแล้วเหรอ”
“ฮะ...ผมนึกว่าฮยองจะไม่โทรมาแล้ว” เสียงงัวเงียของเด็กน้อยพร้อมข้อความตัดพ้อเล่นเอาชางมินใจแป้วไปนิดหน่อย “นี่ก็ตีสามแล้ว...ฮยองมีเรื่องอะไรรึป่าวฮะ” นั่น...โดนมินโฮเหวี่ยงเข้าให้อีกดอก
“ขอโทษจริงๆ นะ...” อาจารย์หนุ่มเลือกที่จะไม่อธิบายสาเหตุที่ทำให้เขาโทรหาเด็กน้อยดึกกว่าที่คิด เพราะอยู่ดีๆ ก็ดันมีนักศึกษาปริญญาโทที่เขาเป็นที่ปรึกษางานวิจัยโทรมาปรึกษาพอดี ยิ่งอธิบายเดี๋ยวเรื่องจะยิ่งยาว ไว้เล่าให้ฟังพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ง“ว่าแต่นายพร้อมที่จะฟังฮยองพูดรึเปล่า”
“...” มินโฮงอนอีกฝ่ายนิดหน่อยที่อุตส่าห์ให้ความหวังกันไว้ แต่เขารอจนแล้วจนรอด หลับๆ ตื่นๆ อยู่ข้างโทรศัพท์สามสี่รอบ สุดท้ายก็ไม่สามารถทานทนความง่วงที่เข้าครอบคลุมเมื่อเวลาล่วงเลยเป็นอีกวันหนึ่งแล้ว “ผมรอชางมินฮยองโทรมา...จนคิดว่าผมโดนหลอกแล้วรึเปล่า”
“ขอโทษ แต่ผมติดธุระด่วนพอดี พรุ่งนี้ฮยองจะเล่าให้ฟังนะครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอที่หน้าร้านของมินโฮตอนเก้าโมงเช้า โอเคมั้ยครับ”
“อือ” เสียงหวานตอบยานคางเพราะความง่วงถึงขีดสุดจนชางมินรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เด็กน้อยต้องนอนหลับดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้...จะโกรธก็ไม่แปลกหรอก
“มินโฮ...” ชางมินเรียกมินโฮที่เริ่มถูกความง่วงครอบคลุมอีกครั้ง ก็มินโฮน่ะขี้เซา หลับง่าย ตื่นยาก แค่ตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ได้นี่ก็เก่งกว่าทุกวันแล้ว
“ฮยองไม่กวนเวลานอนแล้วดีกว่า หลับฝันดีนะฮะ” ชางมินรีบตัดบทเมื่ออีกฝ่ายงัวเงียเกินจะเยียวยา เดี๋ยวคนน่ารักจะพาลหงุดหงิดมากขึ้นไปกว่าเดิมแล้วเขาจะซวยเอา
“อือ...เจอกันพรุ่งนี้นะฮะ ฝันดี”
แค่มินโฮกดวางสาย ร่างบอบบางก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งกระวนกระวายว่ามินโฮจะงอนเขา ชายหนุ่มมองไปยังของขวัญพิเศษที่เตรียมไว้ให้เด็กน้อยของเขาที่วางเอาไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง...คิ้วเข้มขมวดเป็นปมแล้วภาวนาในใจให้อีกฝ่ายถูกใจกับของขวัญของเขาด้วยเถอะ
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านกระจกใสของรถยุโรปสีขาวคันกะทัดรัดที่จอดเทียบริมถนนในยามเช้าวันเสาร์ หากก็ยังไร้วี่แววคนที่นัดหมายกันไว้ มือหนากลัวๆ กล้าๆ ที่จะกดโทรออกไปหาอีกฝ่าย เพราะเมื่อคืนก็ดันทำตัวไม่ดีกับมินโฮไปซะแล้ว หากไม่นานนักร่างเพรียวก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากด้านข้างของตึกซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Tempo Bello สถานที่ซึ่งเป็นทั้งร้านกาแฟของมินโฮรวมทั้งเป็นที่พักของเขาด้วย มือเล็กๆ ทั้งสองข้างหอบหิ้วสัมภาระมาเต็มไม้เต็มมือแล้วได้แต่ยืนหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาบุคคลที่นัดเขาเอาไว้เมื่อคืนตอนตีสาม...ยังดีที่ไม่ได้ตื่นสาย และที่สำคัญคือยังพอจำได้ว่ารับนัดของชางมินไว้แล้ว
“ขนอะไรมาเยอะแยะครับ” ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์สีซีดที่อยู่ๆ ก็โผล่มาให้มินโฮตกใจเล่นแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงอีกตามเคย ดวงตาคมกวาดมองร่างบอบบางในเสื้อยืดพอดีตัวทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงเข้ากันกับกางเกงสกินนี่สีน้ำเงินเข้มที่ทำให้เรียวขาเล็กยิ่งดูเพรียวบางมากยิ่งขึ้น มือหนาชี้ไปยังถุงผ้าใบใหญ่ที่มินโฮถือมาพร้อมกันด้วยความสงสัย
“อ๋อ คือ...ผม...ทำอาหารกลางวันมาเผื่อด้วย” ดวงตากลมโตหลุบลงเล็กน้อยด้วยความขัดเขิน “ผมอยากให้ฮยองลองชิมดูน่ะฮะ”
“ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้เลย” ชางมินอมยิ้มน้อยๆ ให้กับความน่ารักของมินโฮแบบเกินความคาดหมาย ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาก็ทำให้มินโฮต้องนอนดึกมากอยู่แล้ว “ขอบคุณนะครับ ไว้เราไปหาที่นั่งกินให้อร่อยกันตอนเที่ยงแล้วกันนะครับ”
“ฮะ” แค่คำขอบคุณก็ทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเสียแล้ว
“เมื่อคืน...ฮยองขอโทษนะครับ” ชางมินเอ่ยคำขอโทษเด็กน้อยของเขาอีกครั้งพร้อมทั้งคว้าสัมภาระทั้งหมดมาถือไว้ในมือหนึ่ง “ไปขึ้นรถกันเถอะ”
“มะ...ไม่ต้องเอาไปหมดก็ได้ฮะ ผมไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย ผมหิ้วเอง...” ร่างบางบ่นงุ้งงิ้ง แต่ก็โดนชางมินคว้าข้อมือบางไปไว้ในมือแล้วพาเดินตรงไปยังรถที่จอดไว้ไม่ห่างจากหน้าร้านมากนัก ร่างสูงเปิดประตูให้มินโฮเข้าไปนั่งก่อน แล้วก้มลงกระซิบข้างๆ หูมินโฮอย่างแผ่วเบา
“ผมไม่ได้คิดว่ามินโฮเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย...แค่อยากดูแลมินโฮให้ดีเท่าที่จะทำได้เท่านั้นเอง” ไม่ต้องเดาว่ามินโฮจะทำหน้าแบบไหน ก็ได้แต่นั่งอมยิ้มแก้มแดงอยู่ข้างๆ สารถีสุดหล่อน่ะสิ
“ฮยองจะพาผมไปไหนเหรอฮะ” มินโฮถามขึ้นขณะรถคันหรูแล่นผ่านถนนใจกลางกรุงโซลที่โล่งมากกว่าปกติในเช้าวันเสาร์เช่นนี้ “คือ...เมื่อคืนผมขอโทษด้วยนะฮะที่งัวเงียงอแงใส่อ่ะ”
“ผมไม่เห็นรู้สึกเลย จริงๆ ผมต่างหากที่ผิดนัดมินโฮน่ะ” ดวงตาคมหันกลับมามองคนน่ารักด้วยความรู้สึกผิด “คือเมื่อคืนมีนักศึกษาป.โทโทรมาขอคำปรึกษาพอดีน่ะ กว่าจะได้วางสาย นายเลยนอนไปแล้วเลย จริงๆ ตั้งใจจะคุยเล่นอีกตั้งหลายเรื่องแน่ะ”
“ก็คุยวันนี้สิฮะ” รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าหวานยิ่งทำให้มินโฮดูน่ารักมากยิ่งขึ้นจนคนมองเผลอใจสั่นแล้วยิ้มตามได้อย่างง่ายดาย
“อ๊ะ...ผมทำไอ้นี่มาให้ด้วยล่ะ” คนตัวเล็กก้มลงไปหยิบ tumbler สเตนเลสในถุงผ้าที่เตรียมมาพร้อมกับอาหารกลางวันมาแล้วยื่นให้ชางมินที่หาวนอนเป็นระยะๆ เนื่องจากคงนอนดึกไม่น้อยไปกว่าเขาเท่าไรนัก
“อะไรน่ะครับ?” ชางมินเหลือบมอง tumbler สีเงินด้วยความสนใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟที่โชยออกมาทำให้เดาไม่ยากว่าข้างในนั้นต้องบรรจุเครื่องดื่มสุดโปรดของเขาไว้เป็นแน่
“Iced Latte ฮะ...ฮยองจะลองชิมมั้ย”
“มินโฮป้อนหน่อยสิ” ชางมินหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้มินโฮกำลังทำหน้าตาเหวอเพราะคำขอร้องแบบหน้าไม่อายของอาจารย์หนุ่มที่ “ผมขับรถอยู่ ถือกินไม่ได้นี่นา”
“ฮยองนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ ” มินโฮบ่นกระปอดกระแปดแต่สุดท้ายก็ยื่น tumbler พร้อมหลอดดูดไปให้ชางมิน “ดูดสิฮะ”
“คำพูดล่อแหลมชะมัด” ชางมินแซวประโยคเมื่อครู่ของมินโฮเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลิ้มรสกาแฟเย็นกลิ่นหอมพร้อมรสชาติกลมกล่อมที่ไม่ต้องเดาว่าจะอร่อยขนาดไหน...ยิ่งมีคนน่ารักมาป้อนให้ขนาดนี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมหรอก แต่อีกฝ่ายกว่าจะตามทันว่าคำพูดล่อแหลมที่ว่าหมายถึงอะไรก็จนคนพูดลืมไปแล้ว
“ทะลึ่ง!!” มินโฮนั่งหน้าแดงแจ๋แล้วแถมค้อนวงใหญ่ให้คนหล่อที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเด็กน้อยให้เขินได้เรื่อยๆ “ไม่ต้องกินเลย...” มินโฮรีบชักมือที่ยื่นกาแฟไปให้ชางมินดื่มแบบสบายๆ ขณะขับรถกลับ แต่มือใหญ่อีกข้างที่ว่างอยู่ก็คว้าหมับไว้ทัน แล้วก็ไม่ยอมปล่อยซะด้วย
“อย่าเพิ่งเอากลับไป ผมชอบกาแฟของมินโฮนี่นา...ถ้าได้ดื่มแบบนี้ทุกเช้าคงจะดี” คนพูดใช้คำพูดที่สื่อความหมายโดยนัยแต่อีกฝ่ายก็ใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจ เด็กหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมีคนชอบดื่มกาแฟฝีมือของเขาก็เท่านั้น มินโฮเลยใจอ่อน ยอมถือ tumbler พร้อมกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมไว้ให้กับชางมินที่กำลังตั้งใจขับรถพาเขาไปยังที่ไหนสักแห่ง...
ไม่นานนักชางมินก็หักพวงมาลัยเข้าไปยังลานจอดรถห้างสรรพสินค้าหรูย่านอับกุจองที่มินโฮเคยเดินผ่านหลายครั้งแต่ยังไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปเดินเล่นเลยสักครั้ง ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ ลานจอดรถด้วยความตื่นเต้น เพราะทั้งรถยุโรปและซุปเปอร์คาร์ระดับโลกต่างจอดเรียงรายกันเป็นพรืดโดยไม่มีรถสัญชาติเกาหลีจอดอยู่แม้แต่คันเดียว
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้นะมินโฮ” หลังจากชางมินจอดรถเสร็จก็หันมาเห็นมินโฮนั่งมองรอบๆ กายอย่างสนอกสนใจแต่ดวงตากลมโตฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ผมก็ไม่ได้มาซื้อของที่นี่บ่อยนักหรอก แต่เสื้อยี่ห้อที่ผมใส่มันมีที่ห้างนี้พอดีน่ะ”
“ผมจะผ่อนค่าเสียหายให้นะฮะ ถ้าชางมินฮยองจะอนุญาต” ดวงตาคู่สวยหันมามองชางมินอย่างเว้าวอน
“ไม่ต้องหรอกน่า มันเป็นอุบัติเหตุ มินโฮไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย...เราลงไปซื้อของกันเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับแสงแดดอบอุ่นของดวงอาทิตย์ในยามเช้าจนมินโฮค่อยๆ เข้าใจความรู้สึกประหลาดที่หน้าอกด้านซ้ายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...
“ยังไงก็ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่สบายใจอยู่ดีนั่นแหละ” เด็กดื้อยังคงยืนกรานในเจตนารมย์เดิมจนชางมินเริ่มอ่อนใจกับความดื้อเงียบของชเวมินโฮเสียแล้ว
“อืมม์...งั้นผมขอเปลี่ยนเป็นว่าถ้าผมขออะไรบางอย่างแทนได้มั้ย”
“อะไรล่ะฮะ? เดี๋ยวฮยองก็ใจดีกับผมอีก...ไม่เอาหรอก” ริมฝีปากสีอ่อนยู่ลงอย่างน่ารักเวลาโดนขัดใจ
“เรื่องที่ผมจะขออาจทำให้มินโฮลำบากใจก็ได้...นะครับ” ชางมินขยี้ผมสีน้ำตาลด้วยความเอ็นดู ดวงตาคู่คมทรงเสน่ห์จ้องมองไปยังคนข้างๆ อย่างอ่อนโยน หากก็ฉายแววบังคับอยู่ในที จนมินโฮค่อยๆ ยอมพยักหน้าอย่างจำใจ
ชางมินพามินโฮเดินเข้าร้านโน้นร้านนี้อย่างสนุกสนานจนได้ของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด ทั้งคู่คุยเล่นหยอกล้ออย่างสนุกสนานจนใครๆ ที่พบเห็นต่างอิจฉาในความน่ารักของทั้งคู่ แม้จริงๆ ลำพังหน้าตาที่ดีเกินมาตรฐานของทั้งสองคนก็ตกเป็นเป้าสายตาคนทั่วไปมาตลอดอยู่แล้ว เพราะคนหนึ่งก็หล่อเหลาดูราวกับเทพบุตรและดูภูมิฐานแบบผู้ใหญ่ หากอีกคนหนึ่งก็มีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าน่ารักและพวงแก้มแดงระเรื่อน่าทะนุถนอม
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นอย่างมีความสุข หญิงสาวใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบก็ปราดเข้ามาเบียดกายเข้ากับร่างสูงอย่างสนิทสนม มือเรียวสวยที่ประดับประดาด้วยเล็บเคลือบสีสันสดใสตรงเข้าคว้าท่อนแขนแข็งแรงของชางมินโดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย
“อ๊ะ...ชางมินนี่นา ชางมินใช่มั้ย”
“ใช่ครับ คุณคือ...?” ร่างสูงพยายามแกะมือเล็กๆ ของเจ้าหล่อนออก หากแต่เธอกลับไม่สนใจแล้วลูบไล้ใบหน้าของชางมินอย่างยั่วยวน “คุณทำอะไรน่ะ?” ชางมินถอยห่างออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง
“ทำไมจำมินอาไม่ได้ล่ะค่ะ อิมมินอา...ที่เราเคยเจอกันในผับที่นิวยอร์ค แล้วคุณก็...คิกๆ” เจ้าหล่อนยิ้มร้ายราวกับกำลังเย้ยหยันมินโฮที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ ชางมินที่ยังไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน
“เอ่อ คุณมินอา...ผมจำคุณไม่ได้หรอกนะครับ” ชางมินรีบปฏิเสธแม้จะพอคุ้นๆ กับชื่อนี้บ้าง หากในอดีตหล่อนก็คงเป็นแค่ของเล่นสนุกๆ ที่เขาไม่เคยคิดจะจริงจังอะไรด้วยอยู่แล้ว ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างกายที่ยืนหน้าซีดอยู่อย่างน่าสงสาร “ขอตัวก่อนนะครับ...มินโฮ ไปกันเถอะ” ชางมินคว้าข้อมือของมินโฮที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วพาเดินหนีจากมินอา หากอีกฝ่ายก็ยิ้มร้ายแล้วเดินตามทั้งคู่ต่ออย่างไม่ลดละ
“ชางมินจะหนีมินอาทำไมล่ะคะ...ไม่คิดถึงมินอาเหรอคะ” ใบหน้าเคลือบเครื่องสำอางค์ชั้นดีพยายามยื่นเข้ามาใกล้ร่างสูง “ตอนนั้นที่เราเดทกัน มินอามีความสุขม๊าก...มาก” หญิงสาวหันไปเชิดใส่มินโฮที่กำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ภายในใจจึงไม่ได้หันมาตอบโต้แต่อย่างใด
“นี่เธอ...อย่างเธอก็คงเป็นของเล่นชั่วคราวนั่นแหละ มีอะไรสู้ฉันได้บ้างนะ...หน้าตาก็งั้นๆ น่ะ” มินอามองมินโฮตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก พร้อมทั้งพยายามคล้องแขนเข้ากับชางมินแต่ก็โดนร่างสูงสะบัดแขนใส่ หากหล่อนก็ยังพยายามไม่ลดละที่จะเบียดหน้าอกอวบอิ่มที่ล้นทะลักเดรสสีแดงเพลิงเกาะอกรัดรูปเข้ากับร่างสูง แต่ชางมินกลับยิ่งเดินออกห่างและกระชับมือแน่นกับมินโฮเอาไว้
“แต่เธอรู้มั้ย...ลีลาของเค้าน่ะ สุดยอดเลยนะ ชั้นยังติดใจอยู่เลยล่ะ” มินอาพูดยั่วเย้ามินโฮที่ไม่ได้ตอบโต้หล่อนสักคำจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ ยิ่งเห็นชางมินพยายามดูแลอีกฝ่ายอย่างดี หญิงสาวยิ่งไม่พอใจมากขึ้น “หน้าอย่างเธออีกไม่นาน ชางมินก็คงเบื่อเธอนั่นแหละ”
“นั่นสิฮะ อีกไม่นานชางมินฮยองอาจจะเบื่อผม...แต่ก็ยังดีกว่าคุณนะครับ ที่เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวที่โดนทิ้งลงถังขยะไปตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่ผมเป็นคนปัจจุบันน่ะสิฮะ” มินโฮเอ่ยวาจาเชือดเฉือนอีกฝ่ายด้วยท่าทีสงบนิ่งจนชางมินถึงกับอ้าปากค้าง
“กรี๊ด!!! แต่อีกหน่อยชางมินก็ต้องทิ้งแก หน้าตาท่าทางก็จนๆ รูปร่างก็สู้ฉันไม่ได้สักนิด”
“อ๋อ ผมคงสู้ไม่ได้หรอกฮะ เพราะทั้งตัวผมไม่มีซิลิโคนแบบคุณเลย เอ...จมูก หน้าอก สะโพก หรือว่าอันไหนบ้างนะฮะที่เป็นของจริงเนี่ย?” มินโฮยิ้มร้ายพร้อมทั้งแกล้งควงแขนชางมินอย่างแน่นหนาจนมินอาแทบจะแผดเสียงสูงออกมาอีกเป็นรอบที่สอง หากคนที่เดินไปเดินมาต่างก็จับจ้องพวกเขาอยู่ เธอจึงได้แต่ถลึงตาและกระทืบส้นสูงไปมาอย่างไม่พอใจ
“ชางมินฮยอง~ เราไปกันเถอะฮะ ผมชักอยากจะลองลีลาเด็ดๆ ของฮยองแล้วล่ะ” ดวงตากลมโตประดับด้วยแพขนตายาวสวยช้อนมองอย่างออดอ้อน “ไปกันเถอะฮะ”
ชางมินโน้มตัวลงประทับจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากเนียนของมินโฮเป็นการประชดหญิงสาวที่ยืนกรี๊ดอยู่เบื้องหลังอย่างน่าเวทนา มือหนาคว้ามือเล็กๆ มากุมเอาไว้แล้วพาเดินไปโดยไม่สนใจเจ้าหล่อนอีกเลย
“เฮ้ออออ” มินโฮถอนหายใจออกมายาวๆ เมื่อเดินมาถึงรถพร้อมกับชางมินที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม ร่างบางเลยค้อนขวับให้หนึ่งที “เมื่อกี้ฮยองมา...จุ๊บผมได้ยังไงอ่ะ”
“ก็เล่นไปตามบทบาทไงครับ” ชางมินตีหน้าซื่อ “เมื่อกี้มินโฮบอกอยากลองอะไรกับฮยองด้วย...ไปกันเลยดีมั้ย”
“บ้า~~” มินโฮแก้มแดงแจ๋เมื่อนึกถึงประโยคที่หลุดออกไปจากปากเพราะความหมั่นไส้หญิงสาวเมื่อครู่เพียงเท่านั้น “ใครจะไปอยากทำอย่างนั้นกันเล่า อีตาบ้า”
“ฮยองล้อเล่นเฉยๆ ครับ แต่ว่า...มินโฮก็ร้ายกว่าที่ผมคิดไว้นะเนี่ย ไม่คิดว่าจะตอกหน้ามินอาได้ขนาดนั้น”
“ชางมินฮยองก็คงควงผู้หญิงมากมายเลยสินะฮะตอนที่ไปเรียนต่อที่อเมริกา”
“เปล่านะครับ ก็ผู้ชาย...มันก็มีอะไรแบบนี้บ้าง แต่ผมไม่ได้เดทกับใครจริงๆ จังๆ เลยสักคน จนกระทั่งมาเจอมินโฮ หรือว่าน้องมินโฮหึงผมนะครับ” ชางมินแกล้งแซวจนมินโฮงอนจนแก้มป่องขึ้นสีระเรื่อ
“ชริ~ หลงตัวเองจริงๆ คุณชิมชางมินเนี่ย” มินโฮเสหน้าไปอีกทาง ใช่สิ...เขาหึงคนตรงหน้าจะตาย เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่รูปร่างหน้าตาก็สะสวยระดับนางแบบเสียด้วย
“คิดอะไรอยู่ หืมม์...ไปหาที่กินมื้อเที่ยงฝีมือมินโฮดีกว่า เนอะ” ชางมินยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมทั้งเปิดประตูรถให้คนน่ารักขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่นั่งทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ดวงตากลมโตยังคงค้อนชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย แต่มุมปากที่ยกขึ้นเพราะอมยิ้มอยู่ก็แสดงให้เห็นกลายๆ ว่ามินโฮน่าจะหายโกรธไปเยอะมากแล้ว
รถยุโรปคันกะทัดรัดแล่นไปเรื่อยๆ ริมแม่น้ำสายใหญ่ใจกลางกรุงโซลพร้อมกับเพลงฟังสบายในรถที่ชางมินเปิดคลอไว้เบาๆ หากแต่มินโฮกลับหลับผลอยไปด้วยความเหนื่อยล้าที่เขาพาเดินช็อปปิ้งเสียจนทั่วห้างแต่เช้า ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาในแบบของเด็กหนุ่มหากเครื่องหน้าที่ประดับอยู่กลับทำให้หนุ่มหล่อกลับมีใบหน้าหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ เปลือกตาที่ประดับด้วยแพขนตายาวสีดำขลับกำลังทำหน้าที่ให้เจ้าของดวงตากลมโตหลับสบายอยู่ในขณะนี้ จมูกที่โด่งรับกับใบหน้าเรียวเล็กยิ่งทำให้คนมองแทบไม่อยากจะละสายตาไปไหน
ข้อมือแกร่งถูกยกขึ้นมาดูเวลาที่เลยบ่ายมานิดหน่อย รถคันโปรดที่ชางมินไม่ค่อยเอาออกมาใช้ในวันทำงานปกติก็พาทั้งคู่มาถึงริมแม่น้ำฮันที่มีแสงแดดอบอุ่นสาดส่องผ่านกลุ่มเมฆก้อนใหญ่ที่ช่วงบดบังความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี เพียงรถจอดสนิทคนขี้เซาก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นช้าๆ เปลือกตาสีอ่อนกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับกับแสงสว่างจ้าเบื้องหน้า แขนขายาวเก้งก้างบิดขี้เกียจไปมา...ทั้งหมดอยู่ในสายตาของชางมินที่นั่งมองอยู่เงียบๆ ข้างๆ กว่ามินโฮจะรู้ตัวว่าข้างกายมีคนแอบมองอยู่ก็เผลอขยี้ตา หาว และบิดขี้เกียจไปเสียหลายรอบ
“นายดูง่วงจังนะ” ชางมินแซวคนข้างๆ ที่กำลังหาวนอนอีกรอบจนสะดุ้งเอามือปิดปากแทบไม่ทัน “ไม่ต้องเขินหรอกน่า”
“ก็เมื่อเช้าผมยังไม่ได้กินกาแฟเลยนี่นา ง่วงจะตาย เพราะใครก็ไม่รู้” งอนแล้วก็ฟาดงวงฟางาใส่คนข้างๆ เฉยเลย สาบานได้ว่ามินโฮเองก็ตกใจตัวเองไม่น้อยที่กล้าทำตัวอ้อนกับชางมินถึงขนาดนี้ แต่ปากมันไปไวกว่าความคิดเสียแล้ว “นี่...ฮยองพาผมมาริมแม่น้ำฮันเหรอ” มินโฮเปลี่ยนเรื่องทันที
“อืมม์ ไม่ชอบเหรอ?”
“นึกว่าจะพาผมไปนั่งร้านหรูๆ เย็นๆ ซะอีก” มินโฮกระแนะกระแหน “ผมล้อเล่นนะฮะ”
“ก็มินโฮทำมื้อเที่ยงมานี่นา แล้วจะไปนั่งกินกันที่ไหนได้ล่ะ นึกออกก็มีแค่ที่นี่กับ...คอนโดของผมไง หรืออยากไปอันหลังมากกว่าครับ”
“ผมจะอยากไปทำไมเล่า >///<”
“งั้นเราไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว” ชางมินเอ่ยปากชวนพร้อมทั้งคว้ากล่องข้าวของมินโฮที่วางไว้ด้านหลังติดมือไปแล้วให้เด็กหนุ่มเดินตามอยู่ห่างๆ อย่างอารมณ์ดีที่ได้นอนหลับไปงีบใหญ่ ชางมินฮยองคงไม่รู้มาก่อนว่า...แม่น้ำฮันเป็นสถานที่ซึ่งมินโฮชอบที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในโซลในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
มื้อเที่ยงในเวลาบ่ายแก่ๆ บนผืนหญ้าสีเขียวสดริมแม่น้ำฮันพร้อมทั้งลมเย็นที่พัดเอื่อยๆ ตามกระแสน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้าในแม่น้ำสายใหญ่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลายจากภาระงานและเรื่องวุ่นวายต่างๆ มาตลอดทั้งอาทิตย์ รวมทั้งการได้มาใช้เวลาอยู่กับคนที่พิเศษของกันและกัน...ทุกๆ นาทีตรงนี้ช่างแสนวิเศษเหลือเกิน
ชางมินทึ่งในฝีมือการทำอาหารของมินโฮไปไม่น้อยกว่าฝีมือการชงกาแฟ ทั้งคิมบับไส้กิมจิ พาจอน จับเช และกุ้งทอดตัวโตแถมยังมีของหวานเป็นกีวีและสตรอเบอร์รีสีสดที่จัดเรียงกันมาเป็นอย่างดีในกล่องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่ดูดีไม่น้อยกว่าที่ขายตามร้านอาหารชื่อดัง ที่สำคัญคืออร่อยจนชางมินกินจนไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด
“ฮยองกินจุจัง ไม่เหลือเลย” มินโฮถึงกับทึ่งที่อีกฝ่ายจัดการอาหารซะจนหมดเกลี้ยงในเวลาเพียงไม่นาน “พอกินได้มั้ยฮะ”
“อร่อยมากกกกกกกก...” ชางมินลากเสียงยาวยืนยันว่าอร่อยจริงๆ จนมินโฮถึงกับหัวเราะออกมา “มินโฮทำไมทำอาหารเก่งจัง”
“ผมช่วยออมม่าทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ได้ทำกินเองบ่อยๆ หรอก...ก็ดีใจฮะที่ฮยองชอบ” พูดเองก็เขินเอง...เพราะสายตาคู่คมที่มองมาอย่างอ่อนโยนของชางมินที่ทำให้มินโฮอายจนแทบจะมุดดินหนีแล้ว แถมใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ หากมินโฮก็หมดเรี่ยวแรงที่จะห้ามแล้ว...
“ถ้ามินโฮทำให้กินทุกวันคงดีเนอะ” คำพูดธรรมดาเหมือนไม่คิดอะไร หากดวงตาคู่คมตรงหน้ากำลังจดจ้องใบหน้าหวานอย่างต้องการสื่อบางอย่างออกไป
“ชางมินฮยองกินเยอะๆ เดี๋ยวก็เป็นตาแก่อ้วนฉุหรอกฮะ” มินโฮเปลี่ยนเรื่องคุย ทั้งๆ ที่อยากรู้ว่าชางมินรู้สึกยังไงกับตัวเองกันแน่ แต่มันก็เขินเกินกว่าที่จะฟังตอนนี้
“นั่นสิ...ผมกับมินโฮก็อายุห่างกันตั้งเจ็ดปีแน่ะ” ว่าแล้วชางมินก็ถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้าสีเขียวขจีข้างๆ ร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ “เจ็ดปีเลยเนอะ...”
“ผม...ไม่ถือหรอกฮะ” มินโฮหันมามองชายหนุ่มที่อายุแก่กว่าเขาเจ็ดปี ดูตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอก ยิ่งเวลายิ้มแบบเป็นธรรมชาติเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่ายังดูเหมือนเด็กม.ต้นชัดๆ แต่พอทำหน้าจริงจังหรือว่า...แกล้งมินโฮขึ้นมาเมื่อไหร่ก็กลายร่างเป็นหนุ่มเพลย์บอยท่าทางแพรวพราวไม่แพ้ใคร “คือ...เป็นเพื่อนกัน อายุห่างกันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
“ก็เพราะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนนี่...”
ชางมินคว้าข้อมือของมินโฮที่นั่งกอดเข่าอยู่ให้ลงมานอนข้างๆ เขา เด็กหนุ่มอิดออดเล็กน้อยแต่ก็ค่อยๆ นอนลงบนพื้นหญ้าข้างๆ อย่างขัดเขิน หากมือหนากลับเลื่อนมากุมมือเล็กๆ ของมินโฮไว้หลวมๆ
“เราลองคบกันมั้ย...ชเวมินโฮ” เสียงทุ้มอบอุ่นกับดวงตาคู่คมที่กำลังจดจ้องคู่สนทนาที่กำลังทำตัวไม่ถูก ดวงตากลมโตจ้องชายหนุ่มกลับมาเช่นกัน
“ฮยองแน่ใจแล้วเหรอฮะ”
“ทำไมล่ะ? มีอะไรต้องทำให้ผมต้องลังเลใจด้วยล่ะ?”
“ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ คนนึง ขี้น้อยใจ...แถมที่บ้านก็ยังไม่รวยอีก ต่างกับ...”
ขณะที่ริมฝีปากอิ่มที่กำลังระบายความหนักใจบางอย่างให้อีกฝ่ายฟัง กลับถูกริมฝีปากอุ่นสัมผัสเบาๆ อย่างอ่อนโยน แม้เพียงเสี้ยววินาทีแต่หัวใจกลับเต้นด้วยจังหวะหนักหน่วงแถมใบหน้ายังร้อนผ่าวไม่จางหายไปง่ายๆ เสียด้วย
“ผมชอบที่มินโฮเป็นแบบนี้ไง...”
“...”
“ชอบมินโฮที่ซุ่มซ่ามแต่ก็เป็นคนรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ชอบมินโฮที่ขี้อายเวลาผมยิ้มให้ ชอบกาแฟฝีมือมินโฮ...แล้ววันนี้ผมก็เจอว่าผมชอบอาหารฝีมือของมินโฮเข้าอีกอย่างนึงแล้ว”
“...”
“อ่อ...รอตรงนี้เดี๋ยวนะ” อยู่ดีๆ ชางมินก็ลุกขึ้นมาขยี้หัวของมินโฮอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะวิ่งกลับไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ห่างนักโดยทิ้งให้มินโฮลุกขึ้นมานั่งรอด้วยความงุนงง แต่ไม่นานนักชางมินก็หอบถุงผ้าสีดำขนาดใหญ่ที่ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเครื่องดนตรีบางอย่าง
“กีต้าร์เหรอฮะ?” มินโฮถามด้วยความแปลกใจแล้วมองชางมินที่ค่อยๆ หยิบกีต้าร์โปร่งมาตั้งสายด้วยความแปลกใจ อะไรกัน...เมื่อกี้เพิ่งสารภาพรัก เอ่อ ก็ไม่เชิง แค่บอกว่าชอบนั่นแหละ
“จริงๆ มันผิดขั้นตอนไปหน่อยนะ รอแป๊บนึง” ชางมินกำลังตั้งสายอย่างตั้งใจ แม้จะไม่ได้จับกีตาร์มาจริงๆ จังๆ มาหลายปีแล้ว แต่เด็กเรียนแบบชางมินหัดเล่นกีต้าร์มาตั้งแต่ประถมแล้ว จะห่างหายไปก็ช่วงที่เรียนหนักๆ ที่นานๆ ถึงจะหยิบขึ้นมาดีดเล่นแก้เซ็งซะที
“ขั้นตอน? ฮยองจะทำอะไรเหรอฮะ” มินโฮมองอีกฝ่ายที่จับเครื่องดนตรีอย่างทะมัดทะแมงอย่างไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์หนุ่มจะมีความสามารถด้านดนตรีด้วย
ชางมินไม่ได้ตอบอะไร จนเสียงกีต้าร์โปร่งถูกเริ่มบรรเลงด้วยฝีมือของชางมิน อินโทรที่แสนจะคุ้นหู เพลงโปรดของมินโฮที่ชางมินนั่งแกะโน้ตเองเกือบถึงเช้าอย่างตั้งใจ เสียงทุ้มอ่อนโยนถ่ายทอดเนื้อหาแสนเศร้าในเพลงได้อย่างไพเราะจนไม่น่าเชื่อ จนถึงท่อนฮุค สองสายตาก็ประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ...ข้อความที่เขาอยากถ่ายทอดให้มินโฮได้รับรู้...
<<กดฟังไปด้วยเน้อออออ...คนละเวอร์ชั่นกัน อิอิ>>
Baby baby 그대는 caramel macchiato
Baby baby เธอคือคาราเมล มัคคิอาโต้
여전히 내 입가엔 그대 향이 달콤해
ยังคงติดริมฝีปากฉัน กลิ่นของเธอช่างหอมหวาน
Baby, baby, tonight
Baby baby ในค่ำคืนนี้
Baby baby 그대는 caffè latte 향보다
Baby baby เธอหวานยิ่งกว่าคาเฟ่ ลาเต้
포근했던 그 느낌 기억하고 있나요
เธอจะจำความรู้สึกนี้ได้หรือเปล่านะ ความหวานละมุนนี้
Baby, baby, tonight
Baby baby ในค่ำคืนนี้
[lyrics and trans from vallaku.exteen.com >> thx a lot!!]
“คาราเมลมัคคิอาโต้ของผม...ผมชอบคุณนะครับ”
“ทำไมผมเป็นคาราเมลมัคคิอาโต้ละฮะ”
“ก็ตัวมินโฮหอมเหมือนคาราเมลเลยนี่นา...ตั้งแต่ที่คุณทำคาราเมลมัคคิอาโต้ราดผมวันนั้น ผมก็ลืมกลิ่นคาราเมลไม่ได้ซะที แล้วเมื่อกี้ที่เผลอจุ๊บไปก็ยังได้กลิ่นเลย”
“อิตาบ้า พอได้แล้ว >//////<” มินโฮก้มหน้าเขินก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความขัดเขิน ร่างบอบบางกระเถิบเข้าไปกระซิบข้างหูใกล้ๆ ด้วยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มแก้มแทบปริ
“ผมก็ชอบชางมินฮยองครับ...”
ChangMinHo
NeverEnding Story!!!
Writer's talk :)
ขออภัยที่หายไปนายเชียว เง้ออออ พอดีไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นะฮับช่วงนี้ คือเรียนสบาย แต่ร่างกายไม่ค่อย 55
ฟิคเรื่องนี้ไร้สาระมากกกกกกกกกก มันสวีทกันทั้งเรื่องอะ
แบบว่าช่วงนี้คนเขียนขี้เหงา ฟิคเลยป่วงๆ หวานเยิ้มแบบนี้แหละ ฮี่ๆๆ ><
เรื่องนี้จบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เด๋วจะมาลงเรื่องยาวให้ต่อนะฮับ
สงสัยคนอ่านลืมกันไปหมดแล้ว TT-TT
ขอไปอ่านหนังสือเก็บแต้มก่อน ใกล้จะสอบอีกละ (คณะเรามันสอบกันทั้งปีทั้งชาติ เฮ้อออ)
เจอกันคราวหน้า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากรีดเดอร์ที่น่ารักเสมอมา ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
with love,
korazy_minnie
ความคิดเห็น