คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF] Caramel Macchiato Part 1/2
Title: [SF] Caramel Macchiato Part 1/2
Writer: korazy_minnie
Pairing: Changmin x
Genre: Romantic
Rate: PG-15
Note: This cup of coffee will warm your empty heart with love. Thanks to Urban Zakapa Caffé Latte that lights up my inspiration.
ท้องฟ้าสีเทาหม่นถูกกลุ่มเมฆหนาทึบลอยปกคลุมทั่วบริเวณ อากาศร้อนอบอ้าวกว่าปกติส่งสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานสายฝนเย็นฉ่ำจากท้องฟ้ากำลังจะโปรยลงมาปะพรมพื้นโลกที่ร้อนระอุ ผู้คนบนถนนต่างเร่งรีบเดินทางไปให้ถึงจุดหมายแห่งการพักผ่อนในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี รถยนต์จำนวนมากจอดนิ่งสนิทบนถนนแปดช่องจราจรของฝั่งยออิโดที่เต็มไปด้วยตึกสูงละลานตา ทั้งสองฝั่งถนน
ชิมชางมิน...หนุ่มโสดอายุยี่สิบเจ็ดปีที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้อาจจะต่างจากคนทั่วไป เขาเลือกที่จะใช้เวลาอันแสนน้อยนิดที่มีค่าของเขาทุ่มเทให้กับการทำงานในฐานะอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงโซลที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เพราะประสบการณ์และวัยวุฒิที่น้อยกว่าเพื่อนร่วมงานในที่เดียวกัน เขาจึงต้องทุ่มเทและเอาใจใส่กับหน้าที่การงานที่ต้องอาศัยการยอมรับจากทั้งเหล่านักศึกษาที่อายุห่างจากเขาไม่กี่ปี รวมถึงอาจารย์รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยอีกด้วย
ร่างสูงโปร่งหยุดลงที่หน้าร้านกาแฟแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางเดินกลับคอนโดมิเนียมของเขา ดวงตาคมกวาดมองบรรยากาศภายในร้านอย่างชั่งใจก่อนจะค่อยๆ ผลักประตูไม้สีเข้มเข้าไป กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟลอยปะทะจมูกเป็นสิ่งแรกเมื่อก้าวเท้าเข้าไปภายในร้าน Tempo
“สวัสดีครับ Tempo Bello ยินดีให้บริการครับ ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เสียงหวานของบาริสต้าหนุ่มหน้าตาน่ารักเอ่ยขึ้นทักทายพร้อมค้อมศีรษะน้อยๆ ให้กับลูกค้าที่มาใหม่ด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง “ไม่ทราบว่าจะรับเมนูไหนดีครับ”มือบอบบางยื่นเมนูกาแฟและอาหารว่างหลากหลายให้ชางมินที่กวาดตามองคร่าวๆ แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเริ่มด้วยเมนูไหนดี หากเป็นร้านเจ้าประจำก็คงไม่ยากนักที่จะตัดสินใจ...ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เข้ามาในร้านนี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เขาเป็นพวกชอบทำอะไรจำเจและไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเองเท่าใดนัก
“อืมม์...มีอะไรแนะนำมั้ยครับ” ประโยคไม้ตายเวลาตัดสินใจอะไรไม่ได้ถูกงัดขึ้นมาใช้ “อยากดื่มกาแฟที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายน่ะครับ”
“ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ” บาริสต้าหนุ่มน้อยยิ้มบางๆ ให้ลูกค้าหน้าใหม่อย่างชางมิน ก่อนจะเดินไปเรียกเพื่อนอีกคนซึ่งชงกาแฟเสร็จและกำลังเอามาวางไว้บนเคานเตอร์เพื่อรอเสิร์ฟพอดี คนหน้าตาน่ารักสะกิดไหล่บาริสต้าร่างสูงเพรียวแล้วกระซิบเบาๆ ก่อนที่เจ้าของใบหน้าหวานและร่างสูงเพรียวจะเดินมาที่หน้าเคานเตอร์พร้อมใบหน้าเรียบนิ่งต่างจากอีกคนที่ดูสดใสราวกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เสียงห้าวต่ำแบบเด็กหนุ่มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจคนมองผิดจังหวะโดยไม่ทราบสาเหตุ ดวงตาคู่โตสีดำขลับเบื้องหน้าช่างดูน่าหลงใหลเกินคำบรรยาย แพขนตายาวของคนถูกมองกะพริบถี่ๆ ด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคุณลูกค้าเหม่อจ้องหน้าเขาเสียดื้อๆ
“คุณครับ?” บาริสต้าหน้าหวานเพิ่มระดับเสียงเรียกขึ้นอีกนิด ร่างสูงโปร่งจึงได้สติกลับคืนมา...แม้ยังไม่ครบเท่าไหร่นัก
“คือ...” อีกฝ่ายก็เช่นกันที่เมื่อสบตาคุณลูกค้าที่ตั้งใจฟังเขาราวกับนั่งฟังเลคเชอร์ก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดแปลกประหลาดในดวงตาคู่คมของอีกฝ่ายเช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปราวกับรูปสลักที่ดูกลมกลืนไปทุกองค์ประกอบทำให้เด็กหนุ่มแทบลืมหายใจ...ดูดีชะมัดเลย
“เอ่อ...วันนี้ผมขออนุญาตแนะนำเป็น ไอซ์ คาราเมล มัคคิอาโต้นะครับ รสหวานอ่อนๆ กับกลิ่นหอมของคาราเมลไซรัปน่าจะทำให้รู้สึกสดชื่นในวันที่อากาศร้อน กับนมสดรสกลมกล่อมของเราจะช่วยตัดรสขมของกาแฟ...”
“เอาอันนี้แหละครับ” ยังพูดไม่ทันจบ ชิมชางมินก็ตัดสินใจอย่างง่ายดายตามคำแนะนำของบาริสต้าหนุ่มหน้าหวานที่ถูกเส้นผมสีดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าเรียวเล็กให้ดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น “ขอ...มัฟฟินช็อคโกแลตชิพด้วยนะครับ”
“ครับ...” มือเรียวกดออเดอร์ในเครื่องคิดเงินและยื่นป้ายสีขาวที่มีหมายเลขลำดับคิวให้กับลูกค้า “ถ้าเสร็จแล้วเราจะนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะครับ รอสักครู่นะครับ” เสียงหวานอธิบายอย่างตื่นเต้น...ก็อีกฝ่ายกำลังตั้งใจฟังเขาพูดกับดวงตาคมที่แฝงความอบอุ่นเอาไว้มากจนเกินไป
ชางมินพยักหน้าช้าๆ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะที่วางของทิ้งเอาไว้ ร่างสูงโปร่งหย่อนตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่นิ่มกำลังดีพร้อมเปิด Mac Book คู่ใจเอาไว้ ระหว่างรอก็เผลอมองบาริสต้าร่างบางที่กำลังตั้งใจชงกาแฟ...ให้เขา
ชางมินถอนหายใจเบาๆ เมื่อความฟุ้งซ่านในสมองเริ่มทำให้เขาไม่มีสมาธิกับงานตรงหน้าเสียแล้ว เพราะบาริสต้าหนุ่มที่ทำให้หัวใจอันแห้งแล้งเต้นผิดจังหวะขึ้นมาในรอบหลายๆ ปีที่เขาทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตให้กับการเรียนจนไม่ได้มองใครข้างกายอีก
มือแกร่งจรดลงบนคีย์บอร์ดเพื่อทำ Presentation สำหรับการสอนได้ไม่นานนัก เสียงหวานก็ดังขึ้นข้างๆ หู ชางมินจึงละสายตาจากหน้าจอที่เต็มพรืดไปด้วยเอกสารงานวิจัยที่มีแต่ภาษาอังกฤษจนคนแอบมองเวียนหัวแทน
“ไอซ์ คาราเมล มัคคิอาโต้กับมัฟฟินช็อคโกแลตชิพได้แล้วครับ” ดวงตากลมโตมองหาพื้นที่ว่างบนโต๊ะสักครู่ แต่ก็ถูกหนังสือเล่มใหญ่และคอมพิวเตอร์กินพื้นที่เล็กๆ ไปเสียหมดแล้ว “จะให้ผมวางตรงไหนดีครับ”
“อ่า...ขอโทษที” ชางมินยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะเก็บสัมภาระบางส่วนลงกระเป๋าสะพายข้างที่วางอยู่ข้างตัวเพื่อเพิ่มพื้นที่บนโต๊ะตัวเล็กๆ
ขณะที่บาริสต้าหนุ่มกำลังจะวางแก้วไอซ์ คาราเมล มัคคิอาโต้ลงบนโต๊ะไม้ มือหนาที่กำลังจะเก็บ Textbook เล่มใหญ่ลงกระเป๋าก็ชนกับแก้วใบใสพอดิบพอดี ด้วยความตกใจทำให้บาริสต้าหนุ่มเผลอปล่อยมือจนแก้วหล่นแตกกระจายลงบนโต๊ะพร้อมกับกาแฟที่กระเด็นจนเปื้อนทั้งสัมภาระและคุณลูกค้า สีน้ำตาลอ่อนของกาแฟผสมนมที่กระเซ็นมาบนเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนตัวโปรด
“ขอ...ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ” บาริสต้าหนุ่มตกใจอย่างมาก ค้อมศีรษะลงหลายครั้งพร้อมทั้งดึงทิชชูส่งให้ชางมินจนชายหนุ่มที่โกรธอยู่ไม่น้อยในตอนแรกแอบอมยิ้มในความเปิ่นของอีกฝ่าย ซึ่งจริงๆ มันก็ความผิดเขาครึ่งนึงนั่นแหละที่มัวแต่มองใบหน้าหวานจนไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายกำลังยกกาแฟลงมาวางบนโต๊ะพอดี
“อืมๆๆ ไม่เป็นไรนะ ผมก็ผิดด้วยแหละ” ชางมินรีบยกคอมพิวเตอร์ลงมาวางเก้าอี้ก่อน มือแกร่งใช้ทิชชูที่อีกฝ่ายส่งให้ซับบนเสื้อผ้าที่เปียกและมีรอยด่างเป็นวงสีน้ำตาลไปทั่วอย่างเหนื่อยใจ...ก็แค่เสียดายเสื้อตัวโปรดเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะมินโฮ” เสียงดังของชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านดังขึ้นจนเห็นบาริสต้าหน้าหวานที่ถูกเรียกว่ามินโฮถึงกับทำหน้าซึมลงทันที
“ขอโทษฮะคุณอา ผมซุ่มซ่ามเอง” มินโฮค้อมศีรษะขอโทษชายวัยกลางคนที่เดินมาที่โต๊ะของชางมินพอดี
“พาลูกค้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวอาให้แทมินมาเก็บให้ ไม่เป็นไรนะ” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้พร้อมตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจมินโฮ “ขอโทษแทนพนักงานผมด้วยนะครับ” เขาหันมาขอโทษชางมินอย่างอ่อนน้อมแต่ชางมินก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ อย่างไม่ถือสา
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะฮะ ขอโทษจริงๆ ครับ” มินโฮค้อมศีรษะลงอีกหลายครั้ง ขณะเดินนำร่างสูงโปร่งไปยังด้านหลังร้านเพื่อพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เอ่อ รอผมตรงนี้ก่อนนะฮะ ผมจะไปเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน” มินโฮพาชางมินมาห้องเล็กๆ ที่น่าจะเป็นห้องพักผ่อนของพนักงาน ส่วนเจ้าตัวก็วิ่งทะลุประตูด้านข้างห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชางมินยืนเคว้งในห้องอยู่คนเดียว กลิ่นหอมคาราเมลและกาแฟชั้นดีลอยอบอวลไปทั่ว ชายหนุ่มมองผ่านหน้าต่างบานเล็กไปยังด้านนอกที่เริ่มมีเม็ดฝนโปรยปรายจากท้องฟ้ายามเย็นสีดำสนิทเสียแล้ว ไอเย็นเริ่มลอดผ่านเข้ามาจนร่างสูงรู้สึกไม่หงุดหงิดกับอากาศร้อนระอุที่ยิ่งชวนให้อารมณ์เสียง่ายมากนัก
“เอ่อ...ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะใส่ได้รึเปล่า” มินโฮก้มหน้าก้มตายื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของของเจ้าของร้านที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ ของเขามาให้ “เสื้อของคุณผมจะเอาไปซักรีดให้นะครับ...แต่ถ้ามันซักไม่ออกผมจะจ่ายค่าเสียหายให้”
“ไม่ต้องชดใช้อะไรหรอกครับ มันก็ความผิดของผมครึ่งนึงนะ” ชางมินกล่าวพร้อมรับเสื้อเชิ้ตสีขาวมากางดู ออกจะใหญ่ไปสักนิดแต่ก็คงใส่ได้...
มือแกร่งปลดกระดุมเม็ดเล็กออกแล้วถอดเสื้อเชิ้ตตัวโปรดวางไว้บนโต๊ะ ร่างกายกำยำสมส่วนที่มีกล้ามเล็กน้อยแบบชายหนุ่มสุขภาพดีทำให้มินโฮถึงกับหน้าแดงด้วยความเขิน...ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่มินโฮกลับรู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด
เขาอาจจะอิจฉาผู้ชายตรงหน้าที่ดูสมบูรณ์แบบทั้งหน้าตาและรูปร่าง รวมทั้งดูท่าทางจะรวยอีกต่างหาก แค่เหลือบมองป้ายบอกยี่ห้อของเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มตรงหน้าก็แทบจะเป็นลม ราคาคงประมาณเงินเดือนทั้งเดือนของเขา ไม่ก็มากกว่านั้น...เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจเงียบๆ ขอให้คราบกาแฟนั้นซักออกทีเถิด
“คุณชื่ออะไรครับ” ชางมินถามขึ้นเหมือนไม่ใส่ใจนัก แม้จะรู้ว่าชื่อมินโฮจากการถูกเรียกเมื่อครู่นี้ แต่ก็อยากได้ยินจากปากของอีกฝ่ายเองมากกว่า...
“...” บาริสต้าหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งขณะกำลังชั่งใจ แต่สุดท้ายก็แนะนำตัวเองออกมาด้วยความประหม่า “ชเวมินโฮครับ คุณชื่อ...”
“ผมชิมชางมินนะ” มือแกร่งยื่นออกไปทักทายทำความรู้จักตามความความเคยชินสมัยที่อยู่ต่างประเทศ มินโฮค่อยๆ ยื่นมือบอบบางเข้าไปหาอย่างขัดเขิน มือใหญ่ที่กุมเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาชวนมองทำให้เด็กหนุ่มหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวจนกลัวอีกฝ่ายจะสังเกตได้ มินโฮจึงรีบดึงมือเล็กๆ ของตัวเองมาซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงด้วยความรวดเร็วจนชางมินสังเกตได้ หากก็แสร้งทำเหมือนไม่ได้สังเกตอะไร
“ผมขอโทษคุณชิมจริงๆ นะครับ” ร่างเล็กค้อมศีรษะเพื่อขอโทษอีกครั้ง “ยังไงช่วยทิ้งเบอร์เอาไว้ได้มั้ยฮะ ถ้าผมซักรีดเสื้อเสร็จแล้วจะโทรบอกนะฮะ” มือเล็กยื่นกระดาษใบเล็กให้พร้อมปากการูปกระต่ายสีชมพูที่ดูน่ารักไม่ต่างจากเจ้าของสักเท่าใดนัก
“เอาเบอร์ของคุณมาดีกว่าครับ...ผมว่าจดใส่กระดาษจะหายง่ายนะครับ” ชางมินยื่นสมาร์ทโฟนสีดำขลับที่เปิดหน้าจอรอให้อีกฝ่ายกดเบอร์ของตัวเองลงไป ภายใต้หน้าตาเรียบเฉยเขาเองก็ลุ้นในใจเงียบๆ ว่าโอกาสขอเบอร์คนน่ารักแบบเนียนๆ จะสำเร็จหรือไม่
มินโฮลังเลอีกครั้งแต่ก็เลือกที่จะกดเบอร์มือถือของตัวเองให้แทนที่จะเป็นเบอร์ของร้านก่อนจะส่งกลับให้อีกชางมินโทรกลับมาที่เครื่องของเขาเช่นกัน
“แล้วก็...เรียกผมว่าชางมินฮยองเถอะ เรียกแบบเมื่อกี้แล้วผมดูแก่ชะมัด”
“ฮะ...ชางมินฮยอง” มินโฮเรียกชื่อชางมินด้วยความรู้สึกแปลกๆ ยิ่งยามสบตาด้วยแต่ละทีเหมือนหัวใจจะกระตุกวูบอย่างไม่มีสาเหตุ...ไม่แน่ สาเหตุอาจจะเกิดจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ก็ได้
“ผมกลับเลยดีกว่า...ค่ากาแฟกับขนมเท่าไหร่ครับ” ชางมินตัดสินใจกลับไปทำงานต่อที่คอนโดแทนเพราะถ้าอยู่ตรงนี้ต่อนานๆ งานของเขาอาจจะไม่เสร็จสักอย่างเพราะเด็กน้อยชเวมินโฮที่ยืนทำหน้าตาหงอยๆ ดูน่าสงสารอยู่นี่แหละ
“ไม่ต้องหรอกฮะ จริงๆ ผมควรจ่ายค่าเสียหายให้คุณ เอ่อ ชางมินฮยองด้วยที่ทำให้เสียเวลาพักผ่อนสบายๆ ไปน่ะฮะ”
“เอาไว้ผมจะมาคิดค่าเสียหายกับคุณวันหลังแล้วกันนะ” คำพูดทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงอบอุ่นของชางมินทำให้มินโฮเดาไม่ออกว่าชางมินพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
ทันทีที่ชางมินออกจากร้าน Tempo Bello ฝนเม็ดเล็กก็เริ่มโปรยปรายจากเมฆสีเทากลุ่มใหญ่ที่ลอยต่ำจนเหมือนอยู่ใกล้แค่มือเอื้อมถึง ร่างสูงภายใต้ร่มสีดำสนิทสาวเท้าให้ถี่ขึ้นเพื่อให้ไปถึงยังคอนโดมิเนียมของเขาที่อยู่ไม่ไกลก่อนที่ฝนจะตกหนักขึ้นในไม่ช้า เพียงแค่ชางมินเดินเข้าถึงลอบบี้กลางของที่พัก ฝนจากฟากฟ้าก็เทกระหน่ำลงมาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือนเป็นสีขาวโพลนจากน้ำฝนปริมาณมหาศาล ขณะกำลังรอลิฟต์ชายหนุ่มเหลือบมองถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือที่มีไอซ์ คาราเมล มัคคิอาโต้ฝีมือของชเวมินโฮส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟปนกับกลิ่นหวานหอมของคาราเมลไซรัปที่เขาไม่เคยพิศวาสรสหวานของมันสักนิด
มือหนาหยิบกาแฟกลิ่นหอมหวานขึ้นมาดมใกล้ๆ อย่างลังเล ก่อนจะค่อยดูดจากหลอดตามคำแนะนำของบาริสต้าจอมซุ่มซ่ามอย่างเคร่งครัด สัมผัสแรกที่รู้สึกที่ปลายลิ้นคือกลิ่นหอมของวานิลลาและรสหวานของคาราเมลที่เขาไม่ชื่นชอบนักจนแทบอยากจะหยุดดื่ม หากเมื่อผสมผสานกับรสหอมมันของนมสดที่อยู่บนชั้นถัดมาและตัดด้วยรสขมอ่อนๆ จากกาแฟกลิ่นหอมที่เขาชื่นชอบทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าจางหายไปเป็นปลิดทิ้ง
แม้รสชาติตอนแรกของส่วนผสมที่แยกจากกันดูสุดโต่งกันไปคนละทาง หากเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อทุกส่วนผสมถูกกลืนเข้าไปแล้วแต่รสสัมผัสกลมกล่อมกลับติดอยู่ที่ปลายลิ้นอย่างประหลาด...เขาชักจะติดใจกาแฟแก้วนี้เสียแล้วสิ
ชเวมินโฮตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันรุ่งขึ้นและตรงดิ่งไปยังระเบียงห้องนอนที่มีเสื้อเชิ้ตสีชมพูแขวนตากลมอยู่ ดวงตากลมโตปิดสนิทราวกับไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า มือเล็กสองข้างบีบเข้าหากันแล้วภาวนาให้คราบสีน้ำตาลเป็นวงน่าเกลียดบนเสื้อของชางมินหายไป แต่เมื่อลืมตาก็ต้องพบกับความจริงว่ารอยสีน้ำตาลที่ว่าจางลงแต่ไม่ได้หายไปสักนิดแม้ว่ามินโฮพยายามแช่และซักด้วยมือเกือบครึ่งค่อนคืนแล้วก็ตาม
รู้สึกเกลียดกาแฟมากที่สุดก็ตอนที่มันหกเลอะเสื้อผ้าแล้วซักไม่ออกนี่แหละ!!!
“เฮ้อ~~” เด็กหนุ่มยืนคอตกอยู่ต่อหน้าเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่แกว่งไปมาตามสายลมพัดเบาๆ ในยามเช้า เมื่อคืนนอกจากจะมัวแต่ซักผ้าจนไม่ได้อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอย่างที่เคยแล้ว เขาก็หมดเวลาไปกลับการหาราคาเสื้อเชิ้ตยี่ห้อแพงระยับจนต้องปาดเหงื่อ จะบอกคุณอาก็ไม่กล้า เพราะแค่ซุ่มซ่ามทำของหกใส่ลูกค้าคุณอาก็ต้องชดใช้ด้วยการให้ดื่มกาแฟฟรีหนึ่งเดือนก็คงเป็นแสนวอนเข้าไปแล้ว
มินโฮมองคราบสีน้ำตาลบนเสื้อเชิ้ตอย่างหมดหวังก่อนจะเดินกลับเข้าห้องอย่างเซ็งๆ เพื่อจัดกระเป๋าและอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนตามปกติ วันนี้อุตส่าห์มีนัดทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนเก่าจากโรงเรียนที่แดกูอย่างคิมจงฮยอนที่สอบติดเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่คณะเศรษฐศาสตร์ของมินโฮเพิ่งเปิดเรียนได้ไม่นานนัก กว่าเด็กปีหนึ่งอย่างเขาจะมีเวลาปรับตัวกับบรรยากาศใหม่ๆ ได้ก็ใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะได้มีโอกาสนัดเจอเพื่อนสนิทอีกครั้ง
...แต่สงสัยคงจะได้กินแค่ในร้านอาหารมหาวิทยาลัยเสียแล้ว คิดแล้วก็ทำหน้าหงอยๆ เมื่อเห็นยอดในบัญชีเงินฝากที่คงต้องถอนชนิดปิดบัญชีเพื่อซื้อเสื้อใหม่ชดใช้ให้ชางมินฮยอง
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังแต่งตัวเพื่อไปเรียนตอนเช้า มือถือสีขาวของมินโฮก็สั่นเบาๆ กระทบกับพื้นโต๊ะแกรนิตสีดำสนิทของโต๊ะกินข้าว ดวงตากลมโตมองชื่อผู้ส่งข้อความแล้วก็อดใจเต้นแรงไม่ได้...ชางมินฮยอง
อรุณสวัสดิ์ :) คราบกาแฟซักออกรึป่าวครับ? \(=O=)/
มินโฮอดอมยิ้มกับ emoticon น่ารักๆ ที่ดูไม่เข้ากับบุคลิกของคนส่งสักนิด คงจะเห็นว่าเขาเด็กกว่าอยู่หลายปีเลยอยากจะแอ๊บเด็กด้วยสินะ...ว่าแต่ทำไมเขาต้องคิดโน่นนี่มากมายเกี่ยวกับชางมินด้วยล่ะ
ขอโทษฮะ...แต่มันซักไม่ออกอ่ะครับ T-T~~ ผมจะจ่ายค่าเสียหายให้เองนะครับ ขอโทษจริงๆ ครับ m(_-_)m
ถ้าย้อนเวลาได้มินโฮจะไม่ดื้อกับคุณอาเลยที่ไม่ยอมให้เขาออกไปช่วยทำงานหน้าร้านเพราะมินโฮก็ชอบซุ่มซ่ามมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่เมื่อเห็นแทมินที่มาทำงานพิเศษสนุกกับงานบาริสต้า เช่นเดียวกับที่เขาเองก็หลงรักกลิ่นหอมของกาแฟอย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจึงอดไม่ได้ที่จะแอบออกไปช่วยงานแทมินตอนที่คุณอาไม่อยู่ แต่ก็ดันเกิดเรื่องจนได้...จากนี้คุณอาคงไม่อนุญาตให้มินโฮออกไปทำงานหน้าร้านอีกแน่ๆ
ซวยจริงๆ เลยเรา T____T~
คาบเรียนที่มีเพียงคาบเดียวของวันนี้ของมินโฮจบลงเร็วเกินคาด ใบหน้าหวานก้มลงมองนาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือเล็ก...เหลืออีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจงฮยอนจะเรียนเสร็จ นิ้วเรียวส่งข้อความหาเพื่อนรักให้รีบมาหาหากเรียนเสร็จแล้ว แต่กลายเป็นมินโฮโดนชักชวนให้เข้าไปนั่งเล่นในวิชาเรียนรวมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของจงฮยอนแทน
เพียงแค่ร่างสูงเพรียวก้าวเข้ามาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็กลายเป็นเป้าสายตาจากทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันจนมินโฮรู้สึกขัดเขิน ทั้งที่เมื่อก่อนมินโฮก็นับว่าเป็นหนุ่มที่ป๊อบปูล่าร์ที่สุดในโรงเรียนประจำจังหวัดที่แดกู มีคนส่งจดหมายบอกรักไม่ก็โดนสารภาพรักแทบทุกวี่ทุกวัน แต่คนขี้อายแบบเขาก็ไม่เคยชินเสียที
ขายาวรีบก้าวไปยังห้องเรียนรวมของชั้นปีที่หนึ่งเพื่อหลบให้พ้นจากสายตาที่คอยโลมเลียเขาตลอดทางเดินรวมทั้งเสียงแซวที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ...สุดท้ายมินโฮก็มาถึงห้องเลคเชอร์ที่มีคิมจงฮยอนยืนยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่หน้าห้องและโบกมือรัวเร็วเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันสองสามเดือนแล้วกำลังเดินมาถึง
“เฮ้~~~ มิโน ทางนี้ๆๆ” จงฮยอนส่งเสียงโหวกเหวกเรียกมินโฮจนคนถูกเรียกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
“นายเรียกเสียงดังทำไมเล่า” มินโฮขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย แค่นี้เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาคนแทบทั้งคณะแล้ว
“อ่า...มิโน ฉันขอโทษน้า” จงฮยอนนึกได้ว่ามินโฮเกลียดการเป็นจุดสนใจของคนรอบๆ ข้างก็รู้สึกผิด “เข้าไปนั่งข้างในกันเหอะ”
จงฮยอนกึ่งลากกึ่งจูงมินโฮเข้าไปยังห้องเลคเชอร์ขนาดสามร้อยที่นั่งที่มีนักศึกษานั่งกันกระจัดกระจายในมุมต่างๆ ของห้องเรียนขนาดใหญ่ จงฮยอนได้แนะนำเพื่อนใหม่ของเขาในคณะที่หน้าตาน่ารักอย่างแอมเบอร์ที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาไม่นาน แต่ทั้งสามคนก็คุยกันอย่างถูกคอในเวลาอันรวดเร็วจนกระทั่งในห้องเงียบลงเมื่ออาจารย์หนุ่มเดินเข้ามา...แต่มินโฮแอบสังเกตว่าเด็กสาวหลายคนแอบกรี๊ดกร๊าดเบาๆ กับอาจารย์หนุ่มคนดังกล่าว รวมทั้งแอมเบอร์ด้วย
“เค้าดังที่สุดในคณะเราตอนนี้เลยนะ มินโฮ” แอมเบอร์แนะนำพลางยิ้มเขินๆ เมื่อหันไปมองหน้าห้องจนทำให้มินโฮต้องมองไปยังหน้าห้องบ้าง
ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแลคเรียบกริบกำลังสนใจกับการต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง macbook เข้ากับโปรเจกเตอร์หน้าห้องเพื่อเตรียมการสอน ใบหน้าหล่อเหลาชวนมองกับดวงตาคู่คมที่จดจ้องไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ เบื้องหน้ายิ่งทำให้อาจารย์หนุ่มดูนิ่งขรึมแต่แฝงไว้ดวงเสน่ห์อย่างร้ายกาจ...
Applied Calculus I for Engineer
Shim Changmin, B.E., M.E (Computer Engineering), D.Eng (MIT)
Department of Computer Engineering, Collage of Engineering, SNU.
มินโฮถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นสไลด์หน้าสุดของบทเรียนปรากฎขึ้นเป็นชื่อของชิมชางมิน เขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าคนตรงหน้าคือชางมินฮยองที่เขาทำกาแฟหกใส่เมื่อวาน...และกลายเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยของตัวเองในวันนี้ ดวงตากลมโตเหม่อมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเลื่อนลอย อยากจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ...
“นายเป็นอะไรรึเปล่า มิโน” จงฮยอนเหลือบมองเพื่อนรักที่อยู่ๆ ก็ดูหงอยลงไป “ไม่สบายเหรอ”
“ปะ...เปล่าๆ” หัวเล็กส่ายไปมาพร้อมยิ้มบางๆ “นายตั้งใจเรียนไปเหอะ เดี๋ยวฉันนั่งทำการบ้านไปเรื่อยๆ ละกัน”
มินโฮพยายามข่มใจก้มหน้าก้มตาทำการบ้านของตัวเองไประหว่างคาบเรียนของจงฮยอน แต่ดวงตากลมโตก็อดเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมยามสอนหนังสือ ดวงตาคมส่องประกายทุกครั้งยามมองไปที่นักเรียนของเขา เสียงทุ้มอ่อนโยนของชางมินฟังแล้วเคลิบเคลิ้มเกินกว่าจะให้ชวนให้เด็กสาวหลายๆ คนจดจ่ออยู่กับบทเรียนได้ มินโฮเห็นนักศึกษาหลายคนก็กำลังนั่งเหม่อลอยไปหน้าห้อง ไม่ก็นั่งขีดเขียนอะไรเล่นๆ แล้วหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนมากกว่าจะตั้งใจเรียน
“เอาล่ะ วันนี้ผมถามคำถามพวกคุณบ้างดีกว่า” อยู่ๆ อาจารย์หนุ่มก็นึกสนุกอยากให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการเรียนด้วย เสียงฮือฮาดังขึ้นทั้งห้องเรียนแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่ออาจารย์หนุ่มกดเปลี่ยนสไลด์เป็นโจทย์แคลคูลัสข้อหนึ่ง “มีใครอาสาจะมาแก้โจทย์ข้อนี้มั้ย ผมให้คุณอ่านโจทย์ 1 นาทีก่อน”
นักเรียนในห้องเรียนรวมทั้งจงฮยอนและแอมเบอร์ต่างก็ขีดๆ เขียนๆ แก้โจทย์แคลคูลัสตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนมินโฮก็ลองขีดๆ เขียนๆ แก้โจทย์กับเขาดูบ้าง...
“ไม่มีใครอาสาเลยเหรอ” ดวงตาคมบนใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์หนุ่มกวดมองไปทั่วๆ ห้อง หากนักศึกษาแต่ละคนเลือกที่จะหลบสายตาของอาจารย์ชิมชางมินแทนในตอนนี้ “งั้นผมเรียกตามเลขที่นั่งแล้วกันนะ”
“อ๊าก จะซวยมั้ยวะเนี่ย โจทย์บ้าอะไร ยากชะมัด” จงฮยอนบ่นอุบพลางขยี้หัวเบาๆ อย่างหงุดหงิดที่แก้โจทย์ไม่ได้
มินโฮยิ้มกับคำตอบสุดท้ายบนกระดาษทดที่เขาแก้โจทย์ได้อย่างง่ายดายสมเป็นอดีตตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิครอบสุดท้ายของเกาหลี พอดีกับเสียงทุ้มหน้าห้องก็ประกาศเลขที่ของผู้โชคดีขึ้นมา...
“แถว L
เลขที่ 4 แล้วกัน ลงมาหน้าห้องเลยครับ” ชางมินสุ่มเล่นๆ จากการกะด้วยสายตา หากโชคร้ายกลับตกเป็นของมินโฮอย่างไม่น่าเชื่อ
“มิโน...L4 ที่นั่งแกว่ะ ทำไงดีอ่ะ” จงฮยอนลุกลี้ลุกลน “เดี๋ยวฉันลงไปแทนให้ แต่ฉันทำไม่ได้หรอกนะ”
“อ่ะ...” มินโฮยื่นกระดาษทดลายมือเป็นระเบียบที่แสดงวิธีทำอย่างละเอียดและมีคำตอบสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว “ฉันมั่นใจว่าถูกนะ”
“มินโฮสุดยอดไปเลย...” แอมเบอร์ตาโตด้วยความตกใจที่มินโฮเก่งกว่าเด็กที่เรียนวิชานี้อย่างพวกเค้าเสียอีก
“นายนี่เจ๋งชะมัดเลยว่ะ” จงฮยอนรับกระดาษทดในมือของมินโฮแล้วเดินไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากอาจารย์ถามนอกเหนือจากนี้เขาก็คงทำไม่ได้แหงๆ แต่จะปล่อยให้มินโฮลงไปแทนได้อย่างไรกัน
หากทุกการกระทำของนักศึกษาทั้งสามคนอยู่ในสายตาของชิมชางมินทั้งหมด เพราะท่าทางยุกยิกๆ ก่อนจะเดินลงมาหน้าห้องของนักศึกษาผู้โชคดีคนนั้นกับเพื่อนอีกสองคนและหนึ่งในนั้น...ที่เขามั่นใจว่าเป็นชเวมินโฮ
ชางมินที่มองขึ้นไปบริเวณที่มินโฮนั่งอยู่ก็บังเอิญสบตาเข้ากับมินโฮพอดี แต่เด็กหนุ่มกลับรีบก้มหน้าก้มตาแทบจะทันที เจ้าของดวงตาคมเลยแสร้งทำเป็นมองไปยังบริเวณอื่นแทนที่จะทำให้มินโฮอึดอัดมากกว่านี้
“มินโฮ...เมื่อกี้อาจารย์มองขึ้นมาด้วยล่ะ หล่อเป็นบ้าเลย~” แอมเบอร์สะกิดมินโฮที่ก้มหน้างุดจนใบหน้าหวานแทบจะติดกับหนังสือเรียน “เป็นอะไรรึป่าว เราเห็นนายหน้าตาไม่ค่อยสบายใจตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ถึงท่าทางภายนอกแอมเบอร์จะดูไม่ต่างจากเด็กผู้ชายคนนึง แต่กลับมีความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิงจนมินโฮยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
“มีคนบอกว่าคำว่าไม่เป็นอะไร มันมีอะไรอยู่เบื้องหลังเสมอ” ดวงตาคู่สวยของแอมเบอร์จ้องมินโฮอย่างอ่อนโยน “แต่ฉันจะไม่ถามนายหรอกนะ...”
“นี่...เธอน่ารักขนาดนี้ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนล่ะ” มินโฮเอ่ยปากชมจากใจจริง ผู้หญิงน้อยคนนักที่เขารู้จักที่จะเป็นพวกไม่จู้จี้จุกจิกและชอบยุ่งกับเรื่องชาวบ้านแบบแอมเบอร์
“ถามอะไรแบบนั้น...นายชอบฉันรึไง” แอมเบอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเป็นมินโฮก็น่าสนอยู่นะ...”
“นี่เธอ...” มินโฮอึ้งเล็กน้อยกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่ายของผู้หญิง แต่แอมเบอร์ก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นมินโฮเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกใจ...น่ารักเหมือนกับที่จงฮยอนเคยเล่าเรื่องของมินโฮให้เธอฟังจริงๆ
“เก่งนี่...” อาจารย์หนุ่มเอ่ยปากชมจงฮยอนเมื่อปล่อยให้เด็กหนุ่มแสดงวิธีแก้โจทย์แล้วฉายผ่าน overhead ให้เหล่านักศึกษาดูในห้อง “คุณทำเองทั้งข้อเลยเหรอ” ชางมินถามด้วยความแปลกใจ เพราะวิธีที่ใช้แก้โจทย์เป็นวิธีลัดที่อยู่ใน textbook คณิตศาสตร์ของต่างประเทศ น้อยคนนักที่จะรู้หากไม่เคยอ่านมาก่อน
“คะ...ครับ” จงฮยอนปาดเหงื่อเบาๆ เมื่อแก้โจทย์เสร็จ แววตาของชิมชางมินยามที่ได้เห็นใกล้ๆ ดูลึกลับและมีเสน่ห์ หากในเวลานี้สายตาของอาจารย์หนุ่มคล้ายกับกำลังจะอ่านความรู้สึกของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพียงแค่อีกฝ่ายไม่พูดออกมาเท่านั้น
“ไว้ผมจะไปเพิ่มคะแนนให้คุณนะครับ...” อาจารย์หนุ่มหมุนปากกาในมือด้วยท่าทางสบายๆ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของนักศึกษาทั้งห้อง ก็ปกติชิมชางมินไม่ใช่คนที่จะเอ่ยปากชมใครง่ายๆ
“คุณชื่ออะไรครับ” ร่างสูงเตรียมจรดปากกาลงบนสมุดโน้ตส่วนตัว
“คิม...เอ่อ ไม่ต้องดีกว่าครับ” อยู่ดีๆ คิมจงฮยอนก็รู้สึกผิด เพราะเขาไม่ได้ทำเองเสียหน่อย จะขี้ตู่เอาคะแนนก็คงรู้สึกผิดต่อมินโฮ “ขอบคุณนะครับอาจารย์”
จงฮยอนค้อมหัวให้เล็กน้อยแล้วรีบเดินกลับขึ้นไปยังที่นั่งทันที แอมเบอร์ตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนสนิทที่ยังคงตื่นเต้นไม่หาย ส่วนมินโฮก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่ออาจารย์ไม่ได้ซักถามอะไรมากนัก
คาบเรียนดำเนินต่อไปจนเกือบเที่ยง อาจารย์หนุ่มก็เลิกคาบก่อนเวลาให้นักศึกษาไปมีความสุขกันในช่วงบ่ายของวันศุกร์ จงฮยอนกับแอมเบอร์ขอตัวขึ้นไปเก็บของที่ล็อคเกอร์ส่วนตัวในคณะก่อน ทิ้งให้มินโฮนั่งรออยู่เงียบๆ ที่ระเบียงหน้าห้องเรียน
“ชเวมินโฮ...” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นทางด้านหลังเรียกให้มินโฮที่กำลังนั่งเหม่อเอาคางพาดระเบียงแล้วทอดสายตาออกไปเพื่อดูวิวทิวทัศน์แก้เซ็งระหว่างรอเพื่อนหันกลับมาตามเสียงเรียก
“ชางมิน...เอ่อ อาจารย์ชิม” แวบแรกที่เห็นร่างสูงยืนอยู่ด้านหลังก็รู้สึกได้ว่าก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะ มินโฮหันตัวกลับมาค้อมศีรษะให้ชางมินเล็กน้อย
“เมื่อกี้นั่งอยู่ในห้องด้วยล่ะสิ ผมว่าเห็นคุณแว๊บๆ” ชางมินทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มินโฮ “รอเพื่อนอยู่เหรอ”
“อ่า...ครับ” หัวกลมๆ พยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับ แต่แล้วความเงียบก็เข้าครอบคลุมอีกครั้งเมื่อชางมินยังคงนั่งเฉยอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
“เมื่อวานนี้...” ชางมินเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบก่อน เขาเองก็รู้สึกขัดเขินและประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าชเวมินโฮอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะความรู้สึกแบบนี้เองทำให้เขาต้องเดินหน้าเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจตัวเองอย่างจริงจัง
“คุณชงกาแฟอร่อยดีนะ”
“ขอบคุณฮะ” เพราะคำชมหรือว่าสายตาและรอยยิ้มอ่อนโยนกันแน่ที่ทำให้ใบหน้าของมินโฮร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใด “ตะ...แต่ผมก็ซุ่มซ่ามทำกาแฟหกรดเสื้ออาจารย์ ขอโทษด้วยนะฮะ”
“ช่างเหอะ อย่าคิดมากเลย” ยิ่งเห็นท่าทางหงอยๆ ของเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะไปกล้าโกรธลงได้อย่างไรกัน “คุณเรียนคณะอะไรเหรอครับ”
“ผมเรียนอยู่เศรษฐศาสตร์ครับอาจารย์”
“นายเก่งนะ แก้โจทย์ระดับยากที่เป็นแบบฝึกหัดในหนังสือของวิศวะได้ด้วย”
“เอ่อ...อาจารย์เห็นเหรอฮะ” มินโฮถึงกับหน้าซีดแล้วรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “ขอโทษฮะ ผมแค่เข้าไปนั่งรอเพื่อนเฉยๆ มันผิดกฎคณะรึป่าวครับ”
“ผิด...” ชางมินปั้นหน้านิ่งแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จนมินโฮที่ดูหงอยอยู่แล้วยิ่งทำตัวลีบจนน่าสงสาร “...ซะเมื่อไหร่ล่ะ”
“ชางมินฮยอง~!” มินโฮแหวขึ้นมาอย่างลืมตัวจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามองอาจารย์หนุ่มสุดฮอตของคณะที่นั่งอยู่กับนักศึกษาหน้าตาน่ารักที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่...ท่าทางคล้ายกับแฟนกำลังงอนกันไม่มีผิด
“อ่า...ขอโทษที่แกล้งนะ” ชางมินชูนิ้วก้อยขอคืนดีกับเด็กน้อยที่อมลมจนแก้มป่องอย่างน่ารัก “คืนดีกันนะ”
“ผมไม่ใช่เด็กประถมนะฮะ” มินโฮสะบัดหน้าหนีแม้จะรู้สึกขำกับความพยายามขอคืนดีแบบน่ารักๆ ของชางมินฮยอง แต่ก็...ขอแกล้งต่ออีกนิดเถอะน่า~
“เอ่อ...มิโน พวกเราเสร็จแล้วนะ” เสียงเบาๆ ของจงฮยอนดังขึ้นเรียกให้สองคนที่อยู่ในโลกของตัวเองมาพักใหญ่สะดุ้งเบาๆ ทั้งที่จงฮยอนกับแอมเบอร์ยืนอยู่ตรงนี้สักครู่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปขัดขวางบรรยากาศสีชมพูที่อบอวลไปรอบๆ ระหว่างเพื่อนสนิทของเขาและชิมชางมิน
“งั้น...เจอกันเย็นนี้ที่ร้านคุณนะ” ร่างสูงกระซิบเบาๆ ก่อนจะเดินจากไปแล้วทิ้งให้มินโฮนั่งเหวอต่อไปกับสายตาเจ้าเล่ห์ของเพื่อนทั้งสองคนที่มองมาอย่างไม่วางตา
“ทำไมพวกนายมองฉันอย่างนั้นเล่า!!” คนน่ารักขึ้นเสียงกลบเกลื่อน แม้ใบหน้าหวานจะขึ้นสีระเรื่อไปแล้วก็ตาม
“ไม่ต้องมาทำไก๋ เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่ารู้จักอาจารย์ชางมินของฉันได้ไง มินโฮอ่า~~” แอมเบอร์คาดคั้นด้วยท่าทีจริงจัง ดวงตาเรียวจ้องเขม็งมาที่มินโฮอย่างไม่ลดละ “ฉันอุตส่าห์เล็งอาจารย์เอาไว้เลยน้า”
“เดี๋ยวๆๆ พวกนายคิดอะไรกันน่ะ ฉันไม่ได้มีอะไรกับอาจารย์เค้านะ”
“ไม่จริงหรอกมั้ง อาจารย์ก็มองนายซะหวานเยิ้มขนาดนั้น แล้วนายก็หน้าแดงแจ๋อยู่เนี่ย จะบอกว่าไม่มีอะไรรึไง ชเวมินโฮ” จงฮยอนอธิบายสิ่งที่เห็นด้วยสายตาเป็นฉากๆ “ไปกินข้าวแล้วเล่ามาเดี๋ยวนี้นะ”
“อ่าๆๆ ก็ได้ๆ แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่นา”
มินโฮได้แต่เดินตามจงฮยอนและแอมเบอร์ที่หัวเราะคิกคักไปตลอดทาง ส่วนเขาเองก็ยังไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์กับชิมชางมินยังไงดี...ก็แค่คนที่เขาบังเอิญซุ่มซ่ามไปราดกาแฟใส่ แต่คำอธิบายที่ทำไมหัวใจของเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าชางมิน...
จริงๆ เขาอาจจะรู้ดีอยู่แก่ใจ...แต่สถานะที่ต่างกันเกินไประหว่างเขาและชางมินอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าคิดอะไรกับอีกฝ่ายเกินไปกว่านี้ก็เป็นได้
To be continue in [SF] Caramel Macchiato Part 2/2...ASAP
เผลอกดแก้ในไอโฟนซวยเลยเรา
ไม่มี talk part นะค้า เจอกันตอนหน้า...คาดว่าภายในอาทิตย์หน้านี่แหละค่า
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
ความคิดเห็น