ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[ChangMinHo's Love Fiction Library]]

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] เด็กข้างบ้าน ตอนที่ 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 54



    Title: [SF]
    เด็กข้างบ้าน ตอนที่ 1/2

    Author: korazy_minnie

    Couple: ChangminHo (Changmin x Minho)

    Gerne: Romantic

    Rating (for this part): PG-15

     




    ครืน...ครืน

    เสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะสลับกับสายฟ้าที่ส่องแสงแปลบปลาบผ่านผ้าม่านสีเข้มเป็นระยะท่ามกลางเสียงฝนที่ตกอย่างหนักจนกลบทุกสรรพเสียงรอบกายจนเงียบสงบ ชายหนุ่มที่ตั้งหน้าตั้งแต่แก้โจทย์ปัญหาที่เคยง่ายสำหรับเขากลับขาดสมาธิขั้นรุนแรง เพราะมัวแต่เหลือบมองระเบียงบ้านหลังติดกันที่ยังคงปิดไฟสนิท

    ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียง...ห้าทุ่มครึ่งแล้วแต่ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ปกติเวลาแบบนี้เด็กข้างบ้านของเขามักจะขลุกอยู่ในห้องและเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างเมามันหรือไม่ก็แชตกับเพื่อนๆ ผ่าน social network ต่างๆ หากเวลาผ่านไปก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าเจ้าของห้องนั้นอยู่ในห้องแล้ว

    มือหนาคว้าไอโฟนสีดำขลับที่วางอยู่ข้างตัว ตัดสินใจส่งข้อความไปหา...

    “เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำไมกลับบ้านดึกวะ”

    เฮ้ยยยย...ไม่เอา เดี๋ยวเจ้าเด็กข้างบ้านจะมาหาว่าแอบมอง เจ้าเด็กโย่งม.ปลายปีสุดท้ายที่ยังไงชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าไม่ได้โตขึ้นเลยตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบสิบปี

    “ทำอะไรอยู่ ฝนตกโคตรแรงเลย กลัวรึป่าว...”

    อืมม...ก็ดูเป็นห่วงเป็นใยตามปกติแบบชิมชางมินดี เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กโย่งนี่กลัวฟ้าผ่าฟ้าร้องสุดๆ บางทีถ้าคุณพ่อคุณแม่ของชเวมินโฮไม่อยู่ เขาก็มักจะโดนเรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเสมอ นิ้วเรียวยาวลังเลว่าจะกดส่งดีหรือไม่ แต่นิ้วเจ้ากรรมก็ดันเผลอไปลากผ่านปุ่ม ‘Send’ เสียแล้ว

    เฮ้ยยยยย!!!’

    ชางมินแทบจะเป็นลมเมื่อข้อความที่ยังไม่ได้ตัดสินใจส่งป่านนี้คงเดินทางไปถึงอีกฝ่ายหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ถึงจะเป็นข้อความธรรมดาๆ แต่ปกติเขาก็ไม่ได้ส่งหาชเวมินโฮบ่อยนัก เพราะบ้านก็อยู่ติดกันจนแทบจะปีนระเบียงไปหากันได้ด้วยซ้ำ หนทางสื่อสารของเขากับชางมินโฮก็ง่ายๆ...เดินไปที่ระเบียงแล้วตะโกนดังๆ ไม่ก็โยนลูกอมหรือขนมไปอีกฝั่ง ถ้าอีกฝ่ายไม่หลับอยู่ก็จะต้องเดินมาที่ระเบียงและส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายใส่กัน

    หลังจากเดินไปเดินมาสงบใจได้สักห้านาที ร่างสูงก็หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ตัวเดิม จัดการแก้โจทย์ปัญหาแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งเหลือบมองไอโฟนที่นอนสงบนิ่งอยู่ข้างกาย หากแต่ใจเจ้าของมันแทบจะบ้าแล้ว...

    สุดท้ายก็อดไม่ได้...ชายหนุ่มปลดล็อคไอโฟนอีกรอบ และเข้าไปใน twitter ของชเวมินโฮที่ชอบเล่นกับหมู่เพื่อนสนิทของเจ้านั่น นิ้วเรียวรูดลงเพื่อรออัพเดตสถานะสักพักก็ค่อยๆ ไล่หา tweet ของ miniminho อย่างตั้งใจ


    “Miniminho
    Choi Minho

    สอบเสร็จแล้ว!!! ไปดื่มกัน วะฮู้ววววว ^O^ [5 hours ago]

    แค่เห็นทวีตของมินโฮเท่านั้น คิ้วของคนอ่านก็ขมวดเป็นปมอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ใช่มินโฮเป็นเด็กไร้เดียงสาหรือว่าไม่เคยไปดื่มเหล้าสังสรรค์กับหมู่เพื่อนๆ แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่มินโฮจะไม่บอกเขา

    ชางมินกำลังจะโทรออกไปยังปลายสายที่ป่านนี้คงกำลังสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนไปถึงไหนแล้ว แต่สายเรียกเข้าก็ดังขึ้นเสียก่อน

    อีจินกิ

    เห็นชื่อนี้แล้วชางมินเริ่มสงบใจไม่อยู่ เพราะปกติเพื่อนของมินโฮไม่ค่อยโทรหาเขาพร่ำเพรื่อแม้จะรู้ว่าพี่ชางมินสนิทกับมินโฮมาก แต่ด้วยความที่ชางมินโตกว่ามินโฮถึงสี่ปี เพื่อนๆ ของมินโฮก็ให้ความเคารพเขาประหนึ่งพี่ชายเช่นเดียวกัน

    “พี่ชางมิน...” เสียงยานคางของจินกิบ่งบอกว่าคงดื่มเข้าไปไม่น้อยยิ่งทำให้ปลายสายอย่างชางมินยิ่งร้อนใจ

    “นายไปเที่ยวกับมินโฮที่ไหน?”

    “อ่า...พวกเรามาดื่มกันแถวคังนัมฮะ แต่ว่าตอนนี้มินโฮเมามากเลย”

    “ที่ไหน พวกนายไปที่ไหน ฉันจะไปรับมินโฮกลับ”

    หลังจากจินกิเพื่อนสนิทมินโฮบอกสถานที่คร่าวๆ เรียบร้อย ร่างสูงก็ใส่เสื้อคลุมทับหนึ่งตัวพร้อมคว้ากุญแจรถคันหรูแล้ววิ่งออกจากห้องทันที

    “ชางมิน ไปไหนลูก นี่จะเที่ยงคืนแล้ว” คุณแม่คนสวยของชางมินที่กำลังเดินขึ้นมายังชั้นสองก็สวนกับชางมินที่กำลังจะวิ่งลงมาด้านล่างด้วยท่าทางร้อนรน

    “ไปรับมินโฮฮะ เจ้านั่นเมาอยู่กับเพื่อน ผมไปก่อนนะออมม่า”

    ชางมินพูดไม่จบประโยคก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนคุณแม่แปลกใจที่ลูกชายตัวเองเป็นห่วงเป็นใยน้องชายข้างบ้านขนาดนี้ เท่าที่จำได้ชางมินก็เคยมีแฟนมาหลายคน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครได้รับความรักเท่ามินโฮเลยสักคน

    สงสัยคุณแม่อาจจะได้สะใภ้เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้างบ้านก็ได้มั้ง...

     

     


    ชางมินบึ่งรถสปอร์ตคันหรูท่ามกลางสายฝนที่ยังตกมาไม่หยุดหย่อน ถนนใหญ่ยังคงหนาแน่นไปด้วยรถมากมายทั้งที่เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ยิ่งรถติดมากเท่าใดชายหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

    “มันจะติดอะไรกันนักหนาวะ” ชางมินสบถเบาๆ พร้อมเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือที่บอกเวลาใกล้เที่ยงคืนเต็มที ปกติจากบ้านของเขาใช้เวลาถึงคังนัมไม่เกินสิบนาที แต่ขณะนี้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว...

    ในที่สุดรถคันหรูก็มาถึงคลับหรูแห่งหนึ่งในย่านคังนัมตามที่จินกิโทรศัพท์มาบอกเมื่อครู่ เด็กมหาวิทยาลัยที่เที่ยวกันบ่อยๆ รู้ดีว่าคลับแห่งนี้มักจะมีแต่หญิงชายหน้าตาดีรวมทั้งคนดังในวงการบันเทิงมาเป็นประจำ อีกทั้งยังต้องมีบัตรสมาชิก VIP ถึงจะใช้บริการได้

    การ์ดตัวยักษ์ในสูทสีดำเข้มหน้าคลับมองชายหนุ่มร่างสูงราวกับนายแบบ ผิวเข้มสีน้ำผึ้งกับดวงตาคมที่สะกดใจเหล่านักเที่ยวทั้งหญิงชายให้มองมาที่เขาทั้งๆ ที่แต่งตัวเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยืดที่เรียกได้ว่าเกือบจะเหมือนชุดนอนถ้าหากไม่มีเสื้อแจ็คเกตตัวยาวแบรนด์ดังคลุมอยู่อีกชั้น

    “เป็นสมาชิกที่นี่หรือเปล่าครับ” การ์ดคนหนึ่งเอ่ยเสียงเข้มพร้อมเคลื่อนตัวเข้าขวางที่หน้าประตูกระจกสีดำสนิทจนมองไม่เห็นภายในนอกจากได้ยินเสียงดนตรีแดนซ์ดังกระหึ่มแข่งกับเสียงสายฝนที่ยังโปรยปรายไม่หยุดด้านนอก

    “ผมมารับเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้มาเที่ยว”

    “ไอ้พวกเด็กหน้าตาดีๆ แล้วชอบมาเที่ยวฟรีก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น” การ์ดหน้าเหี้ยมอีกคนนึงพูดแทรกขึ้น “ไม่มีบัตรก็เข้าไม่ได้”

    “อยากได้เงินเท่าไหร่” ชางมินไม่ได้เป็นนักเที่ยวสถานบันเทิงสักเท่าไหร่ และส่วนมากก็จะไปคลับส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนด้วยจึงไม่มีบัตรสมาชิกที่นี่ “เร็ว ผมรีบ” แต่การ์ดทั้งสองก็แบมือเป็นสัญญาณว่าต้องการเงิน

    ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมยี่ห้อดัง พร้อมทั้งยื่นเงินสดให้เกือบแสนวอน

    “ผมมีเงินสดเท่านี้ หรือจะให้รูดการ์ด” ชางมินเอ่ยด้วยความโมโห แต่การ์ดสองคนก็คว้าเงินในมือชางมินไปอย่างรวดเร็วเมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นหัวหน้าการ์ดเดินตรวจการณ์บริเวณนี้

    “ก็ได้ แต่เข้าไปแล้วก็รีบออกมานะ ถ้ามีเรื่องขึ้นมาโดนซ้อมพวกกูไม่รู้เรื่องด้วยนะ” การ์ดหน้าเหี้ยมเอ่ยสำทับอีกรอบขณะที่กำลังเปิดประตูให้ร่างสูงเดินเข้าไป

    ร่างสูงโดดเด่นราวกับนายแบบของชางมินแม้เพียงย่างกรายเข้าไปไม่กี่ก้าวก็กลายเป็นจุดสนใจของนักเที่ยวในคลับเสียแล้ว ด้วยหน้าตาหล่อเหลาระดับเดือนมหาวิทยาลัยบวกกับการแต่งตัวที่ผิดแผกไปจากนักเที่ยวทั่วไปยิ่งเรียกความสงสัยให้กับหญิงสาวมากมายให้เดินเข้ามาหา

    “กรี๊ดดดดดดด สุดหล่อ มาเที่ยวคนเดียวเหรอคะ” เจ้าของเสียงแปดหลอดที่อยู่ใกล้ตัวชางมินและถือโอกาสคว้าท่อนแขนแข็งแรงของชางมินเข้าให้พร้อมทั้งพยายามเบียดร่างบอบบางในชุดเดรสเกาะอกซีทรูสีดำที่คว้านลึกจนเห็นอกอวบอิ่มของเจ้าหล่อนเข้ากับร่างสูงของผู้มาเยือนคนใหม่ที่หน้าตาดีขั้นเทพ

    ชางมินไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ปรายตามองหัวจรดเท้าของสาวนักเที่ยวใจกล้าที่คงอยากจะได้ผู้ชายจนตัวสั่นด้วยท่าทีดูแคลน

    “สายตาร้อนแรงจริงๆ มีอาชอบจริงๆ เลยค่ะ” ดูท่าทางเจ้าหล่อนไม่สะทกสะท้านกับท่าทีรังเกียจของชางมินสักเท่าไหร่ “ไปนอนกับมีอามั้ย หล่อๆ แบบนี้ มีอาให้ฟรีเลย ดีมั้ยคะ” หญิงสาวหน้าตาดีพยายามลูบไล้ไปตามโครงหน้าได้รูปของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหลงใหล “ชื่ออะไรเหรอ เอ...หรือว่าเราไปนอนกันก่อนแล้วค่อยทำความรู้จักกันทีเดียวเลยดีนะ คิกคิก”

    ชางมินถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ถ้าเวลามาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเขาอาจจะเกี่ยวแม่นี่ไปนอนด้วยแล้วก็ได้ เพราะหน้าตาก็จัดว่าดีมากแถมยังหุ่นเซ็กซี่บาดใจขนาดนี้ หากตอนนี้เขามารับมินโฮกลับบ้านจึงรู้สึกรำคาญกับท่าทางอยากได้ผู้ชายของเจ้าหล่อนเป็นอย่างมาก

    “โทษนะครับ” ชางมินยิ้มให้เล็กน้อย “พอดีผมเป็นเกย์น่ะ ผมไม่ชอบผู้หญิงอย่างคุณ โทษนะครับ”

    ท่อนแขนแข็งแรงสะบัดหลุดจากเจ้าหล่อนไม่ยากนักเพราะคนถูกปฏิเสธคงกำลังช็อคกับคำว่า เกย์ ของสุดหล่อตรงหน้า สักพักหล่อนก็สบถอย่างอารมณ์เสียจนชางมินอดขำไม่ได้ “แมร่งเป็นเกย์แต่หล่อชิบหาย เสียดายของจริงๆ”

    ดวงตาคมกวาดมองท่ามกลางนักเที่ยวหลายร้อยที่กำลังสนุกสนานไปกับเสียงเพลงจังหวะเร้าใจกับแสงไฟหลากสีที่ส่องไปมาจนเขารู้สึกเวียนหัว ไม่นานนักชางมินก็เห็นร่างบอบบางที่แสนคุ้นเคยกำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มหน้าตาดีในมุมมืดมุมหนึ่งของร้าน

    ใบหน้าหวานน่ารักแดงจัดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่น่าจะดื่มไปมากพอสมควร เพราะปกติมินโฮก็คอแข็งใช่ย่อย ร่างบอบบางโอนเอนจนเกือบไปซบชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ด้านข้างและกำลังโอบไหล่ของมินโฮพร้อมทั้งถือโอกาสกระชับคนตัวเล็กกว่าให้เขามาใกล้จนมินโฮเกือบเอนไปซบไหล่เสียแล้ว

    ชางมินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ขายาวก้าวฉับๆ ผ่านกลุ่มคนจำนวนมากอย่างรวดเร็วที่ใครๆ เห็นสีหน้าของชายหนุ่มก็คงกลัวและยอมหลีกทางให้อย่างไม่มีทางเลือก...สายตาแบบนั้นแทบจะฆ่าคนที่ถูกมองได้ก็แล้วกัน

    “คิกคิก พี่คยูฮยอนนี่ตลกจังฮะ” เสียงหัวเราะคิกคักของมินโฮที่เกือบจะซบลงบนไหล่ของชายหนุ่มข้างกายอยู่ในสายตาของชางมินทั้งหมดจนชายหนุ่มแทบต้องถลาเข้าไปลากตัวโงนเงนของมินโฮออกมา

    “งึ้ยยย ใครอ่า” เสียงงุ้งงิ้งของมินโฮดังขึ้นเพราะไม่พอใจที่ถูกคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต “ไอ้นิสัยเสีย ปล่อยนะ” มินโฮพยายามสะบัดแขนเล็กๆ ออกจากมือชางมินแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แค่บังคับให้นั่งตรงๆ ยังแทบไม่มีแรง

    “เมาจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครเลยรึไง” ชางมินตะคอกเสียงดังจนอีจินกิที่กำลังลากเพื่อนในกลุ่มมานั่งรวมกันที่โซฟาได้ยิน จึงเดินเข้ามาห้ามทัพก่อน

    “พี่ชางมิน...ผมดูแลมินโฮไม่ดี เอ่อ...”

    “ไม่ต้องพูดแล้ว พี่จะเอามินโฮกลับบ้าน” ชางมินตะคอกเสียงดังใส่จินกิจนร่างเล็กสะดุ้งอย่างน่าสงสาร

    “แล้วนาย...” ชางมินจ้องหน้าของชายหนุ่มแปลกหน้าที่โอบไหล่ของมินโฮด้วยสายตาที่พร้อมจะมีเรื่องกับคนตรงหน้าได้ทันที จนเขาต้องคลายอ้อมแขนที่โอบกระชับร่างบอบบางเอาไว้ “ปล่อยมินโฮได้แล้ว...”

    “แล้วแกเป็นใคร” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาถามด้วยท่าทางกวนโมโหเช่นกัน แม้จะกลัวสายตาของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่อยากปล่อยคนน่ารักไปง่ายๆ 

    “เป็นอะไรแล้วเกี่ยวอะไรด้วย...ปล่อย!” ชางมินกระชากร่างบอบบางที่เกือบไม่ได้สติเข้ามาให้อ้อมแขนข้างหนึ่งทันที จินกิต้องรีบเข้ามาห้ามทัพทันที เพราะรู้ว่าถ้าปล่อยให้พี่ชางมินโกรธกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น

    “คุณปล่อยมินโฮเถอะฮะ ผมขอร้อง” จินกิเอ่ยวิงวอนชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่ามีเรื่องเลยนะฮะ”

    “แล้วแกเป็นแฟนมินโฮหรือไงวะ”

    “อยากรู้เหรอ..?” ชางมินยกยิ้มกวนโทสะให้หนึ่งทีก่อนจะเอ่ยยั่วโมโห “ไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก แค่เคยนอนด้วยกันมาหลายปีแล้ว โอเคนะ”

    “ฮึ่ยยย แม่งเอ้ยยยยย” ชายหนุ่มตบโต๊ะเสียงดังจนแก้ววิสกี้ชั้นดีหล่นแตกกระจายแล้วเดินจากไปด้วยความโมโห 

    “มินโฮ มินโฮ” ชางมินประคองร่างบอบบางไปพิงกับโต๊ะพลางเขย่าตัวเบาๆ เพื่อเรียกสติคนตัวเล็กกลับคืน

    “พี่ชางมิน ผมขอโทษฮะที่พาเพื่อนมาเมาแล้วก็รับผิดชอบไม่ได้” จินกิค้อมศีรษะขอโทษชางมินที่เขานับถือเสมือนพี่ชาย ในกลุ่มเพื่อนของมินโฮก็มีอีจินกิที่ดูจะรับผิดชอบเพื่อนในกลุ่มได้ทุกครั้งจนชางมินไว้ใจในหลายๆ เรื่องให้ดูแลมินโฮ

    “อืออออ...เวียนหัวอ่า จานั่งๆๆ” มินโฮหมุนตัวเข้าหาชางมินแล้วโผเข้ากอดเอาหัวกลมๆ พาดไปบนไหล่แกร่งพร้อมสะบัดหัวถูไถไปมา “งื้ออออ อุ่นจังงงงงง”

    “เอ่อ...>////<

    จินกิที่ยืนดูอยู่ก็อดหน้าแดงไม่ได้เช่นเดียวกับคนที่ถูกกอดโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างชางมิน แม้เขากับมินโฮสนิทกันมาก แต่ก็ไม่เคยกอดกันสักครั้ง ใบหน้าหวานของมินโฮที่ห่างปลายจมูกของเขาเมื่อครู่เกือบทำให้ร่างสูงลืมหายใจ

    “พี่ไปส่งมินโฮที่บ้านเอง ไม่ต้องห่วง” ชางมินปล่อยให้มินโฮกอดตามใจ “แล้วจินกิไปส่งเพื่อนไหวเหรอ” เขาเหลือบมองสภาพเพื่อนแต่ละคนที่นอนหมดสภาพบนโซฟาแล้วก็อดเหนื่อยแทนจินกิที่ต้องดูแลเด็กพวกนี้ไม่ได้

    “โอเคฮะ จงฮยอนมันยังไม่หนักมาก ผมขับรถได้ เดี๋ยวให้มันช่วยประคองไอ้พวกนี้เข้าบ้านก็ไหวอยู่ฮะ” จินกิผู้ดูแลเพื่อนในกลุ่มอีกห้าหกคนเอ่ยอย่างเหนื่อยๆ “พี่ไปเหอะครับ บ้านพี่มันคนละทางกับพวกผม เดี๋ยวผมไปส่งเองไม่ต้องห่วง”

    “อืมม์ ถ้านายกลับบ้านแล้วก็แมสเสจมาบอกพี่หน่อยแล้วกันนะ” ชางมินตบไหล่จินกิเบาๆ ก่อนจะประคองร่างบอบบางของน้องชายข้างบ้านฝ่าฝูงชนไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่หน้าคลับอย่างยากลำบาก

    “เดี๋ยวนี้สูงเกือบจะเท่าฉันแล้ว ไอ้เด็กนี่ เฮ้อออ..หนักชะมัด” ชางมินถอนหายใจเบาๆ พลางพิศมองใบหน้าหวานที่แดงไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แพขนตายาวสวยที่ประดับดวงตาของคนตัวเล็กกระพริบเบาๆ สองสามทีแต่ก็ปิดสนิทอีกครั้ง

    มือหนาประคองใบหน้าเรียวเล็กให้อยู่ตรงๆ ริมฝีปากได้รูปของเด็กหนุ่มขมุบขมิบเบาๆ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ชางมินจึงก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ

    “พี่...พี่ฮะ...พี่...รัก...” ชเวมินโฮพูดเสียงหวานเบาหวิวจนคนฟังอดใจสั่นไม่ได้ ทั้งสับสนและสงสัยว่ามินโฮหมายถึงใครแต่ก็คงไม่อาจถามได้ตอนนี้

    “วันนี้ทำพี่ใจสั่นมาสองรอบแล้วนะ ถ้าทำแบบนี้อีกคืนนี้นายตายแน่ ชเวมินโฮ!!” มือหนาลูบเส้นผมอ่อนนุ่มสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความหลงใหล กลิ่นหอมของเหล้ารัมลอยอบอวลไปทั่วตัวของคนตัวเล็ก...

    ชเวมินโฮคงไม่รู้ว่าชางมินชอบเหล้ารัมที่สุด...

    ชางมินจ้องใบหน้ายามหลับใหลของมินโฮ...เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะอยู่ในฐานะไหนกับมินโฮ เขาแค่รู้ว่าความรู้สึกตัวเองไม่ได้หยุดอยู่ที่คำว่าพี่ชาย แต่เขาไม่เคยรู้ว่ามันมาก...แค่ไหน

    “นายทำฉันเกือบจะฆ่าไอ้พี่ผู้ชายที่มาเกาะแกะนาย มินโฮ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาขณะปัดปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าของเด็กข้างบ้านอย่างทะนุถนอม “ถ้าพี่อยากเป็นมากกว่าตอนนี้ นายจะ...”

    มินโฮค่อยๆ ยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบากเพราะรู้สึกเวียนหัวจนแทบจะอาเจียน “ฮือออ...” เสียงหวานครางเบาๆ จนชายหนุ่มที่อยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งฟุตต้องกลืนน้ำลายเบาๆ

    “ที่หนายอ่า” เด็กหนุ่มพยายามมองไปรอบกายก็พบแต่ดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมาที่เขาแทบจะกลืนกิน “ครายเนี่ยยย”

    มือเล็กลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าพลางพยายามลืมตาขึ้นช้าๆ ท่ามกลางความมืดมิดในรถที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากคลับอยู่ไกลๆ และแสงสีนวลสว่างของดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา

    “เมาจนจำพี่ไม่ได้เลยเหรอ” ชางมินเอ่ยหยอกเย้า อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะจำได้แต่ก็ยังลูบแก้มหยาบกว่าของเขาเบาๆ

    “ชาง...ชางมินเหรอ” มินโฮเริ่มได้สตินิดหน่อยเพราะเสียงเรียกเมื่อครู่ “ทามมายชางมินมานี่ด้ายอ่า”

    “มารับเด็กหนีเที่ยวไง”

    “ครายหนีเที่ยว ห๊า ผมโตแล้ว ครายเปนเด็กที่หนาย ไม่มี๊...ไม่มี” มินโฮส่ายหน้าเบาๆ พร้อมทั้งยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “นี่...วันนี้ผมทำข้อสอบได้ด้วยน้า เก่งป่ะล่า คริคริ”

    ใบหน้าหวานที่ยิ้มแย้มของชเวมินโฮดูน่ารักเกินไป กลิ่นหอมหวานของเหล้ารัมที่ลอยอบอวลทั่วรถคันหรู และริมฝีปากแดงจัดที่อยู่ห่างใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแค่คืบ...เขาสาบานได้ว่าเขาเวียนหัวกับชเวมินโฮที่ทำตัวน่ารักอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แล้วจะให้เขาทำยังไง...

    จมูกโด่งเคลื่อนเข้าไปชนหน้าผากมนเพื่อสูดกลิ่นกายหอมของร่างเล็กตรงหน้า เป็นกลิ่นหอมหวานของเหล้ารัมที่เขาชอบที่สุดและกระตุ้นให้เขารู้สึกไม่เพียงพอกับคนน่ารักตรงหน้า

    มินโฮดูตกใจเล็กน้อย แต่มือหนาของชางมินที่ประคองใบหน้าได้รูปของคนตัวเล็กกลับพาหัวทุยๆ ของเขาให้เข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าตัวจนลมหายใจร้อนรินรดกันเบาๆ

    “ชางมิน...” มินโฮเรียกพี่ชายตัวโตเบาๆ ดวงตาทั้งคู่ประสานกันเนิ่นนาน ทั้งคู่เองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนกลัวว่ามันอาจจะระเบิดออกมาเสียตรงนี้ ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้และต่อไปจะเกิดอะไร เพียงแค่ดวงตาของทั้งคู่สะท้อนความรู้สึกเบื้องลึกของกันและกัน...ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ลึกจนเจ้าตัวไม่เคยรู้มาเนิ่นนาน

    มินโฮเสหน้าหลบพี่ชายตัวโตเล็กน้อย หากแต่ไม่มีอะไรจะหยุดความรู้สึกตอนนี้ของชิมชางมินได้อีกแล้ว...เขาแน่ใจว่าเขาอยากจะทะนุถนอมคนตรงหน้าไปตลอดชีวิต

    “พี่จูบได้มั้ย...”

    มินโฮเบิกตาโตเล็กน้อย แล้วหลุบตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกบางอย่าง...หากชายหนุ่มตรงหน้าก็เชยคางมนขึ้นเบาๆ ให้รับรสจูบหวานล้ำที่เขากำลังจะมอบให้ ริมฝีปากอุ่นแตะเบาๆ ลงบนกลีบปากสีแดง ชายหนุ่มบดเบียดริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งเพื่อซึมซับความหอมหวานของชเวมินโฮให้เพียงพอ มินโฮรู้สึกตื่นเต้นจนไม่มีแรง มือเล็กกว่าปาดป่ายบนไหล่กว้างของพี่ชายเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวจนเกี่ยวกระหวัดรอบคอแกร่งของชางมินที่ยิ่งทำให้สองคนใกล้กันยิ่งขึ้น จากสัมผัสเนิบนาบและนุ่มนวลจนเหมือนล่องลอยเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงยิ่งขึ้นเมื่อชายหนุ่มตอดเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของคนตัวเล็ก ลิ้นร้อนลากไล้เบาๆ ที่ริมฝีปากบนสักพักก็สามารถลุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอบอุ่นของกันและกัน ชางมินสำรวจดินแดนหอมหวานของมินโฮอย่างแผ่วเบา ลิ้นเล็กที่ไม่ประสีประสาเมื่อถูกกระตุ้นนานเข้าก็เริ่มเป็นงาน ค่อยๆ หยอกล้อเกี่ยวกระหวัดอย่างไม่ยอมใคร ยิ่งนานขึ้นเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกไม่เพียงพอ มือหนาสอดไปในกลุ่มผมนุ่มเพราะความเสียวซ่าน เขาสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าไม่เคยจูบใครแล้วรู้สึกดึถึงเพียงนี้ สำหรับมินโฮมันเป็นจูบแรกในชีวิตที่หอมหวานจนแทบละลาย เขาไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง หากความรู้สึกเบื้องลึกคงเป็นสิ่งนำทาง ร่างกายของคนทั้งคู่แนบชิดกันแทบไม่มีที่ว่างให้แม้แต่อากาศจะเข้าไปแทรก ริมฝีปากบดเบียดเข้าหากันแนบแน่นยิ่งขึ้น เสียงครางอืออาของมินโฮยิ่งทำให้ชางมินแทบคลั่งและเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเรียวที่ไม่ประสีประสาอย่างร้อนแรงขึ้นไปอีก จนร่างเล็กประท้วงด้วยการทุบเบาๆ ที่ไหล่กว้างแต่มันก็เบาจนชางมินแทบไม่รู้สึกอะไร ยิ่งนานขึ้นมินโฮยิ่งพยายามผลักร่างหนาออกห่าง จนชางมินนึกออกว่านี่คงเป็นจูบแรกของชเวมินโฮ...

    คนตัวเล็กหอบแฮ่กๆ หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ดวงตากลมค้อนขวับที่คนตัวโตที่มองมายังเขาเหมือนจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว แต่ในสายตาชางมินมันดู...น่ารักมาก

    ชายหนุ่มเผลอยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บริมฝีปากแดงก่ำเบาๆ อีกรอบ อยากจะจูบอีกหลายๆ รอบ มินโฮทำให้เขารู้สึกไม่เพียงพอ...

    “ชางมิน” มินโฮตะโกนเสียงดังหนึ่งครั้งก่อนจะพูดเสียงอ่อยลงๆ “ทำอะไร...พี่ทำอะไรผม ผมจะตายมั้ย...”

    “พี่ว่า...พี่คง...” ชางมินกำลังจะเอ่ยปากสารภาพความรู้สึกในใจ หากร่างเล็กก็หลับใหลคอพับคออ่อนไปเสียแล้ว

    “พี่ชอบนาย...มินโฮ”

    ชางมินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของคนตัวเล็ก จูบเบาๆ ที่หน้าผากมนอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเชื่องช้าผิดกับขามาที่รีบจนแทบจะชนรถคนอื่น แต่ตอนนี้เขาอยากอยู่กับคนข้างๆตรงนี้...เป็นแบบนี้นานๆ 


    to be continue in "เด็กข้างบ้าน ตอนที่ 2/2" 





    >>Behind the Scene<<

    อีจินกิที่วิ่งตามชางมินที่แบกมินโฮมาไว้บนรถคันหรูเพื่อคืนกระเป๋ามินโฮที่วางลืมไว้บนโซฟาในคลับเมื่อครู่ก็ได้เห็นฉากสวีตไม่เกรงใจฟ้าดินจนจินกิได้แต่ยืนดูนิ่งๆ จนเกือบลืมหายใจ...

    เขาแทบจะบ้าเมื่อเสียงจูบของคนทั้งคู่ดังจนลอดผ่านกระจกหนาของรถสปอร์ตคันหรูของพี่ชางมินออกมา...ถ้าเขาอยู่ข้างในนั้นต้องตายแน่ๆ (writer: แล้วอนยูจะเข้าไปทำอะไรล่ะลูก 555+)

    “ไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก แค่เคยนอนด้วยกันมาหลายปีแล้ว โอเคนะ”

    จินกินึกถึงคำพูดพี่ชางมินเมื่อครู่ก็อดหน้าแดงไม่ได้...ถ้าชเวมินโฮรู้เมื่อไหร่คงหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหน ปกติเวลาเพื่อนๆ ในกลุ่มถามถึงพี่ชางมิน มินโฮก็เล่าให้ฟังสั้นๆ แล้วก็คอยบอกว่าไม่ได้สนใจอะไรเสียหน่อย ไม่ก็แกล้งอารมณ์เสียกลบเกลื่อนไปเสียเลย

    เด็กหนุ่มขำเบาๆ เขารู้มานานแล้วว่ามินโฮชอบพี่ชางมินมากขนาดไหน เวลาที่มินโฮเห็นชางมินควงผู้หญิงสวยๆ ที่มหาลัยไปกินข้าวดูหนังแล้วบังเอิญเจอกัน มินโฮแทบจะเบะหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้นแล้วก็โมโหฟาดงวงฟาดงาใส่พี่ชายข้างบ้านจนต้องตามง้อด้วยขนมอร่อยๆ เสียหลายวัน...ตอนแรกก็นึกว่ามินโฮแค่เรียกร้องความสนใจจากพี่ชายคนสนิท แต่ที่ไหนได้...แบบนี้แถวบ้านอีจินกิเรียกว่า “หึง” นะ ^^;;

    “พี่ชางมินเหนื่อยแน่ๆ ที่ต้องคอยเอาใจเด็กขี้งอนแบบมินโฮน่ะ หึหึ”



    >>Let's Talk<<
    สวัสดีทุกท่านที่อ่านมาได้จนถึงบรรทัดนี้นะคะ ท่านมีความอดทนเป็นเลิศจริงๆ ค่า 555+
    ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สามของเราแล้วเนอะ 
    มีใครเคยอ่านเรื่อง Love light กับ เธอยัง บ้างมั้ยยยยย หรือว่าเพิ่ง search มาเจอเป็นเรื่องแรกคะ 
    จริงๆ ที่ตั้ง 
     [[ChangMinHo's Love Fiction Library]] ขึ้นมา เพราะว่าอยากเก็บรวบรวมฟิคสั้นๆ เอาไว้ที่เดียวกัน
    อยากมีสถานที่เพื่อชางมินโฮกะเค้าบ้างอะไรบ้าง แม้ช่วงนี้กระแสของมักเน่ชางมินจะร้อนแรงกับอีกหลายวง
    เราเลยอัญเชิญคยูฮยอนเพื่อนรักออกมาในตอนนี้ 3 วินาทีได้ 555+ 

    อ่านแล้วเป็นยังไงก็คอมเม้นท์กันได้ตามสะดวกนะคะ
    อยากโปรโมทฟิคชางมินโฮเรื่องไหนก็เต็มที่ค่ะ เราหาอ่านชางมินโฮย๊ากกกก...ยาก
    จริงๆ เราก็อ่านฟิคมินกับบลาๆๆ ได้ทุกคนเช่นกัน เอามาแปะได้เน้อ 

    ขอสปอยล์ตอนหน้าว่ายังหวานเจี๊ยบเหมือนเดิมและมี NC ด้วยอ่ะนะคะ
    ไม่เคยแต่ง NC เหมือนกันแล้วไม่รู้ว่าลงในนี้ได้มั้ย ดูก่อนละกันน้า 

    แล้วเจอกันตอนหน้า รักษาสุขภาพดีๆ นะคะ ><





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×