ในอ้อมกอดพี่
กานต์แม้อายุมาก ทว่าเขาแลดูเหมือนคนอายุสี่สิบ การเดินทางย้อนกลับอดีตด้วยความเร็วเท่าแสง ทำให้ความเร็วของแสงสัมพัทธ์กับตัวเขาเองน้อยลงไปมาก หากแต่แสงพยายามรักษาความเร็วของตัวมันเองให้คงที่อยู่ตลอดเวลา มันจึงหน่วงเวลาให้ช้าลง เมแทบอลิซึ่มของร่างกายจึงช้าตา
ผู้เข้าชมรวม
123
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
21
ในอ้อมกอดพี่
“ยกมือไหว้คุณอาสิลูก”
หญิงชราพูดด้วยเสียงพร่าเบา หนุ่มสาวฝาแฝดยกมือไหว้ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขายกมือไหว้รับ กล่าวคำอวยพร
“เจริญนะลูก”
“ช่างเหมือน เหมือนกันเหลือเกิน”
กระติกในวัยชรารำพึงออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
กานต์แม้อายุมาก ทว่าเขาแลดูเหมือนคนอายุสี่สิบ การเดินทางย้อนกลับอดีตด้วยความเร็วเท่าแสง ทำให้ความเร็วของแสงสัมพัทธ์กับตัวเขาเองน้อยลงไปมาก หากแต่แสงพยายามรักษาความเร็วของตัวมันเองให้คงที่อยู่ตลอดเวลา มันจึงหน่วงเวลาให้ช้าลง เมแทบอลิซึ่มของร่างกายจึงช้าตามไปด้วย ทำให้พ่อลูกดูอายุไม่ห่างกันนัก จนสังเกตได้ชัดว่าหน้าตาของคนทั้งสามคล้ายกันมาก เธอมีความสุขที่เห็นพ่อลูกอยู่พร้อมหน้า ร่วมสามสิบปีเธอไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน
“ออกไปเที่ยวข้างนอกกันก่อนนะลูก แม่มีเรื่องจะคุยกับคุณอาเขาหน่อย”
สองหนุ่มสาวขอตัวเดินออกไปจากห้อง กานต์มองเด็กสองคนจนลับตา รู้สึกรักชอบขึ้นอย่างประหลาด กระติกพยายามยันตัวเองนั่ง กานต์เห็นจึงรีบเข้าประคอง
“ติกรู้ว่าวันหนึ่งพี่ต้องกลับมา”
“พี่สัญญากับติกว่าจะกลับมา ก็ต้องกลับมา”
กานต์ทวนคำสัญญา หญิงชรายิ้มให้ พยักหน้าช้าๆ
“ติกอยากออกไปชายทะเล”
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ”
กานต์ลุกออกไปจากห้อง ก่อนกลับเข้ามาพร้อมรถเข็น
“แล้วเครื่องประคองตัวล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากเข็นให้กระติกมากกว่า”
“ตอนพี่สมานโทรมาหานั้น ทำอะไรไม่ถูกเลย คิดว่าเขาล้อเล่น”
หญิงชราพูดขึ้นระหว่างที่กานต์พยุงตัวให้นั่งลงบนรถเข็น ก่อนค่อยๆเข็นรถให้ไปตามทางเล็กๆเรียบบ้านพักสู่ชายทะเล
แดดยามเช้ารำไร รถถูกเข็นมาจอดเกือบชิดชายหาด ตรงจุดเดิมเมื่อสามสิบปีก่อน ที่ทั้งคู่พากันมานั่งอยู่ตรงนี้ กานต์ดึงเก้าอี้มานั่งเคียง แม้กระติกจะชราลงมาก แต่ในสายตาของเขา เธอยังงามสมวัย ยังคงเหลือความสวยในอดีตทิ้งไว้ทั่วใบหน้า ลมเย็นยามเช้าระบัดเข้าหา กานต์กระชับผ้าพันคอให้
“แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“เหมือนฝันไป ไม่คิดว่าสามีจะหล่อเหลาขนาดนี้”
น้ำเสียงที่สั่นเส่าแหบแห้งแต่แฝงอารมณ์ขันนั้น ทำให้กานต์นึกถึงกระติกวัยเด็ก...เด็กหญิงอารมณ์ดีคนนั้น มันเหมือนเพิ่งผ่านไปจริงๆ
“พี่ดีใจที่ได้กลับมาเจอกระติก”
กานต์พูดน้อย ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
“มีเรื่องราวมากมายที่อยากเล่าให้พี่ฟัง”
“ดูติกเหนื่อย ไม่ต้องเล่าหรอก นั่งฟังเสียงลมเสียงคลื่นกันดีกว่า”
“พ่อหนุ่ม...ไม่อยากฟังเสียงคนแก่น่ะสิ”
กระติกกระเซ้า เธอไม่เคยอารมณ์ดีขนาดนี้ ไม่เคยเลย ตั้งแต่เขาจากไป
“ก็ได้ แต่เหนื่อยก็พักนะ”
กานต์ใช้มือแตะบ่าของเธอเบาๆ กระติกเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนเอียงศีรษะหนุนที่มือหนานั้น สายตามองไปที่หนุ่มสาวสองคนที่กำลังเดินไปที่ชายหาด ก่อนพูดขึ้น
“รู้ไหม พี่มีลูกแล้วนะ”
“ว่าไงนะ!”
กานต์มองไปที่เด็กหนุ่มสาวคู่นั้น ก่อนหันมาจ้องหน้ากระติก
“สองคนนั้น...”
“ใช่ค่ะ เขาทั้งคู่เป็นลูกของเรา”
กานต์มองไปที่หนุ่มสาวคู่นั้น แววตาระริก ปลื้มและดีใจสุดประมาณ อยากจะวิ่งเข้าไปกอดให้อิ่ม แต่เกรงเด็กสองคนจะปรับตัวเตรียมใจไม่ทัน ระหว่างจ้องจับอยู่ที่เด็กสองคนนั้น กระติกก็พูดขึ้น
“หมอเปรมสามารถแก้ปัญหาโรคการสืบพันธุ์ได้และยังคิดค้นการสกัดสเปิร์มจากยีนของเซลอื่นได้ด้วย”
เขาหันกลับมาถาม
“แล้วหมอเปรมใช้เซลของพี่ได้อย่างไร”
“ไม่ใช่หมอเปรม เป็นติกที่นำเส้นผมของพี่ไปให้เขาสกัด”
“จริงหรือนี่”
“อื้อ”
กระติกรับคำปนหอบออกมา เขาหยุดถามเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเหนื่อย แต่ดูเหมือนหญิงชรากลับกระชุ่มกระชวยอยากจะพูด
“พี่คงสงสัยว่าทำไมหมอเปรมจึงยอมใช่ไหม”
กานต์พยักหน้ารับ
“เขามีข้อต่อรอง...ให้ติกเป็นของเขา”
กานต์ฟังด้วยอารมณ์ปกติ เขาเชื่อมั่นในตัวเธอสูงสุด
“…แต่ติกไม่ยอม พี่จากไป ติกอยากมีทายาทจากสายเลือดพี่ อยากมีตัวแทนของพี่”
“ขอบใจนะ ติกคงทรมานใจมาก”
“ค่ะ แต่กับหมอเปรม เพียงได้อยู่ดูแลกันในนามเท่านั้น รู้ดีว่าเขาต้องการทดลองงานวิจัยด้วย เขาจึงยอมรับเงื่อนไข”
“แล้วหมอเปรมรู้หรือเปล่าว่าไม่ใช่ลูกเขา”
“หมอเปรมย่อมรู้แต่แรก แต่เขาแสร้งบอกโครโมโซมของพี่เข้าไม่ได้กับของติก จึงใช้ของเขาแทน แต่มาบอกเอาตอนที่ติดลูกแล้ว เขาส่อพิรุธ ติกเดาว่าเป็นโครโมโซมของเขาเองที่ไม่เข้ากับของติก”
แววประกายปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของหญิงชรา
“ตอนอุ้มท้องติกเลยไปโรงพยาบาลเพื่อเทียบดีเอ็นเอ ปรากฏว่าเป็นลูกของพี่จริงๆ แฝดหญิงชายเสียด้วย ตอนนั้นติกคิดในใจว่าได้ทำตามที่พี่ต้องการแล้ว ติกมีตัวแทนของพี่แล้ว และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
กานต์ยิ้มออกมาพร้อมรื้นน้ำตา เขารู้ดีว่าภรรยาต้องประสบกับความกลัว ความสับสน ในช่วงที่เขาจากไป อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ติกคงเหนื่อยที่ต้องเลี้ยงดูลูกของพี่ตามลำพัง ขอบใจติกมาก ขอบใจจริงๆ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีแต่เสียงคลื่นที่รับรู้
สองคนนั่งมองเด็กสองคนเล่นกันอยู่ชายหาดอย่างมีความสุข สักพักกานต์หันมามองหญิงชราที่ตอนนี้หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย แต่เธอรู้ว่ากานต์หันมามอง จึงครางในคอเบาๆ
“มีไรหรือคะ”
“เอ่อ...แล้วหมอเปรมรู้ไหมว่าติกรู้”
“รู้ไม่รู้ก็ไม่ต่างกัน ตัวเขาเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ ติกเองก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
หญิงชราตอบทั้งที่หลับตา
“ดีแล้ว ดีแล้ว”
กานต์พูดขึ้นเบาๆ ปล่อยให้เธอพักผ่อน
“หมอเปรมรู้แล้วว่าพี่กลับมา ดูเขาตกใจ ชวนให้มาด้วย อ้างว่าไม่ค่อยสบาย คงกลัวพี่จะเอาลูกคืน ติกเลยให้ลูกมาส่ง”
เธอไม่ยอมเงียบ ค่อยๆลืมตา มองไปที่สองพี่น้องเดินเล่นอยู่ชายหาดไกลออกไป กานต์มองตามไปกับสายตาของเธอ
“มรสุมผ่านไปแล้ว เราก็คงมีโอกาสอยู่ด้วยกัน”
กานต์เผลอพูดในสิ่งที่ตนตั้งความหวังไว้ก่อนพบหน้าเธอ กระติกไม่ตอบ เหม่อมองออกไปท้องทะเลโพ้น ขอบตามีน้ำใสเอ่อนอง
“ลูกเรายังไม่รู้เรื่องราว พวกเขามองหมอเปรมเป็นพ่อเสมอมา หมอเปรมเองก็ดูแลพวกเราด้วยดีมาโดยตลอด เขารักลูกของเรามาก”
ถึงตรงนี้กานต์รู้ได้ทันทีว่าตนเองกลายเป็นส่วนเกินไปเสียแล้ว โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันนั้น คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เขาตัดสินใจไม่เล่าความเลวร้ายของหมอเปรมให้กระติกฟัง
“พี่เข้าใจ ติกอย่ากังวลในเรื่องนี้เลย ขอให้ติกและลูกมีความสุขและสบายใจ พี่ก็ยอมทุกอย่าง”
กานต์เข้าใจในสิ่งที่หญิงชราสื่อออกมา เขาไม่ควรแสดงตัวว่าเป็นพ่อของเด็กทั้งสอง เพียงเพื่อหวังจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ตามที่เขาปรารถนา
“แต่ติกคงให้พี่มาเยี่ยมได้ใช่ไหม”
หญิงชรามองหน้าสามีสุดที่รัก พยักหน้าช้าๆ ยกมือไล้ไปตามใบหน้าของชายผู้เป็นที่รัก ก่อนเอนหลังกับพนักรถเข็น ค่อยๆหลับตาลง
“กระติกป่วยหนัก คงอยู่ดูหน้าพี่ไม่ได้นาน”
เธอพูดปนไอออกมา
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ
ความคิดเห็น