ตอนที่ 17 : ทำไมต้องรัก
ตอน ทำไมต้องรัก..
ความรักมันช่างงดงามและทำให้มัวเมาหัวใจสลายและสร้างความหลงใหล
ทำไมเราถึงเลือกที่จะเข้าไปยุ่งกับอารมณ์ที่ไม่แน่นอนนี้
ด้วยรักทำให้ชีวิตมีความหมายหรือเปล่า หรือ มันเป็นแค่การหลีกหนีจากความเดียวดาย และ เป็นการซ่อนเร้นจากความใคร่ทางเพศของเรา หรือ เป็นเหตุของชีวภาพที่ทำให้สืบพันธุ์ มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการหรือเปล่าเราต้องการมันจริง หรือ เปล่าถ้าหากว่าความรักมีจุดประสงค์ วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาก็ยังค้นไม่พบ
แต่ตลอดช่วงประวัติศาสตร์นักปรัชญาที่เรานับถือได้เสนอทฤษฎีที่น่าค้นคิดเอาไว้
"รักทำให้เราสมบูรณ์อีกครั้ง"
นักปรัชญากรีกโบราณนามว่า'เพลโต'
สำรวจความคิดที่เรารักเพื่อที่จะสมบูรณ์แบบใน symposium ของเขา เขาเขียนเกี่ยวกับงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่ง alice's นักเขียนบทละครสุขนาฏกรรมให้ความเพลิดเพลินกับอาจารย์แขกรือด้วยเรื่องราวต่อไปนี้
ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 4 แขนสีีขาและสองหน้าพวกเขาถกเถียงกับพระเจ้าและซูสที่ปกครองก็ปาสายฟ้าออกเป็น 2 ท่อน
ตั้งแต่นั้นมาคนทุกคนเสียตัวตนของตัวเองไปครึ่งหนึ่ง
เราจึงต้องรักเพืีอให้รู้สึกสมบูรณ์อีกครั้งหรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เรารัก
"รักคือความปรารถนาที่จะหาคู่ชีวิต"
นักปรัชญาชาวเยอรมัน
บอกว่าความรักที่มีพื้นฐานมาจากความใคร่ทางเพศอันเป็นภาพรวมที่อยู่ในทางการ
กล่าวไว้ว่าเรารักก็เพราะความใคร่ที่ทำให้เราเชื่อว่าอีกคนจะทำให้เรามีความสุข
ซึ่งเราเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิงธรรมชาติลงโทษเราและการหลอมรวมด้วยรักที่เราค้นหาก็สำเร็จสมหวังมาเป็นลูกของเรา
เมือเป็นที่พึงพอใจแล้วเราจะถูกจับโยนเข้าไปในความจริงที่แสนทรมานและเราก็ทำเพียงแค่คงวัฏจักรจำใจของมนุษยชาติคงอยู่อย่างไม่มีสิ้นสุด
"รักคือการหลีกหนีจากความเดียวดาย"
ตามคำกล่าวอ้างของนักปรัชญาชาวอังกฤษเจ้าของรางวัลโนเบล bertrand russell's
รักคือความใคร่ทางกายภาพและทางจิตใจของมนุษย์มีความต้องการที่จะสืบพันธุ์แต่เมื่อปราศจากความปลาบปลื้มจากความรักอันเร่าร้อนเพศสัมพันธ์ก็ไม่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการเพื่อป้องกันและตัวเราเองก็ได้รับความอิ่มเอมความใกล้ชิดและความอบอุ่นช่วยให้เราเอาชนะปัญหาและความกลัวในโลกที่มีความเงียบเหงาและเศร้าสัมผัสกับสิ่งต่างๆในชีวิตมากขึ้นและส่งเสริมความสมบูรณ์ของตัวตนของเราทำให้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
"รักเป็นความทุกข์"
เจ้าชายสิทธัตถะที่รู้จักกันว่าพุทธปัญญา
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเรารักเพราะว่าเราพยายามสนองต่อกิเลสพื้นฐาน
แต่กระนั้นปัญหาของรักก็เป็นข้อบกพร่องและถึงแม้จะเป็นความรักที่หวานชื่นก็เป็นแหล่งที่มาของความทุกข์
โชคดีที่พระพุทธเจ้าค้นพบมรรค 8 และก็ลงมือปฏิบัติเพื่อดับไฟแห่งกิเลสเพื่อที่เราจะได้ไปถึงนิพพานสภาพตื่นรู้แห่งความสงบความแจ้งความรู้
จี๋เฟ้ยแสดงทัศนคติต่อคำกล่าวของพระพุทธเป็นความยาวเอาไว้ในสุดยอดนิยายอมตะของจีน
'เรื่องความฝันในหอแดง'เรื่องย่อคือมีชายหนุ่มที่หลงรักสาวนักร้อง แต่ว่านางไม่ได้ตกหลุมรัก เขาต้องขายหน้าความขัดแย้งระหว่างความรักและส่งผลให้เขาต้องเจ็บปวดเสียใจนักพรตจึงมอบกระจกวิเศษให้กับเขาเพื่อเป็นการรักษาตราบใดที่เขาไม่มองด้านหน้าของกระจกเขาสามารถมีความรักกับหญิงสาวนั้นได้ แต่นั่นแหละเขามองด้านหน้าของกระจกทันทีเขาเห็นด้านหน้ากระจกจึงพบภาพของความจริงและวิญญาณของเขาก็เข้าไปในกระจกและถูกล่ามไปด้วยโซ่ตัวเหล็กสู่ความตาย
ไม่ใช่ว่าชาวพุทธทุกคนจะมีแนวคิดเกี่ยวกับความรักความใคร่ในแบบนี้แต่คติสอนใจจากนิทานเรื่องนี้ก็คือการผูกมัดคือความทุกข์ทั้งมันและกระจกวิเศษนั่น
"รักทำให้เราเป็นมากกว่าตัวเอง"
นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส วัวเซอร์แอร์เสนอไว้ว่าความรักคือความปรารถนาที่จะรวมเป็นหนึ่งกับอีกฝ่ายและน่าจะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของเรามีความหมาย
อย่างไรก็ดีไม่ได้คำนึงถึงว่าทำไมเราจึงรักและให้ความสนใจมากกว่าคำถามชื่อว่าจะรักให้ดีได้อย่างไร แม้ว่าปัญหากับความรักความใคร่ในแบบดั้งเดิมที่มันจะมีเสน่ห์จนเราถูกชักจูงให้เป็นเหตุผลเดียวที่เราจะมีชีวิตอยู่
แต่ถึงกระนั้นการพึ่งมาให้คนอื่นตัดสินการมีตัวตนของเราก็นำไปสู่ความเบื่อและการสูญเสียอำนาจตัวตนได้โดยง่าย
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงทางนั้นแนะนำให้รักอย่างแท้จริงซึ่งเป็นอะไรที่เหมือนกับการเป็นเพื่อนที่ดีช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการค้นพบตัวตนของตัวเองและไปให้ได้มากกว่าเป็นตัวเองและทำให้ชีวิตและโลกของพวกเขาเต็มสมบูรณ์ไปด้วยกัน
แม้ว่าเราอาจไม่รู้ตัวว่าทำไมเราจึงตกหลุมรักแต่เราก็สามารถจะมั่นใจได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่เคยหายไปแน่นอน
มันน่ากลัวและน่าเบื่อ แต่ก็เบิกบานใจมันทำให้เราเป็นทุกข์และทำให้เรารู้สึกดี
บางทีเราอาจเสียตัวตนของเราหรือค้นพบตัวตนของเรานั้นอาจทำให้คุณจะใจสลายหรือกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคุณไม่มีใครอาจรู้ได้แต่
ทว่า...
คุณละกล้าพอจะค้นหามันหรือเปล่า
"ว่ารักคืออะไรในแบบของคุณ"
#zero
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
