ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Moon House (รักฤาจะสิ้นเพียงจันทรา)

    ลำดับตอนที่ #1 : แอเรียนา มาเรีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 176
      1
      31 ม.ค. 51

    นาฬิกาบิ๊กเบนตีระฆังบอกชั่วโมงที่ผ่านพ้นไป

    วิทยุบีบีซีกระจายเสียงตอนหกโมงเช้า

    ทหารรักษาพระองค์เปลี่ยนเวรยามทุกสิบเอ็ดนาฬิกาสิบห้านาที

    น้ำชากับขนมเค้กและสโคนเสิร์ฟร้อนๆตอนสี่โมงเย็น

    หนุ่มสาวสิ้นสุดวันเมื่อผับปิดห้าทุ่ม

    วงเวียนซื่อตรงหมุนย่ำรอยเท้านับศตวรรษ......

    ที่นี่...มหานครลอนดอน.......

                    บนถนนเส้นทางนี้มีตึกสูงตระหง่านฟ้า หอนาฬิกาบิ๊กเบนตั้งอยู่ด้านหน้าผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่เต็มท้องถนน โรงแรมที่พักมีแทบทั่วเมือง แต่โรงแรมที่หรูหราราคาแพงและเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวลอนดอนนั้นมักจะตั้งอยู่ในย่าน เมย์แฟร์ , เบลกราเวีย,ไฮท์ปาร์คคอนเนอร์,มาร์เบิล  อาร์ค รวมทั้งในแถบ เซาท์เคนซิงตั้นและฮอลแลนด์ ปาร์ค

                    ไกลออกไปจากเนินเขาในแฮมสเตล สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของลอนดอนทั้งหมดได้อย่างชัดเจน และเป็นบริเวณที่มองแล้วสวยงามที่สุดเลยก็ว่าได้ ณ.ที่ตรงนั้น หญิงสาวร่างระหง ผิวขาวเนียนไม่มีตกกระเหมือนคนต่างชาติทั่วไป ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ ดวงตากลมโตดำสนิทคล้ายแขก จมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม แต่หากพิจารณาดูให้ดีแล้ว มิหน้าเชื่อว่าหล่อนจะมีเชื้อสายของคนอังกฤษเลยสักนิด หากแต่ผมนุ่มสลวยเป็นลอนนั้น กลับเป็นสีบรอนด์ทองวาววับ จนทำให้ดูโดยรวมแล้ว หญิงสาวผู้นี้ดูมีเสน่ห์และน่าค้นหา เธอคือ

    แอเรียน่า มาเรีย

     

    แอเรียน่า มาเรีย ด้วยน่าตาแบบพื้นชาวเอเชียที่ถูกผสมผสานกับเชื้อสายยุโรปอย่างลงตัวนั้น หญิงสาวอาจจะขึ้นชื่อว่าได้ส่วนยีนส์ที่ดีที่สุดของคนพื้นที่นั้น มันจึงทำให้เธอดูโดดเด่น แต่ความโดดเด่นของเธอนั้นกลับถูกบดบังอยู่ภายใต้คฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่หห่งจากลอนดอนหลายร้อยไมล์เลยทีเดียว

    ใน ยามค่ำคืนที่ดึกสงัด เสียงร้องหวีดหวิวของพวกหริ่งหรีดเรไร            ระคนกับเสียงลมพายุที่กรรโชกแรง คฤหาสน์ หลังใหญ่ออกแบบมาให้ดูคลับคล้ายกับพระราชวังในนิทานปรัมปราของชาวเมืองตะวันตก  ตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขาม  เสียงดนตรีคลาสสิกค่อยๆดังขึ้น ดังขึ้น จนได้ยินชัด ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ละแวกนั้น    รีบปิดประตูหน้าต่างบ้านเรือนของตนให้เรียบร้อย ไฟทุกดวงที่สว่างไสวก่อนนี้แทบจะพร้อมใจดับสนิทเหมือน  เป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง มันเป็นแบบนี้มานานนับร้อยปีได้แล้วกระมัง...ทุกคนในละแวกนี้เชื่อว่า บ้านหลังนั้นเป็นที่สิงสถิตของปีศาจและสิ่งชั่วร้าย คำบอกเล่าปากต่อปาก ทำให้ความเชื่อที่ดูเหมือนเป็นสิ่งไร้สาระ กลับกลายมาเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ  เพราะ คดีฆาตกรรมปริศนาที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้ มันเกิดขึ้นที่นี่ที่............................คฤหาสน์จันทรา!

    แอเรียนา มาเรีย อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้มาตั้งแต่หล่อนจำความนี้ จนกระทั่งตอนนี้รวมเป็นเวลา 17ปีแล้ว อีกเพียงแค่สองเดือนหล่อนก็จะก้าวย่างเข้าสู่วัยสาวอย่างเต็มตัวและเมื่อหล่อนอายุได้ 18 ปี หล่อนก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองได้ทันที

    มาเรีย เฝ้ารออยู่ทุกคืนวันเพื่อที่จะได้ออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้เสียที เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นตัวประหลาดเมื่อเธอเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อธุระบางอย่างกับ แอเรียนา มารีนา ผู้เป็นมารดา ผู้ที่ได้ขึ้น ชื่อว่าเคยเป็นสาวที่สวยที่สุดเมื่อ 20 ปีก่อน และความงามนั้นก็ได้ถ่ายถอดมายังลูกสาวคนเดียวและ สิ่งที่มาเรียได้มาจาก           

     มารีน่า มารดานั้นคือ ผมสีบรอนด์ทอง จมูกโด่งสวยได้รูป และริมฝีปากที่อวบอิ่ม มีเพียงแต่ดวงตาเท่านั้น ที่หล่อนได้มาจาก....บิดา...ซึ่งมาเรียนั้นเพียรเฝ้าถามแม่ของเธอเสมอว่า พ่อของเธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับมาเป็นเพียง สายตาดุๆจากแม่ของเธอเท่านั้น

                มาเรียใฝ่ฝันเหลือเกินที่อยากจะมีเพื่อน แต่เธอมักถูก ห้ามปรามและว่ากล่าวเสมอมิให้ออกไปข้าง

    นอกด้วยเหตุผลที่ว่ามันอันตราย วัยเด็กจนถึงปัจจุบันของเธอจึงมีเพียงแค่ มารีน่า และ ไคล์แอล ไวท์ เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ที่มารดาบอกกับเธอว่า เป็นลูกพี่ลูกน้อง เด็กหนุ่ม ไวท์ จึงเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว

                    แม้จะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เพียงแค่สามคน แต่ภายในนั้นกลับดูสะอาดสะอ้าน แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวที่เป็นปริศนาบางอย่าง มารีนา จ้างคนในหมู่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งคนที่รับจ้างทำความสะอาดนั้นได้รับคำสั่งห้ามไม่ให้พูดคุยกับมาเรียเป็นอันขาด และทุกครั้งที่คนในหมู่บ้านเข้ามา ไวท์จะเป็นคนรับหน้าที่ อยู่เธอภายในห้องนอนเพื่อเป็นการป้องกันมิให้เธอพบกับคนภายนอกอีกชั้นหนึ่ง............

                    อีกไม่นาน ฉันก็จะอายุ 18 แล้ว ต่อไปนายก็ไม่ต้องมาเฝ้าฉันแล้วนะไวท์ ... แม่บอกว่าฉันจะได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองด้วย...ตอนนั้นฉันก็มีเพื่อนเยอะแยะ มาเรียบอกไวท์อย่างตื่นเต้น

                    ถึงมาเรีย จะไม่ได้เข้าเรียนในโรงเยนแต่ความรู้ของเธอก็ มิได้ด้อยกว่าเด็กที่เรียนใน ไฮสคูลแต่อย่างใด อาจจะฉลาดกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะมารีน่าเป็นผู้สั่งสอนวิชชาความรู้ทุกอย่างให้กับเธอ....

                    แล้วเธอก็จะลืมฉัน..... ไวท์บอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

                    ความจริงแล้ว ไวท์ เป็นเด็กหนุ่มที่น่าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว ผมสีน้ำตาลอ่อน รับกับตาสีฟ้า จมูกโด่ง ประจวบกับรูปร่างสูงใหญ่ ทำให้เขาดูคล้ายกับอัศวินที่คอยปกป้ององค์หญิงอย่างมาเรีย 

                    ไวท์ จ้องมองมาเรียด้วยสายตาที่หลงใหล เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายที่ค่อยๆเปลี่ยนไปของมาเรียนั้นมันทำให้ไวท์รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่เขามองเห็นเธอ....และวันนี้ก็เช่นกัน มาเรียอยู่ชุดนอนสีขาว ผ้าพลิ้วและบางนั้นทำให้ไวท์เห็นทุกสัดส่วนของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรียวขาที่เรียวยาว สะโพกที่กลมกลึง ส่วนล่างของเธอถูกปกปิดด้วยกางงเกงชั้นในลูกไม่สีขาวเข้ากับชุด ไวท์ ชายตามองไล่ขึ้นไปยังบริเวณที่เห็นเด่นชัด...ส่วนที่ดูอวบอิ่เหาะกับวัยสาว น่าอกเต็งตึงนั้นปราศจากบราเซีย เผยให้เห็นยอดปทุมถันที่ชูชันภายใต้ชุดนอนสีขาวนั้น

    แต่ก่อนที่เธอจะไปอยู่ในลอนดอน เวลานอนเธอควรสวมบราเซีย...บ้างนะ ไวท์ก้มหน้าลง เพราะยิ่งมองชายหนุ่มก็รู้สึกความผิดแปลกบางอย่างในร่างกาย

    ทำไมล่ะ .... มันอึดอัดจะตาย มาเรียพูดอย่างไม่หยี่ระ  และหันไปมองไวท์ที่ตอนนี้นอนอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองหรือการปกครองอะไรสักอย่างที่มาเรียมองไม่ถนัดนัก

    นั่นเธออ่านอะไรนะ ไวท์ มาเรียเดินเข้าไปใกล้ๆ และก้มลงมองดูหนังสือ คอเสื้อที่เว้าลีกเป็นรุปตัววี ส่งผลให้เนินหน้าอกของหล่อนแนบชิดจนดูเย้ายวน

    นั่น!ไวท์ นายมองหน้าอกฉันเหรอ!”

    ถ้าไม่อยากให้มองเธอก็ควรสวมบราเซีย และแต่งตัวให้มิดชิดเวลาอยู่กับฉัน!”

    ทำไมฉันต้องแต่งตัวมิดชิดเวลาอยู่กับเธอล่ะ มาเรียถามไปอย่างนั้นเอง แต่เธอก็มิได้หวังคำตอบที่เป็นจริงเป็นจังของไวท์สักเท่าไหร่ เพราะไวท์มักบ่นเธออยู่เสมอเรื่องการแต่งตัวเวลาอยู่กับเขาจนกลายเป็นความเคยชินเสียแล้ว

    เธอไม่ใช่เด็กอายุ6ขวบนะมาเรีย ตอนนี้เธออายุ17 ปีจะ 18 อีกสองเดือนข้างหน้านี้แล้ว แล้วเธอก็เป็นผู้หญิง........

    โอ๊ย!พอสักที ....อะไรจะโบราณคร่ำครึปานนั้น สมัยนี้เขาไม่ถือสากันหรอก!”

    แล้วเธอรู้ได้ยังไง

    ก็ฉันเคยคุยกับคนในหมู่บ้านที่มาทำความสะอาดบ้านน่ะสิ!”

    เธอว่ายังไงนะ!” ไวท์ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขากระเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียงทันที

                มาเรียเองก็มีสีหน้าที่ตกใจเช่นเดียวกันเมื่อรู้ว่าตนเองหลุดปากว่าได้ทำในสิ่งต้องห้ามไปเสียแล้ว มาเรียรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ และเชิดใบหน้าหวานนั้นขึ้นอย่างท้าทาย

    มันจะเป็นอะไรนักหนา กะอีแค่คุยกับคนในหมู่บ้าน....คนพวกนั้นบอกอะไรฉันเยอะแยะเชียว!”

    บอกอะไร!”ไวท์เสียงดังจนดูน่ากลัว

    ก็บอกเรื่องแฟชั่น เรื่องการกินอยู่น่ะสิ มันทำให้ฉันรู้ว่าบ้านเราน่ะล้าหลังมากเลยทีเดียว

    รวมทั้งเรื่องที่เธอไม่ใส่บราเซียด้วยหรือไง!”

    ฉันก็ไม่ได้ใส่เวลานอนอยู่แล้วนี่!” มาเรียพูดอย่างโมโห  แต่แล้วก็ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้กับไวท์จนชายหนุ่มต้องมองเธอกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

    มาเรีย เดินเข้าไปใกล้เขาและค่อยๆผลักชายหนุ่มลงบนเตียง เบาๆ และมาเรียก็ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่ง

    คล่อมลงบนตัวเขาระหว่างช่วงสะโพกถึงหน้าขาของไวท์ ส่วนหนึ่งของร่างกายไวท์นั้นไวต่อการกระทำนั้น มันมีปฏิกิริยาท้อนกลับกับการกระทำนั้นทันที...ความเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้มาเรียหลับตาพลิ้มและร้องครางอย่างพอใจ ถึงแม้จะมีเพียงเสื้อผ้ากั้นอยู่ก็ตาม แต่มาเรียกลับส่ายสะโพกสวยนั้นด้วยท่าทีที่เย้ายวนจนไวท์สัมผัสได้ถึงความเร่าร้อนในตัวเธอ

    ใครสอนเธอกันมาเรีย

    ไม่มี....มันเป็นเพียงแค่ความต้องการของฉัน....และฉันก็ต้องการให้เธอสอนด้วยไวท์...จูบฉันสิ!”

     ไวท์ ไม่ปฏิเสธการกระทำนั้น.....เขาตอบสนองเธออย่างเร่งเร้าและเร่าร้อน แม้ว่ามาเรียจะดูเกร็งๆแต่หล่อนก็ยอมทำตามแต่โดยดี .... เสื้อผ้าของมาเรียและไวท์ ที่ในตอนนี้ถูกปลดเปลื้องออกให้เหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า  ไวท์จูบมาเรียอย่างอ่อนโยน มือแข็งแรงนั้นเคล้นคลึงปทุมถันอย่างเบามือ ลิ้นของไวท์โลมเลียทั่วเรื่องร่างของมาเรียจนหล่อนร้องครางอย่างอย่างสุขสม มันดำเนินมาเรื่อยๆจนกระทั่งร่างทั้งสองร่างหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว.............(โปรดติดตาตอนต่อไป)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×