ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สารานุกรมการ์ตูนญี่ปุ่น

    ลำดับตอนที่ #1 : หน้าแรก : ที่มา ราละเอียดสั้นๆ และความหมายฉบับย่อ

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 49


    การ์ตูนญี่ปุ่น

    เป็นคำที่ใช้เรียกหนังสือการ์ตูนของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีตัวละครและลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันในแต่ละเรื่อง สังเกตได้ง่ายๆเลยคือ ตัวละครของการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นมักจะตาโตกว่าคนปกติ

     

                

     

    เปรียบเทียบขนาดตากันจะๆ  :  การ์ตูน  VS  คนจริงๆ

     

    ลองสังเกตดูสิ ภาพการ์ตูน แค่ส่วนตาก็หมดไปแล้วกว่าครึ่งใบหน้า
    (แล้วแต่ผลงานของอาจารย์แต่ละท่านนะ)
    แล้วลองเปรียบกันกับหน้าของพวกเรา....

     

    การที่ตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นตาโตกว่าปกตินั้นมาจากอิทธิพลของการ์ตูนฝรั่งที่เข้ามานั่นเอง อย่างเช่น นักเขียนการ์ตูนที่ทุกคนน่าจะรู้จักดีอย่าง เทะสึกะ โอซามุ ที่มีอิทธิพลต่อคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างมาก และเขาก็เอาตัวการ์ตูนฝรั่งมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแนวของญี่ปุ่นด้วย เขาเห็นว่าการ์ตูนที่มีดวงตาใหญ่ๆ จะสามารถสื่ออารมณ์ที่ผู้เขียนต้องการสื่อไปถึงคนอ่านได้ดีกว่า ดังนั้นลูกกะตาของตัวการ์ตูนเลยมักยึดพื้นที่ใบหน้าไปกว่าครึ่ง อย่างที่เห็นๆกันทั่วไป (มันก็น่ารักดีนะ แต่ถ้าลองจินตนาการคนเราตาโตแบบนั้นอ่ะ.....มันก็พิลึกๆชอบกล)

     

    หลายๆคนคงไม่รู้ว่า การ์ตูนญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เริ่มต้นที่ญี่ปุ่น แต่เป็นที่อเมริกาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านี้ การ์ตูนญี่ปุ่นเป็นแค่การ์ตูนล้อเลียนการเมืองบนหนังสือพิมพ์เท่านั้น แต่ในปี คศ. 1986 หนังสือพิมพ์ The Yellow Kid ในกรุงนิวยอร์กได้เสนอการ์ตูนในกรอบสี่เหลี่ยมที่มีเรื่องราวต่อกันเป็นครั้งแรก

    หลังจากนั้นอีก 24 ปี การ์ตูนแบบเดียวกันได้ปรากฏในญี่ปุ่นและฝรั่งเศส โดยญี่ปุ่นได้พัฒนาต่อมา จนสุดท้ายเราก็เรียกมันว่า มังงะ

     

    คำว่าหนังสือการ์ตูนจะเรียกว่า มังงะ (Manga) และภาพยนตร์การ์ตูนจะเรียกว่า อนิเม (Anime)

     

    มังงะ (Manga)
                    เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกการ์ตูนช่อง มังงะพัฒนามาจากอุคิโยเอะและจิตรกรรมตะวันตก และเริ่มคงรูปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

     

    มังงะที่ได้รับความนิยมสูงมักถูกนำไปสร้างเป็นอนิเม ซึ่งเนื้อหาของมังงะเหล่านั้นมักถูกดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมต่อการแพร่ภาพทางโทรทัศน์และเพื่อให้ถูกรสนิยมของผู้ชมทั่วไปมากขึ้น

     

    มังงะ แปลตรงๆกันเลยก็คือ ภาพตามอารมณ์ ถูกใช้อย่างกว้างขวางหลังจากจิตรกรอุคิโยเอะชื่อ โฮคุไซ ตีพิมพ์หนังสือชื่อ โฮคุไซมังงะ ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และมังงะนั้นพัฒนามาจากการผสมผสานศิลปะการวาดภาพแบบอุคิโยเอะ(ภาพเขียนสมัยญี่ปุ่นโบราณ) กับจิตรกรรมตะวันตก

     

     

     

     

                    อนิเม (Anime)

    มาจากคำว่า แอนิเมชัน (Animation) มีความหมายว่า การ์ตูนที่อยู่ในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว อาจเผยแพร่เป็นซีรีย์ฉายทางโทรทัศน์ (Anime-Series) ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวที่ฉายตามโรงภาพยนตร์ (Anime-Film) รวมทั้งในรูปของวีดีโอ และดีวีดี (OVA Original Video Animation) ด้วย ภาพยนตร์และซีรี่ย์การ์ตูนของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มักฉายเป็นตอนๆ แล้วแต่ความยาว ตั้งแต่ ๑๓, ๒๖ หรือ ๕๒ ตอน หรือบางเรื่องมีมากกว่า ๑๐๐ ตอน แต่ก็มักจะมีตอนจบด้วย ซึ่งแตกต่างจากซีรีย์การ์ตูนของตะวันตกที่มักไม่มีตอนจบของเรื่อง


                    อนิเมส่วนใหญ่มักสร้างมาจากการ์ตูนที่เคยอยู่ในรูปมังงะแล้วประสบความสำเร็จมาก่อน และในทางกลับกันเดี๋ยวนี้มังงะหลายๆ เรื่อง ก็เขียนมาจากอนิเม
                    นอกจากนั้นก็ยังมี Manga บางเรื่องที่ไม่ได้วาดภาพใหม่ทั้งหมด แต่เป็นภาพที่นำมาจากภาพการ์ตูนในอนิเมโดยตรง หรือดัดแปลงปรับปรุงเล็กน้อย โดยการ์ตูนเหล่านี้ มักรู้จักกันในชื่อ Anime-Comic และในปัจจุบันปรากฏว่า มีภาพยนตร์ที่แสดงโดยคนบางเรื่องด้วยที่สร้างมาจากอนิเม

     

    Credit :

    http://th.wikipedia.org

    http://www.sarakadee.com/

    http://www.siamsewana.org/






    ***************************************
    สนใจเรื่องไหนบอกกันได้นะ (ถ้าเรารู้จัก เหอะๆ)
    หรืออยากให้มีอะไรเพิ่ม (ถ้าทำได้)
    คิดอยู่ว่าอาจจะมาลงเกี่ยวกับการ์ตูน/อนิเมที่น่านใจ (เพียบเลยอ้ะ)

    ไม่ก็มาบ้าๆ มาคุยเกี่ยวกับการ์ตูนกับเราได้ (อ่านทุกแนวฮะ)
    ถ้าบ้าเรื่องเดียวกีนก็จะดีมากๆ เหอะๆๆ
    25 / 11 / 49

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×