คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ล่มสลาย....ก่อกำเนิด
กรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ. 2540 เศรษฐกิจไทยประสบวิกฤต ที่ขนานนามว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง”
ก่อนหน้านั้นเศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด มูลค่าทรัพย์สินต่างๆถูกปั่นมูลค่าขึ้นมาเกินจริง กระแสเงินสะพัดในธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง ธนาคารปล่อยเงินกู้แบบไม่ยั้ง เงินจำนวนมากหมุนเวียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
แต่อยู่มาวันหนึ่งกำลังซื้อหายไป
เจ้าของกิจการไม่มีเงินจ่ายผู้รับเหมา
ผู้รับเหมาไม่จ่ายหนี้ร้านค้า
และทุกฝ่ายไม่มีเงินจ่ายหนี้ธนาคาร ...... ผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่เศรษฐกิจประเทศถึงจุดล่มสลาย
ตลาดหลักทรัพย์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลายบริษัทจำเป็นต้องปิดกิจการ
พนักงานตกงาน ..... นับประสาอะไรกับนักศึกษาเรียนจบใหม่ ....วิศวกรจบใหม่บางคนยืนแจกใบปลิวตามสะพานลอย
รัฐบาลสมัยนั้นมีมาตราแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยการลดค่าเงินบาท
ประชาชนทุกคนล้วนเจ็บปวดไปตามกัน ได้แต่ทำใจครุ่นคิด...ตั้งสติมองหาโอกาสใหม่....รอวันฟื้นตัว
ยุทธภพเสมือนจริง
เนินนานหลายปีหลังจากวิกฤตยุทธภพสิ้นสุดลง
สำนักใหญ่ล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก
เกิดกิจการใหม่ขึ้นในยุทธภพนั้นคือ สำนักคุ้มภัย ย้อนไปเมื่อ 12ปีก่อน
มีสำนักคุ้มภัยใหญ่แห่งหนึ่งก่อร่างสร้างตัวขึ้น
ปัจจุบันสำนักคุ้มภัยที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ล้วนใหญ่โตมั่นคงทั้งสิ้น ถ้ายังคงอยู่ถึงปัจจุบัน
แต่สำนักคุ้มภัยนี้ได้ปิดตัวลงไปแล้ว เหลือแต่ชื่อในความทรงจำของศิษย์เก่า “ สำนักคุ้มภัยวายุอ่อนสะท้าน”
เหตุเริ่มจากปัญหาภายในที่แอบแฝง
และปัญหานอกที่ไม่อาจสะสางได้ซะที
บวกกับอุปนิสัยทะนงตัวเกินไปของเจ้าสำนัก “พญาอินทรีแดนดิน”
เจ้าของยอดวิชาลมปราณสีทอง เรื่องมันเริ่มระแคะระคายจากการถอนตัวของ
“อหัศจรรย์ที่เจ็ด” เพื่อไปศึกษาวิชายุทธที่ต่างแดน
หน่วยพิเศษของสำนัก “หอเขียวขจี” เริ่มสั่นคลอน มีเสียงพรึมพรำทุกวัน จะอยู่
หรือไป จะไปไหน จะไปไหน จะไปจะไป หลอนแท้
ประจบกับเจ้าสำนักฝึกลมปราณจนธาตุไฟเข้าแทรกอะลาวาดไปทั่ว
ก็ยังได้ยินเสียงพึมพรำอยู่หรือไป แต่เสียงค่อยเบาลง เบาลง
เพราะมันหนีกันไปใกล้หมดแล้ว “กระพือปีกเหิรไกล”
เริ่มตะคิดตะควงใจ
จากปํญหาภายนอกที่รุมเร้าสำนักคุ้มภัยวายุอ่อนสะท้าน
หน่วยลาดตระเวน ที่นำโดย
“อสรพิษเขียวเลื้อยหลบ” ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสำนัก ให้อนุมัติแบ่งคนจากหน่วยพิเศษ หอเขียวขจี 2คน
เพื่อมาช่วยงาน หนึ่งในนั้นคือ “เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต” และสหายรักร่วมสำนัก
แต่เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิตปฎิเสธ ขออยู่คิดค้นบัญญัติวิชาที่สำนัก
ทีนี้ก็ต้องหาคนแทน หน้าที่นี้เลยไปตกอยู่ที่ “กระพือปีกเหิรไกล”
ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
หลังจากที่เขาออกไป
พบสถานการณ์จริงภายนอกเลยรู้ว่ามันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
แต่ในที่สุดเข้าก็ฝ่าฟันปัญหาไปได้
“กระพือปีกเหิรไกล”
ได้พิสูจน์ตัวเองแก่เจ้าสำนัก
เขาทำภารกิจสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากโชคช่วย ที่ได้สมรภูมิที่เบากว่า
และสหายศึกที่เก่งกาจ แต่สำหรับสหายรักของเทพพยัคฆ์เก้าเนรมิตตกในสถานการณ์ที่ลำบาก เนื่องจากได้สมรภูมิที่โหดกว่ามาก
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเลยกดดัน จนทำให้ลาออกจากสำนักไปอยู่ยังเกาะทะเลแดนใต้
แต่ทั้งสองกลับรู้ว่าความจริงแล้วปัญหาภายในน่ากลัวกว่า
มีอะไรเคลือบแคลงในตัวหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน “อสรพิษเขียวเลื้อยหลบ” มีใจคดโกงต่อสำนัก
โดยพยายามลดทอนกำลังและบทบาทของหน่วยพิเศษหอเขียวขจี โดยเริ่มวางแผนใส่ร้าย
“เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต” ว่าหลีกเลี่ยงภารกิจภายนอก มานั่งบัญญัติวิชาที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ส่วนอีกด้าน”กระพือปีกเหิรไกล
“ ก็เห็นว่าตกเป็นเบี้ยล่างคนอย่างนี้ไม่ไหวแน่
เพราะตอนนี้เขายังใช้งานเราได้อยู่เลยเก็บเราไว้ แต่ถ้าหมดประโยชน์วันใด
เราก็ไม่ต่างจากสหายรักของเทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต
ระหว่างนั้นเขาได้รับคำเชิญจากศิษย์ร่วมสำนักที่เคยร่ำเรียนวิชาด้วยกันมา
ให้ไปช่วยเหลือพรรคที่เพื่อนเขาสังกัดอยู่ “เอื้อมจับนทีสะบัด” จึงลาออกย้ายพรรคไป
ตัดมาที่ “เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต”
หลังจากที่ได้รับแรงกดดัน ได้ใช้ความกดดันนั้นขับเคลื่อน
จนคิดค้นยอดวิชาได้สำเร็จ เป็นอันสิ้นสุดภารกิจ เขาพิสูจน์ตัวเองแล้ว
เขาโยนเคล็ดคัมภีร์ต่อหน้าเจ้าสำนัก “พญาอินทรีแดนดิน” และหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน “อสรพิษเขียวเลื้อยหลบ” แล้วหันจากไปอย่างไม่แยแส
ปกคัมภีร์ปรากฏตัวอักษร อ่านได้ความว่า “สวรรค์แดนดิน”
ปัจจุบันหายสาปสูญไปพร้อมการล่มสลายของสำนักคุ้มภัย ส่วน“เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต” ย้ายไปอยู่สำนัก “ส่องนภาจรัส”
ตามคำเชิญของสหาย
ความคิดเห็น