ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] พ่อของผมดีที่สุดในโลก [JB&BamBam Ft.MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #12 : แม่ครับ...ชุดนอนสไปร์ดี้ของผม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      29
      23 มิ.ย. 59



    แม่ครับ...ชุดนอนสไปร์ดี้ของผม



            


            ผมหันไปมองพ่อแล้วขมวดคิ้ว ผมไม่เห็นว่าไอ้การเค้นน้ำเสียงเหมือนสิงโตกำลังข่มขู่ศัตรูแบบที่มาร์คกับผมกำลังทำกันนี่ มันดูเป็นการคุยแบบสนุกตรงไหนเลย ผมว่าพ่อคงจะอายุมากขึ้นจริงๆ สมองอาจรับสารผิดพลาด ผมคงต้องโทรไปเล่าเรื่องนี้ให้คุณยายฟังแล้วค่อยพาพ่อไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายสักหน่อยแล้วละ พ่อจะได้อยู่กับผมแบบปกติไปนานๆ


    “สนุกยังไงเหรอพ่อ แบมไม่เข้าใจ” ผมเอียงคอ ถามซื่อๆ 


    พ่อไม่ได้ตอบ แค่เปิดรั้วบ้าน ผมเดินเข้าไปหาพ่อ ท่านยกแขนโอบไหล่ผมไว้ ยิ้มพลางพยักหน้ารับไหว้มาร์ค 


               พ่อเหมือนกำลังจะพูดกับมาร์ค ผมเลยกระตุกแขนเสื้อพ่อยิกๆ ให้พ่อตอบคำถามของผมก่อนที่ท่านจะคุยกับมาร์ค พ่อเลยหันมาลูบหัวผม


    “ไว้พ่อเล่าให้ฟัง แล้วเพื่อนแบมชื่ออะไรละ” พ่อพูดแค่นั้น แล้วก็ถามชื่อมาร์ค (สนใจคนอื่นมากกว่าลูกนิ)


    “ชื่อมาร์คครับ” มาร์คตอบขึ้นมาเอง (จุ้นจ้านที่สุด)


    “อ่อ...แล้วมาร์คบ้านอยู่แถวนี้เหรอ หลังไหนละ” พ่อถามแล้วชะเง้อหน้าไปข้างนอก บ้านเราของเราอยู่สุดซอยเลยก็ว่าได้ แต่บ้านเราไม่ใช่บ้านจัดสรร บ้านแต่ละหลังเลยมีแบบต่างกันออกไป


    “เปล่าครับ บ้านผมอยู่เยื้องๆ บ้านเจมส์...เอ่อ บ้านที่คุณลุงไปส่งแบมเมื่อเช้าน่ะครับ” 


    “อ้าว อยู่เยื้องบ้านเจมส์ทำไมไม่บอกแบม เดินมาส่งทำไม ตั้งไกล” ผมพูด กอดอก มองหน้าเขา ความสับสนมันล้นออกมาจากดวงตาจนผมรู้สึกได้เลยละ


    “ก็เราชินแล้ว จะเดินไปไหนมาไหน จะดึกแค่ไหนก็ได้ เราดูแลตัวเองได้”


    “ไม่ได้!” ผมค้านเสียงแข็ง “พ่อบอกว่าเรายังไม่โตขนาดนั้น มันอันตราย” 


    “แต่ตอนแรกนายก็จะกลับคนเดียว” มาร์คคงคิดว่าที่พ่อผมบอกให้กลับเองเมื่อเช้าเป็นเรื่องจริงจังแน่ๆ มันก็จริงจังหรอก ในกรณีที่มันไม่ได้เกิน 5 โมงเย็น แต่นี้มันตั้ง 5 ทุ่ม ถ้าผมโทรหาพ่อก็ต้องมารับอยู่แล้วละ มาร์คนี่ซื่อบื้อกว่าที่ผมคิดอีก


    “ไม่ได้จะกลับคนเดียวสักหน่อย แบมกะจะยืมโทรศัพท์บ้านเจมส์โทรหาพ่อตอนที่เก็บของเสร็จต่างหาก แต่มาร์คเรียกก่อน แบมก็เลยเดินตามมาร์คมา...ก็คิดว่าบ้านเราอยู่ซอยเดียวกัน เห็นเดินนำโด่งเลย” 


    อันที่จริงผมควรจะคิดได้ตั้งแต่ตอนเขาถามซอยบ้านผมแล้ว ถ้าบ้านเขาอยู่ซอยเดียวกับบ้านผม เขาจะถามทางทำไม แต่ตอนนั้นผมเอาแต่คิดว่าจะปั้นดินน้ำมันให้ก้อนใหญ่แค่ไหนถึงจะปาหัวเขาได้นี่นา


    “ก็เดินมาส่ง มันมืดแล้ว..." มาร์คพูดเสียงขุ่น "เพื่อนคนเดียว ไม่เป็นอะไรหรอก” ปลายประโยคเสียงเขาอ่อนลง แล้วเบนหน้าหนีผม 


    เฮ้ เมื่อกี้เขาบอกว่าผมเป็นเพื่อนเขาด้วย....ใช่ไหม?


    พ่อผมก็หัวเราะขึ้นมา ท่านชวนมาร์คเข้าบ้านก่อน แต่เขาปฏิเสธ จะขอกลับบ้านท่าเดียว ตอนแรกพ่อเสนอว่าจะขับรถไปส่ง แต่มาร์คบอกว่าเกรงใจ เพราะมันต้องขับรถวนกลับไปกลับมา น่าปวดหัว 


    พ่อเลยลองเสนอให้มาร์คยืมมือถือโทรหาพ่อกับแม่ของเขาให้มารับ แต่มาร์คก็เอาแต่ปฏิเสธตลอดเวลา เขาบอกว่าพ่อกับแม่คงนอนกันหมดแล้ว เพราะเขามาเล่นที่บ้านเจมส์กับเพื่อนๆ บ่อย กลับดึกเป็นประจำ ท่านไม่ห่วงหรอก มาร์คคิดว่าตัวเองโตพอแล้ว (นั่นน่ะมาร์คคิดเอาเอง เขาสูงกว่าผมแค่สุดแขนเอง) อีกอย่างระหว่างทางเขาจะเดินอ่านหนังสือไปด้วย ไม่มีอะไรน่ากลัว 


              เขาล้วงเอาหนังสือที่จะอ่านจากในกระเป๋าออกมาโชว์เป็นหลักฐาน


    “อ้าว นั่นหนังสือลุงนิ” พ่อเอามือไพร่หลัง ยื่นหน้า หรี่ตามองหนังสือมาร์คใกล้ๆ พ่อออกจะสายตาเสียหน่อย ยิ่งตอนกลางคืน ยิ่งมองเห็นอะไรไม่ชัด แต่พ่อไม่ค่อยชอบใส่แว่น ท่านบอกว่ามันทำให้พ่อเป็นสิว ผมไม่รู้ว่าสิวคืออะไร แต่พ่อบอกว่ามันเป็นตุ่มที่อักเสบ บีบแล้วมีหนองอกมาด้วย พ่อเอาขนมปังไส้สังขยา แล้วบีบมันจนไส้ทะลัก พ่อบอกว่าสิวก็เป็นแบบนี้แหละ (ผมไม่เคยกินขนมปังไส้สังขยาอีกเลย)


    มาร์คตาโตแทบจะทันที ผมเห็นประกายแวววับจากนัยน์ตาของเขาเลยล่ะ มันเหมือนแววตาของเด็กตอนที่จักรยานเสือภูเขาแบบ 6 เกียร์จากซานต้าครอสเลย (ผู้ใหญ่ไม่ได้ของเล่นจากซานต้าหรอกนะ พวกเขาโตพอจะหาเงินใช้ได้เองไม่ต้องรบกวนซานต้าแบบเด็กๆ)


    “จริงเหรอครับ”


    “จริงสิ ลุงเขียนเอง” 


    มาร์คทุบหมัดกับฝ่ามือตัวเองแบบที่ตัวพระเอกในหนังแนวสืบสวนมักจะทำ หลักฐานมันลงล็อคไปหมดและมันก็สาวถึงตัวคนร้าย เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ว่าแล้ว ไดอารี่สีฟ้า” 


    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไดอารี่สีฟ้าละ เขาหมายถึงไดอารี่ผมเหรอ 


    “จะให้ลุงไปส่งไหม หรือจะค้างบ้านลุงแทน” พ่อเสนออีกทางเลือกให้ 


    “ค้างครับ” 


    มาร์คตอบแบบไม่คิดเลยสักนิด เมื่อกี้เขายังเร้าๆ จะกลับบ้านอยู่เลย 


    แล้วเขาจะนอนห้องใครละ 


    ห้องผมเหรอ? 


    มันก็มีแต่ห้องผมแน่ละสิ...ผมควรต้องตื่นเต้นที่มีเพื่อนมานอนที่บ้านรึเปล่า หรือไม่ควร เหมือนผมจะดีใจนะ แต่มันก็แปลกๆ 


    ผมมองมาร์คเดินตามหลังพ่อต้อยๆ ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เกาหัวแกลกๆ มาร์คหยุดเดินหันมาคว้าข้อมือผม แล้วลากให้ผมเดินตาม พ่อล็อกประตูหน้าบ้านตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่องเลย 


    “เรานอนห้องนายนะแบม ขอบคุณ” 


    เฮ้!! มันอะไรกันละหัวเม่น จุ้นจ้าน 


              ตอนเข้าบ้านมาพ่อบอกให้มาร์คกับผมนั่งเล่นหน้าทีวีรอก่อน พ่อเอาผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันลายนินจาเต่าที่ผมอุตส่าห์หอบจากร้านวอลมาร์ตจนพนักงานมองหน้าผมกับพ่อ แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมเดินไปขอเขาเพิ่มด้วย เพราะมันคงไม่พอ ผมกะเอาไว้ใช้สักหนึ่งปี 


              แน่ละ ตอนพ่อยื่นมันให้มาร์ค ผมโวยวายยกใหญ่ ส่วนมาร์คก็ดูถูกใจแปรงสีฟันผมเอามาก เขากอดมันไว้แน่น กระเถิบหนีไปอีกฝั่งของโซฟา เขาคงกลัวผมเอาคืน และเขาก็คิดถูกผมกำลังจะไต่ไปเอาคืนถ้าพ่อไม่มาอุ้มผมเอาไว้ก่อน พ่อบอกให้มาร์ครีบวิ่งไปอาบน้ำก่อนที่ผมจะไปแย่งคืนมา เพราะถ้าใช้แล้วผมก็เอาคืนไม่ได้  


              พอผมเริ่มสงบพ่อก็เริ่มนั่งปลอบผม ท่านจับผมนั่งไว้บนตัก โยกตัวแล้วร้องเพลงโยกเยกน้ำท่วมเมฆด้วยสำเนียงแปล่งๆ ผมเบ้ปาก ไม่รู้ว่าการที่มาร์คเอาแปรงสีฟันลายนินจาเต่าผมไปใช้กับพ่อร้องเพลงโยกเยกอันไหนมันน่าปวดหัวกว่ากัน ผมบอกให้พ่อหยุดร้อง พ่อไม่หยุด ท่านบอกว่าถ้าจะให้หยุด ผมต้องเลิกทำหน้าบูดสักที ผมเลยฉีกยิ้มแบบไม่เต็มใจให้พ่อดู 


               พ่อหัวเราะ 


              "แบมจำเรื่องหุ่นนินจาเต่าได้ไหม" จู่ พ่อก็พูดขึ้นมา ผมคิดว่าพ่อน่าจะพูดถึงตอนที่ผมเอาหุ่นนินจาเต่าไปให้เด็กแถวบ้านเล่น แล้วพวกเขาก็ผลักผม ผมไม่ได้ตอบพ่อ ผมแค่พยักหน้า พ่อเงียบไปแปบนึงแล้วพูดต่อ 


              "ตอนนั้นแบมอยากมีเพื่อน แบมเลยแบ่งหุ่นเพื่อนเล่นใช่ไหม" ผมตอบครับเสียงเบา ไม่รู้ทำไมคิดถึงตอนนั้นตาผมมันก็ร้อนๆ 


              "ถ้าแบมอยากมีมาร์คเป็นเพื่อน แบมจะแบ่งแปรงสีฟันที่แบมมีอีกตั้งสองโหลไม่ได้เหรอลูก ปกติแบมของพ่อก็ไม่ใช่คนขี้หวงนี่นา ทำไมวันนี้หวงของจัง"


              ผมคิดตามที่พ่อพูด มันก็จริง ผมมีตั้งเยอะทำไมผมต้องหวงของด้วย แล้วมันก็จริงอย่างที่พ่อพูด ผมไม่ค่อยหวงของหรอก จริงๆ ต้องบอกว่าผมไม่ค่อยมีโอกาสแบ่งของเล่นให้คนอื่นต่างหาก แต่พอเป็นมาร์คผมก็อยากหวงขึ้นมาซะงั้น


              "แบมไม่หวงแล้วครับ" ผมพูดเสียงอ่อน


              "ดีแล้วแบม อันที่จริง ชุดนอนสไปดี้ของแบม พ่อให้เพื่อนแบมยืมนะลูก ตัวมันใหญ่สุดแล้ว ตัวอื่นดูท่าเพื่อนแบมจะใส่ไม่ได้" 


              "ได้ครับ" ผมตอบเสียงเอื่อย ผมจะไม่หวงของอะไรทั้งนั้น ถึงจะเป็นชุดนอนลายสไปร์ดี้สุดรักของผมที่กะเอาไว้ใส่ตอนที่ผมตัวสูงๆ แล้ว เพราะดันซื้อมาผิดขนาดก็เถอะ 


              แต่เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ? 


               "ชุดนอนตัวไหนนะพ่อ!?" 



    Saturdays  08/08/1998

    (มาร์คเขาเอาชุดนอนรูปสไปร์ดี้ของผมไปใส่ด้วยแม่

    ผมอุตส่าห์จะรอจนโตแล้วค่อยใส่ เขามาแย่งผมใส่ได้ยังไง

    ตัวผมแค่ยังไม่โตหรอก อีก 5 ปีผมจะสูงนำหน้าเขาเลย

    ด้วยเกียรติลูกชายตระกูลอิมเลย!!

    แถมนามสกุลวิเศษโยธินของคุณตาด้วยเลยเอ้า!!)



    ความลับของแม่เผยแล้ว จริงๆ แม่ฟังที่พ่อพูดรู้เรื่องมาตลอดเลย พ่อหน้าแตกยับตอนรู้ความจริง อันที่จริง พ่อน่าจะฉุกใจคิดตั้งแต่แม่เรียนเอกสังคมแล้วละ ก็เอกนี่มันต้องเขียนอธิบายยาวเยียดน่ะสิ แล้วเกรดของแม่ก็ออกมาดีเอามากๆ (พ่อฟังจากเพื่อนๆ เล่า) ตอนนั้นพ่อกำลังตัดสินใจว่าจะโกรธแม่ดีไหม หรือต้องแสดงอาการน้อยใจ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ยังไม่ได้คบกันเลย พ่อกลัวว่าถ้าพ่อโกรธแล้วแม่จะหายไปเลย พ่อเลยเลือกที่จะถามเหตุผลก่อน


    แม่ไม่ได้ตอบอะไร ท่านหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น แม่นั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่นานมาก พ่อพยายามอ่าน แต่ทุกครั้งแม่จะรีบเอาแขนบัง ยู่หน้าใส่พ่อแล้วก้มลงไปเขียนต่อ แม่เขียนมันอยู่พักใหญ่ พ่อนั่งรอจนตาแทบปิด แต่ไม่ยอมลุกไปไหน (พ่อกลัวแม่โกรธน่ะ) อีกสองชั่วโมงต่อมาแม่ก็เขียนเสร็จ แม่พับกระดาษหลายทบ ยื่นให้พ่อ พูดเป็นภาษาเกาหลีแปร่งๆ ว่า “กลับไปอ่านที่บ้าน” แล้วแม่ก็ลุกออกไปเลย


    พ่อได้แต่มองแม่วิ่งหนีสลับกับมองกระดาษในมือ จนแม่พ้นสายตา พ่อคลี่กระดาษในมือ แต่คิดได้ ว่าแม่บอกให้กลับไปอ่านที่บ้าน พ่อลุกพรวด แล้วก็รีบวิ่งกลับบ้านให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้


    Tag #ฟิคคุณพ่อแจบอม


    O W E N TM.





    ม้ากเป็นพระเอกทำไรเกาะมะผิดใช่ไหม



    พวกคนลำเอียง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×