ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale of Another world ตำนานบทใหม่ที่ต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #22 : ข้อแลกเปลี่ยน เข้าเมือง ไปโบสถ์(?)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.38K
      35
      28 ม.ค. 59

    ข้อแลกเปลี่ยน  เข้าเมือง  ไปโบสถ์(?)



                  หลังจากที่ออกมาจากหมู่บ้านสักพัก  ผมที่นั่งสบายอยู่บนรถม้าของคุณฟราน ส่วนตัวเจ้าของรถกับนั่งเกรงอยู่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามของผม สงสัยผมจะลืมอธิบายกันไปซะหน่อย เขาเลยมานั่งกลัวผมซะขนาดนี้ ผมจึงกางม่านพลังป้องกันเสียงอีกเสียงขึ้น ก่อนจะเริ่มบทสนทนากับเขา 

                  " แม้ คุณฟรานเป็นอะไรไปเหรอครับ สีหน้าดูไม่ดีเอาซะเลย "

                 " มะ ไม่เป็นไรครับ "

                 " เอาอย่างนี้ เรามาคุยเรื่องข้อตกลงกันก่อนดีกว่า "

                " ข้อตกลงอะไรหรือครับ"

                " ที่ผมโชว์พลังให้คุณดูก็เพื่อ ที่เราจะทำการค้าร่วมกันสักเล็กน้อย"

                 เมื่อได้ยินคำว่าทำการค้า สีหน้าท่าทางของคุณฟรานก็เปลี่ยนไปทันที มีสีหน้าของคนที่เป็นพ่อค้า แสดงออกมาให้เห็น 

                " ผมรู้มาว่า พ่อค้าเร่ จำเป็นต้องเดินทางบ่อย จึงมักแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอยู่เป็นประจำสินะครับ " 

               " ก็ใช่อยู่นิครับ ว่าแต่คุณพูดออกมาอย่างนี้แสดงว่าต้องการ ข่าวอะไรสินะครับ "

              " ผมต้องการค้นหาเส้นทางไปยังอาณาจักรของเอลฟ์ครับ "

             " อาณาจักรของเอลฟ์ อันไหนล่ะครับ "

            " เอลฟ์ขาว อาณาจักร เอลฟากับดีลาเอลครับ "

               คุณฟรานก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักนิด เหมือนไม่แน่ใจนัก เพราะอาณาจักรของเอลฟ์เป็นอะไรที่เข้าถึงยากมาก ผมที่เห็นท่าทีของเขาจึงต้องกระตุ้นสักเล็กน้อย 

           " อ้อ ข้อตกลงนี้ก็แค่คุณส่งข่าวมาให้ผมก็พอ แต่ผมขอแค่เป็นข้อมูลที่แน่นอน ผมยินดีให้ค่าเหนื่อยสำหรับคุณด้วย แค่นั้นเอง"

             แล้วจากนั้นผมก็หยิบเหรียญแพตินั่มขึ้นมาสองสามเหรียญ แล้วโยนไปทางเขา ทันทีที่เขาเห็นเหรียญที่ผมโยนไปก็รีบคว้าไว้ทันที 

           " นี่เป็นค่าทำสัญญา ที่ผมแสดงพลังให้คุณเห็นก็เพื่อจะให้คุณไว้ใจใน คู่ค้าครั้งคุณไงครับ"

          " ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองสอบถาม ให้ระหว่างที่เดินทางไปด้วย  แล้วมีอะไรอีกมั้ยครับ"

                 คุณฟรานตอบผมมาด้วยท่าทางสุภาพ นี่สินะพ่อค้า ขอแค่คุ้มค่าไม่ว่าจะอะไรก็ทำได้หมดจริง ถึงผมจะไม่ได้ชอบนิสัยแบบนี้ก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้เกลียดมันซักเท่าไร แล้วผมก็เริ่มทำสัญญากับคุณฟรานทันที หลังจากทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว คุณฟรานก็ถามว่า

             " แล้วถ้าผมได้ข่าวมาแล้ว ผมจะส่งข่าวให้คุณได้ยังไง "

              เมื่อเขาถามมาแบบนี้ ผมก็เลยต้องหยิบเจ้าสิ่งนี้ให้ คือโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่ลูกแก้วสื่อสาร โทษทีพอดีมันติดปาก คือลูกแก้วใช้สื่อสารระหว่างกันโดยไม่สนระยะทาง เพียงแต่มันมีจำกัดจำนวนครั้งที่ใช้เท่านั้น มันเหมือนมือถือจริงๆ ว่ามั้ย 

            " คุณใช้เจ้าสิ่งนี้เรียกผมเวลาคุณได้ข่าวที่แน่นอนแล้ว "

           " แน่นอนครับ "

           " หวังว่า คุณคงทำตามสัญญานะครับ  ไม่งั้นล่ะก็นะ"

          " ได้อยู่แล้ว แค่งานหาข่าวเล็กน้อย "

                คุณฟรานตอบผม โดยที่ใบหน้าของเขาเหมือนจะมีเหงื่อไหลออกมาด้วย ผมแค่ขู่เล่นๆเท่านั้นเอง ไม่ได้จะทำจริงซะหน่อยได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมขอแกล้งเขาไปอีกซักพักก็แล้วกัน  

               แล้วจากนั้นผมก็คุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเขาไปตลอดเส้นทางที่เดินทางมาทำให้ผมทราบความรู้พื้นฐานในหลายเรื่องเลย เพิ่มมากขึ้น  ทวีปที่ผมอยู่นี่มีชื่อว่า อาทินอส เป็นทวีปที่มีความหลากหลายทางเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่มากที่สุด รวมถึงมีอาณาจักรตั้งอยู่มากมาย ยังเมืองข้างหน้าที่กำลังเดินทางไปเนี่ย เป็นหน้าด่านของอาณาจักรเรการ์ด ชื่อเรม่า เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เมืองหนึ่งเพราะที่ตั้งอยู่ใกล้กับดันเจี้ยนระดับสูงจำนวนมาก  ทำให้บ้างทีเมืองนี้ก็มักจะถูกกองทัพมอนสเตอร์บุกประจำ 

               แต่สำหรับมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลอะไรมาก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าผมเป็นสัตว์ประหลาด (=_=!)  แล้วจากลางสังหรณ์ของผม ผมมีแนวโน้มจะได้พัฒนาความเป็นสัตว์ประหลาดในเร็วๆนี้ ทำไมตูชอบกลายร่างบ่อยจังฟะ 

               หลังจากเดินทางมากลับคุณฟรานได้ครึ่งวันในที่สุดเราก็เริ่มเห็นประตูเมืองกันแล้ว ข้างหน้ามีประตูขนาดใหญ่ ที่ทำจากหินท่าทางจะหนักพอสมควรเลยล่ะ ใช้ป้องกันมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ได้เลย แล้วถ้าเจอไท...... เอามาออกสื่อคงไม่ดีมั้ง 
                ก่อนถึงด่านตรวจผมของแยกกับคุณฟรานก่อน โดยผมบอกเขาว่าอยากชมบรรยากาศก่อนเข้าเมือง แต่ความจริงแล้วผมไม่มีใบยืนยันตัวตน ซึ่งจะทำให้ต้องลำบากคุณฟรานไปอีก ผมไม่อยากรบกวนเข้าเท่าไร( เอ็ง เล่นขู่เข้าไว้ซะขนาดนั้นนะ) แล้วผมก็ลากับเข้าก่อนจะเดินเล่นรอบๆ รอเขาเข้าเมืองไปก่อน แล้วเข้าเดินตามเข้าไป 

                เมื่อมาถึงด่านตรวจ ทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองก็ ใบยืนยันตัวตนกับผม 

           " ขอใบยืนยันตัวตนด้วยครับ "

          " เออ พอดีผมพึ่งออกมาจากป่านะครับ"

         " แล้วทำไมถึงไม่มีใบล่ะ ปกติทุกคนต้องมายืนยันตัวตนตั้งแต่ ห้าขวบมิใช่หรือ"

         " คือ พอดี ผมอาศัยอยู่กับคุณตา ในป่านะครับ ไม่เคยออกมาจากป่าเลย จนกระทั่งคุณตาเสียชีวิต จึงตัดสินใจออกมาผจญภัยโลกภายนอกนะครับ "

         " อ้าวเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าจะออกแบบชั่วครางให้ก่อน แล้วก็รีบไปทำซะนะ "

                  เชื่อด้วยครับ แต่ไม่เป็นไร ได้เข้าเมืองฟรี เดี๋ยวยังไงเข้าไปทำในเมืองนี้แหละ ผมไม่อยากเป็นคนเถื่อนอยู่อย่างนี้หรอกนะ 
                  
                  เมื่อผมเดินเข้ามาในด่านตรวจ ข้างในก็มีทหารที่นั่งทำเอกสารอยู่สองสามคน เมื่อทหารที่นำผมเข้ามา ไปคุยกับคนที่นั่งทำเอกสารอยู่สักครู่ก่อนจะเรียกผมเข้าไปคุย

              " เออ นายเป็นคนที่ไม่มีเอกสารยืนยันตัวสินะ "

             " ครับ "

            " งั้นข้าจะขอตรวจดูประวัติอาชญากรรมก่อน แล้วเดี๋ยวจะออกใบอนุญาตชั่วคราวให้ เจ้าเอามือแตะที่ลูกแก้วนี่นะ "

              เขาบอกกับผมพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ลูกแก้วที่วางอยู่ข้างหน้าของเขา ผมจึงวามมือลงบนลูกแก้วทันทีที่เห็น  เมื่อผมวางมือบนลูกแก้ว แล้ว ปรากฏว่าลูกแก้วเปล่งแสงอยู่สักครู่ก่อนจะ เปลี่ยนสีจากใสๆ กลายเป็นสีเทาขุ่นๆออกมา เมื่อนายทหารมองลูกแก้วด้วยสีหน้าจริงจังราวกับจะอ่านอะไรอยู่ 

                ทำให้ผมเกิดอาการประหม่าขึ้นทันที จะว่าไปเราเคยฆ่าพวกโจรนี่ว่า เราฆ่าคนไปแล้ว แย่แล้ว ในระหว่างที่ผมกำลังยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น ทหารคนที่ทำเอกสารก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม

            " โอ้ นายเคยปราบโจรด้วยเหรอเนี่ย "

               เมื่อได้ยินดังนั้นเล่นเอาความเครียดของผมเพิ่มสูงขึ้นทันที ก่อนจะตอบรับไป

           " คะ ครับ พอดีมีหมู่บ้านที่เคยไปพัก มีโจรมาบุกพอดีก็เลยไปช่วยเขาไว้นะครับ"

          " งั้นเหรอ อย่าลืมไปรับค่าหัวที่สมาคมนักล่าล่ะ ส่วนประวัติของได้ดีนี่ เพียงแต่ฆ่ามอนสเตอร์เยอะไปหน่อย เคยมาชำระล้างที่โบสถ์มั้ย"

            เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็โล่งใจขึ้น ก่อนจะถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการไปโบสถ์ 

          " พอดีผมพึ่งเคยเข้าเมืองครั้งแรกนะครับ แล้วล่ามอนสเตอร์ต้องมาชำระล้างที่โบสถ์ด้วยเหรอครับ"

          " สงสัยนายจะไม่เคยจริงๆ นะเนี่ย คืออย่างนี้ ทุกครั้งที่สังหารมอนสเตอร์จะมีละอองแสงไหลเข้าตัวใช่มั้ย แสงนั้นจะมีพิษจากมอนสเตอร์ติดมาด้วย ถ้าไม่ชำระล้างออก มีโอกาสที่คนๆนั้นจะกลายเป็นมอนสเตอร์ซะเอง ถ้าสะสมในปริมาณมากนะ ด้วยจากของนายแล้วก็มากพอดูเหมือนกันนะ เสร็จจากที่นี่แล้วก็รีบไปที่โบสถ์ก่อนเลยนะ"

             เมื่อนายทหารอธิบายเสร็จก็ส่งบัตรขนาดเท่านามบัตรหนึ่งใบมาให้ผม ผมก็ยื่นมือไปรับบัตรมาก่อนจะก้มหัว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เขาให้ก่อนจะลาเขา เข้าไปในเมือง โดยไม่ได้ยินความพูดทิ้งท้ายของเขา ที่ถ้าเขารู้ความจริงคงต้องขนลุกเลย

           " สงสัยจะล่ามาตั้งแต่เด็กล่ะมั่งเล่น สังหารไปเป็นล้านตัวจนกลายเป็นสีเทาเกือบดำขนาดนี้ "


              หลังจากที่ผมได้บัตรชั่วคราวมาแล้ว ผมก็ได้เข้าไปในเมืองสักที ภาพที่ผมเห็นนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าและก็ผู้คนมากมายจากหลากหลายเผ่าอยู่ในเมือง พากันเดินจับจ่ายซื้อของกันเต็มไปหมด ทำเอาผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก 

               ดีใจอ่ะ ได้เข้าเมืองสักที ( เย้ ดีใจด้วย )

                แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินสำรวจเมือง ผมต้องรีบไปทำใบยืนยันตัวตนก่อนที่สำนักงานประชากรซะก่อนแล้ว ค่อยไปที่โบสถ์สินะ  ตลอดทางที่เดินเข้ามาก็ถามทางไปสำนักงานประชากร ก็เพราะดันลืมถามมาจากที่ด่านนะสิ (T_T)  ทำให้ต้องมาถามคนในเมืองแทน แต่ดูเหมือนคนที่นี่จะเป็นมิตรพอสมควร เพราะทุกคนก็ชี้บอกทางให้ 
               จนในที่สุดผมก็มาถึงสำนักประชากร เมื่อผมเดินเข้าไปข้างใน ผมหันไปมองรอบๆก่อนจะมุ่งตรงไปหาประชาสัมพันธ์สาวที่นั่ง รับเรื่องอยู่ 

              " เออ พอดีผมจะมาลงทะเบียนประชากรนะครับ "

                ประชาสัมพันธ์สาวทำหน้าสงสัยแต่บอกทางไปยังเจ้าที่ที่รับลงทะเบียนประชากร 

              " ค่ะ ขึ้นไปชั้นสอง ทางขวามือนะค่ะ"

              " ขอบคุณครับ "

                เมื่อผมเดินมาตามที่เธอบอก ก็เจอกับประตู เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ผมจึงเคาะหน้าห้องเพื่อขอเข้าไป  เมื่อได้ยินเสียงคนในห้องตอบรับ มาผมจึงเดินเข้าไปด้านใน ผมพบกับผู้หญิงผมสีทอง ตาสีเขียว หน้าตาคล้ายกับประชาสัมพันธ์ข้างล่างเลย ผมที่ได้แต่ยืนงงอยู่ จนกระทั่งเธอเชิญให้ผมนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าเธอ ผมจึงเดินไปนั่งลง

               " มาลงทะเบียนใช่มั้ยค่ะ "

              " คะ ครับ เออ ว่าแต่คุณประชาสัมพันธ์ถึงขึ้นมาก่อนผมได้ล่ะครับ "

              เมื่อเธอได้ยินคำถามของผม เธอก็ยิ้มออกมาให้ พร้อมกับ กั้นขำอยู่ด้วย

             " ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่ข้างล่างเป็นน้องสาวของฉัน ชื่อมารีน่า ค่ะ ส่วนฉันชื่อมารีเอล เป็นพี่สาวของเธอค่ะ พอดีเราเป็นฝาแฝดกัน เคยมีคนทักอย่างนี้มมาแล้ว"

            " งั้นผมขอโทษด้วยครับ "

            " ไม่เป็นไรค่ะ  แล้วจะลงทะเบียนประชากรใช่มั้ยค่ะ รบกวนกรอกข้อมูล แล้วเอาเลือดหยด ลงในใบที่กรอกข้อมูลเลยนะค่ะ"

            " ครับ "

              แล้วจากนั้นผมก็กรอกข้อมูลส่วนตัวที่พอจะเปิดเผยได้ไป เมื่อกรอกเสร็จแล้วผมเอาดาบมาจิ้มที่นิ้ว ก่อนจะหยดเลือดลงไปบนกระดาษ จากนั้นกระดาษก็ส่องแสงออกมา ก่อนจะกลายเป็นสลักบางอย่างที่ข้อมือขวาของผม 

               " เรียบร้อยแล้วนะค่ะ "

              " ครับ ว่าแต่มันใช้ยังไงเหรอครับ "

              " อ้อ คุณแค่คิดในจว่าแสดง เดี๋ยวมันก็ปรากฏออกมาเองค่ะ "

               เมื่อผมลองทำตามที่เธอบอก บริเวณสลักก็เรียงแสงนิดหน่อยก่อนจะมีหน้าต่างที่เหมือนหน้าจอค่าสถานะขึ้นมา

        {{แพนเจีย}} (ชาย)

       lv. 200    ค่าพลังระดับ : xx (ไม่แสดง)

      อาชีพ : - 

             " คุณเองก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยนะค่ะ ของให้โชคดีนะค่ะ "

                เธอพูดออกมา เมื่อหน้าต่างพลเมืองแสดงออกมา ก่อนที่ยิ้มให้ผม

            " เออ ผมอยากจะสอบถามเส้นทางไปโบสถ์นะครับ "

               คุณมารีเอลยิ้มออกมา ก่อนที่จะบอกทางไปโบสถ์กับผม เมื่อผมบอกลาและกล่าวขอขอบคุณเธอเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไป 

               เมื่อเดินลงมาชั้นล่างผมก็เดินไปทักทายคุณมารีน่า ก่อนจะเดินออกไป เพื่อมุ่งหน้าไปยังโบสถ์


               ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าโบสถ์ ซึ่งโบสถ์เป็นสถาปัตย์กรรมแบบเรสเนซองส์ แต่ความใหญ่โตและโออ่าเป็นอย่างมาก ภายในเต็มไปด้วยสีขาว แสดงถึงความบริสุทธิ์ ข้างในก็คนมากมายที่ต่างกันเข้ามาสักการะรูปปั้น เทพต่างๆ ผมเดินไปหานักบวชที่ต้อนรับอยู่ตรงประตูทางเข้า พร้อมกับแจ้งความประสงค์ที่จะมาชำระล้างด้วย 

              นักบวชท่าทางใจดีก็บอกผมถึงสถานที่ชำระล้าง ก้คือบริเวณลูกแก้วตรงกลาง โดยให้เอามือไปแตะ แล้วเดี๋ยวลูกแก้วจะชำระล้างให้ พร้อมกับคืนพลังที่ชำระล้างให้แล้วคืนมา อาจจะส่งผลให้ค่าสถานะบางอย่างเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 
               เมื่อผมยังลูกแก้วชำระล้างแล้ว ก็เอาแตะมันทันที ที่นี้แหละครับเรื่องเด่นเลย เพราะเมื่อผมแตะลูกแก้วนั้น ก็กลายเป็นสีเทาขุ่นๆเกือบดำทันที ทำเอาทั้งวิหารมืดลงเล็กน้อยเลยที่เดียว ซึ่งเรียกสายตาคนทั้งโบสถ์มามองที่ผมคนเดียว 
              
                ผมนี่อยากรีบให้เสร็จ  แต่ลูกแก้วก็ใช้เวลาอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยกลับเป็นสีขาว ส่องแสงสว่างไปทั่วโบสถ์ ทำเอาคนทั้งโบสถ์ ก้มหน้ากุมมือสวดภาวนากันใหญ่ แล้วจากนั้นแสงในลูกแก้วก็ย้ายเข้ามาในตัวผม ก่อนที่จะดับไป แล้วที่นี้ผมจะอยู่ทำไม ผมรีบวางเงินบริจาคเป็นเหรียญทองไว้ ก่อนจะฝ่าสายตาหลายคู่ที่มองมายังผมแล้วรีบสาวเท้าออกมาจากโบสถ์ทันที  

                โดยไม่ได้สนใจเสียงของนักบวชที่บอกทางให้ผม ที่แซวตามหลังมา

               " คราวหน้าลูกไม่ต้องไปสะสมไว้ขนาดนี้นะ ถ้าไม่อยากเด่นนะ "

           

            


    ............................................................................................................................................

    มาค้างเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเหตุผลที่ โชวให้ดูก็เพื่อซื้อใจพ่อค้าครับ เลยจัดมาให้แค่ 33% ก่อน ส่วนจากตอนที่แล้ว ขอร้องล่ะ อย่าเผาบ้านไรท์เลย พรีสสสสสสสสสสสสส

    เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้จ้า 

    1 comment = 1 กำลังใจให้ไรท์ผู้อ่อนแอ

     เย้ จบแล้วสำหรับตอนที่21 
       รู้สึกโชคดี ที่รอดมาได้ แต่ทำไม บ้านในซอยเดียวกันเกิดไฟไหม้ก็ไม่รู้เน้อ แต่ช่างมันเถอะ ไม่มีใครเผาบ้านเราก็ดีแล้ว 555555

     ขอบคุณสำหรับทุกกำลังที่ส่งมา + หายหนาวแล้ว 5555 ดีใจ ก่อนหน้านี้นั่งพิมพ์มือแข็งไปด้วย 

    ตอนหน้า ถ้าบ้านไม่ไหม้ คงออกเย็นนี้แหละ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×