ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale of Another world ตำนานบทใหม่ที่ต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #13 : จุติครั้งสุดท้าย เคลียร์ดัน โลกกว้าง

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 59


    จุติครั้งสุดท้าย เคลียร์ดัน โลกกว้าง



     ที่นี่ ... ที่ไหน

    ตอนนี้รอบๆตัวของผมมืดไปหมด 

    เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคืออะไร....

       ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้สักอย่าง เหลือแต่ความรู้สึกเศร้า และเสียใจอยู่เท่านั้น แต่ทำไมเราถึงเศร้าหล่ะ จำอะไรไม่ได้เลย ราวกับล่องลอยไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายท่ามกลางความมืดนี้ 
       
        แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสว่าง ปรากฏขึ้นมา แสงที่มีความอบอุ่นมาก ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้องอยู่อย่างนั้นแหละ ผมลอยเข้าไปใกล้ บริเวณแสงนั้น 

        ที่ตรงแสงปรากฏเป็นรูปร่างคนสองคนชายหญิง กำลังยิ้มให้ผม ใบหน้านั่นรู้สึกคุ้นเคยมาก ผมรู้จักสองคนนี้ เมื่อลอยเข้าไปใกล้ๆ ความทรงจำทั้งหมดเริ่มค่อยๆกลับมา 

       ผมจำได้แล้ว แสงที่ส่องอยู่นั่นคือพ่อกับแม่ของผมที่นี่ ผมพุ่งตัวเข้าไปหาสองคนนั้นราวกับกลัวว่าพวกเขาจะหายไป พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

      " พ่อครับ แม่ครับ ผมได้อยู่กับทั้งคู่แล้วใช่มั้ย "

        แต่ทั้งสองกับส่ายหน้า แล้วหันมายิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู  แล้วพูดกับผม

      " ยังหรอก ยังไม่ถึงเวลา เพียงแต่พวกข้ามารอเพื่อบอกลาเจ้าครั้งสุดท้าย "

     " ใช่แล้ว ลูกรัก ขอให้เธอใช้ชีวิตต่อไปในส่วนของพวกเรา ไปรับรู้โลกกว้างด้านนอก"

         ผมที่ดังฟังคำพูดทั้งสอง ผมจะยังเสียใจแค่ไหนแต่เพื่อไม่ให้พวกท่านเป็นห่วง จึงพยักหน้าตอบรับออกไป

      " ข้า ไม่อยากให้เจ้ายึดติดกับความเศร้า อยากให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างอิสระ "

      " ฉันก็อยากให้เธอมีความสุขเท่านั้น แล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย "

     " ครับ ผมสัญญา "

    " ดีมาก นี่สิลูกชายของพวกเรา แล้วสักวันเราคงได้เจอกัน "

          แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้ผม จากนั้นแสงก็สว่างขึ้นจนบดบังการมองเห็นจนไม่สามารถเห็นอะไรเลยข้างหน้า ก่อนที่แสงจะค่อยๆเลือนหายไป 

          เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ก็กลายเป็นบรรยากาศอันแสนคุ้นเคย ทุ่งดอกไม้ที่มีสัตว์น้อยใหญ่วิ่งอยู่เต็มไปหมด ส่วนตัวผมก็นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชากลางสวนที่คุ้นเคย พร้อมกับชายหน้าตาดี แต่บอกไม่ได้ถึงเพศเพราะ ทั้งสวยงามและหล่อเหลาไปด้วย อันแสนคุ้นเคย กำลังยกถ้วยชาในมือขึ้นมาดื่ม พร้อมกับสายตาที่มองทอดไปยังที่ไกลแสนไกล ราวกลับกำลังรำลึกความหลัง 

         ผมที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี จึงไม่เอ่ยอะไรแล้วก็หยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาดื่ม ซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่ตั้งแต่ ก่อนจะมองรอบๆ ไปด้วยอย่าสงบ รอจนกว่าชายที่นั่งตรงข้ามจะพูดออกมาเอง

         " เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ชายผู้สูญเสียสิ่งที่ผูกพัน "

        หลังจากที่นั่งรออยู่สักพักชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาแต่สายตายังคงไม่ได้มองมาที่ผม เหมือนเป็นคำถามเรื่อยเปื่อย

         " ก็คงต้องเสียใจอยู่แล้วละครับ สำหรับการสูญเสียเพียงแต่ผมยังคงต้องมุ่งต่อไป"

        " อืม ก็ดีแล้วสินะ แล้วเจ้าคิดแก้แค้นให้พวกเขาเหรอ "

        " ไม่ครับ ทุกอย่างที่ผมจะทำต่อไปเป็นเพียงเพื่ออิสระเท่านั้นอย่างที่พวกเขาบอก"

         แล้วจากนั้นชายตรงหน้าผมก็ได้แต่หัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วยิ้มให้ผม

       " เจ้านี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้าย้ายพวกเจ้ามาโลกนี้ทั้งหมด"

          ผมรู้สึกสะดุดใจกับความพูดของเขา แต่ก่อนที่จะได้ถามออกไป เขาก็พูดขึ้นมาก่อน

       " ไม่ต้องถามหรอก ใช่เพื่อนของเจ้าอยู่ที่โลกนี้เช่นกัน เพียงแต่ห่างกันคนล่ะซีกโลกกับที่ที่เจ้าอยู่เท่านั้น"

       " งั้นผมก็มีสิทธิ์ได้เจอกับพวกเขาสินะครับ "

        ผมถามต่ออย่างมีความหวังที่จะได้เจอเพื่อนๆ อีกครั้ง หลังจากนั่งรอคำตอบจากเขาอยู่

      " ใช่ เพียงตาข้าจะไม่บอกเจ้าถึงที่อยู่หรอกนะ ไม่งั้นมันจะไม่สนุกสำหรับข้า"

        ผมที่ได้ฟังแค่นั้นก็ดีแล้ว ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่ม แล้วก้มหัวให้เขาเพื่อแสดงความขอบคุณ  ชายคนนั้นยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

      " เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราพบกันสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ข้ามีของจะให้เจ้าด้วย "

     " อะไรหรือครับ "

        ผมถามออกไป แต่ก่อนที่จะได้คำตอบ ชายที่นั่งตรงข้ามก็จิ้มนิ้วไปที่กลางหน้าผากของผม แล้วจากนั้นผมเกิดความรู้สึกวูบวาบขึ้นที่ตัว ก่อนจะ รู้สึกถึงความอบอุ่น 

      " เอาหล่ะ ที่นี้เจ้าก็พอที่จะลองรับพลังในร่างตัวเองแล้วสินะ " 

     " ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ขอบคุณครับ "

     " เอาหละ เจ้ากลับไปได้แล้ว และอย่าลืมทำให้ข้าได้สนุกยิ่งขึ้นไปอีก "

        ผมได้แต่ยิ้มแหยะ กับคำพูดของเขาก็ที่ผมจะเริ่มเลือนหายไปโดยไม่ลืมทิ้งคำพูดที่ทำให้เขาตะลึงออกมา ถึงจะเล็กน้อย แต่ผมก็พอจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตานั้น

        ก่อนที่ผมจะเลือนหายไปจนหมอดดยมีรอยยิ้มของเขาส่งตามให้ผม 

       " ขอบคุณที่ส่งผมมาที่นี่ครับ พระเจ้า หรือจะเรียกว่าคุณพ่อดี"


    ............................................................................................................................................

    (พระเจ้า)

       ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจ น่าสนใจมาากทีเดียว เขารู้ด้วยว่าวิญญาณของคนที่เขาเรียกว่าพ่อ เป็นส่วนเศษเสี้ยวหนึ่งของข้าอยู่ด้วย ไม่แน่ต่อไปเขาอาจเป็นที่สุดยอดกว่านี้ก็ได้ 

       " ฮ่าๆๆ เจ้ามันน่าสนใจจริง ไอ้ลูกชาย " 

    แล้วทั้งหมดก็หายไปแล้วกลับไม่เคยมีสิ่งใดอยู่ตรงนี้มาก่อน

    ............................................................................................................................................

    (แพนเจีย)


       ผมที่ค่อยลุกขึ้นมายืน จากที่ต้องนอนอยู่บนพื้นของบอกเลยว่าเมื่อยโคตร สงสัยจะไม่ชินสินะเรา ผมก็เริ่มสำรวจตัวเองอีกครั้ง ดูเหมือนจะไม่เป็นไรสินะ แต่เสื้อที่คุณแม่ให้ มามีแต่เลือดเต็มไปหมด ผมจึงเปลี่ยนไปใส่ชุดเก่าที่ใส่มาจากโลกเดิม 

       หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จผมก็หันกลับไป เพื่อจะเดินไปยังที่ที่วางร่างของพ่อกับแม่ไว้
    แต่ตอนนั้น ก็มีความเคลื่อนไหวมาจากด้านหลัง ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งมาจากด้านหลัง ผมจึงสปริงตัวให้ลอยขึ้นไปด้านบน เพื่อหลบสิ่งที่เข้ามาด้านหลังไป 

       เมื่อภาพที่ผมเห็นคือ เป็นลูกบอลพลังงานสีดำที่พุ่งมายังบริเวณที่ผมเคยยืนอยู่เดิม  ก่อนจะเลยออกไป แล้วไปโดนเศษซากบ้านที่อยู่แถวนี้ ก่อนจะเกิดการระเบิดตามมาจนพื้นเป็นหลุมกว้างหลายเมตร 
     
        แล้วผมก็ลงไปยืนที่พื้นอย่างเดิม พร้อมกลับหันหลังไปมองที่มาของลูกบอลพลังงาน ปรากฏเป็นไอ้บอสโครงกระดูกนั่น นี่มันยังไม่ตายอีกเหรอ ที่โดนพลังของแม่ไปนะเต็มๆเลยนะ นี่สินะความต่างชั้นของเลเวลนะ 

        แต่ถึงผมจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่สภาพของบอสตัวนี้ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร ผ้าคลุมของมันก็ขาดหลายจุด รวมถึง กระดูกที่ร่างก็หายไปบางส่วน แขนซ้ายก็ไม่มีด้วย โดยรวมแล้วเรียกว่าปางตายเหมือนกันนะ ในระหว่างที่ผมกำลังสำรวจมันอยู่มันก็พูดขึ้นมา

       " เจ้าคงเป็นลูกของไอ้สองเอลฟ์นั่นสินะ ทำไว้กับข้าซะแสบเลย ดีนะที่พวกมันตายแล้ว แต่เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าตามไอ้สองคนนั่นไป ฮ่าๆๆ"

        'เออ จะบอกว่าไงดี เอ็งดูสภาพตัวเองก่อนเถอะ จะตายอยู่แล้วนะยังปากดีอีก ได้ ลามปามถึงขนาดนี้ เดี๊ยวจะจัดให้สาสมใจเลยทีเดียว ฮึ ฮึ'

          แต่ผมยังคงสงสัยว่ามันมาทำลายที่นี่ทำไม ทั้งที่หมู่บ้านนี้ก็ไม่เคยวุ่นวายอะไรมันเลย แถมมันอยู่ตรงไหนของป่า ขนาดท่านพ่อดาอัสยังไม่รู้เลย แล้วมันปรากฏตัวออกมาทำไม

       " ผมอยากรู้ว่า แกมาทำลายที่นี่ทำไม มันไม่มีเหตุผลที่แก จะต้องทำอย่างนี้เลยนิ"

         ผมถามมันด้วยความอยากรู้ แต่ในหัวกำลังร่ายเวทเอาไว้ ส่วนมือก็เอือมไปหยิบดาบที่หลังขึ้นมา ส่วนบอส เมื่อได้ยินคำถามของผม มันก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะตอบผม

       " ฮ่า ฮ่า ข้าแค่ไม่ชอบให้ในอาณาเขตที่ข้าปกครองมีความสุขก็เท่านั้น ตัวข้าที่เกิดจากการตายอันโศกเศร้ารวมตัวกัน ยอมไม่ได้ที่จะมีความสุขเกิดขึ้นในที่นี่  ตลอดเวลาที่ข้าพยายามจะหาที่นี่ เจอ ก็เหมือนไม่เจอ จนในที่สุดข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่ออกมา จนทำให้ข้าสามารถระบุตำแหน่งของหมู่บ้านนี้ได้ ข้าจึงไม่รอช้าบุกเข้ามาทำลายมันทิ้งซะ ยังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ"

      "เหตุผลแค่นี้ แก่ถึงฆ่าคนทั้งหมู่บ้านเลยเหรอ "

      " ใช่ แคนั้นแหละ เตรียมตัวตามพวกมันไปได้แล้ว "

        'โอ้โห มันเลวโดยธรรมชาติเลยแหะ ดูเหตุผลของมัน ตูจะเจื่อนมันทิ้ง'

      แล้วหลังจากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่ผม พร้อมการงอกนิ้วให้ยาวและคมเพื่อจะมาฆ่าผม แต่ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวผม ผมก็ใช้ดาบของพ่อที่ดึงไว้ในมือกันกรงเล็บที่พุ่งเข้ามา แล้วปัดมันไปด้านข้าง   ตามด้วยลูกเตะเข้าที่ลำตัวมันจนมันกระเด็นออกไปหลายเมตร  แต่ดูเหมือนจะผิดทางไปหน่อย 

       บอสดันกระเด็นไปทางที่มีเคียวของมันที่ผมดึงออกมา อยู่ มันจึงใช้มือข้างที่เหลืออยู่คว้าเอาไว้ ก่อนจะตีลังกาตั้งหลักกลับมายืนเหมือนเดิม ผมที่ไม่รอให้มันฟื้นตัว ตั้งใจจะเจือนมันไปแล้ว(!!!)  จึงพุ่งตามมันไปทันทีอย่างรวดเร็ว เพื่อไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ก่อนจะปล่อยเวทที่ร่ายไว้ออกไปในระยะประชิด 

         " วินด์ สตรอม "

        แล้วก็มีพายุขนาดย่อมอัดเข้าใส่ตัวบอส ก่อนจะขยายออกมาจนครอบคลุมบอสทั้งหมด ก่อนที่อัดกระแสลมที่หมุนด้วยความเร็วสูงใส่มันที่อยู่ด้านใน จนชุดคลุมของมันมีรอยขาดเพิ่มขึ้น รวมถึงรอยบิ่นบนกระดูกบางแห่ง

        ผมที่ถอยหลังกลับมาเพื่อตั้งหลัก อยู่ห่างมันพอประมาณ โดยมองเวทที่ตนปล่อยออกมาอย่างอึ้งๆ

      'อึก นี่เราเก่งขนาดนี้เลยเหรอ สงสัยเป็นเพราะค่าสถานะกับการจุติครั้งสุดท้าย ยังไม่ได้ดูเลยว่า ได้อะไรมาบ้าง เอาไว้ทีหลัง'


       แล้วบอสก็กางเกราะพลังเวทออกมาจนพายุของผมสลายไป แล้วมันก็พุ่งเข้าใส่ผมอีกครั้งอย่างเร็วจนตาผมมองไม่ทัน ผมจึงหลับตาลง แล้วใช้สัญชาตญาณเพื่อรับการโจมตีของมัน มันฟาดเคียวใส่ผมไปมา ผมที่รับรู้ทิศทางจากสัญชาตญาณก็ใช้ดาบในมือ ปัดป้องการโจมตีที่เข้า 

       " ไอ้สวะ ที่แกหลับตาเนี่ยแสดงว่าเตรียมใจเรียบร้อยแล้วสินะ แต่ข้าไม่ให้เจ้าตายง่ายๆหรอก เมื่อกี้เจ้าเล่นข้าซะ หนักเลย เดี๋ยวข้าขอเอาคืนก่อนละกัน ฮ่าๆๆ "

       ระหว่างที่รุกไล่กัน ผมก็ร่ายเวทไปด้วย โดยกะจะเล่นมันด้วยเวทแรงๆให้จบที่เดียว แล้วใช้เท้าพยายามลากวงเวทบนพื้นในระหว่างการต่อสู้  จนกระทั่งเสร็จแล้วพยายามล่อให้มันไปกลางวงเวท 

        เมื่อได้จังหวะแล้ว ผมก็จัดการดันดาบรุกคืน มันไม่ทันระวัง คิดว่าผมใกล้หมดแรงแล้ว ก็เลยโดนผมตวัดดาบเข้าใส่ ปัดเคียวมันไปอีกทาง แล้วล่อมันไปกลางวงเวท

       จนมันถึงมาถึงกลางวงเวทแล้ว ผมก็ใช้เวทที่ร่ายอยู่ใส่มัน เพื่อตรึงมันให้อยู่กับที่

     " พันธนาการแสง " 

      หลังจากที่ตรึงมันไว้กลางวงได้สำเร็จ ผมจัดการอัดพลังเวทลงไปในวงเวทที่ลากไว้ บอสมันหันมามองที่ผมก่อนจะมองไปใต้เท้าของตนเอง ด้วยความตกใจ 

        " แก คิดจะทำอะไร ปล่อยข้านะ "

        " แก สมควรโดนแล้ว แต่ยังไง ขอโทษด้วยแล้วกัน ขอให้ไปดีแล้วกัน"

        " อัศนวารีชำระล้าง (storm clearing)"

         แล้วจากนั้นก็เกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ที่มีน้ำล้อมรอบ ก่อนจะหมุนอัดใส่ร่างของมันอย่างรุนแรงแล้วก็ พัดเอาบอสลอยขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะสลายหายไป แล้วปล่อยร่างของบอสลงกระแทกพื้นอย่างแรง จนเป็นหลุมขนาดใหญ่ 

         ผมจึงค่อยๆเดินมาตรวจสอบดูที่หลุม แต่ก่อนที่จะได้ชะโงกหัวลงไปดู กลับปรากฏร่างของบอสกำลังลุกขึ้นมา ผมจึงเตรียมดาบขึ้นมาก่อนเพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อมันขึ้นมาก็เห็นที่เอาดาบออกมาเพื่อเตรียมจะสู้ ก็ได้ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ ก่อนจะลงไปนั่งกับพื้น  แล้วก็พูดขึ้นมา

        " พอแล้ว ยังไงข้าก็ไม่รอด แล้ว แต่เจ้าเนี่ยเก่งจริงๆนะ ล้มข้าลงได้ "

    ผมที่รู้แปลกในท่าทีของมันก่อนจะ เก็บดาบแล้วแต่ก็ยังร่ายเวทเตรียมไว้ก่อนจะถามมัน

       " เจ้าใช่บอสตัวเดิมหรือป่าวเนี่ย หรือโดนปั่นจนเพี้ยนไปแล้ว "

      เมื่อมันได้ยินคำถามผมก็หัวเราะออกมา

       " ฮ่าๆๆ เจ้านี่ตลกดีนะ ใช่ข้าเนี่ยล่ะบอสตัวเดิม เพียงแต่ข้าถูกชำระล้างแล้วล่ะมั่ง เลยกับเป็นปกติ "

      " แกแน่ใจนะ "

      " ฮ่าๆๆ แน่นอน สนใจฟังเรื่องของข้าครั้งสุดท้ายก่อนมั้ยล่ะ "

       ผมมองมันก่อนสักครู่ หลังจากนั้นก็พยักหน้าให้มัน เพราะอย่างไรก็คงไม่เสียฤกษ์สักเท่าไร แล้วผมก็เดินเข้าไปยืนฟังมันใกล้ แต่ยังไม่คลายเวทที่ร่ายไว้

      " ข้าจะเล่าให้ฟัง ก่อนที่ข้าจะกลายเป็นบอสไปนั้น ข้าก็เป็นมนุษย์มาก่อน "

      " ฮ่ะ แกเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ไม่จริงน่ะ"

      " ฮ่าๆๆ ข้าเคยเป็นนักเวทที่ทำงานให้กับอาณาจักรแห่งหนึ่ง  ข้านั้นมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งที่ข้ารักอยู่นางเป็นข้ารับใช้อยู่ในวัง ข้าพยายามที่จะทำความดีเพื่อขอพระราชาให้จัดงานแต่งให้ข้ากลับนาง หลังจากที่ข้าไปทำภารกิจที่ราชสำนักไว้วานให้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับคำขอ ของข้าแต่เมื่อข้ากลับมา ข้ากลับถูกทหารจับในข้อหากบฏ ทำให้ข้าถูกจับขังคุกทันที เมื่อข้าถามหาเหตุผล ทำให้รู้ว่ามีการพบแผนที่ล้มราชบัลลังก์ ในบ้านของข้า 
     ทำให้ข้ารู้ทันทีว่าข้าถูกใส่ร้าย ในคืนก่อนที่ข้าจะถูกประหาร นางหญิงสาวที่ข้ารักก็เข้ามาหาข้า ก่อนจะมาเล่าความจริงให้ข้าฟัง ด้วยความสะใจว่า ทั้งหมดเป็นแผนของขุนนางผู้หนึ่งในราชสำนักที่อิจฉาในความสามารถของข้า จึงได้วางแผนกับนางเพื่อใส่ร้ายข้า มันทำให้ข้าโกรธแค้นเป็นอย่างมากที่ถูกทรยศจากนาง  ข้าจึงร่ายเวทต้องห้าม เพื่อกลายเป็นมอนสเตอร์อันเดท แล้วหนีออกมา ก่อนจะไปฆ่าขุนนางคนที่ใส่ร้ายข้า แล้วก็หนีออกมาจากที่นั่นมาสู่ป่าแห่งนี้ แต่ดูความเสียใจและโกรธแค้น จึงค่อยๆหลอมจิตใจข้าให้เต็มไปด้วยความมืด แล้วค่อยแผ่พลังเวทไปครอบคลุมทั่วทั้งป่า จนกลายเป็นดันเจี๊ยนอย่างตอนนี้ไงล่ะ  "

        หลังจากที่ผมได้ฟังดูเหมือนสิ่งที่บอสตัวนี้เจอมาจะเลวร้ายพอสมควรแหะ ชีวิตน่าเศร้าจัง ผมที่รู้สึกสงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยได้แต่นิ่งเงียบเพื่อฟังในสิ่งที่บอสจะพูด

      " ข้าในตอนนี้ ไม่เหลือแล้วสิ่งเรียกว่าความแค้น เพราะมันคงผ่านมา 600ปี ความแค้นอะไรก็หมดไปแล้ว เพียงข้าอยากให้เจ้าช่วยฆ่าข้าที "

      "เอ๋ ทำไมฉันฆ่านาย "

      " ฮ่าๆๆ ข้าจะตายทั้งที ขอตายในมือคนที่ชนะข้าได้ดีกว่า"

        หลังจากที่ ฟังคำขอแล้ว ผมที่คิดจะปฏิเสธก็ต้องเก็บความคิดนั้นไป เมื่อเห็นความตั้งใจของบอสตัวนี้ จึงได้แต่พยักหน้ารับ แล้วมันก็ปล่อยวางความคิด แล้วนอนลง เพื่อเป็นการให้เกียรติ ผมจึงหยิบดาบออกมาแล้วแทงลงไปที่ร่างของบอส ก่อนที่บอสจะค่อยๆสลายหายไป เป็นแสงลอยเข้ามาที่ร่างของผม แล้วก็เหลือแต่ไอเทมกองอยู่บนพื้น

        เมื่อผมไปสัมผัสของทั้งหมดเพื่อเก็บ แต่ดูเหมือนของบางอย่างจะใช้เลยโดยอัตโนมัติรวมไปถึงลูกแก้วสีดำที่กองอยู่ด้วย ซึ่งผมแน่ใจว่ามันคือลูกแก้วธาตุความมืดแน่นอน 
     
       จากนั้นผมก็ไปเก็บเคียวของบอสไปด้วย เพื่อเอาไว้ใช้เปลี่ยนเป็นกันโจมตี  แล้วผมก็เดินกลับไปยังบริเวณที่ผมวางร่างของพ่อกับแม่ไว้ ก่อนจะเริ่มทำการฝังร่างของคนทั้งคู่ไว้เคียงข้างกัน พร้อมทำหินหลุมศพทั้งคู่ให้ จากการค่าสถานะที่ยังไม่ได้ดูแต่พอจะรู้ว่าเยอะแน่นอน โดยสลักป้ายให้แก่พวกท่าน

                      ' ดาอัส และ ฟีเลีย ดาสวู๊ด 

                     ความตายมิอาจพรากรักทั้งสอง

                        ความการุญที่มีเสมอมา  '

      
      แล้วจากนั้นผมก็ทำการฝังร่างให้กับทุกคนในหมู่บ้านเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินไปที่หน้าหลุมศพของพ่อแม่อีกครั้ง ก่อนจะก้มหัว พร้อมกับบอกลา 

      " ผมไปก่อนนะครับ คุณพ่อ คุณแม่  แล้วผมจะไปเยี่ยมบ้านเกิดของคุณพ่อกับคุณแม่ให้ได้ครับ "

      แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังในหัวอีกครั้ง

      <<ตอนนี้ดันเจี๊ยน {ป่าแห่งความโศกศัลย์}ได้รับการปลดปล่อย>>

      <<ตอนนี้สามารถออกไปข้างนอกได้แล้ว>>

      <<ทำการเปลี่ยนพื้นที่ป่ากลับเป็นเหมือนเดิม>>

      <<คุณต้องการออกจากป่าเลยหรือไม่>>

      " ออก "

      <<ทำการวาร์ปออกจะเริ่มใน 10 9 8 ...>>

      แล้วตัวผมค่อยหายไปจากบริเวณนั้น ไปส่วนโลกภายนอกโดยทิ้งไว้แค่รอยยิ้มให้แก่หลุมศพที่ผมยืนอยู่ข้างหน้านั้น

                                [สิ้นสุดช่วงแรก : ดันเจี๊ยนในต่างโลก ]

                                   [start : การผจญภัยในโลกใหม่]

    ............................................................................................................................................

    เสร็จแล้ว จะเข้าเมืองเย้ 

    ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีมาตลอด แต่บางอันก็น่ากลัวครับ(-_-!!) 

    เอาเป็นว่า อ่านหนังสือสอบด้วยนะครับ 

    ปล. ตอนหน้าจะเป็นการเรื่อยเปื่อยนิดหนึ่งนะครับ แต่ไม่น่าเบื่อแน่ มั้ง

     1 comment = 1 กำลังใจ เช่นเดิม ขอบคุณครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×