ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tale of Another world ตำนานบทใหม่ที่ต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ(ถึงจะเป็นบทหนึ่งในเด็กดีก็เถอะ) re-new 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 59


    บทนำ
     



                   ท่ามกลางฤดูหนาวที่หิมะกำลังโปรยลง ที่พระราชวังแห่งหนึ่ง มีเด็กชายกำลังวิ่งเล่นไปตามทางเดินของปราสาท โดยมีเหล่าคนรับใช้คอยเดินตาม แล้วตอนนี้เด็กชายตัวน้อยจะวิ่งหายไปจากสายตาของข้ารับใช้ในปราสาทเสียแล้ว ทำคนรับใช้ที่เดินตามมาตอนแรกวุ่นวายตามหาเด็กชายกันไปทั่ววังเลยทีเดียว


                 “ องค์ชายเพคะ องค์ชายอยู่ที่ไหนรีบออกมาหา หม่อมฉันเถอะเพคะ “


             “ องค์ชายพะยะค่ะ ถ้าท่านเจ้าเสด็จมา พวกข้าพระองค์จะถูกลงอาญานะพะยะค่ะ “

                  

      ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตามหาเด็กชายตัวน้อยที่หายไป แต่ความจริงแล้วเด็กชายตัวน้อยยังคงหลบอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นไม่ได้ไปไหน แล้วกำลังยืนหัวเราะท่าทีกระวนกระวายของเหล่าข้ารับใช้อย่างสนุกสนาน  ก็จะพึมพำคุยกับตนเอง


                    “ ฮิ ฮิ ข้าขอโทษนะทุกคน เพียงแต่ข้าอยากไปสำรวจห้องทำงานของเสด็จพ่อแค่นั้น เพราะมันเป็นที่เดียวในปราสาทที่ข้าไม่เคยได้เข้าไปสักครั้ง “


                    แล้วหลังจากนั้นเด็กชายก็หายไปจากบริเวณ ก่อนจะย่องไปตามทางเดินของปราสาทแห่งนี้ เพื่อจะมาทุกคนในปราสาทที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการตามหาตน มาพบเจอเข้าในตอนที่ยังทำภารกิจไม่เรียบร้อย โดยตลอดเส้นทางเด็กชายตัวน้อยสามารถหลบรอดสายตาของทุกคนไปได้อย่างดี ไม่มีใครมองเห็นเด็กชายตัวน้อยแม้แต่คนเดียว


                      ในที่สุดเด็กชายตัวน้อยก็มาถึงเป้าหมายของตนตามที่วางเอาไว้ เพราะตอนนี้เขายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องขนาดใหญ่ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ที่ลูกบิดทำมาจากทองเหลืองเงาสวยงาม เด็กชายก็ค่อยๆแง้มประตูออกเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจนตำแหน่งของตนถูกเปิดเผยออกมา  ก่อนจะแทรกตัวผ่านช่องประตูที่เปิดอยู่แล้วค่อยๆปิดมันอีกครั้ง ซึ่งภายในห้องกับมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ด้านใน ส่วนรอบๆห้องกับเต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ มากมายหลายพันเล่มใส่อยู่เต็มชั้นหนังสือไปหมด  แล้วเด็กชายก็ถือโอกาสสำรวจห้องอย่างที่ตนต้องการในทันที

                      

                         เมื่อเด็กชายค้นห้องไปได้สักพัก จนหนังสือที่ตอนแรกเรียงอยู่บนชั้นสวยงาม แต่ตอนนี้กับกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนห้องที่ดูเรียบร้อยในตอนแรกดูรกขึ้นมาทันตา   ด้วยฝีมือของเด็กชายตัวน้อย ที่พยายามหาสิ่งหน้าสนใจจากในห้องนี้ จนเด็กชายเริ่มหมดอารมณ์กับการรื้อค้นห้องนี้เสียแล้ว จึงบ่นออกมาเสียไม่ได้

                         

                  “ ห้องนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจสักนิดแต่ทำไมทุกคนถึงห้ามข้าเข้ามาก็ไม่รู้ “

                        

                        แต่เด็กชายก็ยังคงรื้อค้นห้องต่อไป จนตอนนี้หนังสือทั้งหมดถูกวางเกะกะไว้ตามพื้นเต็มไปหมด แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่ตรงกับความต้องการของเด็กชายแม้แต่อย่างเดียว จนเขาต้องบ่นออกมาอีกครั้งพร้อมถอนหายใจด้วยออกมาแรงๆ


                           “ โถ่เอ๊ย ห้องที่มีหนังสือตั้งมากมายแต่กับ ไม่มีนิทานหรือหนังสืออ่านเล่นบ้างเลย สมเป็นเสด็จพ่อผู้จริงจังไปหมด แล้วทำไมพวกท่านแม่ต้องบอกว่าข้าเหมือนเสด็จพ่อด้วย ทั้งที่ข้าออกจะเป็นคนสนุกสนานแท้ๆ แต่กับเสด็จพ่อ ผู้ไม่เคยยิ้มเอาปั้นหน้าเครียดนะ ไม่มีทางที่ข้าจะเหมือนเขาได้เลย “


                              แล้วจากนั้นเด็กชายก็หันไปมองยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง ก่อนจะทำหน้ายิ้มๆออกมา แล้วจากนั้นก็มุงไปที่โต๊ะทันที พร้อมกับความคิดที่ว่า


                              ข้าว่าในโต๊ะต้องมีหนังสือที่เสด็จพ่อซ่อนอาไว้แน่เพราะท่านไม่เคยให้ใครมายุ่งกับโต๊ะของท่านเลย ฮิ ฮิ


                            จากนั้นเด็กชายก็ลงมือค้นโต๊ะทำงานในห้องนั้นทันที   โดยหวังว่าจะเจอหนังสือลับอะไรสักอย่าง แต่พอค้นทั้งโต๊ะก็แล้ว กับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับเด็กชายตัวน้อยเป็นอย่างมาก แล้วสักพักเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า


                              บางที เสด็จพ่ออาจจะลงเวทย์เอาไว้ก็ได้ ลองหาดูก่อนสิ


                             แล้วจากนั้นเด็กชายก็รวมพลังเวทย์ไปไว้ที่ดวงตาเพื่อมองหาวงเวทย์ที่ซ่อนอยู่บนโต๊ะทำงาน หลังจากมองเห็นแล้ว เด็กชายทำมือบางอย่างลงตรงวงเวทย์นั้นจนในที่สุดวงเวทย์ที่อยู่บนโต๊ะก็หายไปพร้อมกับสิ่งของที่มองไม่เห็นในตอนแรกก็ปรากฏออกมา คือมีหนังสือปกสีน้ำตาลหนาเล่มหนึ่งปรากฏออกมา  แล้วเด็กชายก็ดีดนิ้วอย่างภาคภูมิใจ


                              อ่าฮ้า ข้าเดาถูกจริงๆด้วย เราจะได้รู้กันว่าเสด็จพ่อซ่อนหนังสือเล่มนี้เอาไว้ทำไม

                         

                           หลังจากนั้นเด็กชายก็หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นทันที โดยไม่ได้ดูที่หน้าปกที่เมื่อเปิดออกมาแล้วกับมีชื่อหนังสือเรืองแสงขึ้นมาว่า


                                   ‘Tale of my History in Another World’

                            

                           เมื่อเด็กชายเปิดอ่านหนังสือออกมาเพื่ออ่านแต่ปรากฏว่าเด็กชายไม่สามารถอ่านหนังสือในเล่มได้เลย จึงได้แต่สีหน้ายุ่งแล้วก็พยายามจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ได้ โดยค้นหาพจนานุกรมสำหรับภาษาในหนังสือเล่มนี้ แต่หลังจากค้นหาจากหนังสือทั่วห้องเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ร่องรอยที่จะช่วยในการหาคำอ่านในหนังสือได้เลย จนเด็กชายเริ่มจะถอดใจในการที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้

                                  จนกระทั่งเด็กชายรู้สึกถึงฝีเท้าที่หยุดตรงบริเวณหน้าห้องที่ตนอยู่ตอนนี้ เขาจึงรีบหาที่ซ่อนเพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้


                               แย่แล้ว ถ้าเกิดเป็นเสด็จพ่อกับมาล่ะก็ ข้าซวยแน่ๆ ข้าจะโดนลงโทษอะไรมั้งเนี่ย


                                 หลังจากเด็กชายที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงก้าวเดินเข้ามาในห้อง แล้วจากนั้นก็มีเสียงไฟในห้องถูกเปิดให้สว่างขึ้นมา สร้างความกังวนให้เด็กชายมากขึ้นไปอีกเท่าตัว จนกระทั่งมีเสียงเปล่งออกมาจากคนที่เดินเข้ามาในห้อง


                                 “ ออกมานะ เจ้าตัวแสบ ข้ารู้นะ ว่าเจ้าอยู่ในห้องนี้ “


                               เมื่อเด็กชายได้ยินเสียงเรียกก็ตกใจแต่ว่าก็ปลอดภัยกว่าเสียงของเจ้าของจริงๆมาแน่นอน เด็กชายตัวน้อยจึงมุดออกมาจากใต้โต๊ะ ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากโต๊ะ แล้วเข้าไปกอดคนที่ยืนอยู่ตรงประตู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนให้


                                 “ โอ้ ท่านแม่สามเก่งสุดยอดเลย รู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่ “


                             “ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดจากความผิดที่ทำนะ “


                                 “ ข้าทำสิ่งใดผิด ข้าแค่เข้ามาซ่อนที่ห้องนี้เท่านั้นเอง “


                               สิ่งที่เด็กชายพูดออกมาทำเอาหางคิ้วของผู้ฟังกระตุกเป็นอย่างมากก่อน ที่เธอจะกวาดสายตาไปทั่วห้องแล้วมองดูสภาพของห้องนี้ ที่เละเทะไปหมดจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้สำหรับเดิน ได้เลย แล้วก็ก้มลงมองเด็กชายที่กอดขาของเธออยู่อย่างหงุดหงิด

                      

                                    “ สภาพขนาดนี้เหรอที่เจ้าว่า เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไหนลองบอกแม่แล้วพูดอีกครั้งสิจ๊ะ ลูกชาย “


                                   อะจึ่ย สงสัยงานนี้ไม่รอดแน่เรา คงได้แต่อ้อนขอลดโทษอย่างเดียวท่านแม่สามต้องใจอ่อนอยู่แล้ว


                                   “ ท่านแม่สาม ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษอย่าลงโทษข้าเลยนะ "


                                  แล้วจากนั้นเด็กชายก็ส่งสายตาสำนึกผิดแล้วก็ส่งแววตาอันหน้าสงสารตามมาให้หญิงสาวที่เขากอดขาของเธอเอาไว้อยู่ เมื่อหญิงสาวเห็นหน้าเด็กชาย ก็เริ่มใจอ่อน เพียงแต่ความผิดก็ความผิดเธอจำเป็นต้องลงโทษเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจเสียคนในอนาคตได้   แต่ในเมื่อเธอแพ้สายตาของเด็กชายที่เหมือนกับสามีของเธอเวลาอ้อนไม่มีผิด เลยทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา


                                    “ เฮ้อ ก็ได้ แต่ข้าจำเป็นต้องบอกเรื่องของเจ้ากับพี่นางแล้วก็แม่ของเจ้าด้วย “


                                   “ ฮ่ะ บอกท่านแม่ใหญ่! ข้าว่าอย่าบอกท่านแม่ใหญ่ได้มั้ย  ไม่งั้นข้าโดนหนักอยู่ดี”


                                  “ คงจะไม่ได้หรอกเพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาน้ำชา เหล่าแม่ต้องอยู่ด้วยกันกับพี่นางอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ข้าจะไม่บอกนางเจ้าก็รู้ “


                                “ ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องยอมสินะ ท่านแม่สาม “


                                “ ช่วยไม่ได้นะ ก็เจ้าทำตัวของเจ้าเองนินะ ไปกันเถอะ ตอนนี้น้องสาวเจ้าก็อยู่ที่นั้นด้วย “


                               “ ห๋า น้องสาวข้าก็อยู่ด้วยหรือ งั้นข้ารีบไปดีกว่า ท่านแม่สามรีบไปกันเถอะ “


                               “ เดี๋ยวก่อน เจ้าตัวแสบ แล้วห้องที่เจ้าค้นไว้ซะเละนี่ล่ะจะทำยังไง “


                             “ จึ่ย ลืมซะสนิทเลย ท่านแม่ช่วยข้าเก็บทีนะครับ “


                             หลังจากที่เธอเตือนเด็กชายถึงปัญหาที่เขาก่อไว้แล้ว แต่สายตาขอความช่วยเหลือที่ส่งมาเธอพร้อมคำขอร้อง หญิงสาวได้ฟังก็ชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนจะถอนหายใจแล้ว ก็ร่ายเวทย์บทหนึ่งเข้าไปในห้องแล้วก็ทำให้หนังสือทั้งหมดที่กองอยู่บนพื้นค่อยกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมของมันบนชั้นหนังสือในห้อง จนห้องกลับมาสะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม แล้วหันไปพูดกับเด็กชาย


                                “ ข้าจะช่วยเจ้าครั้งนี้นะ แล้วก็อย่าทำเช่นนี้อีกเข้าใจมั้ย “

     

                              “ ครับผม คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ “


                             เพียงแต่ต่อหน้าท่านเท่านั้นครับ ท่านแม่ อิ อิ


                              แล้วจากนั้นเด็กชายกับหญิงสาวก็เดินมุ่งไปยังอีกห้องหนึ่งโดยในมือถือหนังสือเจ้าปัญหาที่เด็กชายไม่สามารถอ่านได้มาด้วย  โดยที่หนังสือเล่มนั้นก็อยู่ในสายตาของหญิงสาวที่เดินมาด้วยเพียงแต่  เธอเห็นก็ไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มออกมา


                               แหม่เด็กคนนี้นิ เก่งใช่ย่อยสามารถหาหนังสือเล่มนั้นที่ท่านพี่ซ้อนเอาไว้เจอด้วย


                              แล้วตอนนี้ทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งที่มีเสียงหัวเราะออกมาราวกับมีงานเลี้ยงอยู่ภายใน แล้วเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง โดยข้างในมีชุดโซฟาจำนวนมากอยู่ใน โดยทุกทีมีหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามนั่งอยู่ประมาณสิบคน แล้วก็มีเด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนตักของหญิงสาวที่นั่งดื่มชาอยู่ในบริเวณนั้น

                               สายตาของเด็กชายมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อย ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเธอแล้วก็กอดเธออย่างรักใคร่ แล้วจึงนั่งลงข้างๆพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงมาไว้ที่ตักของตน โดยลืมคนที่มาด้วยไว้ข้างหลังทันที เพียงแต่หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็เดินมาหาเด็กชายพร้อมกับเอ่ยเตือนออกมา


                               “ เจ้าตัวแสบลนใจแต่น้อง แล้วมารยาทล่ะหายไปไหน “


                               หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยเตือนออกมา ทำให้เด็กชายรู้สึกตัวก่อนจะก้มหัวขอโทษออกมาก่อนจะทักทายทุกคนในห้อง


                               “ ข้าขอโทษ  สวัสดียามบ่ายขอรับท่านแม่ทั้งหลาย “


                                 เมื่อเด็กชายเอ่ยขอโทษ พร้อมกับกล่าวทักทายเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งกอดเด็กหญิงต่อไป ซึ่งเด็กหญิงก็ไม่ได้รำคาญอะไรออกดีใจด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับพี่ชายของตน แล้วเมื่อเด็กชายเอ่ยทักทายก็ทำให้หญิงสาวที่มากับเขานั่งลงที่ข้างหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วก้มหัวทักทายทุกคนที่อยู่ในห้อง จากนั้นหญิงสาวที่นั่งข้างก็ส่งถ้วยชามาให้แล้วก็รินชาให้กับเธอ เธอจึงจิบไปนิดหนึ่งก่อนจะบอกคุยกัน


                              “ ชาอร่อยมากคะ พี่หญิง ขอบคุณค่ะพี่ “


                             “ พี่บอกกี่ครั้งแล้ว เวลาอยู่ด้วยกันให้เรียกปกติไงจ๊ะ “

                    

                             “ ก็มันติดปากนิค่ะ หยวนๆหน่อยแล้วกันนะคะ “


                            “ เฮ้อจริงๆเลย เธอเนี่ยนะ ช่างเถอะ ว่าแต่ข้างนอกเขาวุ่นวายอะไรกันเหรอ “


                            หญิงสาวเมื่อได้ยินคำถามก็ถอนหายใจ ก่อนจะเลสายตาไปทางเด็กชายที่นั่งกอดเด็กหญิงอยู่ ทำเอาคนถามเข้าใจก่อนที่จะหันไปเรียกเด็กชายออกมา ทำเอาเด็กชายสะดุ้งทีเดียว


                               “ เจ้าตัวแสบไปก่อเรื่องอะไรอีกสินะ ไหนมีเรื่องอะไรจะบอกแม่มั้ย “


                              เด็กชายสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยกับคำถามแต่ยังคงอ้ำอึ้งไม่ตอบอะไรออกมา แต่ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เลยทำให้หนังสือที่ซ่อนไว้ข้างหลังตกลงมาที่พื้น แล้วเมื่อหญิงสาวอีกคนเห็นจึงก้มลงไปหยิบขึ้นมาก่อนจะดูชื่อที่หน้าปก แล้วเธอก็หัวเราะออกมา


                               “ ข้าพอจะรู้แล้วว่า เจ้าตัวแสบไปก่อเรื่องที่ไหนค่ะ “


                              “ ที่ไหนหรือจ๊ะ “


                              “ คงเป็นห้องทำงานของสามีพวกเรานี่แหละค่ะ “


                               เมื่อหญิงสาวทุกคนในห้องได้ยินคำตอบก็เข้าใจ แล้วก็พอจะรู้แล้วว่าหนังสือในมือของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กชายคือหนังสืออะไร แต่ก่อนที่จะได้มีอะไรต่อก็มีเสียงเย็นที่มาพร้อมรอยยิ้มมาจากหญิงสาวที่นั่งอยู่โซฟาที่ใหญ่ที่สุดเอ่ยออกมา


                                “ ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้สินะ ว่าห้ามเข้าไปที่ไหนบ้างนะ ลูก “


                               “ เออ ท่านแม่ใหญ่ ได้โปรดใจเย็นก่อน ข้าแค่อยากรู้ว่าในห้องนั้นมีอะไร ทำไมพวกท่านถึงห้ามข้าเข้าไปเท่านั้น “


                              “ เห็นแก่เจ้าแล้วกัน ข้าจะลงโทษเจ้าที่หลังเตรียมใจไว้เลยเจ้าตัวแสบ แต่หนังสือที่เจ้าเอาด้วยนี่ เจ้าสามารถอ่านมันออกด้วยหรือ “


                             “ ขอบคุณครับ ถ้าข้าอ่านออก ข้าคงไม่เอามันมาด้วยหรอกครับ แต่ข้าเห็นว่ามันน่าสนใจก็เลยเอาออกกะว่าจะเอามาศึกษานะครับ”


                             เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวทุกคนในห้องก็หัวเราะออกมาทั้งหมด สร้างความงุนงงให้แก่เด็กชายเป็นอย่างมาก จนกระทั่งหญิงสาวที่ถามหยุดหัวเราะ แล้วก็แสดงใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มจนเธอดูสวยขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยออกมา


                              “ ข้าว่าเจ้าศึกษาทั้งชีวิตก็คงอ่านไม่ออกหรอกเพราะมันลงผนึกสลับอักษรไว้ แถมยังเป็นตัวอักษรที่ไม่มีบนโลกนี้ด้วยนะ “


                             “ อ้าว ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าจะทำยังไงล่ะครับ ข้าอยากรู้เรื่องราวในนั้น “


                            “ งั้นพวกแม่จะปลดผนึกก็แล้วกัน แต่เรื่องจะอ่านคงมีแค่ พ่อของเจ้า แม่ แล้วก็ แม่กับแม่ห้า แล้วก็พวกน้าๆของเจ้าล่ะมั้งที่อ่านออก “


                             แล้วหลังจากที่ได้ฟังเด็กชายก็ตีหน้ายุ่งอีกครั้งด้วยความงุนงง  เพราะภาษาในหนังสือเล่มนั้นตนอยากรู้เป็นอย่างมาก แต่พวกแม่แต่ละคนก็ได้ร่ายปลดผนึกตัวอักษรแล้ว จากนั้นตัวอักษรในหนังสือก็ลอยออกมาก่อนที่บินวนไปทั่วห้องก่อนที่จะค่อยๆเรียงตัวกับเข้าไปในหนังสืออย่างเดิม แล้วส่งคืนเด็กชายไป แต่เด็กชายกลับไม่รับคืน เพียงแต่เอ่ยคำถามออกมาว่า


                            “ งั้นท่านแม่ใหญ่อ่านให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ”


                          “ ไม่ต้องหรอก ถ้าเจ้าอยากรู้ พวกแม่จะเล่าให้ฟังเองก็ได้ “


                             เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กชายก็ทำตาเป็นประกายก่อนที่จะเอ่ยปากให้หญิงสาวทุกคนในห้องได้ยิ้มออกมาอีกครั้ง


                             “ งั้นรบกวนท่านแม่ใหญ่ และแม่ๆทุกคนเล่าให้ข้าน้อยฟังที “


                            “ เรื่องมันคงต้องเริ่มจาก................”




        
    ...................................................................................................................

    ปล. อาจคล้ายไลท์โนเวลของญี่ปุ่นนะคับแต่ มันเป็นเรื่องที่ผมชอบมาก จึงเอามาใช้เป็นต้นแบบ อาจมีส่วนที่คล้ายกันแต่ ผมขอบอกเลยว่าเนี่ยเนื้อหาในอีกหลายตอนๆ ไม่เหมือนแน่คับ สามารถ คอมเม้นต์ ติชม ได้นะคับ ขอบคุณคับ

    ...................................................................................................................

      แฮก ๆๆๆ เริ่มรีนิวบทนำก่อนเพื่อกันเสียงติติงจากการก๊อปจ๊ะ ทั้งที่บอกว่าจะแก้ใหม่ช่วงต้นทั้งหมดหลังตอน 60 แท้ๆ แต่มีหลายคอมเม้นท์ที่ไม่ยอมอ่านหัวedit เลย ทำให้ผมต้องเอาบทนำอันใหม่มาลงก่อน ช่างเถอะครับ ขอให้ผมได้ฝึกเขียนนิยายจนจบก็พอแล้ว
    55555

    แล้วตอนใหม่คงมาเช่นเคยในวันนี้นะจ๊ะ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×