คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ(ถึงจะเป็นบทหนึ่งในเด็กดีก็เถอะ) re-new 1
ท่ามกลางฤดูหนาวที่หิมะกำลังโปรยลง ที่พระราชวังแห่งหนึ่ง
มีเด็กชายกำลังวิ่งเล่นไปตามทางเดินของปราสาท โดยมีเหล่าคนรับใช้คอยเดินตาม
แล้วตอนนี้เด็กชายตัวน้อยจะวิ่งหายไปจากสายตาของข้ารับใช้ในปราสาทเสียแล้ว ทำคนรับใช้ที่เดินตามมาตอนแรกวุ่นวายตามหาเด็กชายกันไปทั่ววังเลยทีเดียว
“ องค์ชายเพคะ
องค์ชายอยู่ที่ไหนรีบออกมาหา หม่อมฉันเถอะเพคะ “
“
องค์ชายพะยะค่ะ ถ้าท่านเจ้าเสด็จมา พวกข้าพระองค์จะถูกลงอาญานะพะยะค่ะ “
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตามหาเด็กชายตัวน้อยที่หายไป
แต่ความจริงแล้วเด็กชายตัวน้อยยังคงหลบอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นไม่ได้ไปไหน
แล้วกำลังยืนหัวเราะท่าทีกระวนกระวายของเหล่าข้ารับใช้อย่างสนุกสนาน ก็จะพึมพำคุยกับตนเอง
“ ฮิ ฮิ
ข้าขอโทษนะทุกคน เพียงแต่ข้าอยากไปสำรวจห้องทำงานของเสด็จพ่อแค่นั้น เพราะมันเป็นที่เดียวในปราสาทที่ข้าไม่เคยได้เข้าไปสักครั้ง
“
แล้วหลังจากนั้นเด็กชายก็หายไปจากบริเวณ
ก่อนจะย่องไปตามทางเดินของปราสาทแห่งนี้
เพื่อจะมาทุกคนในปราสาทที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการตามหาตน
มาพบเจอเข้าในตอนที่ยังทำภารกิจไม่เรียบร้อย โดยตลอดเส้นทางเด็กชายตัวน้อยสามารถหลบรอดสายตาของทุกคนไปได้อย่างดี
ไม่มีใครมองเห็นเด็กชายตัวน้อยแม้แต่คนเดียว
ในที่สุดเด็กชายตัวน้อยก็มาถึงเป้าหมายของตนตามที่วางเอาไว้
เพราะตอนนี้เขายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องขนาดใหญ่ที่ทำจากวัสดุชั้นดี
ที่ลูกบิดทำมาจากทองเหลืองเงาสวยงาม
เด็กชายก็ค่อยๆแง้มประตูออกเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจนตำแหน่งของตนถูกเปิดเผยออกมา
ก่อนจะแทรกตัวผ่านช่องประตูที่เปิดอยู่แล้วค่อยๆปิดมันอีกครั้ง
ซึ่งภายในห้องกับมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ด้านใน ส่วนรอบๆห้องกับเต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ
มากมายหลายพันเล่มใส่อยู่เต็มชั้นหนังสือไปหมด
แล้วเด็กชายก็ถือโอกาสสำรวจห้องอย่างที่ตนต้องการในทันที
เมื่อเด็กชายค้นห้องไปได้สักพัก จนหนังสือที่ตอนแรกเรียงอยู่บนชั้นสวยงาม แต่ตอนนี้กับกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนห้องที่ดูเรียบร้อยในตอนแรกดูรกขึ้นมาทันตา ด้วยฝีมือของเด็กชายตัวน้อย ที่พยายามหาสิ่งหน้าสนใจจากในห้องนี้ จนเด็กชายเริ่มหมดอารมณ์กับการรื้อค้นห้องนี้เสียแล้ว จึงบ่นออกมาเสียไม่ได้
“
ห้องนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจสักนิดแต่ทำไมทุกคนถึงห้ามข้าเข้ามาก็ไม่รู้ “
แต่เด็กชายก็ยังคงรื้อค้นห้องต่อไป
จนตอนนี้หนังสือทั้งหมดถูกวางเกะกะไว้ตามพื้นเต็มไปหมด
แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่ตรงกับความต้องการของเด็กชายแม้แต่อย่างเดียว
จนเขาต้องบ่นออกมาอีกครั้งพร้อมถอนหายใจด้วยออกมาแรงๆ
“ โถ่เอ๊ย
ห้องที่มีหนังสือตั้งมากมายแต่กับ ไม่มีนิทานหรือหนังสืออ่านเล่นบ้างเลย
สมเป็นเสด็จพ่อผู้จริงจังไปหมด แล้วทำไมพวกท่านแม่ต้องบอกว่าข้าเหมือนเสด็จพ่อด้วย
ทั้งที่ข้าออกจะเป็นคนสนุกสนานแท้ๆ แต่กับเสด็จพ่อ
ผู้ไม่เคยยิ้มเอาปั้นหน้าเครียดนะ ไม่มีทางที่ข้าจะเหมือนเขาได้เลย “
แล้วจากนั้นเด็กชายก็หันไปมองยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
ก่อนจะทำหน้ายิ้มๆออกมา แล้วจากนั้นก็มุงไปที่โต๊ะทันที พร้อมกับความคิดที่ว่า
‘ข้าว่าในโต๊ะต้องมีหนังสือที่เสด็จพ่อซ่อนอาไว้แน่เพราะท่านไม่เคยให้ใครมายุ่งกับโต๊ะของท่านเลย
ฮิ ฮิ’
จากนั้นเด็กชายก็ลงมือค้นโต๊ะทำงานในห้องนั้นทันที โดยหวังว่าจะเจอหนังสือลับอะไรสักอย่าง
แต่พอค้นทั้งโต๊ะก็แล้ว กับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง
ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับเด็กชายตัวน้อยเป็นอย่างมาก
แล้วสักพักเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
‘บางที
เสด็จพ่ออาจจะลงเวทย์เอาไว้ก็ได้ ลองหาดูก่อนสิ’
แล้วจากนั้นเด็กชายก็รวมพลังเวทย์ไปไว้ที่ดวงตาเพื่อมองหาวงเวทย์ที่ซ่อนอยู่บนโต๊ะทำงาน
หลังจากมองเห็นแล้ว
เด็กชายทำมือบางอย่างลงตรงวงเวทย์นั้นจนในที่สุดวงเวทย์ที่อยู่บนโต๊ะก็หายไปพร้อมกับสิ่งของที่มองไม่เห็นในตอนแรกก็ปรากฏออกมา
คือมีหนังสือปกสีน้ำตาลหนาเล่มหนึ่งปรากฏออกมา แล้วเด็กชายก็ดีดนิ้วอย่างภาคภูมิใจ
‘อ่าฮ้า
ข้าเดาถูกจริงๆด้วย เราจะได้รู้กันว่าเสด็จพ่อซ่อนหนังสือเล่มนี้เอาไว้ทำไม’
หลังจากนั้นเด็กชายก็หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นทันที
โดยไม่ได้ดูที่หน้าปกที่เมื่อเปิดออกมาแล้วกับมีชื่อหนังสือเรืองแสงขึ้นมาว่า
‘Tale of my
History in Another World’
เมื่อเด็กชายเปิดอ่านหนังสือออกมาเพื่ออ่านแต่ปรากฏว่าเด็กชายไม่สามารถอ่านหนังสือในเล่มได้เลย
จึงได้แต่สีหน้ายุ่งแล้วก็พยายามจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ได้
โดยค้นหาพจนานุกรมสำหรับภาษาในหนังสือเล่มนี้
แต่หลังจากค้นหาจากหนังสือทั่วห้องเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ร่องรอยที่จะช่วยในการหาคำอ่านในหนังสือได้เลย
จนเด็กชายเริ่มจะถอดใจในการที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้
จนกระทั่งเด็กชายรู้สึกถึงฝีเท้าที่หยุดตรงบริเวณหน้าห้องที่ตนอยู่ตอนนี้
เขาจึงรีบหาที่ซ่อนเพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้
‘แย่แล้ว
ถ้าเกิดเป็นเสด็จพ่อกับมาล่ะก็ ข้าซวยแน่ๆ ข้าจะโดนลงโทษอะไรมั้งเนี่ย’
หลังจากเด็กชายที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงก้าวเดินเข้ามาในห้อง
แล้วจากนั้นก็มีเสียงไฟในห้องถูกเปิดให้สว่างขึ้นมา สร้างความกังวนให้เด็กชายมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
จนกระทั่งมีเสียงเปล่งออกมาจากคนที่เดินเข้ามาในห้อง
“ ออกมานะ เจ้าตัวแสบ ข้ารู้นะ ว่าเจ้าอยู่ในห้องนี้ “
เมื่อเด็กชายได้ยินเสียงเรียกก็ตกใจแต่ว่าก็ปลอดภัยกว่าเสียงของเจ้าของจริงๆมาแน่นอน
เด็กชายตัวน้อยจึงมุดออกมาจากใต้โต๊ะ ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากโต๊ะ
แล้วเข้าไปกอดคนที่ยืนอยู่ตรงประตู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนให้
“ โอ้ ท่านแม่สามเก่งสุดยอดเลย รู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่ “
“
อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดจากความผิดที่ทำนะ “
“ ข้าทำสิ่งใดผิด ข้าแค่เข้ามาซ่อนที่ห้องนี้เท่านั้นเอง “
สิ่งที่เด็กชายพูดออกมาทำเอาหางคิ้วของผู้ฟังกระตุกเป็นอย่างมากก่อน
ที่เธอจะกวาดสายตาไปทั่วห้องแล้วมองดูสภาพของห้องนี้ ที่เละเทะไปหมดจนแทบจะไม่มีพื้นที่ให้สำหรับเดิน
ได้เลย แล้วก็ก้มลงมองเด็กชายที่กอดขาของเธออยู่อย่างหงุดหงิด
“ สภาพขนาดนี้เหรอที่เจ้าว่า เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดนะ
ไหนลองบอกแม่แล้วพูดอีกครั้งสิจ๊ะ ลูกชาย “
‘อะจึ่ย
สงสัยงานนี้ไม่รอดแน่เรา
คงได้แต่อ้อนขอลดโทษอย่างเดียวท่านแม่สามต้องใจอ่อนอยู่แล้ว ’
“ ท่านแม่สาม ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษอย่าลงโทษข้าเลยนะ "
แล้วจากนั้นเด็กชายก็ส่งสายตาสำนึกผิดแล้วก็ส่งแววตาอันหน้าสงสารตามมาให้หญิงสาวที่เขากอดขาของเธอเอาไว้อยู่
เมื่อหญิงสาวเห็นหน้าเด็กชาย ก็เริ่มใจอ่อน
เพียงแต่ความผิดก็ความผิดเธอจำเป็นต้องลงโทษเขา
ไม่เช่นนั้นเขาอาจเสียคนในอนาคตได้ แต่ในเมื่อเธอแพ้สายตาของเด็กชายที่เหมือนกับสามีของเธอเวลาอ้อนไม่มีผิด
เลยทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ เฮ้อ ก็ได้
แต่ข้าจำเป็นต้องบอกเรื่องของเจ้ากับพี่นางแล้วก็แม่ของเจ้าด้วย “
“ ฮ่ะ บอกท่านแม่ใหญ่! ข้าว่าอย่าบอกท่านแม่ใหญ่ได้มั้ย
ไม่งั้นข้าโดนหนักอยู่ดี”
“ คงจะไม่ได้หรอกเพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาน้ำชา
เหล่าแม่ต้องอยู่ด้วยกันกับพี่นางอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ข้าจะไม่บอกนางเจ้าก็รู้ “
“
ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องยอมสินะ ท่านแม่สาม “
“ ช่วยไม่ได้นะ
ก็เจ้าทำตัวของเจ้าเองนินะ ไปกันเถอะ ตอนนี้น้องสาวเจ้าก็อยู่ที่นั้นด้วย “
“
ห๋า น้องสาวข้าก็อยู่ด้วยหรือ งั้นข้ารีบไปดีกว่า ท่านแม่สามรีบไปกันเถอะ “
“
เดี๋ยวก่อน เจ้าตัวแสบ แล้วห้องที่เจ้าค้นไว้ซะเละนี่ล่ะจะทำยังไง “
“
จึ่ย ลืมซะสนิทเลย ท่านแม่ช่วยข้าเก็บทีนะครับ “
หลังจากที่เธอเตือนเด็กชายถึงปัญหาที่เขาก่อไว้แล้ว
แต่สายตาขอความช่วยเหลือที่ส่งมาเธอพร้อมคำขอร้อง หญิงสาวได้ฟังก็ชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนจะถอนหายใจแล้ว
ก็ร่ายเวทย์บทหนึ่งเข้าไปในห้องแล้วก็ทำให้หนังสือทั้งหมดที่กองอยู่บนพื้นค่อยกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมของมันบนชั้นหนังสือในห้อง
จนห้องกลับมาสะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม แล้วหันไปพูดกับเด็กชาย
“
ข้าจะช่วยเจ้าครั้งนี้นะ แล้วก็อย่าทำเช่นนี้อีกเข้าใจมั้ย “
“
ครับผม คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ “
‘เพียงแต่ต่อหน้าท่านเท่านั้นครับ
ท่านแม่ อิ อิ’
แล้วจากนั้นเด็กชายกับหญิงสาวก็เดินมุ่งไปยังอีกห้องหนึ่งโดยในมือถือหนังสือเจ้าปัญหาที่เด็กชายไม่สามารถอ่านได้มาด้วย
โดยที่หนังสือเล่มนั้นก็อยู่ในสายตาของหญิงสาวที่เดินมาด้วยเพียงแต่ เธอเห็นก็ไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มออกมา
‘แหม่เด็กคนนี้นิ
เก่งใช่ย่อยสามารถหาหนังสือเล่มนั้นที่ท่านพี่ซ้อนเอาไว้เจอด้วย’
แล้วตอนนี้ทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งที่มีเสียงหัวเราะออกมาราวกับมีงานเลี้ยงอยู่ภายใน
แล้วเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง โดยข้างในมีชุดโซฟาจำนวนมากอยู่ใน
โดยทุกทีมีหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามนั่งอยู่ประมาณสิบคน
แล้วก็มีเด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนตักของหญิงสาวที่นั่งดื่มชาอยู่ในบริเวณนั้น
สายตาของเด็กชายมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อย
ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเธอแล้วก็กอดเธออย่างรักใคร่
แล้วจึงนั่งลงข้างๆพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงมาไว้ที่ตักของตน
โดยลืมคนที่มาด้วยไว้ข้างหลังทันที เพียงแต่หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ก็เดินมาหาเด็กชายพร้อมกับเอ่ยเตือนออกมา
“
เจ้าตัวแสบลนใจแต่น้อง แล้วมารยาทล่ะหายไปไหน “
หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยเตือนออกมา
ทำให้เด็กชายรู้สึกตัวก่อนจะก้มหัวขอโทษออกมาก่อนจะทักทายทุกคนในห้อง
“
ข้าขอโทษ
สวัสดียามบ่ายขอรับท่านแม่ทั้งหลาย “
เมื่อเด็กชายเอ่ยขอโทษ
พร้อมกับกล่าวทักทายเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งกอดเด็กหญิงต่อไป
ซึ่งเด็กหญิงก็ไม่ได้รำคาญอะไรออกดีใจด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับพี่ชายของตน
แล้วเมื่อเด็กชายเอ่ยทักทายก็ทำให้หญิงสาวที่มากับเขานั่งลงที่ข้างหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
ก่อนจะยิ้มแล้วก้มหัวทักทายทุกคนที่อยู่ในห้อง
จากนั้นหญิงสาวที่นั่งข้างก็ส่งถ้วยชามาให้แล้วก็รินชาให้กับเธอ
เธอจึงจิบไปนิดหนึ่งก่อนจะบอกคุยกัน
“ ชาอร่อยมากคะ
พี่หญิง ขอบคุณค่ะพี่ “
“ พี่บอกกี่ครั้งแล้ว
เวลาอยู่ด้วยกันให้เรียกปกติไงจ๊ะ “
“
ก็มันติดปากนิค่ะ หยวนๆหน่อยแล้วกันนะคะ “
“
เฮ้อจริงๆเลย เธอเนี่ยนะ ช่างเถอะ ว่าแต่ข้างนอกเขาวุ่นวายอะไรกันเหรอ “
หญิงสาวเมื่อได้ยินคำถามก็ถอนหายใจ
ก่อนจะเลสายตาไปทางเด็กชายที่นั่งกอดเด็กหญิงอยู่
ทำเอาคนถามเข้าใจก่อนที่จะหันไปเรียกเด็กชายออกมา ทำเอาเด็กชายสะดุ้งทีเดียว
“
เจ้าตัวแสบไปก่อเรื่องอะไรอีกสินะ ไหนมีเรื่องอะไรจะบอกแม่มั้ย “
เด็กชายสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยกับคำถามแต่ยังคงอ้ำอึ้งไม่ตอบอะไรออกมา
แต่ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เลยทำให้หนังสือที่ซ่อนไว้ข้างหลังตกลงมาที่พื้น
แล้วเมื่อหญิงสาวอีกคนเห็นจึงก้มลงไปหยิบขึ้นมาก่อนจะดูชื่อที่หน้าปก แล้วเธอก็หัวเราะออกมา
“
ข้าพอจะรู้แล้วว่า เจ้าตัวแสบไปก่อเรื่องที่ไหนค่ะ “
“
ที่ไหนหรือจ๊ะ “
“
คงเป็นห้องทำงานของสามีพวกเรานี่แหละค่ะ “
เมื่อหญิงสาวทุกคนในห้องได้ยินคำตอบก็เข้าใจ
แล้วก็พอจะรู้แล้วว่าหนังสือในมือของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กชายคือหนังสืออะไร
แต่ก่อนที่จะได้มีอะไรต่อก็มีเสียงเย็นที่มาพร้อมรอยยิ้มมาจากหญิงสาวที่นั่งอยู่โซฟาที่ใหญ่ที่สุดเอ่ยออกมา
“
ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้สินะ ว่าห้ามเข้าไปที่ไหนบ้างนะ ลูก “
“
เออ ท่านแม่ใหญ่ ได้โปรดใจเย็นก่อน ข้าแค่อยากรู้ว่าในห้องนั้นมีอะไร
ทำไมพวกท่านถึงห้ามข้าเข้าไปเท่านั้น “
“
เห็นแก่เจ้าแล้วกัน ข้าจะลงโทษเจ้าที่หลังเตรียมใจไว้เลยเจ้าตัวแสบ
แต่หนังสือที่เจ้าเอาด้วยนี่ เจ้าสามารถอ่านมันออกด้วยหรือ “
“
ขอบคุณครับ ถ้าข้าอ่านออก ข้าคงไม่เอามันมาด้วยหรอกครับ
แต่ข้าเห็นว่ามันน่าสนใจก็เลยเอาออกกะว่าจะเอามาศึกษานะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวทุกคนในห้องก็หัวเราะออกมาทั้งหมด
สร้างความงุนงงให้แก่เด็กชายเป็นอย่างมาก จนกระทั่งหญิงสาวที่ถามหยุดหัวเราะ
แล้วก็แสดงใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มจนเธอดูสวยขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ ข้าว่าเจ้าศึกษาทั้งชีวิตก็คงอ่านไม่ออกหรอกเพราะมันลงผนึกสลับอักษรไว้
แถมยังเป็นตัวอักษรที่ไม่มีบนโลกนี้ด้วยนะ “
“
อ้าว ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าจะทำยังไงล่ะครับ ข้าอยากรู้เรื่องราวในนั้น “
“
งั้นพวกแม่จะปลดผนึกก็แล้วกัน แต่เรื่องจะอ่านคงมีแค่ พ่อของเจ้า แม่ แล้วก็
แม่กับแม่ห้า แล้วก็พวกน้าๆของเจ้าล่ะมั้งที่อ่านออก “
แล้วหลังจากที่ได้ฟังเด็กชายก็ตีหน้ายุ่งอีกครั้งด้วยความงุนงง เพราะภาษาในหนังสือเล่มนั้นตนอยากรู้เป็นอย่างมาก
แต่พวกแม่แต่ละคนก็ได้ร่ายปลดผนึกตัวอักษรแล้ว จากนั้นตัวอักษรในหนังสือก็ลอยออกมาก่อนที่บินวนไปทั่วห้องก่อนที่จะค่อยๆเรียงตัวกับเข้าไปในหนังสืออย่างเดิม
แล้วส่งคืนเด็กชายไป แต่เด็กชายกลับไม่รับคืน เพียงแต่เอ่ยคำถามออกมาว่า
“
งั้นท่านแม่ใหญ่อ่านให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ”
“
ไม่ต้องหรอก ถ้าเจ้าอยากรู้ พวกแม่จะเล่าให้ฟังเองก็ได้ “
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กชายก็ทำตาเป็นประกายก่อนที่จะเอ่ยปากให้หญิงสาวทุกคนในห้องได้ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“
งั้นรบกวนท่านแม่ใหญ่ และแม่ๆทุกคนเล่าให้ข้าน้อยฟังที “
“
เรื่องมันคงต้องเริ่มจาก................”
ความคิดเห็น