มหาสูญตาหัวใจแห่งพุทธะ - นิยาย มหาสูญตาหัวใจแห่งพุทธะ : Dek-D.com - Writer
×

    มหาสูญตาหัวใจแห่งพุทธะ

    การดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรมและความไม่ประมาทเพื่อเป็นกุศลแก่ผู้อ่านและผู้แต่

    ผู้เข้าชมรวม

    177

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    177

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 ธ.ค. 56 / 11:24 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    มหาสูญญตาหัวใจแห่งพุทธะ

    พุทธศักราชหนึ่งพันปีมารฟื้นคืนพลังจะหวลกลับมาที่โลก..พุทธศักราชสองพันห้าร้อยถึงสองพันหกร้อยปีดินน้ำไฟลมจะแปรปรวนไปทั่วโลกทำให้เกิดภัยภิบัติทำลายชีวิตมนุษย์และสัตว์ให้ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก..พุทธศักราชสองพันหกร้อยถึงสามพันปีจิตวิญญาณของมนุษย์จะเริ่มเสื่อมถอยจากศีลธรรมและมนุษย์กับสัตว์จะรวมเป็นร่างเดียวกัน..พุทธศักราชสามพันถึงสี่พันปีมนุษย์จะพากันละทิ้งคำสอนของศาสดาละทิ้งพระเจ้าออกไปจากจิตใจแล้วพากันรับเอาศาสดาและพระเจ้าองค์ใหม่เข้ามาแทนที่ในจิตใจนั่นก็คือความสะดวกสบายความเจริญทางด้านวัตถุและเทคโนโรยี่อันไร้ขีดจำกัด..เมื่อพุทธศักราชเดินมาถึงยุคห้าพันปีเทคโนโรยี่ที่เจริญอย่างไร้ขีดจำกัดจะนำพาให้มนุษย์ก้าวเข้าไปสู่ดินแดนของพระเจ้าจะทำให้มนุษย์ส่วนมากพากันหลงระเริงตนและมนุษย์ส่วนมากในยุคนี้จะไม่รู้จักระอายในการทำชั่วและจะไม่เกรงกลัวในบาปกรรมกันอีกต่อไป..และมนุษย์ต่างก็คิดว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองคือพระเจ้าสมควรที่จะอยู่ปกครองโลกใบนี้แต่เพียงเผ่าพันธุ์เดียวจึงเกิดความอิจฉาริษยากันขึ้นนำมาซึ่งการแตกแยกความสามัคคีกันออกเป็นเสี่ยงๆแล้วเปิดศึกสงครามเข้าเข่นฆ่าทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันลามออกไปทั่วโลกซึ่งจะทำให้โลกมนุษย์กลายเป็นนรกอเวจีไปในทันที..นี่ก็คือภัยบิบัติอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ทั้งโลก..และวันดับโลกที่แท้จริงก็จะมาถึงมนุษย์และสัตว์ทั้งโลกในวันนี้เอง……….                                                                                                         สัจธรรมจริงแทรกไว้ในนิยายสมควรที่ชาวพุทธและคนทั้งโลกพึงต้องรับรู้เพื่อเตือนสติตนเองและสั่งสอนลูกหลานให้พากันตั้งตัวอยู่ในความไม่ประมาทก่อนที่วันดับโลกจะมาถึง.................................
    มหาสูญญตาหัวใจแห่งพุทธะ)  ปัญญาคืออาวุธที่สว่างและคมกล้าที่สุดในจักรวาล   (ภารโรงวัด)ตอนที่หนึ่งมารฟื้นคืนพลังเริ่มบทกาลมงคล………………………………..กาลนั้นเมื่อเจ้าชายสิทธัตถราชกุมารพระบรมโพธิสัตว์เจ้าได้ทรงเสด็จออกผนวชและพระองค์ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสมดังใจปารถนาในครานั้นจอมราชันย์มาร.อวิชชา.เจ้าแห่งความมืดมิดของจักรวาลกลัวว่าพระองค์จะนำสัจธรรมออกมาเผยแผ่เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้พ้นจากอำนาจของตน..มาร.อวิชชา.พร้อมด้วยลูกอีกสี่ตนคือ..มารตัณหา..มารโทสะ..มารกาม..และนางมารราคะ..ได้ยกกองทัพมารมาเพื่อจะสยบพระพุทธเจ้าแต่มาร.อวิชชา.ลูกๆกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และพลังเสื่อมไปนานนับพันปี..กาลต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธุ์เข้าสู่ปรินิพพานคงเหลือไว้เพียงแต่สัจธรรมและคำสอนเอาไว้เป็นตัวแทนของพระองค์และพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ให้มนุษย์และเหล่าเทวดาได้กราบไหว้บูชาและหัวใจของพระองค์ก็ได้กลายเป็นลูกแก้วทั้งหกจัดวางเรียงเอาไว้เป็นปริศนาธรรมเพื่อรอให้ปุถุชนมาไขปริศนาธรรมนี้ให้ออกถ้ามาร.อวิชชา.ราชันย์แห่งความมืดมิดได้ฟื้นคืนพลังและหวลกลับคืนมาที่โลกนี้อีกเพราะในจักรวาลนี้มีก็เพียงแต่อาวุธแห่งปัญญาของพระบรมสารีริกธาตุแห่งหัวใจของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะปราบมาร.อวิชชาได้และกาลเวลาหนึ่งพันปีก็ได้หวลกลับมาบรรจบครบรอบแล้ว..มหันตภัยมืดอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาลก็ได้หวลกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้ง.........              เอ้ก    อีเอ้ก      เอ้ก   เสียงไก่เริ่มขันแสดงว่าเช้าของวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นและแสงอาทิตย์กำลังจะสาดส่องลงบนพื้นโลกเพื่อขับไล่ความมืดแห่งรัตติกาลให้หายไปตามวัตถจักรที่วนเวียนอยู่ประจำโลกนี้มายาวนานไม่รู้จบสิ้นช่างเหมือนกับการเวียนว่ายตายเกิดของมวลสัตว์บนโลกใบนี้โดยแท้…...หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตดินแดนของเมืองสุวรรณภูมิก็เริ่มมีเสียงดังจอแจออกมาจากบ้านหลายๆหลังซึ่งเป็นธรรมดาของชาวบ้านที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อหุงข้าวทำอาหาร   ยาณีวันนี้เธอทำอาหารอะไรบ้างมีอะไรพิเศษเอาไว้ใส่บาตรให้ลูกเณรสูญญตามั่งหรือเปล่า เสียงดังออกมาจากบ้านสองชั้นก่อสร้างด้วยอิฐอย่างดีแสดงว่าเจ้าของบ้านมีฐานะดีเพราะรอบนอกบ้านนั้นส่วนมากจะเป็นบ้านชั้นเดียว   ฉันก็ทำกับข้าวพิเศษเหมือนทุกวันนั่นแหละจ๊ะพี่สุเมทา    เจ้าของเสียงเป็นสตรีอายุกลางคนนางหนึ่งกำลังขมักเขม้นทำอาหารอยู่ในครัว         มีอะไรให้พี่ช่วยทำหรือเปล่ายาณี สุเมทาพูดพร้อมกับเดินมาถึงหน้าประตูครัวเผยให้เห็นใบหน้าที่ครึ้มไปด้วยหนวดเครากับร่างกายที่สูงบึกบึนแต่ดวงตานั้นดูอ่อนโยนแฝงไว้ด้วยความเมตตายานีเงยหน้าขึ้นมอง    ไม่ต้องหรอกพี่ฉันทำใกล้จะเสร็จหมดแล้วนี่คงใกล้จะถึงเวลาที่ลูกเณรสูญญตาจะมาบิณฑบาตรแล้วซินะพี่          สุเมทาไม่พูดได้แต่ผยักหน้าพร้อมกับส่งสายตามองไปยังยาณีผู้เป็นภรรยาที่กำลังทำอาหารอยู่สุเมทาครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมาคนและยาณีได้แต่งงานกันตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตนและยาณีนั้นก็รักกันอยู่แล้วจึงเป็นการลงตัวของทั้งสองฝ่ายซึ่งยาณีก็เป็นกุลสตรีทุกระเบียบนิ้วการบ้านการเรือนไม่มีบกพร่องตนและยาณีมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนนั่นก็คือเณรน้อยสูญญตานั่นเองแต่เป็นเพราะความต้องการของบรรพบุรุตที่สั่งสมมาหลายชั่วคนว่าถ้าลูกหลานในตระกูลแต่งงานถ้ามีลูกคนแรกเป็นผู้ชายเมื่อเริ่มโตพอสมควรแก่การศึกษาหาความรู้ในวัยเด็กให้ถวายตัวเข้ารับใช้พระพุทธศาสนาคือให้บวชเณรนั่นเองสุเมทาไม่อาจขัดความต้องการของบรรพบุรุตได้ทำให้ตนและยาณีจึงต้องอยู่กันสองคนในบ้านหลังนี้เพราะตนกับยาณีมีลูกเพียงคนเดียวก็คือเณรสูญญตานั่นเองจะกล่าวถึงเณรน้อยสูญญตาซึ่งกำลังจัดระเบียบการครองผ้ากับพระภิกษุที่อยู่ในอารามสงฆ์        สูญญตาครองผ้าเรียบร้อยหรือยัง     เสียงนั้นก้องกังวาลมีพลังยิ่งนักแต่น้ำเสียงเปี่ยมด้วยเมตตาอยู่เสมอเณรสูญญตาสดุ้งเล็กน้อยรีบเดินจ้ำพรวดพร้อมกับส่งเสียงตอบรับ      ผมกำลังจะลงไปแล้วครับท่านอาจารย์            อารามสงฆ์ที่เณรสูญญตาอยู่นั้นเป็นตึกสามชั้นตัวตึกเป็นศิลาแลงวางซ้อนทับกันแล้วก่อฉาบด้วยเลนโคลนผสมด้วยยางไม้ที่เหนียวเป็นพิเศษแต่ละชั้นประกอบด้วยห้องพักของภิกษุและสามเณรแต่ละชั้นมองจากภายนอกจะเห็นแต่หน้าต่างติดอยู่รอบตัวตึกถ้ามองจากชั้นบนห่างออกไปจะเห็นเจดีย์ที่สูงถึงเก้าชั้นฐานเจดีย์มีลักษณะสี่เหลี่ยมและค่อยๆลดหลั่นความกว้างของฐานเมื่อสูงขึ้นตัวยอดสูงสุดมีลักษณะทรงกลมปลายสุดแหลมตัวฐานใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเจดีย์นี้ตั้งอยู่ตรงกลางรายล้อมรอบข้างด้วยกุฏิสงฆ์ซึ่งมีความสูงต่ำลดหลั่นกันไปวัดนี้ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงของเมืองสุวรรณภูมิและอยู่ใกล้ประตูเมืองด้านหลังที่ใช้สันจรติดต่อโลกด้านนอกเมืองพระภิกษุสามเณรก็ใช้ทางนี้ออกบิณฑบาตรเช่นกันสามเณรสูญญตาซึ่งอยู่ชั้นสองของตึกได้เดินลงมาถึงชั้นล่างแล้วรีบเดินเข้าไปหาผู้ที่ส่งเสียงเรียกตนทันที     สูญญตามาแล้วออกบิณฑบาตได้ เจ้าของเสียงเป็นพระเถระผู้มีอายุแต่ยังคงลักษณะอันสง่าสงบดูมีตบะน่าเลื่อมใสยิ่งนักท่านพูดแล้วก็ออกเดินนำหน้าทันทีตามหลังด้วยพระอีกสามรูปและสามเณรสูญญตาพระเถระเจ้าพาทั้งหมดออกเดินบิณฑบาตรมาที่นอกเมืองซึ่งเป็นเส้นทางเดินไปยังบ้านของยาณีและสุเมทา..ภูมิประเทศภายนอกเมืองมีภูเขาล้อมรอบสามด้านเปิดทางออกทางใหญ่ไว้ทางทิศตะวันออกเพื่อใช้เป็นทางสันจรออกติดต่อกับเมืองต่างๆซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมากพอสมควรและมีอยู่สองเมืองใหญ่เพื่อนบ้านที่พอจะติดต่อไปมาหากันได้ก็คือ..เมืองอรัญวาสีซึ่งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของภูเขาหิมาลัย..ส่วนทางทิศตะวันตกนั้นคือเมืองอโยธยา..ทั้งสองเมืองเพื่อนบ้านนั้นถูกกางกั้นด้วยภูเขาหิมาลัยอันมหึมายิ่งย้อนกลับมายังพระเถระเจ้าได้พากันเดินบิณฑบาตรมาถึงบ้านของยานีพอดี          นิมนต์พระคุณเจ้า  ยาณีกับสุเมทายืนอยู่ที่หน้าบ้านทั้งสองมองไปยังเณรสูญญตาสายตาทั้งสองนั้นดูอ่อนโยนแฝงไว้ด้วยความรักและห่วงใยในสามเณรสูญญตายิ่งนัก  ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใยในตัวของสามเณรหรอกนะโยมทั้งสอง      พระเถระกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดฝาบาตร  เป็นบุญของเณรแล้วที่ได้เข้ามารับใช้พระศาสนา   ยาณีและสุเมทาก็นำข้าวและอาหารใส่บาตรพระเถระและพระสงฆ์และเณรสูญญตาเมื่อปิดฝาบาตรลงพระเถระได้กล่าวขึ้นต่อ       กาลต่อไปนี้เณรจะเป็นผู้มีคุณต่อมวลมนุษย์ยิ่งนัก    ลูกเณรยังเด็กอยู่จะทำคุณประโยชน์อะไรให้กับมวลมนุษย์ได้ละครับพระคุณเจ้า   ได้ซิโยมคุณประโยชน์ของเณรไม่ใช่การใช้กำลังแต่เป็นการใช้ปัญญาซึ่งการเวลาที่เณรจะใช้ปัญญาในการช่วยเหลือมวลมนุษย์และสัตว์ทั้งโลกก็เวียนมาบรรจบครบรอบแล้ว  ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้นหรือค่ะพระคุณเจ้าฟังดูแล้วน่ากลัวมากนะค่ะแล้วเณรสูญญตาตัวเล็กแค่นี้จะมีปัญญาช่วยเหลือมนุษย์ทั้งโลกได้หรือเจ้าค่ะ         นี่ไม่ใช่เสียงของยาณีแต่เป็นเสียงของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันและได้มายืนร่วมฟังอยู่ด้วย            ฉันก็อีกคนหนึ่งละมีนาที่ไม่เชื่อเหมือนกัน  นี่เป็นเสียงของสตรีสองนางที่อยู่ในแก๊งเดียวกัน..พระเถระเจ้าคุ้นเคยกับเสียงนี้ดีแล้วจึงไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้นต่อ        ตัวของเณรและปัญญาเปรียบเหมือนกับกุณแจที่จะไขความลับแห่งปริศนาธรรมพระบรมสารีริกธาตุของหัวใจพระพุทธเจ้าออกมาให้ได้    เณรเป็นคนนะเจ้าค่ะไม่ใช่กุณแจจะได้เอาไปไว้ไขสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้          มีนาส่งเสียงสูงปรี๊ดออกมาสมกับฉายาเม้าตลาดแตกสิ้นเสียงมีนาเมษาก็รับช่วงต่อทันที           ไขปริศนาอะไรดิฉันไม่รู้แต่ถ้าไปไขกุณแจบ้านคนอื่นละก็เป็นเรื่องผิดกฏหมายบ้านเมืองนะเจ้าค่ะ             สุดที่สุเมทาจะทานทนจึงกัดฟันแล้วถลึงตามองด้วยความดุดันของสายตาทำให้ทั้งสองนางต่างพร้อมใจกันเงียบและพร้อมใจกันซอยเท้าออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้นัดหมายเมื่อหมดอุปสรรคทางเสียงลงพระเถระเจ้าจึงได้พูดขึ้นต่อ         และสิ่งที่เป็นปริศนาธรรมนี้เณรจะต้องเป็นผู้ออกค้นหาด้วยตัวเอง  แล้วสิ่งที่เป็นปริศนาธรรมนี้อยู่ที่ใดหรือครับและการออกค้นหาจะลำบากหรือนำอันตรายมาสู่ตัวเณรหรือเปล่าครับ   ทุกคนเกิดมามีสังขารย่อมมีทุกข์เป็นธรรมดาจะทุกข์มากหรือทุกข์น้อยแล้วแต่บุญกรรมนำแต่ง..ส่วนเรื่องของเณรนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเขาเป็นผู้มีธรรมและธรรมก็ย่อมรักษาผู้ประพฤติปติบัติตนอยู่ในกรอบแห่งธรรมเสมอ..และการออกค้นหาสิ่งที่เป็นปริศนาธรรมนั้นก็ต้องให้การเวลาและชะตากรรมเป็นผู้กำหนดก็แล้วกัน        พูดจบท่านก็ออกเดินมุ่งหน้ากลับวัดทันทีโดยมีพระสงฆ์ที่ร่วมกลุ่มออกเดินตามคงเหลือแต่สามเณรสูญญตารั้งท้ายยาณีจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย       ลูกเณรอยู่ที่วัดลำบากกายลำบากใจหรือเปล่า      เณรสูญญตาผู้บริสุทธิ์สดใสในวัยเด็กแต่แฝงไว้ด้วยความฉลาดและไหวพริบแห่งปัญญาพูดตอบ         โยมพ่อโยมแม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกเณรหรอกนะท่านอาจารย์รักและเมตตาในตัวลูกเณรมากและอบรมสั่งสอนวิชาความรู้ในทางธรรมให้ลูกเณรอยู่เสมอและท่านอาจารย์ยังชมลูกเณรอยู่บ่อยๆว่าเป็นผู้มีปัญญาและมีไหวพริบที่เกินตัว      พูดจบก็ส่งรอยยิ้มอันบริสุทธิ์และงดงามให้ทำให้ยาณีถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจออกมาส่วนสุเมทานั้นภายนอกยังคงนิ่งสุขุมส่วนในใจนั้นเขาภาคภูมิใจจนยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้     การที่โยมพ่อและโยมแม่ได้มอบลูกเณรให้เข้ามารับใช้พระศาสนาก็เหมือนกับการยกลูกเณรให้เป็นลูกของพระพุทธเจ้า..นั่นก็เท่ากับเป็นการว่าโยมพ่อและโยมแม่ได้ผูกจิตสัมพันธุ์เป็นเครือญาติของพระพุทธเจ้าแล้ว   พูดแล้วเณรสูญญตาก็เหลียวมองไปทางพระเถระเจ้าซึ่งเดินนำหน้ากลับวัดไปไกลพอสมควร โยมพ่อโยมแม่ลูกเณรขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวจะตามท่านอาจารย์ไม่ทัน   พูดจบก็รีบเดินจากไปทันทีโดยมียาณีและสุเมทามองตามไปด้วยความตื้นตันใจ ปกติแล้วพระเถระเจ้าเป็นผู้สัมรวมกายวาจายิ่งนักถ้าไม่หนักหนาแล้วจะไม่พูดออกมาเด็ดขาดถ้าท่านพูดออกมาเช่นนี้แสดงว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่        สุเมทาพูดขึ้นทำให้ยาณีต้องหันมามองหน้าทั้งสองต่างมีสีหน้าที่เป็นกังวลกล่าวถึงมีนาและเมษาที่หลบภัยสายตาของสุเมทาออกมายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของท้ายหมู่บ้านพอตั้งหลักได้ทั้งสองนางก็สำแดงเดชของฉายาเม้าตลาดแตกออกมาทันที            เจ้าค่าเอ้ยข่าวล่ามาด่วนจ้า เสียงอันดังแสบแก้วหูของสองนางที่ตะเบ็งแข่งกันได้เรียกจำนวนผู้คนให้เข้ามาชุมนุมณะที่นั้นอย่างรวดเร็วและมากมายดั่งต้องมนต์ขลังก็ไม่ปาน        แกมีข่าวด่วนอะไรมีนา         ชายสูงอายุผู้หนึ่งถามเมษาสวนขึ้นทันที          จะมียักษ์ร้ายจากนอกโลกเข้ามาจับคนกินนะซิ          ทุกคนทำหน้าตาตื่นส่งเสียงฮือฮา        นี่แกไปเอาข่าวร้ายแบบนี้มาจากไหนกันเมษา        สตรีนางหนึ่งที่อุ้มลูกมาด้วยถามขึ้นเสียงดังแต่ครั้งนี้มีนาเป็นคนตอบ       ก็พระเถระเจ้านะซิท่านพูดเมื่อเช้านี่เอง            เรื่องตลบตะแลงปั้นน้ำเป็นตัวเป็นเรื่องถนัดของสองนางนี้อยู่แล้ว      พวกมันจะยกทัพกันเข้ามาเพื่อจับคนกินให้หมดทั้งโลก        ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดใคร่อยากรู้อยากถาม        แล้วใครจะช่วยเราได้ละเมษา หญิงชราพูดแทรกขึ้นเร็วมีนารอท่าอยู่แล้วตอบขึ้น       ในโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยคนทั้งโลกให้รอดพ้นจากมหันตภัยนี้ได้คือ  มีนาหยุดพูดทำหน้าตาตื่นเพื่อเร่งเร้าให้ชาวบ้านทั้งหลายร้อนรุ่มในการอยากรู้มากขึ้นยิ่งนิ่งชาวบ้านก็ยิ่งพากันส่งเสียงถามระเบ็งเซ็งแซ่ว่าผู้นั้นเป็นใครกันแน่..มีนาไม่ตอบแต่เหลือบตามองไปยังเมษาทำให้ชาวบ้านทั้งหมดมองตามไปยังเมษาเป็นจุดเดียวเมื่อเรียกความสนใจได้สมควรแก่กาลเวลาแล้วเมษาก็เผยไต๋     เณรสูญญตา          ชาวบ้านทั้งหมดพร้อมใจกันพูดซ้ำขึ้น  เณรสูญญตา

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น