คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คนบ้าสี่
คิมฮันบิน ไอดอลหน้าใสขอเล่าความในใจสักตอน
สวัสดีครับคนอ่านทุกคน ทุกคนก็คงรู้จักผมแล้วสินะครับ ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม จะในฐานะไอดอล หรือผู้ชายหล่อๆรวยๆคนหนึ่งก็เถอะครับ แต่ตอนนี้ก็ผ่านไปหนี่งสัปดาห์แล้วสำหรับการมาอยู่ชั่วคราวที่ค่ายใหม่ค่ายนี้ ถึงเด็กฝึกแต่ละคนจะดูไม่ค่อยปกติก็เถอะครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก มันไม่มีผลกระทบต่อการเตรียมตัวคัมแบ็กในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า น่าจะพร้อมๆกับทางค่ายวายจีที่คงจะเรียบร้อยแล้ว
“บินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนี่”
“หื้ม?”
“วันนี้ไม่ไปที่ห้องซ้อมของบินนี่อ่อ? น้องแบมอยากฟังท่อนแร็พที่บินนี่บอกจะแต่งให้น้องแบมจะแย่”
ระหว่างที่ผมคิดอะไรเพลินๆน้องแบมเด็กฝึกแก้มเต็มก็พุ่งเข้ามาในห้องของผมอย่างไม่บอกไม่กล่าว มันเป็นปกติไปแล้วครับ น้องแบมชอบเข้าออกห้องคนอื่นๆโดยไม่ได้เคาะประตู แต่ทุกคนก็จะรู้ถึงการมาเยือนของคนตัวเล็กเองเพราะทุกครั้งถ้ามาหาใครก็จะส่งเสียงแบบนี้แหละครับ ผมที่เป็นคนขี้รำคาญแต่พออยู่กับเด็กน้อยนี่ทีไรกลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลยล่ะครับ
“ไปสิ กำลังจะลงไปน้องแบมก็มาหาพอดี”
“เหรอ ดีจัง ไป ไป ลงไปด้วยกันเลย”
คนตัวเล็กส่งเสียงอย่างตื่นเต้น พร้อมกับกระโดดโหยงเหยงแล้วก็ฉุดผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แถมยังลากผมออกจากห้องอีกด้วย เด็กนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ
“เมื่อคืนน้องแบมนอนไม่หลับเลยนะ ตื่นเต้นอ่ะ น้องแบมจะมีท่อนแร็พส่วนตัวแล้ววววว”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย”
ผมพูดพร้อมเอามือยีหัวเด็กตัวเล็กข้างๆ ทั้งๆที่ห่างกันไม่กี่ปีทำไมคนข้างๆผมถึงดูเด็กแล้วก็ใสซื่อได้ขนาดนี้นะ ผิดกับเด็กฝึกคนอื่นที่ดูจะน่ากลัวไปสักหน่อย
“อ้อ แล้ว พี่แจก องครักษ์ของน้องแบมไปไหนซะล่ะ”
“พี่แจกอ่อ? วันนี้มีแขกมาเยี่ยมพี่แจก น่าจะเป็นเพื่อนมั้ง น้องแบมก็เลยถือโอกาสหนีมาเลย ตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่นมาร์คคี่อ่ะแหละ แต่นึกขึ้นได้ว่าบินนี่บอกว่าจะแต่งเพลงให้ เลยรีบมาทวง”
น้องแบมอธิบายยาวเหยียด พูดไปยิ้มไปจนผมต้องยิ้มตาม แต่รอยยิ้มของผมกลับหุบลงเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สามที่ผมไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่นัก ทำไมน้องแบมต้องนึกถึงหมอนั่นก่อนผมด้วยนะ ผมรู้สึกหงุดหงิดมากเลย ผมไม่ชอบให้น้องแบมไปยุ่งกับใครเลยครับ
“เหรอ แล้วไม่ไปหาหมอมาร์คอะไรนั่นแล้วล่ะ”
ผมเอ่ยขึ้นมาลอยๆ บอกเลยนะครับผมไม่ได้น้อยใจไม่ได้น้อยใจจริงจริ๊ง
“น้องแบมบอกไปแล้วนะ เมื้อกี้อ่ะ นี่บินนี่ไม่ตั้งใจฟังที่น้องแบมพูดอ่อ? ชิ”
อ่าว ตอนแรกผมงอนนะ แล้วทำไมจู่ๆกลายเป็นน้องแบมงอนไปได้ซะล่ะครับ ฮันบินคนหล่อไม่เข้าใจ
“เอ่ออ คือ เปล่านะ พี่ฟังน้องแบม แต่ คือ พี่ คือ”
เอาแล้วไงครับ หาข้อแก้ตัวไม่ทันครับ ตอนนี้น้องแบมก็ได้แต่จ้องหน้าผมอย่างต้องการคำตอบเป็นอย่างมาก ผมจะทำไงดีครับเนี่ย
“อ้าว ลีดเดอร์ทำไมไม่ไปห้องซ้อมสักที พี่มิโนรอจนรากจะงอกแล้วนะครับ เลยให้บ๊อบบี้สุดหล่อมาตาม”
“เออ ใช่ๆ สายเลยเนี่ย ไปๆ ไปน้องแบม”
ผมพูดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมเนียนจูงมือน้องแบมเข้าไปในห้องซ้อมด้วยกัน โชคดีที่บ๊อบบี้สุดหล่อ(ชมซะหน่อยครับวันนี้ทำดี)ร้องทักขึ้น ในขณะที่ผมกับน้องแบมยังอยู่ในภาวะตึงเครียด รู้สึกขอบคุณมันสุดใจเลยครับ
“อ้าว ลีดเดอร์มาซะช้าเชียวนะครับ”
“เออน่า มารีบซ้อมกันเลย”
“อ้าว น้องแบมก็มาด้วยอ่อ? แหม มานั่งใกล้ๆมินนี่ของน้องแบมสิครับ”
พอผมเดินเข้ามาก็โดนมิโนขาโหดเหน็บแนมพอเป็นพิธี แหม พ่อคนตรงเวลา แต่พอให้มันรีบซ้อมเท่านั้นแหละ กลับเรียกคนตัวเล็กที่มากับผมไปนั่งข้างๆซะงั้น ไม่ต้องสงสัยนะครับ มินนี่ นั่นชื่อของมิโนมันแหละครับ น้องแบมเค้าตั้งให้ กระดี้กระด้ากันใหญ่เชียว ตั้งแต่ไอ้บ๊อบบี้ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่เจอน้องแบมเมื่อกี้แล้วล่ะครับ
ส่วนน้องแบมก็ว่านอนสอนง่ายซะเหลือเกินเหลือเกินเดินไปนั่งข้างๆมิโนอย่างไม่อิดออด น้องแบมมากับฉันนะโว้ยยยยยยยยย ไอ้พวกนี้นิ
“น้องแบมมานี่”
ผมพูดเสียงเย็นเมื่อน้องแบมกับมิโนแล้วก็บ๊อบบี้ที่ไปนั่งสมทบข้างๆน้องแบม พูดคุยกันสามคนอย่างสนุกสนาน หัวเราะคิกคักกัน ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน นี่ผมพาน้องแบมมานะ ย้ำอีกครั้ง ผมพาน้องมานะ
“โห ลีดเดอร์อย่ามาขัด ถ้าอยากมีส่วนร่วมก็มานั่งด้วยกัน น้องแบมอร่อยมากขอบอก”
น้องแบมอร่อยมาก อร่อยอะไรวะ ไอ้บ๊อบบี้พูดให้มันเคลียร์ๆดิวะ หงุดหงิดอยู่นะเว้ย ตอนนี้ผมเลยเดินไปยังข้างห้องที่มีน้องแบมแหละเหล่าแฟนบอยซึ่งเป็นสมาชิกในวงผมนั่งอยู่
“อร่อยอะไรวะ พูดให้เคลียร์นะ”
“อะไรกันฮันบิน ที่บ๊อบบี้หมายถึงอ่ะ อันนี้ไง”
มิโนพูดพร้อมชูอมยิ้มรูปแหวนให้ผมดู แน่ใจว่าให้ผมดู ชูมาจะติดหน้าผมอยู่ละ
“ใช่ๆ อร่อยมากเลยนะบินนี่ น้องแบมจะเอาให้บินนี่กินตั้งนานละ ลืมทู๊กทีเลย”
น้องแบมพูดขึ้นมาสนับสนุนคำพูดของมิโน พร้อมทำหน้ารู้สึกผิดอย่างน่ารัก น้องแบมอ่า อย่าทำแบมนี้ได้ไหม พี่บินนี่คนนี้ภูมิคุ้มกันต่ำนะ หน้ามืดตามัวทำอะไรผิดลงไปจะทำยังไงงงงง
“มินนี่ เอามาให้น้องแบมกินบ้าง อย่ากินคนเดียวดิ”
น้องแบมบ่นน้อยๆ พร้อมแย่งอมยิ้มที่มิโนอมอยู่อย่างเอร็ดอร่อยมาที่ตนเอง แล้วก็อมอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน เฮ้ย นี่มันจูบทางอ้อมชัดๆ ไม่ยอมๆ พี่บินจะไม่ยอม แต่ก็ยังไม่ทันทำอะไร ไอ้บ๊อบบี้มีดีที่ฟันหน้า ก็แย่งอมยิ้มกับมือน้องแบมอีกต่อหนึ่ง แล้วเอาไปอมต่อหน้าตาเฉย เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย นี่มันจูบทางอ้อมแบบสามพี(?)ชัดๆ อะไรกันผมจะไม่ทนอีกต่อไป
“เอามานี่”
ผมรีบแย่งอมยิ้มมาจากบ๊อบบี้แล้วก็จ่อไปที่ปากของน้องแบม จนน้องต้องอมเข้าไปแบบงงๆ แล้วผมก็ดึงออกมาแล้วเอาใส่ปากตัวเอง เคี้ยวๆๆๆๆๆๆ เคี้ยวให้มันแหลกไปเลย ทีนี้ผมก็ได้ทั้งจูบน้องแบม(ทางอ้อม) แล้วก็กำจัดอมยิ้มนี้ซะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“บินนี่ กินของน้องแบมหมดแล้วน้องแบมจะกินอะไร น้องอมยิ้มน้องแบมได้แค่วันละอันเองนะ”
น้องแบมพูดอย่างอนๆก่อนจะเดินสะบัดบ๊อบออกไปจากห้องซ้อม ส่วนสมาชิกของวงทั้งสองคนก็ได้แต่ตัวแข็งอึ้งกิมกี่กับการกระทำของผมเป็นที่เรียบร้อย
“จำไว้นะเว้ย น้องแบมเป็นของฉัน”
ผมพูดขึ้น ก่อนจะตามน้องแบมออกไปข้างนอก ผมผิดตรงไหน ผมก็แค่อยากกินลูกอมเองอ่ะไม่ได้หึงไม่ได้หวงอะไรทั้งนั้น(เหรอจ๊ะ จ่ะๆ เชื่อจ่ะ)
ไปไหนของเขานะเร็วชะมัดเลย ผมออกมาก็ไม่เห็นน้องแบมแล้ว เลยวิ่งตามหาซะทั่วเลย น้องแบมไปไหนกันนะ ผมตามหาทุกห้องแล้วก็ไม่มี ขึ้นไปดูบนห้องข้างบนก็ไม่มี
“อ้าว ฮันบิน หาอะไรอยู่หรอ”
ระหว่างที่ผมตามหาน้องแบมอยู่ที่ชั้นสอง ก็เจอกับหมอยูคยอมที่เพิ่งออกมาจากห้อง เขาดูงงว่าผมทำอะไร ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น นั่นสิหมอยูคยอมสนิทกับน้องแบมนี่นา อาจจะรู้ก็ได้ว่าน้องแบมไปไหน
“หาน้องแบมน่ะครับ คุณรู้รึเปล่าว่าน้องแบมอยู่ไหน?”
“น้องแบม? อยู่ข้างล่างน่ะครับอยู่ที่ห้องพักหมอ อ้าว รีบไปไหนน่ะฮันบิน”
เมื่อสิ้นสุดประโยคพร้อมได้ใจความว่าน้องแบมอยู่ไหนผมก็รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างทันที โดยไม่ได้สนใจผู้ให้คำตอบแม้แต่นิด ทำไงได้ผมห่วงน้องแบมนี่นา ถึงชอบงอนบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยวิ่งหนีผมเลยนะ ปกติถ้างอนก็แค่นั่งเฉยๆไม่พูดไม่จา รอให้ง้อแค่นั้นเอง แต่ครั้งนี้แปลกมาก น้องแบมคงจะชอบอมยิ้มเอามากๆ ไม่น่าพลาดเลยผม
ตอนนี้ผมวิ่งจนมาถึงหน้าห้องพักหมอ ผมตรงดิ่งไปที่ห้องยูคยอมทันที แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ทำผมฉุนกว่าเก่า ก็ไม่เห็นมีน้องแบมเลยน่ะสิ ในห้องว่าเปล่าอย่างกับไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่ นี่หมอยูคยอมหลอกผมงั้นเหรอ หมอยูคยอมเจอดีแน่
“อ๊ะ อ้า อื้อออ มะ มาร์คคี่”
“อยากได้ไหมล่ะ ถ้าอยากได้ก็เรียกหมอว่าหมอมาร์คก่อนสิ”
“อื้อออ มะ มาร์คคี่ ยะ อย่า แกล้งน้องแบมสิ น้องแบมอยากได้ ยะ อยากจริงๆนะ มะ ไม่ไหวแล้ว ให้น้องแบมเถอะ”
แต่ก่อนที่ผมจะออกจากห้องพักหมอไป มีเสียงหนึ่งที่ทำให้ผมถึงกับชะงัก และหันกลับไปมองหาต้นเสียง ผมจะไปสนใจเลยถ้าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของน้องแบมน่ะ! แล้วจะไม่ตกใจเลยถ้ามันไม่ดังมาจากห้องหมอมาร์ค!!!
“หยุดนะ แกจะทำอะไรน้องแบม!”
ผมหลับตาปี๋พร้อมกับรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ถึงภาพมันอาจจะบาดตาผมจนต้องหลับตาก็เถอะแต่ผมจะต้องช่วยน้องแบมออกมาจากเงื้อมมือของปีศาจมาร์คให้ได้ แต่แล้วก็มีแต่ความเงียบที่ตอบรับการมาเยือนของผม ผมจึงค่อยๆลืมตาทีละข้างแล้วพบว่า หมอมาร์คกับน้องแบมค้างอยู่ในท่าที่กำลังยื้อแย่งอมยิ้มกันอยู่ แล้วมองมาทางผมแบบงงๆ
“เอ่อ หมายถึง ทำอะไรกันอยู่”
“ก็มาร์คคี่น่ะสิ บอกว่าจะให้อมยิ้มน้องแบมแต่ก็ไม่ให้สักที แกล้งกันอยู่ได้”
“โถ่ แกล้งที่ไหนกัน แค่อยากให้น้องแบมเรียกว่ามาร์คคี่ว่าหมอมาร์คบ้างแค่นั้นเอง”
ทั้งสองคนกระเง้ากระงอดกันอย่างน่ารัก จนลืมรึเปล่าว่ามีคนหล่ออยู่ตรงนี้อีกคน
“อะแฮ่ม”
“เอามาให้น้องแบมเลยนะ บินนี่เอามาให้น้องแบมหน่อยน้า”
คนตัวเล็กหันไปพูดกับหมอมาร์คก่อนจะหันมาอ้อนผม อ่า ทำไงได้ล่ะครับนอกจากทำตามคำขอของคนตัวเล็กขี้อ้อนนี่
“มาร์ค ผมขออมยิ้มให้น้องแบมหน่อยได้รึเปล่า?”
“ไม่ได้!”
หมอมาร์คที่กำลังจะส่งอมยิ้มให้น้องแบมก็ต้องชะงักมือ เพราะมีเสียงหนึ่งที่ร้องห้ามขึ้น จนพวกเราทั้งสามคนต้องหันไปมอง อ่า หมอยูคยอมนั่นเอง
“ทะ ทำไมอ่า ยูคยอมมี่”
น้องแบมพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ แถมยังมีน้ำตาคลอที่ตาอีกด้วย น่าสงสารจัง ฮันบินคนนี้อยากจิไปกอดปลอบ
“ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าน้องแบมจะกินแค่อมยิ้มวันละอันพอ ไม่งั้นน้องแบมจะฟันผุแล้วก็ปวดมากๆเหมือนคราวนั้นนะ”
“แต่น้องแบมยังไม่ได้กินเลยนะ มินนี่ บ๊อบบี้ แล้วก็ บินนี่ แย่งน้องแบมกินหมดเลย”
น้องแบมอธิบายถึงเหตุผลว่าใครเป็นสาเหตุ โดยสาเหตุหลักอย่างผม ก็ได้รับค้อนน้อยๆมาจากน้องแบมตอนที่พูดชื่อผมขึ้น อ่า น้องแบม บินนี่คนนี้ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยมันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
“จริงเหรอฮันบิน?”
“ห้ะ อ่อ จริงสิ ผมนี่แหละเคี้ยวอมยิ้มซะแหลกเลย ทีนี้ก็ให้อมยิ้มน้องแบมได้แล้วใช่ไหม?”
ผมถามขึ้นอย่างมั่นใจ ยังไงผมก็ต้องเอาอมยิ้มมาให้น้องแบมให้ได้ น้องแบมจะได้หายโกรธผมซะที
“จะให้ดีไหมน้า”
“ยูคยอมมี่อ่า ให้น้องแบมเถอะนะ น้าๆๆๆๆๆ”
หมอยูคยอมพูดขึ้นลอยๆแต่จงใจมองไปที่น้องแบม จนทำให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับหมอมาร์คกระโดดเข้าไปกอดหมอมาร์ค พร้อมกับอ้อนขออมยิ้ม เฮ้ยยยย นี่มันเกินไปละ ต่อหน้าต่อตาฮันบินคนหล่อเลยนะเว้ยยยยยยยย จะไม่ทนผมจะไม่ทน
“เฮ้ยยยยยยยยย ไอ้ ขยอม เองทำอันใดกับแม่นางกันต์พิมุกต์ของข้า ออกไปซะ”
ก่อนที่ผมจะลงมือกระชากน้องแบมออกมาจากหมอยูคยอม องครักษ์ขาประจำอย่างพี่แจกก็มาเห็นซะก่อน จัดการให้เรียบร้อยอย่างใจนึก ส่วนหมอมาร์คผมเห็นเขายกยิ้มนิดๆ ก่อนจะตีน่าขรึมเหมือนเดิม อย่ามาเนียนครับหมอต้วนผมรู้ว่าคุณก็ชอบน้องแบมเหมือนกัน
“แจ๊คกี้ มาทำไมเนี่ย คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วรึไง”
“โถ่ น้องนางอย่างอนไปเลย พี่คิดถึงเจ้าไงจึงมาหา”
“ยูคยอมมี่ เอามาเถอะนะ”
“คยอมมี่มีที่ไหนเล่า อยากได้ก็ขอหมอมาร์คเอง”
น้องแบมหันไปเถียงกับพี่แจกก่อนจะหันมาขออมยิ้มกับหมอยูคยอม ส่วนหมอยูคยอมก็ชิ่งหนีเข้าห้องไปเป็นที่เรียบร้อย ผมว่าเขาอารมณ์เสียนิดๆด้วยนะ ย๊า ทำไมแฟนบอยน้องแบมเยอะขนาดนี้แล้วผมจะไปสู้ได้ไงงงงงง
“มาร์คคี่เอามาเลย”
น้องแบมพูดพร้อมยื่นมือไปข้างหน้าหมอมาร์ค ส่วนหมอมาร์คก็ก้มมองมือน้องแบม ก่อนจะหันมาทางผมแล้วพูดประโยคที่ผมแทบพุ่งไปปล่อยหมัดสักหนึ่งหมัด
“น้องแบมต้องไปเอาคืนมาจากคนที่ทำให้มันหมดแล้วล่ะ”
หมอมาร์คเดินเข้ามายีหัวน้องแบมเบาๆก่อนที่จะเดินออกจากห้องพักหมอไป ไอ้มาร์คคคคคคคคคคคคคคคค ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้เลยนะ ฮือออออออ
“บินนี่ ไปหาอมยิ้มมาให้แบมเลยนะ เชอะ”
น้องแบมพูดกับผมก่อนจะสะบัดบ๊อบเดินหนีไปจากห้อง ส่วนไอ้พี่แจกก็ได้แต่มองผมสลับกับน้องแบมพร้อมทำหน้างงเป็นไก่ฮ่องกงตาแตก ก่อนจะเอ่ยขึ้นถามผม
“มีเรื่องใดที่ข้ามิรู้ ตอนที่ข้าไปคุยกับสหายรึ?”
“โอ้ยยยยยยยย ไม่รู้เว้ยยยยย”
ผมตอบไอ้พี่แจกไปแบบส่งๆ ก่อนจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ แล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาอมยิ้ม(?)ให้น้องแบม
“เหตุใดต้องอารมณ์เสีย ข้าแค่จะบอกว่า ถ้าเกี่ยวกับเจ้าอมยิ้มที่น้องนางของข้าโปรดปรานข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ทางด้านห้องโถงที่เต็มไปด้วยของเล่นมีคนไข้สี่คนที่ทำกิจกรรมของตนเองอย่างตั้งใจ
“นี่ ปู่บี ปู่บีว่าโบว์คาดผมลายนี้สวยไหมอ่ะ น้องเนียร์ตั้งใจทำเลยนะ”
คนไข้หน้าหวานยื่นโบว์คาดผมที่ประดับไปด้วยลูกปัดหลาหหลายสีสันที่ตนเองเพิ่งตกแต่งลงไปให้คนไข้หัวเทาดู
“สวยๆ สวยมากเลยหลานรัก”
“จริงอ่อ ดีใจจัง งั้นปู่บีเอาไปใส่นะ เดี๋ยวน้องเนียร์ใส่ให้”
คนไข้น้องเนียร์เมื่อได้รับคำชมจากคนไข้อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะมอบรางวัลด้วยการยกโบว์คาดผมอันใหม่ให้คนไข้ปู่บีใส่ ส่วนคนไข้ที่ถูกสวนด้วยโบว์คาดผมก็ได้ยิ้มอย่างฝืนใจ ไอ้สวยก็สวยอยู่หรอกนะ แต่มันก็ไม่เหมาะกับผู้ชายสูงอายุอย่างเขานี่นา คนไข้หัวเทาได้แต่คิดในใจ
“โห สวยมากๆเลยปู่บี ขนาดหน้าโหดอย่างปู่บี ใส่แล้วยังดูมุ้งมิ้งเลยอ่ะ”
คนไข้น้องเนียร์ก็ยังคงชื่นชมกับผลงานตนเองอย่างภาคภูมิใจโดยไม่ถงไม่ถามสุขภาพคนแกสักคำ ปู่บีจะร้องไห้แล้วนะ
“โอ๊ะ สวยจัง”
คนไข้แทคยอนที่กำลังปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ เมื่อหันมาเห็นโบว์คาดผมสุดสวยบนหัวของคนไข้อีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมาก
“ขอเองนะ”
ไวเท่าความคิดมือใหญ่ถูกส่งไปหยิบโบว์คาดผมที่หมายตาไว้ออกจากหัวของคนไข้หัวเทาทันที จนคนไข้ที่นั่งข้างๆซึ่งเป็นคนทำอึ้งไปเลยทีเดียว
“ขอนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
คนไข้แทคยอนเอ่ยขอทั้งๆที่โบว์คาผดมได้อยู่ที่บนหัวตนเองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็กึ่งวิ่งกึ่งกระโดดออกไปจากห้องโถงทันที ทิ้งให้คนไข้อีกสองคนนั่งสบตากันไปมาอย่างงงๆ
“โอ้ย รุ่นพี่แทคยอน เล่นแล้วไม่เก็บอีกแล้วนะ ลำบากคนอื่นต้องเก็บให้อีกแล้ว”
หลังจากคนไข้รุ่นพี่ได้สร้างวีรกรรมไว้ ก็เป็นคนไข้ยองแจผู้เปรียบเสมือนหมอในนามของคนไข้ ก็ต้องมาจัดการกับซากสัตว์ประหลาดที่คนไข้รุ่นพี่ได้ปั้นทิ้งไว้ พร้อมบ่นเหมือนเคย ไม่ใช่แค่บ่นคนใดคนหนึ่งแต่บ่นทุกคน
“แล้วปู่บีก็เหมือนกันนะ ชอบเอาจิ๊กซอว์มาต่อ แต่ก็ต่อไม่เคยเป็นรูปเป็นร่างซักที อ้อ แล้วน้องเนียร์เวลาเอาลูกปัดมาเล่นก็อย่าทำมันหกเลอะเทอะสิมันเก็บยาก”
บ่นไปเก็บของไป โดยหารู้ไม่ว่าเพื่อนๆที่เขากำลังบ่นให้ฟังนั้นหนีออกจากห้องไปหมดแล้ว มีเพียงเขาบ่นอยู่คนเดียวในห้อง
“อ้าว ไปไหนกันหมด ให้มันได้อย่างนี้สิ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการทำความสะอาดก็พบกับห้องที่ว่างเปล่า คนไข้เจ้าระเบียบได้แต่บ่นแล้วก็ก้มลงทำความสะอาดต่อไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จบไปอีกหนึ่งตอนแบบไม่มีสาระอะไรเลย
ไม่มีสาระตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ สั้นไปป่ะ คือคิดไม่ออก จีจี
ขอบคุณทุกคนที่อ่านน้าาาาา
เรามีบทความเรื่องสั้นด้วยล่ะ ว่างๆก็ไปอ่านได้นะ มีสาระมากกว่าอันนีันิดนึง นิดเดียวเท่านั้น
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รักทุกคนนะ จุ๊บ
ความคิดเห็น