ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic got7) NO SARA! เรื่องนี้สาระหามีไม่ #?xbam

    ลำดับตอนที่ #3 : คนบ้าสอง

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 57


    “น้องไปไหนมาเล่า แม่นางกันต์พิมุกต์ ของพี่ พี่โหยหาน้องนางเหมือนดั่งดวงใจจะขาดลงไปรอนๆ~
     

    หลังจากคนตัวเล็กคุยเล่นกับหมอคนใหม่อย่างสนุกสนานก็ถูกคุณหมอคยอมมี่ไล่ให้มาช่วยเพื่อนๆเตรียมงานปาร์ตี้ต้อนรับเพื่อนใหม่กับคุณหมอคนใหม่ โดยที่ไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะยังคุยกับเพื่อนใหม่ เอ้ย หมอคนใหม่ไม่ถึงไหนเลย (เดี๋ยวนะไอ้ถึงไหน นี่คือถึงไหน) พอกลับมาถึงห้องโถงรวมที่พวกเขามักจะใช้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันก็โดนสกินชิพขั้นรุนแรงจากรุ่นพี่คนสนิท (คือสนิทกันทุกคนในโรงพยาบาล) ที่มีอาการเพ้อคลั่งคิดว่าตัวเองมาจากสมัยอโยธยาทั้งที่ตัวเองเป็นคนฮ่องกง ขนาดคนไทยแท้ๆอย่างน้องแบมยังงเลยว่าพี่คนนี้มาได้ไง

    “อะไรกันพี่แจ๊คกี้ น้องแบมแค่ไปหาคยอมมี่เอง ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย ปล่อยแบมได้แล้วแจ๊คกี้กอดอยู่ได้”

    “โธ่ ยอดยาหยีของพี่ น้องจักเขินอายเพราะเหตุใดกัน น้องมิเห็นรึว่ามีสหายนั่งกันอยู่เรียงราย จะอายทำไมเล่า”

    “ก็คนเยอะไงถึงอาย แจ๊คกี้พูดไม่รู้เรื่องเลย ถ้าแจ๊คกี้ไม่ปล่อยน้องแบม น้องแบมจะไม่พาไปล่องเรือที่แม่น้ำอยุธยานะ”

    “น้องกล่าวว่าเยี่ยงไรรึ จะพาพี่ไปอโยธยารึ แต่พี่มิเคยได้ยินเสียงลือเล่าอ้างอันใดของแม่น้ำอยุธยาสักเพียงนิด มันมีด้วยรึ”

    “มีสิ แจ๊คกี้อย่ามาเถียงน้องแบมน้องแบมคนไทยนะ”

    “เอาล่ะๆ พี่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับน้องให้มากความ และอีกอย่างที่พี่อยากจะกล่าวก่อนปล่อยน้องไปจากอ้อมอกพี่ โปรดเรียกพี่คนนี้ว่า แจก ด้วยเถิด พี่ชื่อแจกมิใช่แจ๊คกี้อะไรนั่น พี่มิชอบใจเท่าใดนัก เหตุเพราะมันละม้ายคล้ายคลึงกับพวกฝาหรั่งมากเกินไป”
     

    ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งฟรุ้งพริ้ง(?)กันอยู่นั้น อีกด้านของมุมห้องที่มีคนไข้คนใหม่นามว่าฮันบินนั่งอยู่ก็จ้องคนทั้งสองไม่วางตา ไม่รู้ว่าทำไมต้องอารมณ์เสียกับภาพตรงหน้า ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กันสักนิด ทำไมรู้สึกอยากจะลุกไปแยกคนตัวเล็กที่น่ารักออกจากไอ้คนเตี้ยสั้นล่ำหน้าโฉดนั่นนัก ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปหาคนตัวสั้นคนนั้น จนอีกคนเริ่มจะรู้ตัวจึงจ้องกลับบ้าง จ้องกันไปมา จนคนไข้คนใหม่ต้องยอมถอย ถอนสายตาออก และหันไปทางคนตัวเล็กที่นั่งกับเด็กผู้ชายติดกิ๊บอันเป้งสีชมพูสดใสแทน ส่วนพี่แจกเมื่อเล่นเกมจ้องตาชนะก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจและหันไปฝึกฟันดาบที่ได้รับมาจากท่านแม่ทัพ(ผอออโรงพยาบาลอ่ะแหละและดาบก็เป็นดาบเด็กเล่นมีไฟวิบวับๆที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านของเล่นเด็ก) ข้าจะรักษาดาบยิ่งชีพ และจะใช้ดาบนี้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับกองทัพอย่างถึงที่สุด

    ทางด้านคนไข้แบมแบม หลังจากคนตัวเล็กก็เป็นอิสระจากอ้อมอกอ้อมใจของพี่แจก และเดินตรงไปหาเพื่อนสาวที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่กำลังปราณีตในการแกะสลักแตงกวาเป็นรูปครุฑ(ที่เกาหลีมีครุฑด้วย?) แต่ดูแล้วดูเล่า ดูซ้ายดูขวาดูหน้าดูหลังก็ไม่เหมือครุฑสักนิด มันเหมือนนกแก้วไม่มีขนตรงหัวมากกว่าอ่ะจูเนียร์ (แบมแบมก็จินตนาการเลิศล้ำไปลูก)
     

    “จูเนียร์อ่า ทำอะไรอยู่หรอ”

    “แกะสลักไงน้องแบม เหมือนครุฑป่ะๆ”
     

    พี่ชายหน้าหวานเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น และรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่น้องแบมขอยืนยันคำเดิม กลับไปอ่านสองสามบรรทัดข้างบนอีกรอบนะคะ ดูปากน้องแบม กลับไปอ่านอีกรอบนะคะ
     

    “ว่าไงอ่ะ ทำไมน้องเนี่ยร์ถามแล้วน้องแบมไม่ตอบ จะงอนแล้วนะ”

    “น้องเนียร์อย่าเพิ่งงอนน้องแบมจิ ตอบก็ได้ๆ ไม่เหมือนอ่ะน้องเนียร์ มันเหมือนนกแก้วไม่มีขนหัวมากกว่า”

    “ไม่จริงอ่ะ น้องแบมโกหก น้องเนียร์ตั้งใจทำมากเลยนะ ฮึกๆๆ น้องเนียร์จะไปฟ้องปู่บี”
     

    น้องเนียร์รีบวิ่งไปหาคนไข้ที่มีชื่อว่าแจบอม หรือเจบีซึ่งยอมให้น้องเนียร์เรียกชื่อนี้เพียงคนเดียว คนไข้คนนี้มักคิดว่าตัวเองแก่แล้ว และบังคับให้คนอื่นเรียกว่าปู่ ซึ่งคนอื่นๆก็บ้าจี้เรียกตามกันไป ส่วนคนไข้ตัวเล็กก็ได้แต่มองตามอย่างงงๆ ก่อนที่จะไปนั่งจุ้มปุ๊กตรงข้างๆคนไข้คนใหม่ที่ดูเหมือนจะอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเหมือนจะไม่สนใจรอบข้าง แต่ที่จริงน่ะสนใจเต็มๆเลยล่ะ แอบมองคนนั่งข้างๆเป็นระยะๆ แต่คนข้างก็ได้แต่นั่งพึมพำอะไรคนเดียว แล้วทำไมเขาไม่ได้ยินล่ะ อย่าบอกนะว่าหูเขาบอดไปแล้ว ไม่นะ เส้นทางการเป็นนักร้องของเขายังเพิ่งเริ่มต้นเองนะ ไม่ มันไม่จริงใช่มั๊ย บอกฮันบินคนหล่อที
     

    “ไม่นะ ไม่จริง ม้ายยยยยยย”
     

    เหมือนคนทั้งห้อง(ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย)ถูกกดPauseทุกคนหันมาหยุดๆชีวิต ไม่สิ หยุดสายตาอยู่ที่ต้นเสียงนั่นก็คือพ่อหนุ่มไอดอลที่นั่งโวยวายอยู่ข้างๆคนตัวเล็กที่มองคนข้างๆอย่างงงๆ แต่ไม่ถึงสองวินาที ทั้งห้องเหมือนถูกกดPlay อีกรอบ ทุกคนหันไปทำกิจกรรมของตนเองต่อไป พี่แจกที่ยืนฟันดาบ น้องเนียร์ปู่บีที่แกะสลักกันงุ้งงิ้ง ยองแจกำลังเดินไปเดินมาตรวจความเรียบร้อย อ๊คแทคยอนคนไข้วีไอพีที่ตอนนี้ยืนเป่าลูกโป่ง แข่งกับคนไข้คนใหม่สองคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนคนไข้ตัวเล็กก็ยังจ้องไปยังคนข้างๆที่กำลังเอามือกุมหัวเหมือนจะหนีอะไรสักอย่าง มือเล็กถูกส่งไปสะกิดไหล่คนข้างๆอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
     

    “เป็นอะไรไป บอกน้องแบมได้นะ”

    “นายพูดอะไรน่ะ ทำไมฉันไม่ได้ยินนาย หูฉัน หูฉันต้องมีปัญหาแน่ๆ นายต้องช่วยฉันนะ”
     

    คนไข้คนใหม่ได้แต่กุมมืออีกคนอย่างมีความหวัง(แหม เนียนเชียวนะบีไอ) ส่วนคนไข้ตัวเล็กก็ได้แต่พยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะค่อยๆถอดหูฟังที่คนตรงหน้าใส่อยู่ออก ก็นายใส่อยู่แถมเปิดเพลงดังขนาดนี้จะได้ยินได้ยังไงล่ะ แต่เอ๊ะ นายได้ยินเสียงเพลงแต่บอกว่าตัวเองหูมีปัญหามันคืออะไรกันนะ บ้าไปแล้ว
     

    “ได้ยินรึยังฮะ”

    “ดะ ได้ยินแล้ว ทำไมนายเก่งจัง ขอบคุณนะ เอ่อ

    “เรียกเราว่า น้องแบม ดูปากเรานะ น้องแบม”

    “อื้ม น้องแบม ฉันชื่อคิมฮันบินนะ หรือที่คนอื่นรู้จักในชื่อว่าบีไอ”
     

    คนไข้คนใหม่เลือกที่จะบอกชื่อจริง และชื่อในวงการ(?)ให้กับคนตัวเล็กเผื่อจะรู้จักเขาในนามไอดอลชื่อดัง ส่วนน้องแบมก็ได้แต่คิดว่าคนอื่นนี่มันใครกัน น้องแบมยังไม่รู้จักคนชื่อบีไอเลยนะ หรือน้องแบมไม่ใช่คนอื่น ต้องใช่แน่ๆเลยน้องแบมต้องไม่ใช่คนอื่น น้องแบมงงจัง
     

    “น้องแบมว่าชื่อฮันบินไม่ค่อยแบ๊วเลยอ่ะ เดี๋ยวน้องแบมตั้งให้ใหม่ดีกว่า”
     

    และเหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่คนไข้น้องแบมต้องสรรหาชื่อมาให้เพื่อนใหม่ เพื่อความเป็นแบ๊วแฟมของน้องแบม
     

    “เอาเป็นว่าน้องแบมจะเรียกฮันบินว่า บินนี่ แล้วกัน น่ารักมั๊ยล่ะ บินนี่ คิคิคิ”
     

    คนตัวเล็กได้แต่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนก็หน้าแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำไมเด็กฝึกที่เจวายพีถึงน่ารักอย่างนี้นะ ไม่อยากกลับวายจีแล้วสิ เหม่อได้ไม่ถึงวินาที เพื่อนร่วมวงทั้งสองก็เดินมาหาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเต็มที่ พอมาถึงก็มานั่งอยู่ด้านหน้าของคนทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อนหน้าพร้อมเสียงบ่นที่ตามมา

    “ลีดเดอร์ ผมโคตรปวดปากเลยอ่า รุ่นพี่แทคยอนอะไรนั่นใช้พวกผมเป่าลูกโป่งจนแก้มจะแตกแล้ว ฮือออ”

    “ใช่ๆ บ๊อบบี้คนนี้ยืนยันด้วยฟันหน้าเลย  อ้าว นายคนนี้ก็แก้มจะแตกแล้ว ไปเป่าลูกโป่งมาเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นอ่ะ”

    “ไม่ใช่นะ!”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
     

    แล้วผู้มาใหม่ทั้งสามคนก็หัวเราะอย่างท้องคัดท้องแข็งเมื่อมองหน้าของคนตัวเล็ก แล้วมันเป็นจริงยังที่บ๊อบบี้บอกไม่มีผิดเพี้ยน แก้มกลมๆนั่นแดงเหมือนโรยผงบาร์บีคิว(?)ลงไปงั้นแหละ สงสัยใกล้จะแตกแล้ว ส่วนคนตัวเล็กที่โดนคนขี้แกล้งทั้งสามหัวเราะอย่างมีความสุขเหลือเกินที่ได้ล้อเรื่องแก้มกับเขา ไม่รู้รึไงว่าไม่ชอบ
     

    “ไม่อยู่แล้ว น้องแบมไม่ชอบคนขี้แกล้ง”
     

    พูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนและตรงดิ่งออกจากห้องโถงทันที ทำคุณบูชาโทษจริงๆเลย เชอะ ทางด้านคนไข้ตัวป่วนทั้งสามก็ยังคงขำไม่หยุด จนทั้งห้องต้องหันไปมองอีกครั้ง พวกเขาจึงค่อยลดเสียงหัวเราะลง จากนั้นมิโนกับบ๊อบบี้ก็ถูกเรียกให้ไปเป่าลูกโป่งต่อ ส่วนฮันบินที่นั่งอยู่คนเดียว(เพราะไม่มีใครกล้ายุ่ง)ก็คิดหนักอยู่ว่าจะตามคนตัวเล็กออกไปดีมั๊ย แล้วทำไมเขาต้องไปใส่ใจกับน้องแบมอะไรนี่ด้วยนะ

     

     

     

    ตัดภาพมาที่หมอคยอมมี่และหมอมารค์คี่



     

    “ผมจะอธิบายถึงโครงสร้างคร่าวๆของโรงพยาบาลนะครับ”
     

    คุณหมอยูคยอมเมื่อทำการเกลี้ยกล่อมให้คนไข้น้องแบมไปช่วยเพื่อนๆแล้วก็พาคุณหมอคนใหม่มาสำรวจรอบๆโรงพยาบาล
     

    “โครงเหล็กที่ใช้ทำเสาเข็มนี่นะครับสั่งทำมาจากอิตาลี ส่วนซีเมนต์นี่เราไม่ใช้ครับ เราใช้อิฐที่สั่งมาจากฮอลแลนด์

    “เอ่ออออ หมอครับ ผมจำเป็นต้องรู้ด้วยหรอ”
     

    หมอมาร์คเอ่ยขัดขึ้น เพราะรู้สึกว่าการรู้โครงสร้างการสร้างตึกไม่น่าจะมีความจำเป็นต่อการทำงานนะ เขาไม่ได้กวนแต่อย่างใดแค่คิดว่ามันไม่ใช่อะ
     

    “ฮ่าๆๆๆ ผมก็บอกไปงั้นแหละครับ ลองเชิงฮยองเฉยๆ ฮยองมาอยู่ที่นี่ฮยองต้องเจออีกเยอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

    “อ่อ”

    “ต่อนะครับ ก่อนอื่นผมต้องบอกฮยองไว้ก่อนเลยว่าโรงพยาบาลเราอยู่กันเหมือนครอบครัว คนไข้ของเราที่อยู่ประจำก็ไม่เยอะ มีหกคน รวมพยาบาล กับหมอที่อยู่ประจำก็ประมาณสิบกว่าคนได้ เหมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งแหละครับ เรื่องอาหารการกินก็ทำกันเองครับ เราจะมีครัวอยู่ทางด้านหลังของโรงพยาบาลโดยมีเวรการทำอาหารโดยคนไข้กับบุคลากรของโรงพยาบาล เห็นพวกเขาอย่างเป็นนั้นแต่ก็ทำอาหารอร่อยทุกคนเลยนะครับ”

    “ทางด้านหน้าของโรงพยาบาลที่เราเดินผ่านกันมา เราจะใช้รองรับคนไข้ที่ไม่ใช่คนไข้ประจำครับ เหมือนโรงพยาบาลทั่วไปมีห้องผ่าตัด ห้องพักคนไข้ธรรมดา ซึ่งจะมีห้องพักของหมออยู่ ตรงห้องทำงานของผมแหละครับ”
     

    เดินมาเรื่อยๆจากหน้าโรงพยาบาลมาหยุดอยู่ด้านในที่ประกอบไปด้วยตรงกลางที่เป็นสระว่ายน้ำและสนามเด็กเล่น และมีห้องคล้ายๆห้องโถงอีกประมาณสามห้อง
     

    “ตรงนี้เป็นสระว่ายน้ำกับสนามเด็กเล่น ที่เราสร้างเอาไว้ข้างในแบบนี้ เพราะเราจะได้ดูแลพวกเขาได้ง่ายๆน่ะครับ ส่วนทางด้านซ้ายมือเป็นทางออกไปสนามหญ้าครับ เป็นสนามกีฬากลางแจ้ง ให้คนไข้ได้ทำกิจกรรม ออกกำลังกายกัน ส่วนห้องโถงทางด้านขวามือนี่ใช้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสต่างๆ หรือบางทีพวกเขาก็จะเข้าไปเล่นกัน ห้องที่หนึ่งนี่เป็นห้องที่มีของเล่นเยอะๆครับห้องโปรดน้องแบมเค้าล่ะครับ ห้องที่สองเป็นห้องว่างๆครับ บางทีก็มีการจัดสอนอาชีพ งานอดิเรกบ้างในนั้นแหละครับ ส่วนห้องที่สามนี่เป็นห้องสมุดครับรวมทั้งอุปกรณ์ไอทีต่างๆให้พวกเขาได้เข้าไปเรียนรู้”
     

    หมอมาร์คได้แต่ฟังอย่างตั้งใจ และได้แต่สงสัยว่านี่มันโรงพยาบาล บ้านหลังใหญ่ หรือโรงเรียนกันแน่ ทำไมมันครบครันขนาดนี้ ค่ารักษาพบาบาลเท่าไหร่กัน
     

    “ส่วนด้านบนชั้นสองเป็นห้องพักของคนไข้ประจำครับ มีประมาณสิบกว่าห้อง แต่คนไข้เรามีอยู่หกคน อีกสองห้องเป็นของพยาบาลประจำ และอีกสองห้องก็เป็นของผมกับหมอคุณ ซึ่งเป็นหมอประจำ”
     

    หมอยูคยอมพาหมอคนใหม่ขึ้นบันใดมาที่ชั้นสอง ซึ่งดูคล้ายๆกับคอนโดมากกว่ามีห้องที่เรียงกันเป็นวงกลม สิบกว่าห้องได้ ซึ่งลานตรงการน่าจะเป็นคล้ายๆห้องรับแขกเพราะมีทีวี และโซฟาอยู่
     

    “ห้องก็ไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่ ถ้าเทียบกับคอนโดก็คือคอนโดที่มีราคาเลยล่ะครับ มีห้องน้ำในตัวนะครับ หมอจะเข้าไปดูมั๊ย?”

    “ไม่เป็นไรครับ”

    “แล้วหมอจะอยู่ประจำหรือเปล่าครับ”

    “ไม่รู้สิครับ”

    “ถ้าอยู่ก็ดีนะครับ จะได้ศึกษาพฤติกรรมคนไข้ไปในตัวด้วย”

    “อ่อ ครับ”

    “อ้าว หมอคิม พาใครมาล่ะเนี่ย”
     

    หนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่เดินออกมาจาห้องที่ดูใหญ่กว่าห้องปกติเอ่ยถามขึ้น
     

    “นี่หมอต้วน หมอคนใหม่ไงครับ ท่านผอออ”

    “อ้าวเรอะ ดีๆ ตั้งใจทำงานนะ”
     

    ท่านผอออเดินมาตอบบ่าหมอคนใหม่สองสามทีก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง
     

    “ผอออก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอ”

    “ก็ไม่เชิงครับ บางครั้งท่านก็จะมาค้างที่โรงพยาบาลบ้าง มาตรวจงานน่ะครับ เห็นอารมณ์ดีอย่างนั้นเนี้ยบอย่าบอกใครเลยล่ะครับ”

    “ฮ่าๆๆๆๆ”

    “แล้วชั้นข้างบนล่ะครับเป็นอะไรหรอ”
    “เป็นที่เก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์น่ะครับ”

    “อ่อ”


     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr




     

    สมาร์ทโฟนเครื่องหรูของหมอคนใหม่ส่งเสียงขึ้น ทำให้หมอคนใหม่ต้องขอตัวออกมารับโทรศัพท์

    “ผมขอตัวนะครับ”

    “ตามสบายครับ งั้นผมลงไปข้างล่างก่อนนะครับ”
     

    หมอคนใหม่พยักหน้าก่อนจะสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายของผู้มีอุปการะคุณ
     

    “ครับป๊า”

    “ป๊าจัดการเรื่องเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนะ”

    “เสื้อผ้าไรกันป๊า”

    “ก็ไปเป็นหมอประจำไง ไปอยู่ที่นั่น นั่นแหละ”

    “ป๊า ไม่เอาผมจะอยู่คอนโดผม”

    “ไม่! เดี๋ยวแกเถลไถลอีก ถ้ายังอยากได้มรดกอยู่ก็ทำตามป๊าสั่งซะ”

    ตู้ด ตู้ด ตู้ด

    “ป๊า ป๊าโถ่เว้ย”
     

    หมอคนใหม่ได้แต่สบถอย่างหัวเสีย ก็ที่จริงน่ะ เขาอยากทำงานที่แอลเอนั่นแหละแต่ป๊าบังคับให้กลับมาเพื่อมาเรียนรู้อะไรที่เกาหลี อีกเหตุผลหนึ่งคือที่จริงเขาน่ะร้ายมากๆเลย เรื่องเที่ยวกลางคืนนี่ไม่ต้องพูดถึง เก่งกว่ารักษาคนไข้อีก เพราะอย่างนี้ป๊าก็เลยไม่อยากให้อยู่คอนโดคนเดียว เพราะหมอมาร์คนี่แหละจะต้องไปเป็นผอออของโรงพยาบาลที่ป๊าจะเปิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เลยต้องทำตัวดีหน่อย หมอมาร์คโคตรเซงบอกเลย แต่คนไข้ที่นี่ก็น่ารักดีนะ อยู่ที่นี่ก็คงไม่น่าเบื่อเท่าไหร่








    tbc นะเครฟฟฟ
    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
    ตอบเม้น @n13berryS (@n13-berry) ไปเข้าห้องน้ำรึเปล่า แต่เข้าไปทำไมเราไม่รู้นะ บอกแล้วฟิคเราใสๆไร้สาระ อิอิ ขอบคุณตัวเองมากเลยที่หลงมาอ่านของเราอ่ะ รักนะงุ๊บๆ


    เรามาต่อแล้วนะเครฟฟฟฟ โคตรดีใจเลยที่มีคนอ่านอ่ะ มีหนึ่งเม้นแบบแทบแดดิ้นดีใจจริงๆๆนะบอกเลยยยยยยยย
    ขอบคุณที่อ่านฟิคไร้สาระของเรานะ ถือว่าพักสมอ(หรือเครียดกว่าเดิมอันนี้ไม่แน่ใจ)

    เราบอกเลยนะเราชอบคาแรกเตอร์คนสมัยอโยธยาของพี่แจกมากอ่ะ
    ตอนแรกจะเอาชื่อพี่หวัง แต่คิดว่าแจกเหมาะกว่าให้อารมณ์โบราณดีอ่ะ

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×