คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : My Captain 3 :: สู่รั้วฮอกวอตส์
Chapter 3
รถไฟเคลื่อนมาจอดที่สถานีฮอกส์มี้ด
คาร่าและเวโรนิก้าเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมแล้ว
เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นต่างทยอยกันเดินลงจากรถไฟ ยกเว้นแต่พวกปีหนึ่ง
มีชายร่างยักษ์หนวดเคราเฟิ้มเดินมาบอกให้พวกเขาไปทางทะเลสาบ คาร่ากับเวโรนิก้าเรียกได้ว่าตัวติดกันตลอดตั้งแต่ลงจากรถไฟ
เบื้องหน้าของพวกเธอคือทะเลสาบสีดำ
เรือหลายลำถูกจอดไว้มีเพียงตะเกียงที่ห้อยเพื่อให้แสงสว่างเท่านั้น
เรือลำนั้นมาส่งเด็กๆที่ปราสาทฮอกวอตส์
ทุกคนต่างพูดคุยอย่างตื่นเต้นว่าจะเจออะไรข้างไหน หมวกจะคัดสรรไปอยู่บ้านไหน สำหรับคาร่าบ้านไหนก็ได้เธอไม่เกี่ยง
ไม่นานนักก็มีหญิงสูงวัยมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา หลังเหยียดตรง
เธอจ้องมองเด็กๆด้วยสายตาพิจารณา
“ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์”หญิงชราเอ่ย
หลังจากนั้นเธอก็กล่าวเกี่ยวกับบ้านทั้งสี่และพิธีคัดสรรที่จะเริ่มในไม่ช้านี้
กฎเกณฑ์ต่างๆที่จะทำให้แต่ละบ้านได้คะแนน
“ขณะที่อยู่ที่นี่บ้านเธอจะเป็นเหมือนครอบครัวของครัวของเธอ
ชัยชนะจะทำแต้มให้บ้าน ถ้าหากทำผิดกฎพวกเธอจะเสียแต้ม
เมื่อถึงปลายเทอมบ้านที่ได้แต้มสูงสุดจะได้รับรางวัลถ้วยบ้านดีเด่น
พิธีคัดสรรจะเริ่มในไม่ช้านี้”หญิงชราคนนั้นดินหายไปหลังประตู
สักพักเธอก็ออกมาพร้อมกับบอกให้นักเรียนปีหนึ่งเดินเข้าไปข้างใน
ทันทีได้ผ่านพ้นประตูเด็กนักเรียนหลายคนต่างส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น
เพดานถูกลงคาถาไว้เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน
คาร่ามองมันด้วยความตื่นเต้นเวโรนิก้าเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นแต่คาร่าก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของเธอ
“ทุกคนฟังทางนี้
อาจารย์ใหญ่ ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ จะกล่าวอะไรกับพวกเธอสักเล็กน้อย”ทันทีที่เธอพูดจบ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็เงียบโดยพร้อมเพรียงกัน ดัมเบิลดอร์หันไปขอบคุณก่อนจะกล่าวต้อนรับเทอมใหม่และนักเรียนใหม่อย่างเป็นทางการ
เขาอธิบายเกี่ยวกับประวัติของโรงเรียนและสถานที่อันตรายสำหรับเด็กๆและไม่ควรย่างกรายเข้าไปอย่างป่าต้องห้าม
“เริ่มพิธีคัดสรรได้”
“เมื่อฉันขานชื่อผู้ใดจงก้าวออกมา
ฉันจะสวมหมวกคัดสรรให้”หญิงชราเอ่ย
เธอเรียกชื่อเด็กปีหนึ่งแต่ละคนให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ คนแล้วคนเล่าถูกคัดสรรไปตามบ้านต่างๆและแต่ละบ้านต่างแสดงความดีใจเมื่อเด็กถูกคัดสรรมาที่บ้านตัวเอง
“โอลิเวอร์ วู้ด!”คราวนี้เป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลเข้ม
เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ศาสตราจารย์มักกอลนากัลสวมหมวกให้เขา คาร่ามองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างไม่วางตาจนเวโรนิก้าต้องสะกิดเมื่อเห็นเธอเงียบไป
“กริฟฟินดอร์!”
“คาร่า เอฟเวอร์ตัน”คาร่าเดินแทรกตัวออกมาจากกลุ่มเด็กปีหนึ่ง
เธอเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้จากนั้นศาสตราจารย์ก็สวมหมวกให้เธอ
“อื้ม...เธอเป็นเด็กที่แปลกมากยากจริงๆ
อ้า...ฉลาด เข้มแข็ง แต่ก็มีความซื่อและความกล้าหาญอยู่ด้วย
ดูจะเข้ากับคนยากนะนังหนู คัดไปไว้ไหนดี นึกออกแล้ว”
“เรเวนคลอ!”โต๊ะบ้านอินทรีย์โห่ร้องด้วยความดีใจ
คาร่าเดินไปนั่งอย่างไม่รีบร้อนรุ่นพี่และเด็กปีหนึ่งต่างพากันจับมือทักทายเธอ
“เวโรนิก้า อิชิฮาระ
เลย์ตัน”เวโรนิก้าเดินไปอย่างปกติ
แต่เวลาจะนั่งเธอจึงต้องใช้มือคลำเก้าอี้
ศาสตราจารย์เห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้ามาช่วยเธอ
คาร่ามองการคัดสรรของเวโรนิก้าพร้อมกับภาวนาเพื่อให้ได้อยู่บ้านเดียวกัน
“ฮัฟเฟิลพัฟ!”หมวกคัดสรรตะโกน คาร่ารู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับเวโรนิก้า
ทั้งคู่หันมายิ้มให้กัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เอ่ยให้เริ่มงานเลี้ยง
ทันใดนั้นก็มีอาหารมากมายปรากฏอยู่ตรงหน้า ไก่งวงตัวใหญ่ เนื้อย่าง ซี่โครงหมู
ไส้กรอก เบคอน สเต็ก และอื่นๆที่ดูน่ารับประทานเต็มไปหมด
เด็กนักเรียนหลายคนเริ่มทำความรู้จักกัน
คาร่าเองที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินก็ถูกขัดจังหวะด้วยการที่มีคนแนะนำตัวกับเธอ
ไม่นานอาหารหวานก็ถูกยกขึ้นมา
เด็กผู้หญิงหลายคนเพลิดเพลินกับของหวานเป็นที่สุดในขณะที่ผู้ชายหลายคนเริ่มคุยกันโดยไม่ได้สนใจของหวาน
คาร่าชอบเอแคลร์ช็อกโกแลตกับพายแอปเปิลมาก มื้อเย็นจบลงอย่างรวดเร็ว
“เรเวนคลอ ตามฉันมาทางนี้”เด็กปีหนึ่งเดินตามพรีเฟ็คหญิงไป
หอของพวกเธอนั้นอยู่บนหอคอยแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนักเรียนมากนัก
พรีเฟ็คเตือนเกี่ยวกับบันไดเพราะมันชอบสลับไปมาจนชวนปวดหัวอยู่บ่อยๆ
พรีเฟ็คหญิงเคาะประตูที่เคาะประตูนั้นสลักเป็นรูปนกอินทรีสัมฤทธ์
ประตูไม่เปิดออกเหล่าเด็กปีหนึ่งบ้านเรเวนคลอต่างมองอย่างสนอกสนใจ
“รู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องวิ่งหนีแมว”นกอินทรีสัมฤทธิ์ถาม
“หนู”ประตูเปิดออก พรีเฟ็คเดินนำเด็กเข้าห้องนั่งเล่นของบ้านทันที
ภายในส่วนใหญ่ถูกตกแต่งด้วยของที่เป็นสีน้ำเงิน
หน้าต่างแบบโค้งฝังลึกลงไปในห้องนั่งเล่น โซฟา โต๊ะ
และเก้าอีกถูกจัดอยู่ตามมุมเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวในการอ่านหนังสือ
“ฉันคลอเดีย
โรแวนเป็นพรีเฟ็ค ขอต้อนรับสู่บ้านเรเวนคลอสัญลักษณ์ประจำบ้านของเราคือนกอินทรี
บ้านนี้คือสถานที่ที่รวบรวมเหล่าคนเก่งและอัจฉริยะ
ถึงบ้านอื่นจะมองว่าพวกเราประหลาดแต่จริงๆเรามีแนวทางเป็นของตัวเอง
อ้อ...อีกอย่างเราไม่ได้อุดอู้อยู่แต่กับกองหนังสือทั้งวันหรอกนะ
เราก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนนักเรียนทั่วไปนั่นแหละ”เธอร่ายยาวก่อนจะเว้นจังหวะ
“ถ้าหากเธอต้องการเข้าหอ
เธอต้องตอบคำถามให้ถูกประตูถึงจะเปิด มันเป็นเรื่องบ้ามากที่พวกเธอออกมาแล้วลืมของไว้ในนั้น
ฉะนั้นจงสำรวจสัมภาระของตัวเองให้ดี ผู้หญิงไปทางซ้าย ผู้ชายไปทางขวา แยกย้ายได้”ว่าจบเด็กปีหนึ่งทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องคาร่าพบว่าของทุกอย่างถูกขนมาไว้ที่นี่หมดแล้ว
เตียงห้าเตียงถูกจัดอยู่ตามมุมและชิดกับผนัง ข้างเตียงมีลิ้นชักสำหรับใส่ของ
เนื่องจากตอนนี้รูมเมทของเธอยังไม่มา
สัมภาระของคาร่าที่เดิมทีอยู่เตียงติดประตูก็ลอยตามเธอไป เด็กหญิงเลือกเตียงที่ติดกับหน้าต่าง
ตื่นเช้ามาเธอจะได้ลุกออกมาดูวิวยามเช้าตรู่ของฮอกวอตส์
“ห้องนี้ยังมีเตียงว่างอยู่ใช่ไหม”เด็กหญิงผมบ๊อบสั้นโผล่ออกมาจากหน้าประตู คาร่าพยักหน้า
เธอจึงเดินเข้ามาเพื่อเลือกเตียง
“ฉันอเล็กซา เคอร์ติส”อเล็กซาหันมาจับมือเธอ
“คาร่า เอฟเวอร์ตัน
ยินดีที่ได้พบ”คาร่าหันกลับไปจัดสัมภาระของตัวเองต่อ
อเล็กซามองคาร่าที่กำลังจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง
“หนังสือเยอะดีนี่
ชอบอ่านเหรอ?”
“ใช่
มันเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“ต่างกับฉันเลยนะ
ฉันน่ะไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่หรอก แต่ก็ไม่รู้ทำไมหมวกถึงได้คัดสรรมาอยู่ที่เรเวนคลอ”อเล็กซากระโดดขึ้นบนเตียง
คาร่านั่งมองเพื่อนใหม่ของตัวเอง
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นกลมกำลังวิเคราะห์เด็กหญิงเตียงข้างๆ
คาร่าคิดว่าอเล็กซาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดีและเข้ากับคนได้ง่าย
“เธอเนี่ย
เป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะแถมดูจะเข้ากับคนได้ง่ายอีก”อเล็กซาเงยหน้ามามองคาร่าอย่างแปลกใจ
พึ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงก็ดูนิสัยเธอออกแล้วหรือเนี่ย
“ใช่
มันก็อย่างที่เธอว่านั่นแหละ”อเล็กซารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ
ทั้งคู่คุยกันอย่างเพลิดเพลิน
ถ้าให้ถูกก็น่าจะเป็นอเล็กซามากกว่าที่ชวนเธอคุยอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนคาร่าก็นั่งฟังเธอไปพลางอ่านหนังสือในมือ
จากนั้นเพื่อนที่เหลือก็ทยอยเข้ามาในห้องซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของอเล็กซาอีกทีและดูเหมือนพวกเขาจะไม่ชอบคาร่าสักเท่าไหร่
อเล็กซาหันไปคุยกับกลุ่มเพื่อนของเธอต่อ
เด็กหญิงไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะล้มตัวลงนอน
คาร่าตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้
เธอจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จเรียบร้อยเด็กหญิงตรวจสอบตารางเรียนที่เพิ่งได้มาเมื่อวาน
เธอจัดการหยิบหนังสือที่ต้องเรียนในวันนี้ใส่กระเป๋า
อเล็กซาและรูมเมทของเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นคาร่าจึงเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ
ยามเช้าตรู่ในห้องโถง
นักเรียนยังไม่เยอะมากนักแต่ก็มีบางส่วนที่มานักอ่านหนังสือหรอมานั่งจับกลุ่มคุยกับเพื่อน
เด็กหญิงเลือกนั่งห่างจากผู้คนอยู่มากเรียกได้ว่าอยู่คนละโลกเลยก็ว่าได้
มื้อเช้าก็เป็นอาหารง่ายๆอย่างขนมปัง เบคอน ไข่ดาว อย่าว่างั้นงี้เลยเธอเป็นโรคติดหนังสือ
คาร่าหยิบหนังสือวิชาคาถาขึ้นมาอ่านไปพลางจิ้มไส้กรอกไปพลาง
“อ่านหนังสือแต่เช้าเลยนะ”คาร่าสะดุ้งโหยง เสียงเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆเธอ
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ
ฉันชื่อไบรอัน นอร์แมน ยินดีที่ได้รู้จัก”เด็กผู้ชายผมสีเข้ม
ดวงตาภายใต้กรบแว่นเหลี่ยมสีดำมองเธออยางรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร คาร่า
เอฟเวอร์ตัน”เธอทักทายเขากลับ เด็กชายชี้มาทางที่ว่างข้างๆเป็นเชิงถามว่าขอนั่งด้วยได้ไหม
คาร่าพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ฉันเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียว
ไม่เหงาบ้างเหรอ?”คาร่าหันมามองเขา
จู่ๆเธอก็รู้สึกได้ว่าเขามีอาการตื่นเต้นทั้งที่เขาไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เธอเห็น
“นายกำลังรู้สึกตื่นเต้นงั้นเหรอ?”คาร่าถาม
“เอ๋!? ฉันดูเป็นอย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่า
ก็แค่เดามั่วๆน่ะ”คาร่าตอบปัดๆไปทั้งที่เธอเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ
เดวิดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ใช่ ฉันตื่นเต้นจริงๆ”
“เธอไม่มีเพื่อนบ้างเหรอ?”
“ไม่อ่ะ
เด็กแถวบ้านฉันชอบมองว่าฉันเป็นตัวประหลาด แถมรูมเมทยังดูจะไม่ชอบฉันอีก
แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกนะ”คาร่าตอบ
“เห...ลำบากน่าดูเลยนะ”คาร่าส่ายหัวก่อนจะหันกลับมาอ่านหนังสือต่อ
ไบรอันนั่งมองเธอแต่คาร่าก็ยังไม่รู้สึกตัว
เธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเด็กชายนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า...แต่เธอดูน่ารักกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย”คาร่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
น่ารัก?
“บ้าน่า
ฉันก็แค่ยัยแว่นเฉิ่มๆคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”คาร่าตอบไปตามความจริง ก็เด็กแถวบ้านเธอชอบพูดอย่างนี้ทั้งนั้น
แถมตัวคาร่าเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดูดีสักเท่าไหร่หรอก
“พูดเป็นเล่น
นี่เธอไม่รู้ตัวจริงๆหรือเนี่ย”ไบรอันพูดอย่างไม่เชื่อ
จากนั้นกลุ่มเด็กผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนของเขาก็เดินเข้ามาในห้องโถง อเล็กซาและกลุ่มเพื่อนของเธอก็เดินเข้ามาเช่นกัน
เด็กหญิงผมสั้นโบมือทักทายคาร่า
แต่ยังไม่ทันที่จะโบกมือกลับเพื่อนของอเล็กซาก็ดันหลังเธอไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าไม่อยากยุ่งกับคาร่ายังไงยังงั้น
คาบแรกของวันนี้เป็นวิชาคาถา ซึ่งคาร่าได้อ่านไปคร่าวๆแล้วเมื่อตอนเช้าและดูเหมือนวิชานี้จะเป็นวิชาปฏิบัติ
เธอเดินเข้าห้องเรียนมาเป็นคนแรก
ภายในห้องนั้นโต๊ะเรียนยาวถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งแล้วคั่นด้วยทางเดิน
ด้านหน้าสุดมีกองหนังสือกองพะเนินอยู่ด้านหลังเป็นกระจกบานใหญ่เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องเรียน
บรรยากาศในห้องนั้นช่างเงียบสงบ
คาร่าหลับตาลงเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวของเธอมันรวดเร็วมากจนบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจมัน
ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจพรที่เธอได้รับมาแล้วมันอาจเป็นการมองเห็นความรู้สึกคนอื่นหรือนิสัยที่แท้จริงของคนอื่น
แต่มันก็ดูเป็นพรที่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลยนี่นะ
ก็แค่รู้สึกถึงอารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเองนี่ เธอคิดว่ามันจะเป็นพรที่อลังการอย่างควบคุมจิตใจคนหรือติดต่อผ่านทางจิตอะไรอย่างนี้
ซึ่งพวกนี้ดูมีประโยชน์กว่าสิ่งที่เธอได้มาเสียอีก
“โอ้ อรุณสวัสดิ์คุณเอฟเวอร์ตัน”เสียงเล็กนั่นดังขึ้น ศาสตราจารย์ฟลิตวิกซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านเรเวนคลอเอ่ยทักทายเธอ
เขาเป็นชายร่างเล็กเอ่อ...เล็กกว่าเธอด้วยซ้ำซึ่งเขาสูงเท่าๆเอวของเธอเลยล่ะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะศาสตราจารย์ฟลิตวิก”ว่าจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องทำงานของตนเอง
ในเมื่อในห้องนั้นไม่มีใครซึ่งตอนนี้ยังไม่หมดเวลามื้อเช้า
เด็กหญิงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง คาร่าหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ ใช่หนังสือเทพเจ้านั่นแหละ
คาร่ากำลังคิดถึงเกี่ยวกับพรที่ได้รับซึ่งแต่ละคนก็ได้รับพรแตกต่างกันไป
เวโรนิก้าใส่ผ้าปิดตาซึ่งเธออาจจะมองเห็นอะไรบางอย่าง
คนที่ได้รับพรจากเทพอะพอลโลก็น่าจะเป็นการพยากรณ์หรือรู้อนาคตล่วงหน้า เฟรย่า
เธอก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าพรที่ได้รับจะออกมาเป็นแบบไหน
เนเมซิสเทพีแห่งการล้างแค้น ล้างแค้นเหรอ
ทำให้มีพลังความแค้นมากขึ้นก็ไม่น่าใช่อีกตามเคย
เฮฟเฟตัสเทพแห่งงานช่างมีพรสวรรค์ด้านการประดิษฐ์สิ่งของ อะไรทำนองนี้ล่ะมั้ง
ทานาทอสเทพแห่งความตาย ปลุกคนตายอะไรอย่างนี้น่ะเหรอ
อารมณ์แบบซอมบี้เดินช้าๆแล้วก็ร้อง แฮ่ แฮ่....
แฟนตาซีเนอะ
แต่นี้ก็เป็นแค่สิ่งที่คาร่าคาดคะเนไว้ก็เท่านั้น
เธอไม่ได้หวังว่ามันจะถูกหรอก อีกอย่างเธอก็ยังไม่ได้ไปคุยกับทุกคนที่เอลิเซียน
คาเฟ่เลยนี่ ข้อมูลตอนนี้ไม่มากพอเลยด้วยซ้ำถึงจะอยากรู้ขนาดไหนก็ตามแต่เธอก็ไม่เคยเห็นคนที่ได้รับพรอยู่ปีเดียวกันกับเธอที่ฮอกวอตส์เลยนี่
อ้อ...เว้นเวโรนิก้าไว้
เดี๋ยวนะ....ปีเดียวกัน?
ต่างคนต่างช่วงเวลา
งั้นแสดงว่าอาจมีคนที่ช่วงเวลาปัจจุบันอายุมากกว่าเธอ
น้อยกว่าเธอ และเท่ากันกับเธอ คิดผิดจริงๆที่ไม่ได้ไปเอลิเซีย คาเฟ่อีกครั้ง คาร่าเอามือกุมหัวตัวเองในหัวของเธอมีเรื่องมากมายเสียจนเธอไม่เข้าใจมัน
แถมข้อมูลที่เธอรู้ก็ยังน้อยอีก
ปวดหัวโว้ย!!!
TALK 16/10/2018
มาแล้วค่ะทุกคน ไรต์ต้องขออภัยสำหรับความล่าช้านะคะ พอดีว่าแต่งตอนนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ก็กำลังคิดว่าแต่งอีกตอนหนึ่งให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงดีกว่า แต่กลัวรีดจะรอนานก็เลยเอามาลงเลย ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่เขียนและเอามาลงช้าและทำให้รีดต้องรอนาน วันที่18 เป็นต้นไปไรต์อาจไม่ว่างนะคะเพราะต้องไปเชียงรายกว่าจะมาอัพคงอีกนาน คงต้องแต่งในโทรศัพท์ไปเพลินๆยังไงก็ต้องขออภัยจริงๆนะคะT-T
#KAZEKUNG
1 เม้น = ล้านกำลังใจ
ความคิดเห็น