ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [เลิกอัพ] [AU Fic HP Blessing] My Captain (OW x OC)

    ลำดับตอนที่ #3 : My Captain 3 :: สู่รั้วฮอกวอตส์

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 61


    Chapter 3


                รถไฟเคลื่อนมาจอดที่สถานีฮอกส์มี้ด คาร่าและเวโรนิก้าเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมแล้ว เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นต่างทยอยกันเดินลงจากรถไฟ ยกเว้นแต่พวกปีหนึ่ง มีชายร่างยักษ์หนวดเคราเฟิ้มเดินมาบอกให้พวกเขาไปทางทะเลสาบ คาร่ากับเวโรนิก้าเรียกได้ว่าตัวติดกันตลอดตั้งแต่ลงจากรถไฟ  เบื้องหน้าของพวกเธอคือทะเลสาบสีดำ เรือหลายลำถูกจอดไว้มีเพียงตะเกียงที่ห้อยเพื่อให้แสงสว่างเท่านั้น


                เรือลำนั้นมาส่งเด็กๆที่ปราสาทฮอกวอตส์ ทุกคนต่างพูดคุยอย่างตื่นเต้นว่าจะเจออะไรข้างไหน หมวกจะคัดสรรไปอยู่บ้านไหน สำหรับคาร่าบ้านไหนก็ได้เธอไม่เกี่ยง ไม่นานนักก็มีหญิงสูงวัยมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา หลังเหยียดตรง เธอจ้องมองเด็กๆด้วยสายตาพิจารณา


                ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์หญิงชราเอ่ย หลังจากนั้นเธอก็กล่าวเกี่ยวกับบ้านทั้งสี่และพิธีคัดสรรที่จะเริ่มในไม่ช้านี้ กฎเกณฑ์ต่างๆที่จะทำให้แต่ละบ้านได้คะแนน


                ขณะที่อยู่ที่นี่บ้านเธอจะเป็นเหมือนครอบครัวของครัวของเธอ ชัยชนะจะทำแต้มให้บ้าน ถ้าหากทำผิดกฎพวกเธอจะเสียแต้ม เมื่อถึงปลายเทอมบ้านที่ได้แต้มสูงสุดจะได้รับรางวัลถ้วยบ้านดีเด่น พิธีคัดสรรจะเริ่มในไม่ช้านี้หญิงชราคนนั้นดินหายไปหลังประตู สักพักเธอก็ออกมาพร้อมกับบอกให้นักเรียนปีหนึ่งเดินเข้าไปข้างใน


                ทันทีได้ผ่านพ้นประตูเด็กนักเรียนหลายคนต่างส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น เพดานถูกลงคาถาไว้เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน คาร่ามองมันด้วยความตื่นเต้นเวโรนิก้าเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นแต่คาร่าก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของเธอ


                ทุกคนฟังทางนี้ อาจารย์ใหญ่ ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ จะกล่าวอะไรกับพวกเธอสักเล็กน้อยทันทีที่เธอพูดจบ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็เงียบโดยพร้อมเพรียงกัน ดัมเบิลดอร์หันไปขอบคุณก่อนจะกล่าวต้อนรับเทอมใหม่และนักเรียนใหม่อย่างเป็นทางการ เขาอธิบายเกี่ยวกับประวัติของโรงเรียนและสถานที่อันตรายสำหรับเด็กๆและไม่ควรย่างกรายเข้าไปอย่างป่าต้องห้าม


                เริ่มพิธีคัดสรรได้


                เมื่อฉันขานชื่อผู้ใดจงก้าวออกมา ฉันจะสวมหมวกคัดสรรให้หญิงชราเอ่ย เธอเรียกชื่อเด็กปีหนึ่งแต่ละคนให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ คนแล้วคนเล่าถูกคัดสรรไปตามบ้านต่างๆและแต่ละบ้านต่างแสดงความดีใจเมื่อเด็กถูกคัดสรรมาที่บ้านตัวเอง


                โอลิเวอร์ วู้ด!”คราวนี้เป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลเข้ม เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ศาสตราจารย์มักกอลนากัลสวมหมวกให้เขา คาร่ามองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างไม่วางตาจนเวโรนิก้าต้องสะกิดเมื่อเห็นเธอเงียบไป


                กริฟฟินดอร์!”


                คาร่า เอฟเวอร์ตันคาร่าเดินแทรกตัวออกมาจากกลุ่มเด็กปีหนึ่ง เธอเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้จากนั้นศาสตราจารย์ก็สวมหมวกให้เธอ


                อื้ม...เธอเป็นเด็กที่แปลกมากยากจริงๆ อ้า...ฉลาด เข้มแข็ง แต่ก็มีความซื่อและความกล้าหาญอยู่ด้วย ดูจะเข้ากับคนยากนะนังหนู คัดไปไว้ไหนดี นึกออกแล้ว


                เรเวนคลอ!”โต๊ะบ้านอินทรีย์โห่ร้องด้วยความดีใจ คาร่าเดินไปนั่งอย่างไม่รีบร้อนรุ่นพี่และเด็กปีหนึ่งต่างพากันจับมือทักทายเธอ


                เวโรนิก้า อิชิฮาระ เลย์ตันเวโรนิก้าเดินไปอย่างปกติ แต่เวลาจะนั่งเธอจึงต้องใช้มือคลำเก้าอี้ ศาสตราจารย์เห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้ามาช่วยเธอ


                คาร่ามองการคัดสรรของเวโรนิก้าพร้อมกับภาวนาเพื่อให้ได้อยู่บ้านเดียวกัน  


                ฮัฟเฟิลพัฟ!”หมวกคัดสรรตะโกน คาร่ารู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับเวโรนิก้า ทั้งคู่หันมายิ้มให้กัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่


    ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เอ่ยให้เริ่มงานเลี้ยง ทันใดนั้นก็มีอาหารมากมายปรากฏอยู่ตรงหน้า ไก่งวงตัวใหญ่ เนื้อย่าง ซี่โครงหมู ไส้กรอก เบคอน สเต็ก และอื่นๆที่ดูน่ารับประทานเต็มไปหมด เด็กนักเรียนหลายคนเริ่มทำความรู้จักกัน คาร่าเองที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินก็ถูกขัดจังหวะด้วยการที่มีคนแนะนำตัวกับเธอ ไม่นานอาหารหวานก็ถูกยกขึ้นมา เด็กผู้หญิงหลายคนเพลิดเพลินกับของหวานเป็นที่สุดในขณะที่ผู้ชายหลายคนเริ่มคุยกันโดยไม่ได้สนใจของหวาน คาร่าชอบเอแคลร์ช็อกโกแลตกับพายแอปเปิลมาก มื้อเย็นจบลงอย่างรวดเร็ว


    เรเวนคลอ ตามฉันมาทางนี้เด็กปีหนึ่งเดินตามพรีเฟ็คหญิงไป หอของพวกเธอนั้นอยู่บนหอคอยแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนักเรียนมากนัก พรีเฟ็คเตือนเกี่ยวกับบันไดเพราะมันชอบสลับไปมาจนชวนปวดหัวอยู่บ่อยๆ


    พรีเฟ็คหญิงเคาะประตูที่เคาะประตูนั้นสลักเป็นรูปนกอินทรีสัมฤทธ์ ประตูไม่เปิดออกเหล่าเด็กปีหนึ่งบ้านเรเวนคลอต่างมองอย่างสนอกสนใจ


    รู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องวิ่งหนีแมวนกอินทรีสัมฤทธิ์ถาม


                หนูประตูเปิดออก พรีเฟ็คเดินนำเด็กเข้าห้องนั่งเล่นของบ้านทันที ภายในส่วนใหญ่ถูกตกแต่งด้วยของที่เป็นสีน้ำเงิน หน้าต่างแบบโค้งฝังลึกลงไปในห้องนั่งเล่น โซฟา โต๊ะ และเก้าอีกถูกจัดอยู่ตามมุมเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวในการอ่านหนังสือ


                ฉันคลอเดีย โรแวนเป็นพรีเฟ็ค ขอต้อนรับสู่บ้านเรเวนคลอสัญลักษณ์ประจำบ้านของเราคือนกอินทรี บ้านนี้คือสถานที่ที่รวบรวมเหล่าคนเก่งและอัจฉริยะ ถึงบ้านอื่นจะมองว่าพวกเราประหลาดแต่จริงๆเรามีแนวทางเป็นของตัวเอง อ้อ...อีกอย่างเราไม่ได้อุดอู้อยู่แต่กับกองหนังสือทั้งวันหรอกนะ เราก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนนักเรียนทั่วไปนั่นแหละเธอร่ายยาวก่อนจะเว้นจังหวะ


                ถ้าหากเธอต้องการเข้าหอ เธอต้องตอบคำถามให้ถูกประตูถึงจะเปิด มันเป็นเรื่องบ้ามากที่พวกเธอออกมาแล้วลืมของไว้ในนั้น ฉะนั้นจงสำรวจสัมภาระของตัวเองให้ดี ผู้หญิงไปทางซ้าย ผู้ชายไปทางขวา แยกย้ายได้ว่าจบเด็กปีหนึ่งทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน


                เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องคาร่าพบว่าของทุกอย่างถูกขนมาไว้ที่นี่หมดแล้ว เตียงห้าเตียงถูกจัดอยู่ตามมุมและชิดกับผนัง ข้างเตียงมีลิ้นชักสำหรับใส่ของ เนื่องจากตอนนี้รูมเมทของเธอยังไม่มา สัมภาระของคาร่าที่เดิมทีอยู่เตียงติดประตูก็ลอยตามเธอไป เด็กหญิงเลือกเตียงที่ติดกับหน้าต่าง ตื่นเช้ามาเธอจะได้ลุกออกมาดูวิวยามเช้าตรู่ของฮอกวอตส์


                ห้องนี้ยังมีเตียงว่างอยู่ใช่ไหมเด็กหญิงผมบ๊อบสั้นโผล่ออกมาจากหน้าประตู คาร่าพยักหน้า เธอจึงเดินเข้ามาเพื่อเลือกเตียง


                ฉันอเล็กซา เคอร์ติสอเล็กซาหันมาจับมือเธอ


                คาร่า เอฟเวอร์ตัน ยินดีที่ได้พบคาร่าหันกลับไปจัดสัมภาระของตัวเองต่อ อเล็กซามองคาร่าที่กำลังจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง


                หนังสือเยอะดีนี่ ชอบอ่านเหรอ?


                ใช่ มันเป็นงานอดิเรกน่ะ


                ต่างกับฉันเลยนะ ฉันน่ะไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่หรอก แต่ก็ไม่รู้ทำไมหมวกถึงได้คัดสรรมาอยู่ที่เรเวนคลออเล็กซากระโดดขึ้นบนเตียง


                คาร่านั่งมองเพื่อนใหม่ของตัวเอง ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นกลมกำลังวิเคราะห์เด็กหญิงเตียงข้างๆ คาร่าคิดว่าอเล็กซาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดีและเข้ากับคนได้ง่าย


                เธอเนี่ย เป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะแถมดูจะเข้ากับคนได้ง่ายอีกอเล็กซาเงยหน้ามามองคาร่าอย่างแปลกใจ พึ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงก็ดูนิสัยเธอออกแล้วหรือเนี่ย


                ใช่ มันก็อย่างที่เธอว่านั่นแหละอเล็กซารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ ทั้งคู่คุยกันอย่างเพลิดเพลิน ถ้าให้ถูกก็น่าจะเป็นอเล็กซามากกว่าที่ชวนเธอคุยอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนคาร่าก็นั่งฟังเธอไปพลางอ่านหนังสือในมือ จากนั้นเพื่อนที่เหลือก็ทยอยเข้ามาในห้องซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของอเล็กซาอีกทีและดูเหมือนพวกเขาจะไม่ชอบคาร่าสักเท่าไหร่ อเล็กซาหันไปคุยกับกลุ่มเพื่อนของเธอต่อ เด็กหญิงไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะล้มตัวลงนอน

     

     


                คาร่าตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ เธอจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จเรียบร้อยเด็กหญิงตรวจสอบตารางเรียนที่เพิ่งได้มาเมื่อวาน เธอจัดการหยิบหนังสือที่ต้องเรียนในวันนี้ใส่กระเป๋า อเล็กซาและรูมเมทของเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นคาร่าจึงเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ


                ยามเช้าตรู่ในห้องโถง นักเรียนยังไม่เยอะมากนักแต่ก็มีบางส่วนที่มานักอ่านหนังสือหรอมานั่งจับกลุ่มคุยกับเพื่อน เด็กหญิงเลือกนั่งห่างจากผู้คนอยู่มากเรียกได้ว่าอยู่คนละโลกเลยก็ว่าได้ มื้อเช้าก็เป็นอาหารง่ายๆอย่างขนมปัง เบคอน ไข่ดาว  อย่าว่างั้นงี้เลยเธอเป็นโรคติดหนังสือ คาร่าหยิบหนังสือวิชาคาถาขึ้นมาอ่านไปพลางจิ้มไส้กรอกไปพลาง


                อ่านหนังสือแต่เช้าเลยนะคาร่าสะดุ้งโหยง เสียงเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆเธอ


                ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ ฉันชื่อไบรอัน นอร์แมน ยินดีที่ได้รู้จักเด็กผู้ชายผมสีเข้ม ดวงตาภายใต้กรบแว่นเหลี่ยมสีดำมองเธออยางรู้สึกผิด


                ไม่เป็นไร คาร่า เอฟเวอร์ตันเธอทักทายเขากลับ เด็กชายชี้มาทางที่ว่างข้างๆเป็นเชิงถามว่าขอนั่งด้วยได้ไหม คาร่าพยักหน้าเป็นคำตอบ


                ฉันเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียว ไม่เหงาบ้างเหรอ?คาร่าหันมามองเขา จู่ๆเธอก็รู้สึกได้ว่าเขามีอาการตื่นเต้นทั้งที่เขาไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เธอเห็น


                นายกำลังรู้สึกตื่นเต้นงั้นเหรอ?คาร่าถาม


                เอ๋!? ฉันดูเป็นอย่างนั้นเหรอ?


                เปล่า ก็แค่เดามั่วๆน่ะคาร่าตอบปัดๆไปทั้งที่เธอเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ เดวิดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใช่ ฉันตื่นเต้นจริงๆ


                เธอไม่มีเพื่อนบ้างเหรอ?


                ไม่อ่ะ เด็กแถวบ้านฉันชอบมองว่าฉันเป็นตัวประหลาด แถมรูมเมทยังดูจะไม่ชอบฉันอีก แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกนะคาร่าตอบ


                เห...ลำบากน่าดูเลยนะคาร่าส่ายหัวก่อนจะหันกลับมาอ่านหนังสือต่อ ไบรอันนั่งมองเธอแต่คาร่าก็ยังไม่รู้สึกตัว เธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเด็กชายนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว


                นี่นายเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย


                เปล่า...แต่เธอดูน่ารักกว่าที่คิดไว้นะเนี่ยคาร่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


    น่ารัก?


    บ้าน่า ฉันก็แค่ยัยแว่นเฉิ่มๆคนหนึ่งเท่านั้นแหละคาร่าตอบไปตามความจริง ก็เด็กแถวบ้านเธอชอบพูดอย่างนี้ทั้งนั้น แถมตัวคาร่าเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดูดีสักเท่าไหร่หรอก


    พูดเป็นเล่น นี่เธอไม่รู้ตัวจริงๆหรือเนี่ยไบรอันพูดอย่างไม่เชื่อ จากนั้นกลุ่มเด็กผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนของเขาก็เดินเข้ามาในห้องโถง อเล็กซาและกลุ่มเพื่อนของเธอก็เดินเข้ามาเช่นกัน เด็กหญิงผมสั้นโบมือทักทายคาร่า แต่ยังไม่ทันที่จะโบกมือกลับเพื่อนของอเล็กซาก็ดันหลังเธอไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าไม่อยากยุ่งกับคาร่ายังไงยังงั้น


    คาบแรกของวันนี้เป็นวิชาคาถา ซึ่งคาร่าได้อ่านไปคร่าวๆแล้วเมื่อตอนเช้าและดูเหมือนวิชานี้จะเป็นวิชาปฏิบัติ เธอเดินเข้าห้องเรียนมาเป็นคนแรก ภายในห้องนั้นโต๊ะเรียนยาวถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งแล้วคั่นด้วยทางเดิน ด้านหน้าสุดมีกองหนังสือกองพะเนินอยู่ด้านหลังเป็นกระจกบานใหญ่เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องเรียน


    บรรยากาศในห้องนั้นช่างเงียบสงบ คาร่าหลับตาลงเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวของเธอมันรวดเร็วมากจนบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจมัน ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจพรที่เธอได้รับมาแล้วมันอาจเป็นการมองเห็นความรู้สึกคนอื่นหรือนิสัยที่แท้จริงของคนอื่น แต่มันก็ดูเป็นพรที่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลยนี่นะ ก็แค่รู้สึกถึงอารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเองนี่ เธอคิดว่ามันจะเป็นพรที่อลังการอย่างควบคุมจิตใจคนหรือติดต่อผ่านทางจิตอะไรอย่างนี้ ซึ่งพวกนี้ดูมีประโยชน์กว่าสิ่งที่เธอได้มาเสียอีก


    โอ้ อรุณสวัสดิ์คุณเอฟเวอร์ตันเสียงเล็กนั่นดังขึ้น ศาสตราจารย์ฟลิตวิกซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านเรเวนคลอเอ่ยทักทายเธอ เขาเป็นชายร่างเล็กเอ่อ...เล็กกว่าเธอด้วยซ้ำซึ่งเขาสูงเท่าๆเอวของเธอเลยล่ะ


    อรุณสวัสดิ์ค่ะศาสตราจารย์ฟลิตวิกว่าจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องทำงานของตนเอง ในเมื่อในห้องนั้นไม่มีใครซึ่งตอนนี้ยังไม่หมดเวลามื้อเช้า เด็กหญิงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง คาร่าหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ ใช่หนังสือเทพเจ้านั่นแหละ


    คาร่ากำลังคิดถึงเกี่ยวกับพรที่ได้รับซึ่งแต่ละคนก็ได้รับพรแตกต่างกันไป เวโรนิก้าใส่ผ้าปิดตาซึ่งเธออาจจะมองเห็นอะไรบางอย่าง คนที่ได้รับพรจากเทพอะพอลโลก็น่าจะเป็นการพยากรณ์หรือรู้อนาคตล่วงหน้า เฟรย่า เธอก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าพรที่ได้รับจะออกมาเป็นแบบไหน เนเมซิสเทพีแห่งการล้างแค้น ล้างแค้นเหรอ ทำให้มีพลังความแค้นมากขึ้นก็ไม่น่าใช่อีกตามเคย เฮฟเฟตัสเทพแห่งงานช่างมีพรสวรรค์ด้านการประดิษฐ์สิ่งของ อะไรทำนองนี้ล่ะมั้ง ทานาทอสเทพแห่งความตาย ปลุกคนตายอะไรอย่างนี้น่ะเหรอ อารมณ์แบบซอมบี้เดินช้าๆแล้วก็ร้อง แฮ่ แฮ่....


    แฟนตาซีเนอะ


    แต่นี้ก็เป็นแค่สิ่งที่คาร่าคาดคะเนไว้ก็เท่านั้น เธอไม่ได้หวังว่ามันจะถูกหรอก อีกอย่างเธอก็ยังไม่ได้ไปคุยกับทุกคนที่เอลิเซียน คาเฟ่เลยนี่ ข้อมูลตอนนี้ไม่มากพอเลยด้วยซ้ำถึงจะอยากรู้ขนาดไหนก็ตามแต่เธอก็ไม่เคยเห็นคนที่ได้รับพรอยู่ปีเดียวกันกับเธอที่ฮอกวอตส์เลยนี่ อ้อ...เว้นเวโรนิก้าไว้


    เดี๋ยวนะ....ปีเดียวกัน?


    ต่างคนต่างช่วงเวลา


    งั้นแสดงว่าอาจมีคนที่ช่วงเวลาปัจจุบันอายุมากกว่าเธอ น้อยกว่าเธอ และเท่ากันกับเธอ คิดผิดจริงๆที่ไม่ได้ไปเอลิเซีย คาเฟ่อีกครั้ง คาร่าเอามือกุมหัวตัวเองในหัวของเธอมีเรื่องมากมายเสียจนเธอไม่เข้าใจมัน แถมข้อมูลที่เธอรู้ก็ยังน้อยอีก


    ปวดหัวโว้ย!!!




     




    TALK 16/10/2018

    มาแล้วค่ะทุกคน ไรต์ต้องขออภัยสำหรับความล่าช้านะคะ พอดีว่าแต่งตอนนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ก็กำลังคิดว่าแต่งอีกตอนหนึ่งให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงดีกว่า แต่กลัวรีดจะรอนานก็เลยเอามาลงเลย ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่เขียนและเอามาลงช้าและทำให้รีดต้องรอนาน วันที่18 เป็นต้นไปไรต์อาจไม่ว่างนะคะเพราะต้องไปเชียงรายกว่าจะมาอัพคงอีกนาน คงต้องแต่งในโทรศัพท์ไปเพลินๆยังไงก็ต้องขออภัยจริงๆนะคะT-T


    #KAZEKUNG


    1 เม้น = ล้านกำลังใจ

     

               

               

     


    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×