คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : My Captain 1 :: ผู้ได้รับพร
Chapter 1
เคยคิดไหมว่าโลกเรายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ถูกค้นพบ
อย่างในมหาสมุทรมนุษย์ก็ยังค้นได้เพียงสิบหรือยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากที่มีอยู่
สถานที่บางแห่งที่ยังไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปสำรวจ
เรียกได้ว่าเรายังไม่รู้จักโลกใบนี้อย่างถ่องแท้เลยก็ว่าได้ ปรากฏการณ์หลายๆอย่างที่ไร้หลักฐานหรือข้อพิสูจน์จนคนที่พบเห็นจริงๆนั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกงมงาย
ทฤษฎีโลกคู่ขนานหรือทฤษฎีต่างมิติที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันแม้แต่เรื่องเวทมนตร์หลายคนเชื่อว่ามันมีจริง
แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะพูดว่าเป็นเรื่องไร้สาระและเพ้อฝันมันถูกแต่งเติมขึ้นมาเพื่อเป็นนิทานไว้เล่าให้เด็กๆฟังเท่านั้นแหละ
แต่จะทำอย่างไรถ้าเรื่องเวทมนตร์หรือโลกต่างมิตินั้นมีอยู่จริง
โลกผู้วิเศษคือโลกที่แตกต่างออกไปจากโลกธรรมดาอย่างแท้จริง
เวทมนตร์ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงายหรือแปลกประหลาด แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องปกติพวกเขาถูกเรียกว่าพ่อมดและแม่มด
แต่ก็มีคำกล่าวถึงผู้คนที่ไม่มีพลังวิเศษหรือเวทมนตร์ว่า มักเกิ้ล
การเปิดเผยตัวตนให้โลกภายนอกรู้นั้นเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้วิเศษ
แต่ก็มีบางคนที่ใช้ชีวิตหรือแต่งงานกับมักเกิ้ล
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ถึงการมีตัวตนของผู้วิเศษแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ในโลกภายนอกให้มักเกิ้ลเห็นได้อยู่ดี
คุณอาจคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อมากว่ามีเวทมนตร์อยู่ในโลกจริงๆ
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยรู้และไม่เคยคิดว่ามันจะมีอยู่จริงนั่นคือ โลกต่างมิติ
มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา มีเพียงผู้ที่ได้รับพรเท่านั้นถึงจะ เข้าไปได้สถานที่แห่งนั้นคือ
เอลิเซียน คาเฟ่
ผู้วิเศษที่ได้รับเชิญจากผู้ส่งสารจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรับพรจากเทพเจ้า
ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับพรและความโชคร้ายแตกต่างกันไป
ย่านน็อตติงฮิลล์ในลอนดอนมีร้านขนมปังเล็กๆแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนในแถบนั้นมากผู้คนที่มาย่านนี้มักจะแวะซื้อขนมปังที่ร้านนี้เสมอ
ด้วยเอกลักษณ์ประจำร้านที่เสิร์ฟขนมปังหอมกรุ่นจากเตาทุกวัน
คุณเอฟเวอร์ตันเขาคือผู้วิเศษหรือที่เราเรียกกันติดปากว่าพ่อมด เขาคือหนึ่งในผู้วิเศษที่อาศัยอยู่ในโลกมักเกิ้ล
เขามีลูกสาวอยู่หนึ่งคน ‘คาร่า เอฟเวอร์ตัน’ เด็กน้อยวัยสิบเอ็ดปีบริบูรณ์
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงสองคน
แม่ของเธอนั้นทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังแบเบาะแถมยังหนีไปพร้อมกับเงินส่วนหนึ่งของพ่ออีก
นั่นจึงทำให้พ่อเริ่มตั้งตัวใหม่ต้องทำงานไปและเลี้ยงดูคาร่าไปด้วย
ถึงแม้มันจะยากลำบากจนทำเอาท้อไปหลายครั้งและเขาก็ยังพยายามต่อไปเพื่อลูกสาวสุดที่รัก
“คาร่า
วันนี้เป็นเวรลูกไปซื้อวัตถุดิบทำมื้อเย็นนะ”เสียงนุ่มของชายวัยสี่สิบต้นๆดังขึ้นอยู่ในครัว
เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านขานรับ
เรือนผมสีน้ำตาลนั้นพัดไปตามแรงลม ดวงตากลมสีน้ำตาลพร้อมกับแว่นตากลมโต
จมูกเล็กโด่งรั้น ริมฝีปากเล็กสีชมพูอ่อนนั้นกำลังคลี่ยิ้มอย่างมือความสุข
กระต่ายในสวนหลังบ้านที่เธอเลี้ยงไว้กำลังกินอาหารที่เธอให้
“น่าเสียดายจัง
เดี๋ยวมาเล่นด้วยใหม่นะ”ว่าจบเธอก็เดินไปหยิบเงินที่คุณพ่อวางไว้ให้อยู่บนเคาน์เตอร์
คาร่าเดินไปหยิบถุงผ้าที่แขวนอยู่บนผนัง
เธอกำลังเตรียมพร้อมกับการไปซื้อของที่ตลาดเหมือนทุกครั้ง
“ไปดีมาดีนะลูก”คุณเอฟเวอร์ตันเดินออกมาหน้าร้าน
เด็กหญิงควบจักรยานสีเงินคู่ใจพร้อมกับมุ่งหน้าไปตลาดใจกลางย่านน็อตติงฮิลล์
ถึงจะเป็นเวลาสี่โมงเย็นแต่ก็เริ่มมีร้านค้ามาตั้งแล้ว
ร้านรวงมากมายเริ่มจัดตั้งกันเพราะแถวนี้เป็นย่านถนนคนเดิน
ช่วงเย็นคนจึงเยอะเป็นพิเศษ
คาร่าจอดจักรยานไว้เธอหยิบถุงผ้าและกระเป๋าเงินจากตระกร้า
เด็กหญิงเดินสำรวจและหาวัตถุดิบสำหรับทำมื้อเย็น โจทย์สำหรับมื้อนี้คือสปาเก็ตตี้ครีมซอส
เธอเดินเข้าร้านขายวัตถุดิบอาหารอิตาเลียนเจ้าประจำ
“สวัสดีจ้ะคาร่า
วันนี้เอาเป็นอะไรดีจ๊ะ”หญิงร่างท้วมที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์เอ่ย
“สวัสดีค่ะคุณแอนนา
วันนี้ว่าจะทำสปาเก็ตตี้ครีมซอสเป็นมื้อเย็นค่ะ”เธอตอบ
“เป็นความคิดที่ดี
ครีมซอสอยู่ด้านนั้นนะเผื่อเธอหาไม่เจอ”แอนนายิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
เธอเดินซื้อวัตถุดิบตามสิ่งที่ต้องทำในวันนี้
ซึ่งแต่ละอย่างก็ดูห่างไกลกันซะเหลือเกินถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงจะเดินถึงเร็วหรอกนะ
แต่เธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆกว่าจะเดินถึงก็ใช้เวลานานพอควร
“ว้าย!”เดินเลือกของอยู่ดีๆก็มีคนเดินเข้ามาชนเธอ
ของที่เลือกไว้อยู่ในตะกร้านั้นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นไปหมด
“คิดว่าเด็กที่ไหน
ที่แท้ก็เด็กประหลาดเอฟเวอร์ตันนี่เอง เด็กประหลาดที่ไม่มีใครคบ”เด็กชายร่างผอมพูดเย้ยหยัน เขาหันไปหัวเราะกับลูกสมุนของตัวเองอีกสองคน
“ฉันไม่เสียเวลาคุยกับนายหรอกนะเจมส์”คาร่าพูดพร้อมก้มหน้าก้มตาเก็บของ
“แต่ฉันอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับเธอเลยนะ”กระป๋องครีมซอสถูกเตะออกโดยฝีมือเจมส์
เด็กชายที่ตั้งตนว่าตัวเองเป็นเจ้าถิ่นในย่านนี้ เขามองคาร่าด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ฉันไม่ได้ขอให้นายลดตัวเพื่อมาคุยกับฉันเสียหน่อย”เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ดั่งเสียงสวรรค์ดังมาจากฟากฟ้า คุณแอนนายืนเท้าเอวอยู่ด้านหลังของคาร่า
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเด็กเจ้าถิ่นรังแกเด็กหญิงตัวน้อยที่เปรียบเสมือนหลานสาวของตัวเอง
เธอให้อภัยเด็กพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามาก่อความวุ่นวายในร้านของฉัน! ออกไปซะเจ้าพวกเด็กเกเร!”เธอตวาดใส่พวกนั้นอย่างเดือดดาล
จนเด็กทั้งสามนั้นกลัวหัวหด
“เรื่องนี้ตะ...ต้องถึงหูพ่อฉันแน่”เจมส์พูดอย่างตะกุกตะกัก ส่วนลูกน้องเขานั้นชิ่งหนีไปตั้งแต่คุณแอนนามาแล้ว
“เป็นอะไรมั้ยจ๊ะคาร่า”คุณแอนนาช่วยพยุงเด็กหญิงอย่างระมัดระวัง
คาร่าก้มเก็บของที่กระจัดกระจายบนพื้นใส่ตะกร้าด้วยความรวดเร็ว
“ขอบคุณมากนะคะคุณแอนนา”
“ของทั้งหมดนี่ฉันไม่คิดเงินก็แล้วกันนะ”เธอเอ่ย
“จะดีหรือคะ?”
“ฉันเป็นเจ้าของร้าน
แถมยังปล่อยให้เกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้ในร้านอีก ถือว่าฉันให้แล้วแล้วกันนะคาร่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”คาร่าเก็บวัตถุดิบใส่กระเป๋า
ถึงเธอจะไม่ค่อยชอบที่มันเป็นอย่างนี้แต่ในเมื่อคุณแอนนาขอล่ะก็เธอคงขัดไม่ได้เช่นกัน
คุณแอนนาเดินมาส่งคาร่าที่หน้าร้านเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีแก๊งเด็กเกเรอย่างเจมส์โผล่มาแกล้งเธออีก
คาร่ากล่าวลาและขอบคุณอีกครั้งเธอวางของที่ได้มาไว้ในตะกร้าไม้สานหน้าจักรยาน
คุณแอนนามองเธออย่างเอ็นดู
คาร่าก็เปรียบเสมือนหลานคนหนึ่งเพราะเด็กคนนี้มักจะมาช่วยงานที่ร้านในเวลาว่างแต่ก็แค่จัดของหลังร้านเท่านั้น
เพราะเด็กหญิงไม่ค่อยชอบพบปะผู้คนหรือที่มีคนเยอะๆเท่าไหร่
จักรยานคันสีเงินเคลื่อนตัวมาจอดอยู่หน้าร้านขนมปัง
คาร่าเปลี่ยนมาเป็นจูงจักรยานแทน
เมื่อจัดการจอดจักรยานเสร็จสรรพเธอก็ทำการนำวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นเข้าบ้านทันที
“วันนี้มาช้าจังลูก”คุณเอฟเวอร์ตันที่กำลังง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นในครัวเอ่ยกับลูกสาว
เขาทำขนมปังกระเทียมจวนจะเสร็จแล้วเหลือแค่อาหารจานหลักเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ คาร่าวางของทุกอย่างลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาใกล้ๆด้วยความเพลีย
“เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“กับเจ้าเจมส์อีกแล้วสินะ”เขาเดินมาหาลูกสาวของตัวเอง คาร่าได้แต่พยักหน้าตอนนี้เธอเหนื่อยมาก
จนแทบจะไม่อยากทำอะไรเลย
“คงเหนื่อยสินะ
ถ้ามื้อเย็นเสร็จพ่อจะเรียกก็แล้วกัน”ว่าจบคุณเอฟเวอร์ตันก็เดินหายไปในครัว
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เผลอหลับไป
กลิ่นหอมของครีมซอสลอยมาเตะจมูกคาดว่าอาหารเย็นคงเสร็จแล้ว
คาร่าลุกออกจากโซฟาแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหาร
จานกระเบื้องสีนวลบนจานนั้นมีสปาเก็ตตี้ร้อนๆราดด้วยครีมซอสอีกทั้งยังโรยหน้าด้วยพาสลีย์
ขนมปังกระเทียมร้อนๆอยู่ในตะกร้าสานใบเล็ก
มื้อเย็นนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย
สองพ่อลูกนั้นคุยกันเรื่องทั่วไปหรือไม่ก็เรื่องเวทมนตร์
ถึงคุณเอฟเวอร์ตันจะย้ายมาอยู่โลกมักเกิ้ลแล้วแต่ยังไงซะเขาก็ยังเป็นพ่อมดอยู่
ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะเล่าเรื่องเวทมนตร์ให้ลูกสาวฟัง เขาจำได้ว่าตอนนั้นเธออายุราวๆห้าขวบ
คาร่ามาแอบดูเขาทำขนมปังโดยใช้เวทมนตร์อยู่ในครัวและนั่นทำให้เขาต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกวิเศษให้เธอฟัง
คาร่าใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้บนจานอย่างเบื่อหน่าย
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กเจมส์นั่นต้องแกล้งเธอ แถมยังหาว่าเป็นตัวประหลาดอีก
‘เพล้ง!’มือของเธอปัดไปโดนแก้วน้ำ
เศษแก้วกระจัดกระจายพื้นเปียกเพราะน้ำ
คาร่านึกโทษตัวเองในใจว่าทำไมถึงซุ่มซ่ามขนาดนี้
“เดี๋ยวพ่อเก็บเอง
ลูกไปพักเถอะ”คุณเอฟเวอร์ตันลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
คาร่าพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องตัวเอง
เธอเดินมานั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำการบ้าน
เด็กหญิงฟุบหน้าลงบนโต๊ะในหัวสมองมีแต่อาการเหนื่อยล้า
เธออยากนอนแต่ลืมไปว่ายังไม่ได้อาบน้ำ จะอาบไปทำไมในเมื่ออากาศก็ไม่ได้ร้อนจนเหงื่อออกแต่ยังไงซะเธอก็ติดนิสัยอาบน้ำเช้าเย็นอยู่แล้วล่ะนะ
ทันใดนั้นก็มีสายลมเย็นๆพัดผ่านเธอ
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างคาร่ารู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว
“สวัสดีครับคุณหนูเอฟเวอร์ตัน”เสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้นด้านหลังเธอ เขาถอดหมวกและก้มหัวให้เธอเพื่อเป็นการทักทาย
เขาสวมเสื้อคลุมทับกับชุทสูทพ่อบ้านที่ใส่ได้ด้านใน
“คุณเป็นใครคะ”คาร่าถามชายชรา แววตาของเธอยังมีความกลัวอยู่
“ไม่ต้องกลัวกระผมหรอกครับ
กระผมคือผู้ส่งสาร”
ในหัวตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม
ผู้ส่งสาร? แล้วมันคืออะไร เขาโผล่มาได้ยังไง แล้วต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“กระผมเดาว่าคุณคงมีเรื่องสงสัยมากมายอยู่ในหัว”ชายชราพูดเหมือนรู้ทัน
“คุณคือผู้ที่ได้รับเชิญให้ไปที่เอลิเซียน
คาเฟ่ สถานที่ที่อยู่เหนือกาลเวลา
ไม่ต้องกังวลไปที่นั่นก็มีผู้คนที่ได้รับเชิญเหมือนกับคุณหนูเช่นกัน”
“เหมือนหนูงั้นเหรอ”
มือเหี่ยวย่นของชายชรายื่นมาตรงหน้า
เหมือนกับว่าเขาต้องการให้เธอไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง
เด็กหญิงลังเลมากกลัวว่าเขาอาจจะหลอกเธอ
แต่เมื่อเห็นกิริยาท่าทางที่เขาได้ทำไปเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าเขาต้องการให้เธอไปกับเขาและไม่ได้โกหกหลอกหลวง
คาร่าตัดสินใจจับมือเขาทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากเข้าไปในหลุมอากาศ
แรงเหวี่ยงนั่นหมุนจนทำเอาเธอมึนหัว คาร่าหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดลง
“ยินดีต้อนรับสู่เอลิเซียน
คาเฟ่ครับ”
คาร่าค่อยๆลืมตาเพื่อปรับโฟกัส
สถานที่ที่เธอมามันไม่ใช่ห้องนอนอันแสนอบอุ่นของเธอแต่มันกลับกลายเป็นอีกที่หนึ่ง
ซึ่งมันแปลกตาไปหมด พื้นไม้สีเข้มปูยาวและกว้างขวางรายล้อมไปด้วยโต๊ะและบาร์
ตรงกลางมีน้ำพุสวยงามมันถูกทำขึ้นจากหินอ่อนและแกะสลักได้อย่างงดงาม
บันไดทรงโค้งขึ้นไปทางชั้นสอง มีโซฟา
ตู้หนังสือและชั้นวางของนั้นกระจายตามจุดต่างๆเรียกได้ว่าเป็นที่พักผ่อนยามว่างเลยก็ได้
ต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณถูกนำมาปลูกและตกแต่งเพื่อเพิ่มสีสัน
กลิ่นหอมของดอกไม้หลายชนิดตลบอบอวลไปหมด แต่มันก็เข้ากันได้อย่างน่าประหลาด
ระหว่างที่เธอสำรวจและมองไปรอบๆก็เห็นมีเด็กๆหลายคนอยู่ที่เช่นกัน
นี่คงเป็นคนที่ถูกเชิญมาเหมือนกับเธอ ชายสองและหญิงอีกห้าคน พวกเขาคล้ายกับเธอมาก
มาที่นี่ด้วยความงุนงงอีกทั้งยังมองไปรอบๆตัวอีก
“เอาล่ะมากันครบแล้ว
เชิญทุกท่านมาที่กลางห้องด้วยครับ”ชายชราเอ่ยเรียกทุกคนให้มารวมกันที่
ตรงกลางห้อง ทันใดนั้นก็มีเด็กชายอีกคนโผล่มาอายุราวๆห้าขวบและแต่งชุดเหมือนกัน
“ก่อนอื่นเลยขอต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการสู่เอลิเซียน
คาเฟ่ สถานที่แห่งนี้อยู่นอกเหนือกาลเวลาและทุกท่านที่อยู่ ณ
ที่นี้ล้วนได้รับเชิญมาในวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดขวบจากแต่ละช่วงเวลาที่ ต่างกัน
นอกจากนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ได้รับพรจากเทพเจ้า”เขาอธิบาย
ตอนนี้ทุกคนเริ่มมีสีหน้าสับสน
“นายจะบอกว่าเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นกับพวกเราเป็นเพราะพรจากเทพอย่างนั้นหรือ?”เด็กชายคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ถูกต้องตามที่ท่านพูดทุกคำครับ”คราวนี้เด็กพ่อบ้านตอบ
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าว่าเทพองค์ไหนให้พรเรา”
“เป็นคำถามที่ดีมากครับคุณหนู”พ่อบ้านชราตอบ
มือเหี่ยวย่นนั้นล้วงเขาไปในกระเป๋าเสื้อในมือของเขานั้นมีเหรียญทองอยู่เจ็ดเหรียญ
“แค่ทุกท่านโยนเหรียญนี้ลงไปในน้ำพุ
พวกท่านก็จะทราบเองว่าเทพองค์ใดที่มอบพรอันแสนวิเศษนี้ให้กับท่าน”
เด็กทุกคนได้เหรียญคนละหนึ่งเหรียญ
คาร่าเองก็เช่นกัน เด็กๆทุกคนค่อยๆทยอยโยนเหรียญลงไปในน้ำพุ
กลุ่มไอน้ำลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ
มันพวยพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าของเด็กแต่ละคน
ไอน้ำเริ่มจับตัวกันจนกลายเป็นตัวอักษร
Aphrodite
ชื่อของเทพีแห่งความรักและความงามปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าคาร่า
ซึ่งแต่ละคนก็ดูเหมือนจะได้เทพแตกต่างกันไป อย่าง ทานอส อะพอลโล เนเมซิส เฮเฟตัส
และเทพอินาริ ต่างปรากฏขึ้นตรงหน้าของเด็กแต่ละคน
“ทีนี้พวกท่านก็ได้ทราบแล้วว่าเทพองค์ใดที่มอบพรให้กับพวกท่าน”
“พรหรือ? คำสาปล่ะสิไม่ว่า”เด็กชายที่ดูไม่เป็นมิตรคนเดิมเอ่ย
“พวกท่านจะมองแบบนั้นกระผมก็ไม่ว่าอะไร
เชิญรับนี่ไปด้วยครับ”พูดจบพ่อบ้านตัวน้อยก็ยื่นตราประทับทองคำรูปตัว
E ให้เด็กทั้งเจ็ดคน
“หากท่านใดประสงค์ที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ขอให้ท่านเขียนจดหมายและประทับตรานี้ไว้ด้วยนะขอรับ
เมื่อทำเช่นนั้นพวกกระผมจะไปรับและพามาที่นี่”ชายชราเว้นจังหวะ
“ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านกลับไปฉลองวันเกิดครบสิบเอ็ดขวบต่อได้เลยครับ”
ชายชราดีดนิ้วดังเป๊าะ
ร่างของเด็กทั้งเจ็ดก็ลอยไปทางประตูที่ทุกคนเดินเข้ามา
มันเปิดอ้าออกจนสุดและดูดร่างของเด็กๆเข้าไปและมันก็ปิดตัวลง
เสียงกรีดร้องของเหล่าเด็กๆนั้นดังขึ้นจนมันค่อยๆเงียบหายไป
รู้สึกตัวอีกทีเธอก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมในห้องนอนของเธอ
คาร่ากำลังสับสนว่าสิ่งที่เธอเพิ่งไปเจอมาหมาดๆนั้นใช่ความฝันหรือไม่
เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในมือของเธอ ตราประทับทองคำรูปตัว E
‘ก๊อก ก๊อก’คาร่ารีบเก็บมันใส่ในลิ้นชักก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเอ็ดนะคาร่า”ใบหน้าของคุณเอฟเวอร์ตันนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรอบยิ้ม
ในมือของเขามีหนังสือเล่มใหญ่ที่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับลูกสาวสุดที่รัก
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”เธอรับหนังสือมา
“มีอีกอย่างหนึ่งที่พ่อจะมอบให้”ซองจดหมายสีเหลืองนวลถูกยื่นมาตรงหน้า คาร่ารับมันมาด้วยความงุนงง
เธอจำตราประทับขี้ผึ้งสีม่วงได้ นี่มันจดหมายจากฮอกวอตส์!
“ขอบคุณมากนะคะคุณพ่อ
เป็นของขวัญที่เยี่ยมที่สุดเลยค่ะ”
#KAZEKUNG
1 เม้น = ล้านกำลังใจ
ความคิดเห็น