ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ปฎิบัติการอันตรายท้าทายหัวใจนายมาเฟีย (KrisLay) feat.L

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 [Hurt & Happy] -The End-

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 56


    “เลย์! นายเป็นบ้าอะไร! อยู่ดีๆก็วิ่งออกมาพรวดพราดละเนี่ย!” แอลสะบัดแขนออกจากมือผมที่กำลังกำมือเขาไว้อย่างแน่น แล้วหันมาด่าทอด้วยสีหน้าที่หมดอารมณ์สุดขีด

    “ขอโทษครับ คือเราพลาดนิดหน่อย” ผมก้มหน้าพูดรับชะตากรรมที่มันบ้าบอสุดขีด ทำไมเรื่องมันได้บานปลายขนาดนี้  นี่ผมทำงานพลาดหรอเนี่ย

    “พลาดหรอ!!!? พลาดอะไร!! อย่าบอกนะ ว่ามีคนตามมา!!

    ……ครับ บอสขององค์กรมาเฟียตามผมมา”

    “แล้วมันรู้ไม๊!!!? ว่านายมากับใคร!!!” แอลเพิ่มระดับเสียงดุดันเรื่อยๆ ณ จุดนี้ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวแล้วจริงๆ ผมพลาดเอง

    “น่าจะรู้นะครับ……

     

    เพี๊ยะ!!!!

     

    “โธ่เว้ย!!!!” แอลยกมือขึ้นมาก่อนที่จะเหวี่ยงแขนสุดแรง ใส่ฝ่ามือหนาลงไปที่แก้มผม ผมหันหน้าไปตามแรงที่แอลได้กระทำต่อผม

    “ผมขอโทษครับ …..” เมื่อทรงตัวได้ ผมก็รู้สึกขมที่ปลายลิ้น ผมเดินเข้าไปตรงหน้าแอลที่ยืนกำหมัดรอจัดการผมที่ทำงานพลาดไม่เป็นท่า แล้วคุกเข่าก้มหน้าร้องขอความอภัยในครั้งนี้

    “จบกัน! คราวนี้ มีทางเดียวที่ฉันต้องทำ!” แอลเดินปัดหันไปทางร้านอาหารที่กำลังวุ่นวายเพราะการต่อสู้ของสองกลุ่ม ถึงแม้คนจะมีไม่ถึงสิบคน แต่ดูจากฝีมือศิลปะป้องกันตัวของแต่ละคนที่ไม่ธรรมดาแล้ว มันเป็นสงครามนองเลือดที่น่ากลัวที่สุด

    “ฆ่าคริสมันซะ!” แอลชักปืนสั้นเลเซอร์ที่จับจุดศัตรูด้วยองศาความร้อนฟาเรนไฮด์ แล้วยกมันขึ้นมา เลงจุดหมายไว้ที่คริส ที่กำลังต่อสู้กับแบค ด้วยสภาพที่เลือดเปื้อนหน้ากันเลยที่เดียว

    “อย่านะท่าน!!!!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นมาแย่งปืนของแอลที่กำลังจะกดลั่นไกด์ใส่คริส

    “เลย์!

    “อย่าฆ่าเค้าเลยนะท่าน.. ฮึก…..” ผมสะอึกออกมาก่อนที่จะลงคุกเข่าต่อหน้าแอลอีกครั้ง แอลเดินมาพร้อมกับเอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ในความคิด ผมคิดว่าเขาคงให้อภัย แต่ไม่เลย แอลเลื่อนมือที่จับหัวของผมลงมาที่คางแล้วบีบมันแรงๆ ก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆกับใบหน้าของผม

    “มึงรักมันใช่ไม๊!!!!” แอลตะคอกใส่ผม ตัวสั่นระริก น้ำตาเริ่มท่วมใบหน้า ผมหลับตาหยี่ก่อนจะสะบัดหน้าออกจากมือหนาของแอล แล้วยกปืนที่ผมเพิ่งแย่งมาจากแอลเมื่อกี้ หันปากกระบอกตั้งเป้าไว้ที่ตัวเขา

    “เลย์!!! นายบ้าไปแล้วหรอ!!!” 

    “ผมขอโทษครับท่าน….

    “นายจะหักหลังพวกเรา นายจะหักหลังองค์กรใหญ่”

    “นายคิดผิดแล้วเลย์”

    “แค่นี้ โทษของนายก็คือประหาร”

    “ฉันให้นายเลือกอีกครั้ง ว่านายจะเลือกฉันหรือไอ่บอสคริสนั่น!!!!

    “ผม” เริ่มสับสนในตัวเอง ผมพยายามคิดให้ถี่ถ้วน ก่อนจะพูดออกไป เลือกไม่ได้จริงๆ นั่นก็ความรัก นี่ก็ความฝัน แต่ในช่วงที่ผมเหม่อลอยคิดอยู่นั้น แอลก็ได้ฉวยโอกาสแย่งปืนสั้นจากผมไป

    พรึบ!!!

    “เห้ย!!!

    ตุบ!!!

    “อย่ามาเล่นไม้สูงกับฉันนะเลย์” แอลชี้กระบอกปืนมาทางผมที่ล้มลงไปนั่งกับพื้น

    “กล้ายิงผมก็เอาสิ!!!!

    “นี่หมายความว่ายังไง? นายท้าฉันหรอ?”

    “หึ! ไฟล์ข้อมูลไฟล์สุดท้ายอยู่ในมือผม”  ผมยิ้มแสยะกลับไป เมื่อรู้ทางที่จะหักหลังนายตัวเอง

    “เลย์! เอามันมาให้ฉัน!!!” แอลเริ่มสติแตก เมื่อไฟล์ข้อมูลสำคัญชิ้นสุดท้ายได้อยู่ในมือผม เส้นเลือดที่ปูดออกมาตรงหน้าผาก มือที่ถือปืน เริ่มสั่นไม่เป็นท่า ความกระหายของเขาเริ่มพุ่งสูงขึ้น เหมือนคนติดยา

    “งั้นอย่าฆ่าคริส ถ้าฉันให้”

    “ไม่อี้ชิง ! เอามันคืนมาให้ฉัน” เสียงของผู้มาใหม่ได้ดังขึ้น เมื่อหันไปตามเสียงที่ดังมา สภาพของแต่ละคนเละไม่เป็นท่า กลุ่มของผมสู้กลุ่มของคริสไม่ได้ คริสจับที่ต้นคอแบค แล้วรวบมือแบคไว้ด้านหลัง ส่วนแอนนาเบลล์ก็โดนล็อคแขนโดยที่มีจงอินกับแดฮยอนประกบข้าง

    “นายหักหลังผมนะเลย์” คริสพลักแบคที่สติเลอะเลือนลงพื้นแล้วสลบไป ก่อนจะหันหน้ามาคุยกับผม ส่วนแดฮยอนก็พลักแอนนาเบลล์ที่ร่างกายอ่อนล้าลงกับพื้นไป

    “หึ! ไอ่คริส! ไม่ได้เจอกันนาน เป็นยังไงบ้างหละ” แอลพูดแทรกขึนก่อนที่ผมจะตอบคริส เขาเดินอ้อมหลังผม แล้วเดินมาประชันหน้ากับคริสอย่างเอาจริงเอาจัง

    “ไม่! หลังจากที่มีคนทรยศอย่างแก โผล่มาในชีวิตฉันอีกคน!!!” คริสพูดพร้อมมองหน้าผม สายตาที่เกลียดแค้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวด เผยออกมาให้ผมเห็น

    “แน่นอน ! นายแพ้แล้วคริส ยอมมอบตัวแล้วมากับฉันดีๆ”

    “จ้างให้วันนั้นก็ไม่มีวันปรากฏขึ้นหรอก!!!” สงครามได้เกิดขึ้นอีกครั้ง คริสเป็นคนเปิดฉาก การต่อสุดอันดุเดือดนี้ มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ฝั่งแอลมีตัวเขาคนเดียว แต่ฝั่งคริส มีทั้งจงอินและแดฮยอนที่ฝีมือการต่อสู้ระดับมือาชีพ

    “หยุดเถอะ! ขอร้อง!” ผมตะโกนออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟังเสียงของผมเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่กล้าเข้าไปสู้ต่อกลอน เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยฝ่ายไหนดี ผมนี่มันเลวยิ่งกว่าคนจริงๆ!

     

    “ตายซะเถอะไอ่แอล!

    พรึบ!

    “เลย์!” คริสชะงักหมัดที่กำลังจะเอาลงไปประทับหน้าแอลที่ยืนพิงรถคันสีดำแทบล้มทั้งยืน เขาเบิกตากว้างก่อนที่จะถอยออกห่างแล้วเก็บหมัดไป แล้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ

    “อย่าทำร้ายเค้า” ผมพูดออกไป สีหน้าที่จริงจังของผมมันทำให้อีกคนเริ่มตกใจกับการกระทำที่ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุด

    “นายปกป้องมัน….

    “ใช่….นายพูดถูกแล้ว ผมปกป้องแอล คนที่ผมรัก!” คริสถึงกับอึ้งในคำพูดที่ไม่ทันได้กลั่นกรองของผมออกไป

    “ไหนนายบอกว่านายรักฉันไงนายช่วยตอบมาทีเลย์!! ว่าคำพูดที่นายพูดออกมาเมื่อกี้มันเป็นแค่คำโกหก!” น้ำตาของคริสเริ่มทะยอยกันออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผู้ชายที่ดูภายนอกจะแข็งแรง เย็นชา แต่ข้างใน ไม่น่าเชื่อว่าจะอ่อนแอบอบบางขนาดนี้

    “ขอโทษนะครับ ที่ผมบอกว่ารักนาย มันเป็นแค่คำโกหก ผมพูดไปเพราะต้องการจะหลอกคุณ

    “หึ….ผมแพ้แล้วจริงๆ แพ้ทั้งกายแล้วก็จิตใจ!! ไม่คิดว่าจะตกม้าตายเพราะความรัก!” ประโยคนี้สิ้นสุดลง คริสก็เดินถอยหลังออกจากผมแล้วมอองด้วยสายตาที่ปวดร้าว

    “จงอิน แดฮยอน นายอยากจะทำงานต่ออีกไม๊”

    “ทำไมครับบอส?”

    “ฉันจะยุบกลุ่มสายลับมาเฟีย”

    “ไม่นะบอส!!!..............หรือที่บอสต้องยุบเพราะไอ่เลย์!?” จงอินหันน้ามาทางผม กำหมัดแน่น แล้วเดาะมีดสั้นในแขนเสื้อออกมา

    “ไอ่เลย์!!!!

     ฟึบ!

    “อย่าทำร้ายเลย์” คริสรั้งห้ามจงอินที่กำลังพุ่งตรงมาหาผมโดยที่ชี้ปลายมีดจ่อมาทางหัวใจของผมพอดี กะแทงครั้งเดียวให้ตาย เมื่อผมได้ยินคำพูดที่คริสพยายามปกป้องผม แต่ผมดันกลับหักหลังเขาให้เละไม่เป็นท่า น้ำตาความเจ็บใจก็ไหลลงมาอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง

    “บอส แต่ไฟล์ข้อมูล”

    “ช่างมันเถอะ ฉันบอกว่าแพ้แล้ว”

    “นี่เราจะโดนประหารจริงๆสินะ” แดฮยอนที่เงียบไปอยู่นานได้เอ่ยขึ้นมา

    “อืมอี้ชิงขออย่างหนึ่งได้ไม๊”

    “อะไร….

    “ขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย

    “นายปล่อยผมไป แล้วผมจะไม่กลับมาให้นายเห็นหน้าอีกเลย ในเมื่อนายไม่ได้รักผม ผมก็จะไปให้ไกล ให้คิดซะว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ” เสียงสั่นๆของคริส ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ เจ็บปวดที่เสียผมไป แต่ผมเลือกที่จะพูดแบบนี้ มันผ่านมาแล้ว สายที่จะแก้คำพูดแล้ว

    “อืมก้ได้” ผมปาดน้ำตาเฮือกสุดท้าย ก่อนจะหันไปพยุงตัวแอลขึ้นมา

    “อย่าได้เจอกันอีกเลยโชคดีนะ เลย์….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    4 ปีผ่านไป…..

    หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เจอคริสอีกเลย องค์กรมาเฟียของคริสถูกปิดไป ไฟล์ข้อมูลไฟล์สุดท้ายผมก็เอามันไปทำลายทิ้ง ส่วนอาการจิตของผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ  จนตอนนี้ก็ปกติดีแล้ว แต่มีช่วงหนึ่งที่ผมแทบเป็นบ้า คือตอนที่รู้ว่าคริสไม่ได้อยู่ที่เกาหลีอีกแล้ว ผมแทบเอาปืนมาฆ่าตัวเองให้ตาย เพราะความโง่ของตัวเอง ที่พูดออกไปวันนั้น แต่มันก็ผ่านมาได้ด้วยความเลวร้ายที่สุด การจากลาในวันนั้น ให้ข้อคิดผมหลายๆอย่าง แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ผมก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งสายลับออกมาเป็นครูสอนเต้นของ SM โดยที่ข้อมูลตั้งแต่ผมได้เป็นสายลับมาก็จะถูกปิดเป็นความลับ ส่วนแอลก็ได้ไปประจำการที่นาซ่า แต่ที่แน่ๆ ผู้การนี่แทบเสียสติไปเลย ตั้งแต่รู้ว่าผมทำงานพลาดแล้วถูกปลดออกจากตำแหน่ง  ส่วนแบคก็ได้เลื่อนขั้นสายลับไปเป็นสปายขององค์กรใหญ่ ดูท่างานจะดีซะด้วยสิ ส่วนแอนนาเบลล์ก็ถูกเรียกตัวไปที่สเปน อีกนานกว่าเธอจะได้มาเจอหน้าผมกับแบค

    แต่ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าโลกกลมหรืออะไร ถึงทำให้ผมกับเขาได้มาเหวี่ยงเจอกันอีกรอบ…..

    “แบค.....นี่นายมาทำไมตั้งแคนนาดา เที่ยวเกาหลีให้มันครบรอบก่อนได้ไม๊!?” ผมเดินบ่นกระปอดกระแปดใส่อีกคนที่กำลังเดินชมนกชมไม้อย่างสบายอารมณ์

    “โฮยแก! มาเที่ยวทั้งที อย่ามาอารมณ์วีนได้ป่ะ!

    “อุ๊นั่น!! ร้านช็อคโกแล็ต!!!” ผมไม่ทันได้ตอบ แบคก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าร้านไปเหมือนเด็กอยากกินไอศกรีม แล้วเขาก็ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตรงนอกร้าน

    “เห้อ

    ตุบ!

    Oh…Sorry..” ผมหันหลังเดินไปมาจนไปชนใส่ผู้ชายคนนึง สูงประมาณเฉียด 190 ผมสีดำ ไถเกรียนด้านข้าง ใส่สูท ใบหน้าหวานซ่อนความเข้มไว้ข้างใน ดูแล้วหล่อคมมาก ผมเงยหน้ามองเขาแค่ผ่านๆ แล้วก้มตัวเองขอโทษโดยที่ไม่สนใจสายตาที่กำลังมองลงมาอย่างตื่นตระหนก

    “หึ!” เสียงของร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างแสยะ ผมจะว่าไอ่บ้าไถข้างนี่มันไม่มีมารยาทรึไงว่ะ! ผมขอโทษแล้วมาทำเสียงน่าจับตบให้เข็ด ด้วยความที่โมโห ผมก็กำลังจะเงยหน้าขึ้นไปด่า แต่เมื่อเจอสายตาที่จ้องลงมาแบบนั้น  มันทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อคนๆนั้นไม่ได้เป็นคนที่ไหนเลย เป็นคนที่ผมรู้จักดีซะด้วย 

    “ค….คริส!!!!!” ผมอุทานออกมา ก่อนที่จะถอยหลังด้วยความตกใจ จนไปชนกับเสาไฟข้างทาง

    “ยังจำกันได้อยู่หรอ คนทรยศ!” คริสจ้องมาทางผมด้วยเสียงที่ประชดประชันยิ่งกว่าแค้นผมมาหลายร้อยปี

    “โอยๆ ขอโทษๆ ลืมเรื่องนั้นไปซะเถอะ”

    “แล้วนี่มากับใครละอ่อจริงสินะ ก็คงมากับที่รัก ที่ชื่อแอลละสิ!

    “อะไรกับแอลห๊ะ! หนึ่งคำก็แอล สองคำก็แอล!

    “ก็มันจริงไม๊ล่ะโว๊ะ!!!

    “หึ! นี่ถามจริง  พูดมาแบบนี้ ยังชอบผมอยู่หรอ” ผมหลอกถามคริส เผื่อว่าผมจะได้คำตอบที่ถูกใจมาครอบครอง

    “ขอโทษทีนะ! ฉันมีแฟนใหม่แล้วเหอะ!!! และฉันกำลังจะไปขอแต่งงาน!” คำพูดที่แทงใจดำ ผมแทบกระอักออกมาเป็นเลือด นั่นสินะผมโกหกเขานิทั้งๆที่รักจนใจจะขาด แต่พอมาวันนี้ กลับจะได้ดีใจที่เจอคนที่เรารักอีกครั้ง แต่ดันมาเสียใจเพราะคนที่เรารักมีคนอื่น

    “อืม! ก็ไปหาแฟนซะสิ!! มาหาผมทำไม!” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ ไม่แสดงให้ใครรู้ว่าผมรักผู้ชายคนนี้ ทั้งๆที่เขามีแฟนใหม่แล้ว หัวใจเหมือนถูกกรีดแทงไปด้วยคมเหล็ก ที่มีฤทธิ์ทำให้ทรมานอย่างช้าๆ

    “เอ้า! ก็ฉันกำลังจะไปหาพอดีไง แต่มาชนนายซะก่อน!

    “เออ!! ผมไม่น่ามาเจอนายเลย! คนบ้า!!!” ผมพลักคริสออกไปทีหนึ่ง แล้วหันหลังวิ่งออกไป ปล่อยให้อีกคนยืนมองอย่างน่าสมเพช น้ำตาความเจ็บปวดเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปตั้ง 4  ปี ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว ทำไมผมถึงหนีไม่พ้นจากคนที่ชื่อคริสซะที ผมเบื่อที่ต้องมานั่งปลอบใจตัวเอง เบื่อที่ต้องมานั่งคิดถึงคนที่มีคนอื่น ลืมกันแล้วก็บอกมาเถอะ! คริสใจร้าย! บ้าที่สุด!

    “แฮกแฮก” ผมวิ่งมาจนถึงที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง คิดว่าเขาคงไม่ตามมาหรอกนะ….คงไม่ตามมาหรอก เห็นว่าจะไปตามขอแต่งงานแฟนนิ!! คิดแล้วก็ยิ่งเจ็บ!!

    ผมเดินไปนั่งใต้ต้นเมเปิ้ลต้นใหญ่ สายลมอ่อนๆพัดผ่านไปมา ใบเมเปิ้ลสีแดง ค่อยๆร่วงหล่นตกลงมาบนพื้น ตามกาลเวลา

    “อ๊ะ” ใบเมเปิ้ลห้าแฉกที่หายากที่สุด ได้ตกลงมาใส่หัวของผม ผมหยิบมันขึ้นมามองก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อยแล้วกำลังจะขว้างมันออกไป  

    Don’t leave it!!” จู่ๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 5 -6 ปี วิ่งตะโกนห้ามไม่ให้ผมทิ้งใบเมเปิ้ลห้าแฉก

    Why???

    you can seek blessing for it.(คุณสามารถของพรจากมันได้)”

    Really???”

    Yep!” ตามคำบอกของเด็กชายคนนั้น ผมก็แอบไม่เชื่อนะ เพราะอาจจะเป็นจิตนาการของเด็กก็เป็นได้ แต่ยังไงก็เถอะ ขอๆไป เผื่อเค้าคนนั้นจะเปลี่ยนใจ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ด้วยพรของใบเมเปิ้ล

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ขอให้เขาคนนั้น กลับมาหาผม อย่าจากผมไปไหน 

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ขอให้ผม

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ได้รับความจริงจากพระพรนี้

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “คงไม่เป็นจริงหรอกเห้อ” ผมพูดถอดกำลังใจตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินไปที่ร้านที่แบคอยู่

    .

    .

    .

    .

    “ขอโทษนะครับ”

    “ครับ?….ว่าไง…………………….คริส!!!!” ผมหันไปตามเสียงที่เรียกผมอย่างนิ่มนวล จมูกปากแดงๆยังไม่จางหาย แต่ก็พยายามจะไม่ทำหน้าเศร้าใส่ใคร เมื่อผมหันไปสบตากับคนที่เรียกผมเมื่อกี้ ผมถึงกับเงิบพูดไม่ออก คริสนั่งคุกเข่าต่อหน้าผม มือข้างขวาของเขายื่นมือมาจับมือข้างซ้ายของผม

    “คริส! นี่นายทำอะไรของนายน่ะ! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!” ผมพยายามดึงตัวอีกคนให้ลุกขึ้น เพราะบริเวณรอบข้างเริ่มมีคนมองเราสองคนจนเป็นจุดสนใจในสวนสาธารณะในตอนนี้   

    “อี้ชิง….ผมขออะไรอย่างหนึ่งสิ” คริสเงยหน้ามองผมด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม แต่ในใจผมมันไม่ได้ยิ้มตามเลย

    “ขออะไรอีกละ! จะขอให้ผมเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงานของนายกับแฟนนายรึไง! ไม่ว่างนะ!” ผมพูดปัดๆออกไป ด้วยความที่น้อยใจคนตรงหน้าเพราะเรื่องเมื่อกี้นี้

    “มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ฟังผมก่อนสิ”

    “ว่ามาๆ” ผมพูดโดยที่มองไปทางอื่น แต่ในช่วงเวลาที่ผมไม่สนใจเค้านั้น คริสก็ได้เอากล่องเล็กๆสีแดงออกมา พร้อมเปิดกล่องนั้น

    Will you marry me ?” หูไวกว่าปกติถึง 10 เท่า ผมปรับโฟกัสสายตาหันไปมองหน้าคริสอย่างอึ้งทึ่ง คำพูดของเขาเมื่อกี้ทำให้ผมหน้าแดงระเรือก ทำตัวไม่ถูก

    “เออ…..

    “ว่าไงละ!?” คริสถามผมอีกครั้ง ผมเริ่มสับสนในตัวเอง นี่มันเป็นความฝันหรือว่าความเป็นจริงกันแน่ แล้วที่บอกว่าจะไปขอแต่งงานแฟนละ มันคืออะไร?!

    Marry!! Marry!! Marry!! Marry!! Marry!! Marry!! Marry!!” ผมกับคริสได้อยู่ในวงล้อมที่มีผู้คนมากมาย เสียงของคนกลุ่มหนึ่งได้ตะโกนออกมาว่า ให้ยอมรับการขอแต่งงาน แล้วหลังจากนั้น ผู้คนที่ยืนอยู่ก็ตะโกนออกมาเช่นเดียวกัน

    ” ผมเงียบ แล้วมองหน้าผู้คนอย่างหนักใจ เพราะเริ่มรู้สึกสับสนกับตัวเอง เสียงของผู้คนก็เงียบตามผมไป ตอนนี้สวนสาธารณาที่มีคนอยู่มากมาย กลับไม่มีเสียงพูดคุยกันให้น่ารำคาญ มีแต่เสียงลมพัดโชยไปมา บรรยากาศตอนนี้ก็ได้มาถึงจุดมาคุแล้ว มีแต่คริสที่เงยมองหน้าผมอย่างลุ้นคำตอบ

    ….เออ….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    Ok! ,,I will marry with you!  My darling ^^

    Yep!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” คริสได้ยินเช่นนั้นก็สวมแหวนให้ผมทันที ผู้คนมามายต่างส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ผมยืนมองเขาด้วยความตลกที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

    “อี้ชิง”

    “หือ?”

    “ตกใจไม๊อ่า ฮ่าๆ” คริสหัวเราะให้ผม แต่ด้วยที่ผมสับสนในตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ยิ้มเท่าไหร่

    “ถามจริงเถอะคริส! นายต้องการอะไร มาขอแต่งงานผมทำไม! ไหนว่าจะมาขอแต่งงานแฟน! ผมพูดกัดฟันใส่อีกคน น้ำตาความอ่อนแอมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง

    “ก็คนนี้ไงแฟน” คริสชี้มาทางผม แล้วยิ้มแป้นให้

    “ผม???” ผมหันหลังวอกแวกไปมา เผื่อว่าคริสจะชี้คนข้างลังผม แต่ก็ไม่มีใครยืนอยู่ น้ำตาผมแห้งแล้วหวนกลับขึ้นไปคืน

     “ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครอีกละ!” คริสยิ้มให้ผมที่กำลังทำหน้านิ่งตกใจ เป็นกระต่ายทำแครรอทหาย

    “อ้าว! นี่หลอกผมหรอ!! -3-!” ผมสะบัดหน้าหนีงอนคริส แต่ในใจแล้ว บานเบ่งยิ่งกว่าอะไรซะอีก

    “ไม่ได้หลอก ผมกำลังจะบอกความจริง  แต่นายดันอารมณ์ร้อนพล่านไม่ฟังอะไรเลย ผลักผมแล้วก็ดันวิ่งหนี”

    “ออ่าว….แล้วใครจะรู้ละเนี่ย!

    “หึ! เรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณฉันนะว้อยยย ไอ่เลย์!!!” เสียงของเพื่อนสนิทของผมดังขึ้นมา พร้อมกับถือถุงช็อคโกแล็ตมาเต็มมือ

    “แกเกี่ยวไรด้วยว่ะ -O-!

    “คริส เล่าให้มันฟังซิ๊!!

    “ก็นี่เป็นแผนของแบคทั้งหมด”

    “อ่าว อิแบค!เดี๋ยวเถอะ!” เมื่อผมได้ยินคำแรกที่ปรากฏ มันก็น่าชวนทะเลาะอยู่แล้ว ผมหันหน้าไปทางแบคอย่างเอาเรื่อง

    “เห้ยๆ ใจเย็น ฟังให้จบก่อน แล้วค่อยมาวอนทรีนกับฉัน -_-!

    “ก็เมื่อเดือนที่แล้ว ผมกลับไปที่ประเทศเกาหลี เพื่อที่จะไปเยี่ยมจงอินกับแดฮยอน แต่ก็ดันมาเจอแบคพอดี ผมเลยถามแบคว่า อี้ชิงอ่า สบายดีไม๊ แต่ด้วยความที่เป็นสายลับของแบค แบคจึงรู้ว่าที่ผมถามไปน่ะ มันเป็นคำพูดของคนที่ยังรักอี้ชิงไง แบคเลยถามผมว่า ยังไม่ตัดใจอีกหรอ ก็น่าจะรู้นะว่าผมรักอี้ชิงมาก ผมเลยตอบ ไม่คิดจะตัดใจ รอวันพรหมลิขิตที่ผมกับอี้ชิงจะได้พบกัน แต่ดูเหมือนจะพรหมลิขิตจริงๆ แบคบอกผมว่า อี้ชิงก็ยังไม่ได้ตัดใจจากผมเหมือนกันแต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้เรื่องมันปานปลายไปมากกว่านี้ ตอนนั้นผมโครตดีใจเลย เลยตัดสินใจบอกแบคว่า เออเนี่ย..ผมอยากแต่งงนกับอี้ชิงนะ ช่วยหน่อย แบคก็ได้วางแผนตามนี้แหละ” คริสร่ายบทประพันธ์ให้ผมฟัง แต่ที่เล่ามามันก็แอบเขินไม่น้อยนะ ผมมัวแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนปากจะฉีกถึงหูแล้ว

    “แล้วที่แกลากฉันมาแคนนาดาด้วยก็เพราะเรื่องนี้?” ผมหันไปถามแบคที่ยืนยิ้มอย่างมีชัย

    “อ่าห๊ะ! แกคิดว่าหน้าอย่างฉันจะมาเที่ยวหรอ! ฝันไกลไปอีก10ปี!

    “แล้วทำไมแกต้องเข้าไปในร้านนั่นด้วย”

    “ก็ไปตรียมการให้สุดที่รักแกไง! แหม่!! ทำอะไรไม่เป็นเลย!! เป็นบอสซะปล่าว” แบคพูดพลางกอดอกจิกตาใส่คริสที่ยืนยิ้มอย่างอายๆ

    “แล้วไงต่ออะ….

    “ไงต่อละ! ก็กลับเกาหลีสิ!” แบคหันมาแว๊ดใส่ผม ที่ผมได้ถามคำถามที่งี่เง่าที่สุดในโลก

    “อ่าว..แล้วไม่แต่งอะ .___.

    “อยากแต่งแล้วหรอครับ ที่รัก ^^

    “โหย!! ใจร้อนไปป่ะ!!! แหม่เดี๋ยวกลับไปก็ได้แต่งครับ! ไม่มีใครมาฉุดคู่แกไปกินหรอก -_-^

    “เออ!! -3-

    “เอ่อเดี๋ยวฉันไปรอที่ห้องพักนะ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ” พูดจบ แบคก็เดินเตร่หิ้วถุงช็อคโกแล็ตไปที่หอพัก โดยที่ทิ้งผมกับคริสให้ยืนเขินกันสองคน

    “อี้ชิง”

    “???”

    “อี้ชิงรักผมป่ะ?”

    “โห่ตอบตกลงไปซะขนาดนั้น ไม่รักมั้ง

    “ผมก็รักอี้ชิงนะ

    “อื้อ เราไปกะ…..อื้มมม..มมม” ไม่ทันได้พูด คริสก็ขยับเข้ามาประทับจูบลงบนปากชมพูของผมอย่างเบามือ  ผมหลับตาลง ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด คริสค่อยๆกัดปากผมช้าๆ แต่ด้วยที่ความเขินที่มีอยู่บวกกับประชาชีที่มองพวกเราแล้ว ผมจึงผละคริสออกจากตัวผม แล้วสาวท้าวเดินหนีความอาย โดยไม่สนคนข้างหลัง

    “ไรอ่า..ไม่เป็นไร..แต่งงานเมื่อไหร่ ผมจัดหนักแน่ อี้ชิง!” คริสพูดพร้อมเดินมากอดคอผมจากด้านหลัง

    “บ้า!!! -////- พูดอะไรออกมา!”  ผมตีคริสแรงๆไปทีหนึ่ง ก่อนที่จะสาวท้าวก้าวยาวๆ หนีความเขินไปหาแบคที่รออยู่ที่ห้อง

     

    คริสเป็นคนเดียวที่ผมรัก และผมก็จะไม่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ถึงแม้ว่าเราจะเคยทำร้ายจิตใจกันมาบ้าง แต่แน่นอนว่าพรหมลิขิต ย่อมทำให้เรามาเจอกัน ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ตาม …..

    เพียงแค่เรามีกันและกันแบบนี้ ผมก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้วหละ!






     

     

                                                                              ----- The End-----





     

     

    จบแบ้วววว!!! เบบี้ทำให้มันจบไวๆก็เพราะอยากแต่งเรื่องใหม่ 555 //จะมีใครอ่านไม๊ -_-?

    แต่เอาเถอะนะ เม้นให้กำลังใจเบบี้หน่อยเถอะ เบบี้อยากรู้ว่าเบบี้แต่งได้ดีรึป่าวง่า

    เรื่องต่อไปก็อย่าลืมติดตามเน้ววว ชุ้บบบ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×