ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ::ISOLATE TOGETHER [ Fic..Kangmin ]

    ลำดับตอนที่ #16 : [SF]:::REMOTE::: (KANGMIN)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 53



    ระยะทางที่มองไม่เห็น

    มือที่เอื้อมไม่ถึง


    ---------------------------------------------------------------------------------



                     ผมสะดุ้งตื่นกลางห้องเรียนอีกครั้งเพราะเสียงตะโกนของใครบางคน มันดังขึ้นมาอย่างฉับพลันแล้วก็เบาลงก่อนจะเริ่มต้นใหม่ ในห้องที่มีนักเรียนกว่าครึ่งร้อยไม่ใช่สถานที่ที่จะหลับได้ง่ายๆ เสียงจอแจของนักเรียนแต่ละคนไม่ได้ดังมากแต่ว่าถี่ จะมีก็แค่หมอนั้นที่เอาแต่ตะโกน คังอิน

                     "มองอะไรห๊า"เสียงดังตะโกน แต่ไม่ใช่กับผมแต่เป็นเพื่อนสนิทของผม จุนซู
                     "ไม่ได้มองสักหน่อย ไม่มีใครอยากมองสักหน่อย.." แล้วจุนซูก็สู้รบกับคังอินนานพอที่จะทำให้ผมตาสว่างได้
                     "ซองมิน!! บอกให้คังอินเลิกบ่นสักทีได้ไหม" จุนซูตรงดิ่งมาหาผมก่อนที่จะหันขึ้นไปมองหน้าเขาซะอีก
                     "คังอิน..." ผมยังพูดไม่จบประโยคแต่ว่าร่างหนาก็หายไปแล้ว


                     ผมแทบจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงหายไป ทุกครั้งที่ผมคิดจะพูดไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง หมอนั้นจะหลบหน้า ไม่ตอบ หรือแค่ตอบสั้นๆ คนประเภทป่าเถื่อนถนัดใช้กำลังกับคนอย่างผมคงต่างโดยสิ้นเชิง จุนซูช่วยให้ผมย้อนสติกลับมาคุยเรื่องทั่วไปในวันนี้เหมือนทุกๆวัน แต่ใจของผมกลับไม่ได้จดจ่อที่บทพูดของเพื่อนสนิทเลย


    ♦♦♦

                     ผมนึกย้อนกลับไปหนึ่งปีที่ผมเพิ่งเจอกับคังอิน ถึงจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีแต่ว่าก็ดีกว่าตอนนี้มาก ทุกครั้งที่ผมเห็นจุนซูโดนแกล้งผมจะนึกถึงตัวเองเช่นกัน จุดตรงนั้นที่ผมเคยยืน เคยเถียงกับร่างหนาที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะ

                     "เขยิบเข้าไปหน่อย จะนั้ง!" คังอินไล่ให้ผมทำตัวลีบเพราะจะนั้งเก้าอี้ตัวเดียวกัน
                     "ไปนั้งที่อื่นได้มั้ย อ้วนก็อ้วนยังจะมาเบียดอีก"
                     "บ่นจังเลย! นั้งไปนั้นแหละ"

                     ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน ผมจะทำอะไรเขา ร่างหนานั้นก็จะกลับเข้ามาเหมือนมูมเมอร์แรง ที่ปาไปไกลเท่าไหรก็กลับมาหา แต่ว่าตอนนั้นผมคงปามันแรงเกินไป มันถึงได้ไม่กลับมาแต่กลับวนเวียนไปกับคนอื่น ผมจำวันนั้นได้แม่น วันที่ผมมีปากเสียงกับเขาเพราะการแกล้งที่ไม่น่าให้อภัย ผมด่าว่าเขาไปมากมาย จนสุดท้ายแม้แต่คำขอโทษก็ไม่อาจจะต่อความสัมพันธ์ของเราได้

    ♦♦♦

                     ตลอดวัน ผมไม่รู้ตัวว่ามักจะจ้องมองไปที่หน้าของเขา แผ่นหลังของเขา จากที่นั้งด้านหลัง แน่นอนว่าจุนซูก็รู้ดีว่าผมคิดอะไรที่มากกว่าเพื่อนกับคังอินแล้ว จุนซูเป็นคนดีและร่าเริง เขาโตกว่าผมนิดหน่อยแต่ว่าเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวและเป็นที่รักของทุกคน ต่างกับผมที่ในบางครั้งก็ถูกว่าชอบทำตัวโดดเดี่ยว ผมแปลกใจที่คังอินเล่นกับจุนซูเหมือนที่ทำกับผม ถึงการกระทำจะดูรุนแรงแต่ว่าต่างกับการแกล้งคนอื่นๆที่เขามักชอบทำ ใบหน้าที่ดูมีความสุขและอื่นๆ ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือของจริงกันแน่ แต่ผมมองเห็นบรรยากาศที่คังอินสร้างขึ้นมาอย่างอบอุ่น ผมคงทิ้งมันไปด้วยมือของผมเอง...
                     จุนซูเรียกชื่อผมอีกครั้งผมถึงจะรู้สึกตัว

                     "รู้นะว่ามองอะไรอยู่~" เสียงล้อเลียนของเขาทำให้ผมยิ้มที่มุมปาก
                     "รู้แล้วก็เงียบๆได้มั้ย" ผมกระซิบกระซาบกลัวคนที่กล่าวถึงจะรู้ตัว

                     แต่ดูเหมือนมันจะไม่สำเร็จ

                     "จุนซู นินทาอะไรห๊า!" คังอินไปค้อนจุนซูเบาๆ ก่อนจะเริ่มเถียงกันเหมือนทุกที        

                     ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บๆแถวหน้าอก
                     เขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตน เป็นอากาศธาตุ ไม่มีแม้แต่จะชายตาหรือเหลือบมอง ผมทำใจไว้นานจนเกินกว่าจะจำได้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมพยายามเลิกชอบเขา แต่ขนาดผมเลิกคิดถึงเขาผมก็ยังเจ็บนิดๆอยู่ดี
                    มือหนึ่งจากด้านหลังสะกิดหลังผมเบาๆ ผมหันกลับไปก็พบกับ ชเว ชีวอน หนุ่มหล่อที่สุดในห้องที่ทำดีกับทุกคนและบ้าระห่ำแบบผู้ชายทั่วไป

                     "ซองมิน ขอยืมสมุดวาดเขียนหน่อย" ชีวอนพูดเสียงราบเรียบ
                     "ในสมุดจดไม่ละเอียดนะ เดี่ยวไปสอนให้" ผมลุกขึ้นไปนั้งข้างเขา
                     "ได้ยินมาว่ากำลังเรียนศิลปะอยู่หรอ เก่งแล้วสอนกันบ้างนะ"
                     "อะไร! ซองมินวาดสวยกว่าตั้งเยอะ แต่ถ้าเก่งเมื่อไหร่เดี่ยวอนให้ฟรีเลย ฮาฮา" ชีวอนยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ผมหัวเราะตามอย่างมีความสุข
                    
                     ทุกครั้งที่อยู่กับชีวอนไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีและสงบ ยิ้มออกมาได้ไม่ต้องขัดขืน หัวเราะได้อย่างชอบใจ บอกตามตรงว่าผมรู้สึกดีเวลาอยู่กับเขาแต่มันต่างกับตอนที่อยู่กับคังอิน มันเป็นความรู้สึกที่ดี

                     "จะสวีทหวานกันไปหน่อยมั้ย?" เสียงทุ้มหนักทักขึ้นมา

                     ชินดง หนุ่มร่างอวบอ้วนที่นั้งข้างหน้า เอี่ยวตัวหันมาคุยทุกครั้งที่ผมกับชีวอนนั้งด้วยกัน  แน่นอนว่าข่าวว่าผมกับชีวอนคบกันดังไปทั้งระดับเมื่อปีที่แล้ว แต่ในปีนนี้กลับซาลงอย่างน่าแปลกใจ เพราะผมชอบที่จะอยู่กับเขารึเปล่า มันเลยเป็นข่าวเกินเลย เราสามคนนั้งคุยกันตั้งแต่เรื่องอาหาร สถานที่เที่ยว รวมถึงการนินทากันเอง ผมลืมไปว่าตัวเองยิ้มบ่อยจนเมื่อยปาก เลยหยุดการทำงานแล้วหันมาคุยอย่างออกรสแทน

                     "ซองมิน ดูสิ! คังอินกับจุนซู" ชินดงชี้ให้ผมดูภาพบาดตา
                     "นายจะไปดูเขาทำไมเนี้ย" ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
                     "เหมือนอย่างที่นายบอกเลย คังอินคิดอะไรกับจุนซูแน่ๆ" ชีวอนช่วยสำทับ
                     "โทษที แต่ว่าฉันเลิกดูพวกนั้นไปตั้งนานแล้ว...เลิกจ้องกันสักที" ผมปรามนิดๆก่อนที่พวกเราจะวกกลับมาบทสนธนาเดิม

    ♦♦♦

                     ในคาบพละที่ผมเกลียด วันนี้ต้องแบ่งทีมเล่นบาส แน่นอนว่าคนที่ไม่อยากเล่นให้นั้งข้างสนามได้และผมก็ทำอย่างนั้นทุกครั้ง แต่ด้วยความเลิ่นเล่อ เหมือนว่าผมจะนั้งผิดทิศหรือกระแสลมมันพัดผิดจากทุกที ลูกบาสกระเด้งลงพื้นหนึ่งทีก่อนจะเด้งมากระแทกหน้า ผมหลับตาปี๋ ในขณะที่ชินดงกำลังคุยกับคนอื่นๆ ชีวอนไปเล่นบาสอีกฝั่งหนึ่งและจุนซูกำลังเต้นท่าประหลาดๆกับเพื่อนๆ
     มันเหมือนเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่มือหนาจะปัดลูกบอลก่อนที่มันจะกระแทกลงบนหัวของผม คังอินวิ่งมาปัดมันอย่างง่ายดายและนำลูกบาสไปเล่นต่อโดยหันกลับมามองทีนึง

                     "เหมือนหนังที่เคยดูเลย ว่ามั้ย? นายเป็นนางเอกส่วนนั้นเป็นพระเอก" ชินดงบุ้ยปากไปที่คังอิน แสดงสรรพนาม "นั้น"
                     "อะไรของนายเนี้ย" ผมตอบกลบเกลื่อนแต่ดูเหมือนหน้าแดงๆจะปิดไม่มิด

                     ชินดงล้อผมตลอดคาบบ่ายและเอาไปซุบซิบนิดหน่อยกับจุนซู ผมก็ค่อนข้างดีใจที่คังอินมาช่วยแต่ว่าในระยะหนึ่งปีนี้ ผมไม่เคยคุยกับคังอินเกิน สิบ..ไม่ๆ ห้านาทีเลยสักครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังคงมั่นใจคือ เขายังมองผมเต็มตาในบางครั้ง และอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้ว่าเขาก็ไม่ได้เกลียดผมแน่ๆ
                     แต่ความห่างเหินแบบฉับพลันไม่ใช่ของที่จะต่อติดได้ง่าย ผมคงเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วหันมาสนุกกับชีวิตเหมือนทุกทีจะดีกว่า... แม้บางทีผมจะใจเต้นทุกครั้งที่มองแผ่นหลังนั้น

    ---------------------------------------------

    มันเป็นอะไรที่ดราม่า !!!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×