คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไดอารี่ของเด็กหลงปารีสที่ 3
13 Août 2014
รอบนี้ไป รร ไม่หลงแล้ว ลงถูกป้ายก็ไปง่ายมากๆ ลงแล้วเดินอีกแปบเดียวก็ถึง ตอนกำลงเดินไปที่ รร ก็เห็นเพื่อนยืนรอเข้า รร อยู่ เลยเข้าไปคุย แล้วเขาก็บอกให้ไปซื้อแซนวิชไว้กินตอนกลางวนจากซุปเปอร์มาเก็ตแถวๆนั้น ก็เข้าไปซื้อมาอันนึง ราคา ราวๆ 1.49€ ไม่แพงเท่าไหร่เป็นอันดีสรุปก็คือไปซื้อมากินสองอันด้วยความหิว ณ จุดนั้น
เริ่มบทเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่ได้อยู่แล้ว เพราะเรียนมาก่อนเกือบทั้งหมดไปแล้ว ส่วนมากที่จะไม่รู้คือพวก โวแคป กับพวกคำพูดทั่วไปของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสก็แปลกดีนะ มีทั้ง ภาษาใช้พูดอย่างเดียว ภาษาเขียนอย่างเดียว แล้วก็ที่ใช้ได้ทั้งพูดและเขียน เวลาเลือกใช้ก็ต้องเลือกให้ถูกต้องด้วย
พอเรียนเสร็จก็ไปเจอกับพี่ต่อเป็นวันสุดท้ายก่อนที่พี่ต่อจะไปที่ลียง แล้วกลับมาที่ปารีสเพื่อไปที่สนามบินก่อนกลับไทย วันนี้จึงไปกันอย่างเต็มที่โดยเริ่มจากการนั่งเมโทรสายไหนก็ไม่รู้ไปจบที่ Sacré Cœur ก็ค่อยเดินขึ้นไปเรื่อยจนจากเคเบิ้ลคาร์ที่ขึ้นไปได้เลยขึ้นอันนี้ไปเพราะคาดเดาไว้แล้วว่าอาจจะไม่ไหว พอขึ้นไปก็ขอพอเลยว่า Sacré Cœur เป็นที่ที่สามารถเห็นปารีสได้แบบพาโนราม่ามาก เห็นแทบทั้งเมือง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปดูในโบสถ์ ในโบสถ์เขาบอกให้เงียบๆ แลัวก็ห้ามถ่ายรูป ในโบสถ์นี่แบบ หืม ความรู้สึกแบบสงบมากๆ อยู่แล้วรู้สึกสบาย (ถ้านึกอารมณ์ไม่ออกให้นึกถึงการไปเข้าวัดที่มันเงียบๆไม่ได้มีคนเยอะแยะหรืออยู่ในเมือง) แบบข้างนอกข้างในคือความรู้สึกแตกต่างกันเลย เหมือนประตูโบสถ์เป็นที่กั้นระหว่างความวุ่นวายกับความสงบ ข้างในของที่นี่ก็สวยมากๆ ที่โดมด้านบนเป็นรูปพระเยซูและสาวกที่ทำขึ้นจากโมเสก เราก็เดินไปเรื่อยๆตามทาง โดยที่เขากันทางเดินไว้ให้เดินจากประตูไปทางด้านข้างของโบสถ์ไปอ้อมหลังจุดทำพิธีของบาทหลวงแล้วเดินออกมาที่อีกด้นหนึ่งของประตู โดยที่ระหว่างทางจะมีเทียนวางอยู่เต็มไปหมด แล้วก็มีป้ายบอกว่า 2€ แปลว่าเทียนราคาสองยูโร เป็นลักษณะแบบบริจาคแลกกับเทียนเพื่อเอาไปวางบูชา แล้วตรงไปเรื่อยก็จะมีตู้หยอดเหรียญที่ระลึกราคาสองยูโรเหมือนกันหน้าตาแลดูดีมากกก
ออกมาจาก Sacré Cœur แล้วก็ได้ยินเสียงคนปรบมือกันก็งงว่ามีอะไรกัน ตอนที่กำลงจะเดินลงก็เห็นว่ามีคนนิโกรคนนึงมาโชว์เดาะบอลอยู่ที่หัวราวบันได(ลองอิมเมจิ้นถึงบันไดใหญ่ๆ แล้วตรงหัวราวบันไดข้างบนมันจะใหญ่มากๆพอที่จะให้คนไปยืนได้คนนึงแล้วเหลือที่อีกนิดนึง) แล้วช็อตที่หันไปเห็นพอดีคือ เขาถอดเสื้อแล้ว (ตอนนั้นมั่นใจว่าก่อนเห็นรอบนี้เขาใส่เสื้ออยู่) แล้วอยู่ในท่าหกสูง แทบจะอ้าปากค้างอะ
หลังจากนั้นพี่ต่อก็พาไปเดินย่าน Montmartre โดยที่ย่านนี้ขึ้นชื่อเลยว่าเป็นย่านที่มี Pick Pocket เยอะมากที่หนึ่งเลย เราเลยจัดแจงจับทุกอย่างมายัดใส่กระเป๋าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเทคแคร์ของหลายที่ แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ มงมาร์ต เป็นย่านที่ให้ความรู้สึกแบบ JJ บ้านเรามาก คือมีของขายเยอะแยะ แต่หน้าตาคล้ายๆกัน แล้วก็มีร้านขายงานศิลปะด้วยโดยที่มีร้านนึงติดใจมาก เขาให้สีปาดให้เป็นก้อนนูนๆขึ้นมา แล้วมันจะดูเป็นสามสิติในทุกมุมมอง เห็นแล้วแบบรักอะ แต่ราคาก็ทำเอารักไม่ลงเหมือนกัน ร้อยกว่ายูโร หลังจากเดินย่านนี้ไปได้ซักพักนึง พี่ต่อก็เลี้ยงไอติมจ้าสุขสันต์กันเลยที่เดียว แล้วก็เดินไปกินไอติมไปเรื่อยๆจนมาถึงเมโทร(จำสถานีไม่ได้)ที่แถวๆมงมาร์ตนั่นแหละก็ลงเมโทรไป ตอนนั้นมีความรู้สึกเดียวเลยคือ บันไดเอ็งก็ยาวไป คือเป็นบันไดวนลงไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้นานแค่ไหน แต่มันให้ความรู้สึกว่า นานมากกกกก กว่าจะลงมาเจอเมโทรได้
หลังจากผจญกับบันไดนั่นแล้ว เราก็มาโผล่ที่แถวๆ Hôtel de Ville เห็นพี่ต่อบอกว่า ที่นี่คือเทศบาลของปารีสป็นที่ที่สวยอยู่อีกที่นึง แล้วช่วงนี้ที่ด้านหน้า โอเตลเดอวิลล์ ก็เอาสนามวอลเล่ย์บอลชายหาดมาตั้งด้วย อ้อใช่ ที่ด้านหน้าของ โอเตลเดอวิลล์ มีคีออกส์แจกน้ำฟรีของสาธารณะมาเปิดอยู่ ของบอกเลยว่า กรึบแรกนี่สะดุ้ง เพราะตอนแรกนึกว่าเป็นน้ำปกติ แต่ว่าอันนี้มันเป็นน้ำโซดาจ้า น้องที่ไปเอาน้ำด้วยกันถึงขั้นบอกไม่เอา แล้วก็ยกแก้วให้เพื่อนที่มาด้วยกัน แต่จากนั้นไม่นานก็กลับไปเอาน้ำกันใหม่อีกทีกันทั้งหมด
พอเสร็จจากการเดินดูรอบๆ โอเตลเดอวิลล์ เพื่อรอสาวๆจากการซื้อช็อปปิ้งแล้ว เราก็เดินทางไปต่อที่ Gorge Pompidou ไปดูข้างนอกนิดๆหน่อยๆแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะว่าเวลามันไม่ค่อยจะเหลือแล้ว
ปล. ตอนเดินไปมงมาร์ตมีวิวช่วงนึงที่สามารถมองเห็น หอไอเฟลได้ด้วย
ปลล. Gorge Pompidou ไม่ค่อยมีอะไรมากสำหรับข้างนอก ออกแนวเป็นท่อๆ อาจไม่ถูกใจเท่าไหร่สำหรับคนที่ชอบงานสถาปัตยกรรมโบราณ
ความคิดเห็น