ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Le Journal d'un Garçon Perdu บันทึกของเด็กหลงฝรั่งเศส

    ลำดับตอนที่ #3 : ไดอารี่ของเด็กหลงปารีสที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 57



    11 Août 2014

    ตื่นเช้ามาแบบ อ้ากกกกก ตะคริวกิน ตะคริวเย็น สงสัย เมื่อวานห่มผ้าน้อยไปหน่อย ก็เล่นแทรกตัวเข้าผ้าปูแบบพอคลุมตัวได้ อื้อฮือ เป็นก้อนอะ ปูดเลย ต้องมานวดๆขาตัวเองตอนตีห้าเนี่ยโอยยย

    มื้อเช้าวันนี้ทำให้เข้าใจคำว่า le petit déjeuner ที่แปลว่า อาหารเช้าในฝรั่งเศส มัน PETIT มากกกกกกก ครัวซองก์ 1 อัน กับขนมปังใส้ช็อคโกแลต 1 อัน กับ กาแฟ 1 แก้ว เล็กมากกกจ้า แถม โฮสยังบอกว่า ข้าวเช้ากินคนเดียวนะ เพราะฉันจะนอน ก็...โอเคจ้า ไม่เป็นไร

    วันนี้เป็นวันแรกที่จะมาเรียนที่ Institut de Langue Française กับเพื่อนโออีจีอีก 6 ชีวิต แถมยังได้เจอกับ เด็กญี่ปุ่นอีก 4 คนที่มาเรียนที่เพราะ เพราะเป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากโครงการของ WEP เช่นกัน ตอนก่อนจะเข้าเรียนก็ได้มาคุยนัดแนะกับพี่ต่อที่เป็นพี่จากโออีจีนิดนึง ว่าวันนี้จะไปไหนอะไรกัน พอจะเข้าเรียน พี่เขาก็ถ้าที่ รร ว่า วันนี้มีสอบ นานมั้ย เขาบอกมาว่า “One Hour” ก็โอเค แล้วก็ร่ำลากับพี่ต่อนิดนงก่อนจะข้าไปสอบกัน

    ตอนที่นั่งบัสมาเรียนเราลงผิดปายแล้วหลงทางด้วยแหละ ก็ตอนแรกโฮสบอกให้ลง Tocqueville (สาย 53) แล้วประเด็นคือมันมีสองอันไง แล้วตอนที่บอก ก็ฟังมาภาษาฝรั่งเศสอะนะ “แอเร่ต็อกเกอวิลย์ (Arrêt Tocqueville)” แล้วสองอันน้นมันมี Perier Tocqueville (แปเร่ต็อกเกอวิลย์) กับ Jouffroy Tocqueville (ชูฟฟรัวต็อกเกอวิลย์) ด้วยความที่ได้ยินมาแบบ เร่ๆต็อกเกอวิลย์ เลยไปลงที่ Perier Tocqueville ไง หลงเลยลงผิดป้าย ซึ่งความจริงแล้วต้องลงที่ Jouffroy Tocqueville ถึงจะไปได้ถูก

    ตอนเข้าห้องไป ก็มาเจอกับเด็กญี่ปุ่นสองคนที่รออยู่ที่ห้องแล้ว (ณ จุดนั้น กระเตงเด็กญี่ปุ่นมาคนนึงเพราะมากับเพื่อนเรา ส่วนอีกคนนึงมาสายวันแรก) ก็ทำความรู้จักกันนิดนึง มีชื่อว่า Satomi, Yoko, กับ Mariko ส่วนอีกคนนึงที่มาสายก็มารู้ทีหลังว่าชื่อ Tastuharu ถูกปะวะ แต่ฮีบอกให้เรียกสั้นๆว่า ทัตสึ ก็ได้ ตอนที่สอบก็สอบกันไปได้สักพักนึงก็จบการสอบแบบมึนๆแล้วเริ่มเรียนเลย  แล้วท้ายที่สุดคือการออกจากห้องตอนบ่ายโมง ตอนทีเข้า 9 โมง บอก 1 ชม ออกมาอีกที บ่ายโมง ก็เลยเอามาสงสัยกันเล่นๆว่า ที่ชีบอกว่า “One hour” หมายถึง 1 ชม หรือว่า มันแปลตรงตัวมาจาก « une heure »  ที่มันสามารถแปลได้ทั้ง 1 ชม และ บ่ายหนึ่ง กันแน่

    พอเรียนเสร็จเราก็ไปต่อกันทีที่พี่ต่อนัดเอาไว้ พอไปหาพี่ต่อก็ออกไปหาข้าวกิน แล้วพี่ต่อก็ทิ้งโน้ตไว้ที่เคาเตอ์ของโรงแรม กำลังหาเลยว่าไปอยู่ที่ไหน พี่ต่อก็เดินออกมาพอดี แล้วก็พาเราไปกินข้าวกนที่ร้านสเต็ก โดนไปอีก 11€ สำหรับมื้อนี้

    หลังจากกินข้าวเสร็จพี่ต่อก็พาไปลงเมโทรเพื่อไปเยี่ยมชมห้างเก่าแก่ของฝรั่งเศส Au Printemps ผ่านไปเดินเข้าไปดูของนิดนึง แล้วก็ออกไปข้างนอกไปเดินอีกนิดจนถึง La Galeries Lafayette เพื่อไปดูโดมกระจกที่งดงาม สวยมากกก แต่กล้องเราถ่ายได้ไม่งามเลย ของแบบนี้เป็นอะไรที่บอกเลยว่าจะต้องไปดูเองกับตาถึงจะรู้  พอหลุดออกจาก La Galeries Lafayette ก็เดินผ่าน Opéra Garnier อีกสักที เพื่อที่จะเดินเท้าไปที่ Le Musée du Louvre ต่อ สองข้างทางนี่แบบ ตึกสวยอะ ชอบตึกแบบนี้

    ระหว่างทางที่เดินตอนนั้นจเอร้านขนมร้านนึง เป็นขนมที่มันคล้ายๆกบไอโดนทก้อนเล็กๆอะ ใส้ช็อคโกแล็ตนี่จัดว่าเด็ด ต้องลองดู ชื่อร้านว่า Paul

    ตอนใกล้ๆถึงที่ Louvre เห็นคล้ายๆกบสวนสนุกย่อมๆ มีเครื่องเล่นอนนึงเห็นละเสียวไม่กล้าเล่น เดินผ่านไปได้พักนึง ก็ไปหาร้านไอติมกินตรงแถวๆ  Louvre นั่นแหละ ชื่อร้านว่า Movenpick เป็นคีออกส์เล็กๆ ได้ลูกละประมาณ 2€ อร่อยใช้ได้ คุ้มราคาอยู่

    ตอนที่เข้าไปในเขต Louvre แล้ว พี่ต่อก็เตือนว่า ให้ระวังคนที่ขายหอไอเฟลที่เดินไปเดินมาไว้ เพราะเขาขายไม่ตรงกับที่เขาบอกหรอก แล้วเขาจะมาตอแยเราอีกแหนะ เราก็ระวัง เรียกได้ว่า เลี่ยงกันทั้งกรุ๊ปตรงนั้นเลย แล้วก็ไปถ่ายรูปชิวๆกันอีกนิดนึงที่ Louvre ต่อด้วย ตอนที่กำลังนั่งพักชิวๆอยู่ก็เห็นมีลุงคนขายหอไอเฟลคนนึงมาขายกลุ่มนักเรียนฝรั่งที่นั่งออกไปไม่ไกล แล้วเด็กฝรั่งเขาก็ร้องเพลงให้ลุง ถ่ายรูปกับลุง(อันนี้ไม่เห็นเพื่อนกับพี่ต่อบอก) ก็อืมนะ

    ขากลับมีน้องเราไม่ไหว แบบอยากซื้อ พี่ต่อเลยให้ไปซื้อกับลุงคนที่พูดถึงคนนั้น ตอนนั้นไม่เห็นลุง น้องเกือบอดละ แล้วลุงก็เดินมาพอดีเลยไปซื้อ สรุปว่าจริงครับที่พี่ต่อบอก เพราะลุงเขาบอกว่า five for one euro แล้วก็ยกมือที่ถือหอไอเฟลอันใหญ่ขึ้นมา ทุกคนก็จะเข้าใจว่ามันถูก แต่ความจริงแล้วคืออันเล็กเท่าพวงกุญแจที่ 5 อัน 1€ แต่ว่าอันใหญ่อันละ 8€ แล้งเราก็ต่อราคาจ้า ได้พี่ต่อช่วยดีงามเลย จาก 8€ เหลืออยู่เท่าราคาตลาดทั่วไปอะ

    หลังจากนั้นก็แยกย้ายกนไปคนละทิศละทางเรื่อยๆ ด้วยความที่ไปบัส  แต่กลับด้วยเมโทร แน่นอน หลงรอบสอง ด้วยความที่โฮสเคยบอกว่า ถ้าเมโทรให้ขึ้นลงที่สถานี Louis Michel  แต่ไม่ได้บอกว่าเดินยังไง ด้วยความที่เริ่มเย็นแล้ว แต่ยังไม่มืดนะ มันมืดสามสี่ทุ่มนู่น  ก็โชคดีที่เจอสาวฝรั่งเศสคนนึง เธอเป็นดั่งนางฟ้าของฉัน เพราะว่า นางกำลังใช้โทรศัพท์หาทางพอดี แล้วตอนที่เราเข้าไปถาม นางก็บอกว่าขอที่อยู่ แล้วก็พิมพ์หาไปในโทรศัพท์ของนางเลย เลยกลับบ้านได้แบบไม่หลงไปนู่นไปนี่อีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×