คำนำ
สอนลูกให้อยู่อย่างปราชญ์
(ใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน และ กิจการงานต่างๆ)
..ปะป๊า เขียนหนังสือเรื่อง สอนลูกให้อยู่อย่างปราชญ์ นี้ไว้เพื่อให้ "อั่งเปา ลูกชายของปะป๊าก๊กเฮง" ตอนนี้อั่งเปาเรียนอยู่ ม.๑ โรงเรียนบ้านไผ่ ขก. ๕ ในปีการศึกษา ๒๕๖๒ นี้ ซึ่งปะป๊าไม่อาจได้อยู่ใกล้อั่งเปา ด้วยต้องมาทำงานที่กรุงเทพฯเพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกให้ได้กินได้เรียนเติบโตมาเป็นคนดี มีวิชาความรู้ จึงได้เขียนตำราโดยย่อเล่มนี้ไว้ให้อั่งเปาใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีพด้วยปัญญา ทั้งในการเรียน การงาน ชีวิตความเป็นอยู่ทั้งปวง ใช้ปัญญาแก้ปัญหามากกว่าใช้อารมณ์ความรู้สึก..ซึ่งเป็นสิ่งที่นักปราชญ์ทุกคนล้วนทำกัน โดยได้อาศัยหลักธรรมเครื่องปัญญาอันยิ่งหาที่เปรียบเสมอเหมือนมิได้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมพุทธศาสดา ที่ได้ตรัสสอนไว้ดีแล้วนั้นให้นำมาดำเนินชีวิต
..ปะป๊าจึงเขียนหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้ลูกชายคนเดียวในชีวิต คือ อั่งเปา ได้ใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีพโดยชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นหลักการเรียนรู้ใดๆ หลักการทำงานใดๆ หลักการบริหารตนเอง ครอบครัว หรืออื่นๆ สามารถนำไปพลิกแพลงประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด ตามแต่สติปัญญา ความเฉลียว-ฉลาด รวมทั้งปฏิภาณไหวพริบของอั่งเปา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้สูงสุดในการดำรงชีพ
ซึ่งข้อสำคัญสำหรับการอ่านและเรียนรู้ในสิ่งที่ปะป๊าได้เขียนบันทึกนี้ ให้อั่งเปาได้แยกแยะระหว่าง ทางธรม และ ทางโลก โดยทางธรรมเป็นความลึกซึ้งที่เป็นการเดินจิต จิตทำกิจ จนตัดสิ้นสังโยชน์บรรลุธรรม ส่วนทางโลกเป็นการประยุกต์นำมาใช้งานในปุถุชนฆราวาสซึ่งข้อธรรมบางหมวดที่เข้ากันได้ ซึ่งโดยหลักๆแล้วการปฏิบัติคล้ายๆกัน อาจจะต่างกันที่การเดินจิตบางส่วนหรือศีลธรรมในบางส่วน เพราะในทางโลกยังมีบางอาชีพ บางหน้าที่ ที่เป็นอาชีพสุจริตถูกต้องตามกฏหมาย แต่ยังมีการก้าวล่วงในข้อศีลธรรมบางส่วนอยู่ เช่น ขายสัตว์ จับสัตว์ขาย ขายเนื้อสัตว์ เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องจำแนกและแสดงแนวทางที่ต่างออกไปให้เหมาะสมกับทางโลก
..ด้วยเหตุว่า..เพราะพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่มากครอบคลุมทั้งหมด ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ควรแก่การโอปะนะยิโก คือ น้อมมาสู่ตนดังนี้.. โดยสมเด็จพระพุทธศาสดาได้ตรัสไว้ในธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ว่ามีอยู่ ๒ ประการ คือ ..
๑. เป็นแบบสาสวะ คือ เป็นการทำสะสมเหตุอันเป็นบุญบารมีแก่ขันธ์ คือ เป็นการสะสมบุญบารมีธรรมและปัญญาทั้งปวงต่อกายและใจของผู้ปฏิบัติ
๒. เป็นแบบอนาสวะ คือ เป็นของพระอริยะสาวก ที่เป็นการเจริญเพื่อทำให้องค์อริยะมรรคยิ่งๆขึ้น เพื่อการตัดสิ้งสังโยชน์ ๑๐ บรรลุอรหันต์เป็นพระขีนาสพ
..การเขียนตำราเล่มนี้ ไม่ใช่การบิดเบือนพระธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมปฏิรูปการปฏิบัติ ไม่ใช่การบัญญัติธรรมใหม่ แต่เป็นการเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในชีวิตประจำวันของปุถุชนชาวพุทธทั่วไปตามสติกำลัง เพื่อการดำรงชีพอยู่ได้โดยชอบธรรมและสุจริตให้มากที่สุด เพื่อสะสมเป็นบุญบารมีแก่ขันธ์ และเป็นแนวทางปัญญาเรียนรู้ตามพระพุทธศาสดาตรัสสอน พร้อมทั้งสร้างประโยชน์สูงสุดแก่อั่งเปาที่จะได้ปฏิบัติตาม จงจำไว้ว่า..ทางธรรมเจริญเพื่อความบริสุทธิ์ยิ่งในขันธ์เพื่อการถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ๆ โดยต้องเจริญตามในพระไตรปิฎกตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน ทางโลกเราใช้เพื่อดำรงชีพโดยความสุจริตให้มากที่สุด แม้ไม่อาจะครบถ้วนบริบูรณ์ได้เพราะเป็นเรื่องปรกติของผู้ครองเรือนทั่วไป ที่ไม่ใช่พระอริยะสาวกก็สะสมบารมีเครื่องกุศลให้ได้มากที่สุด เพื่อจะเป็นบารมีผลักดันให้เราได้รับในสิ่งที่ดีงามในภายภาคหน้าสืบไป ดังนี้..
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น