คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : โลกอีกด้านภาค1 ตอนเตาชีวิต
เวลา22.00น.ก่อนพิธี2ชั่วโมง
ในคุกใต้ดินมีหญิงสาวนับ999คนกำลังเดินขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
หยุนหยุนได้เดินตามกลุ่มไปเงียบเพราะไม่อาจหนีไปได้
“ชั้นว่าตัวชั้นจะเปิดอัลติเมทสกิลเหมือนมังงะหรือหนึ่งได้ไหมนะ”หยุนหยุนคิดในใจ
แม้จะมีลูกแล้วแต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นโอตาคุมือหนึ่งเช่นกัน
“ว่าแต่ลูกหยุนพบห้องลับของชั้นรึยังหากเจอแล้วอ่าา”หยุนหยุนหน้าแดงเมื่อคิดถึงสิ่งที่อยู่ในห้องลับของเธอหากถามว่าทำไมเธอถึงกังวลเรื่องห้องลับที่บรรจุคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์(มังงะ)มากกว่าอนาคตของเธอนั้นก็เพราะว่าหยุนหยุนนั้นคิดว่ามันยังไม่ใช่เวลาดิ้นรนเพราะยังมีพวกทหารที่มีพลังราวอยู่ต่างโลกคอยคุมอยู่
หยุนหยุนคิดในใจอย่างสบายๆ
“สรุปเราหลุดมาต่างโลกหรืออยู่โลกเดิมแค่มันเหมือนเมืองลับแล”หยุนหยุนคิดในใจจินตนาการอย่างกว้างไกล
“หุหุหุ บางทีชั้นอาจปลุกพลังขึ้นมาก็ได้วะ555”หยุนหยุนหัวเราะขณะเอามือปิดตาซ้าย (แม่เป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น)
“เห้ แกจะหนีไปไหน”ทหารยามที่เห็นผู้หญิงหลายสิบคนแตกแถวและวิ่งหนีออกไปจึงโกรธมาก
ทหารนับสิบจึงพุ่งไปตามจับ
กรีดดด เสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาว
1นาทีต่อมา
เหล่าหญิงสาวที่หนีถูกเตะกลับมา
มีหลายคนแขนขาหักเลือดอาบร่างมันดูโหดร้ายแต่จะทำยังไงละในสายตาผู้ฝึกตนสายมารชีวิตคนนธรรมดามีค่าน้อยเม็ดยาไม่สิสามารถเป็นทรัพยากรการบ่มเพาะให้เจ้าเมืองอยู่ด้วยนิ
“จำ ไว้อย่าคิดแม้แต่จะหนีไม่งั้นพวกแกจะไม่ได้มีจุดจบแค่ความตายหรอกนะ จำไว้”ทหารเอ่ยอย่างเย็นชาหากอยากอยู่ในโลกนี้อย่างปลอดภัยความเมตตาคือสิ่งสำหรับผู้โง่เขลา
หยุนหยุนมองไปที่เหล่าหญิงสาวอย่างสงสารไม่น้อยแต่ก็เงียบไว้เพราะทุกคนมีเส้นทางของตัวเองเราจะไม่ยุ่งเหมือนกัน
“เห้อหยุนไห่ ดูเหมือนแม่อาจจะไม่รอดละ ”หยุนหยุนคิดในใจสำหรับเธอที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะลูกของเธอเธอเลี้ยงเขามาเดียวอย่างโดดเดียวไม่มีใครช่วยเหลือย้ายจากบ้านของพ่อแม่มาปลูกบ้านอยู่บนเขาเลี้ยงลูกอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่ยอมแพ้เป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายมากๆๆ
“นี้ก็จะเที่ยงคืนแล้วแหะ”หยุนหยุนมองนาฬิกาข้อมือด้วยความไม่สบายใจหากบอกว่าไม่กลัวตายก็คงโกหกแต่ไม่ได้กลัวที่จะตายแต่กลัวที่จะตายโดยที่ทิ้งลูกไว้คนเดียวมากกว่ามันคือความรักของคนเป็นแม่นั้นเอง
ภานในเมือง
เหล่ากลุ่มหานก็ได้แอบเข้าเมืองมาสำเร็จ
“ฟู่ พี่ใหญ่ดูเหมือนพวกเราจะแอบเข้ามาได้สำเร็จนะ”หานเหยียนถอนหายใจขณะนั่งลง
“อืมตอนนี้23.00น.พอดีอีกแค่ไม่ถึง1ชั่งโมงพิธีของเจ้ามารโลหิตก็จะเริ่มแล้วเราต้องเตรียมตัว"หานเซิ่นเอ่ยขึ้น
"อืมเข้าใจแล้วพี่ใหญ่ชั้นได้ตรวจสอบแผนโครงสร้างของเมืองเสร็จแล้วจุดที่ทำพิธีคือใจกลางเมือโดยมารโลหิตได้ตั้งเตาชีวิตไว้ที่ลานกลางเมืองโดยมันจะส่งผู้หญิง999คนไปกลั่นเป็นเม็ดยาโดยพิธีจะเริ่มตอนเที่ยงคืนที่หยินหนาแน่นที่สุด
โดยมันยาเม็ดชื่อว่าเม็ดยา9หยินผสาน หากเป่ยชิงสามารถกลืนกินยาเม็ดนี้ได้มันจะทะลวงไปขอบเขตที่9ได้แน่นอน
"หายเฟยเอ่ยขณะขยับแว่นและกางแผนที่ชี้ไปทางใจกลางเมืองที่เป็นลานกว้าง
“เอาละ หานฉิงหลิน นายไปก่อก่อนเรียกความสนใจที่หน้าประตูเมืองตอนที่เจ้าเมืองทำพิธีมาได้ครึ่งทางเพราะมันมีความเป็นไปได้ที่เจ้าเมืองสังหารโลหิตจะไม่หยุดพิธีแต่มันก็ทำให้เจ้าของกระสับส่ายเราจะอาศัยจังหวะนั้นลอบโจมตีเค้าแม้จะลอบโจมตีไม่สำเร็จแต่เจ้านั้นก็คงได้รับผลสะท้อนจากการปรุงยาอยู่ดี”หายเฟยเผยรอยยิ้มออกมา
“อืมแผนนี้โอเคแต่เราต้องลอบสังหารทหารที่อยู่บริเวณรอบๆก่อนพวกนายก็รู้ว่าวิชาของเจ้านั้นเราต้องต่อสู้กับมัคนเดียวเท่านั้นไม่งั้นต่อให้มีพวกเราอีก3กลุ่มก็เอามันไม่ลงหรอก”หานเซิ่นกล่าวอย่างใจเย็นทุกคนพยักหน้า
และกระจายตัวกันไป
ทุกทิศทาง
ตัดมาทางเจ้าเมืองสังหารโลหิต
ที่กำลังยื่นอยู่ที่ลานกว้างที่จุคนได้มากกว่าหลายพันคนได้สบายๆ
โดยภายในมีเตาขนากใหญ่ที่สามาารถใช้คนได้นับร้อยพร้อมๆกันด้วยซ้ำ
ตอนนี้เค้ามองผู้บังคับบัญชาด้วยสายตาเย็นชา
“วันนี้ข้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรผิดพลาดพวกเจ้าเป็นถึงยอดฝีมือระดับ7จงตรวจตราดูแลลานแห่งนี้ให้ดีหากข้ากลายเป็นยอดปรมารย์เมื่อไรพวกเจ้าจะได้รับการดูแลจากข้าอย่างดี”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มขณะมองลูกน้องทั้ง4ของตน
“ขอรับท่านเจ้าเมือง”องครักษ์เอ่ยขึ้นขณะไปประจำการทุกทิศทั้ง4ของ
เจ้าเมืองสังหารโลหิตพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจคนพวกนี้บ่มเพาะสายมารเหมือนกับเค้าสำหรับผู้บ่มเพาะสายมารนับถือความแข็งแกร่งเป็นที่สุดซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนฝ่ายมารนั้นเรียบง่ายแต่โหดร้ายแล้วอย่างไร
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ พวกเรานำวัตถุดิบมาแล้วขอรับ”ทหารในชุดดำเอ่ยขึ้นขณะที่ด้านหลังมีแถวของหญิงสาวยาวออกมามีมากจนมากไม่ได้
“ครบ999คนใช่ไหม”เจ้าเมืองสังหารโลหิตกล่าวถามอย่างเคร่งครึม
ทหารพยักหน้าและเอ่ยขึ้น
“ขอรับ มีมากกว่าพันคนกันเหนียวไว้ครับ”ทหารกล่าวขึ้น
“ดีมาก ”เจ้าเมืองสังหารโลหิตมองนาฬิกาและมองเตาขนาดใหญ่
ถึงเวลาแล้ว
“เอาละเตรียมพร้อมข้าจะเริ่มการกลั่นแล้ว”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะนำคริสตันสีแดงออกมาและโยนเข้าไปในเตา
เปลิวเพลิงสีม่วงลุกขึ้นลุกขึ้น
เจ้าเมืองสังหารโลหิตมองคริสตันที่โยนและปล่อยออกมาเปลิวเพลิงอย่างปวดใจ
“เห้อลาก่อนทรัพย์สิน1ใน10ของชั้นถ้าข้ามีธาตุเพลิงก็ดีสิ”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเป็นผู้ฝึกตนวิถีมารแต่เค้าไม่มีธาตุไฟจึงไม่สามารถปรุงยาเองได้
“ให้ตายเถอะหากข้าไม่มีเศษเพลิงที่แท้จริงจะกลั่นยายังไงเนี้ย”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่นออกมาขณะโบกมือให้ทหาร
ทหารพยักหน้าขณะขณะเริ่มทำงาน
“กรีดๆๆๆ ปล่อยชั้นไปเถอะ อ๊ากกก ”หญิงสาวในชุดมัธยมเอ่ยขึ้นขณะดิ้นรนแต่แรงของคนธรรมดาจะสู้ผู้ฝึกตนได้หรือ?
ร่างของสาวในชุดนักเรียนถูกโยนเข้าไปในเตาเพลิงสีม่วงที่ราวกับปีศาจโหมขึ้นราวกับได้เชื้อเพลิง
ผู้หญิงทุกคนสั่นสะท้านมันน่ากลัวและไร้มนุษย์ธรรมมากเกินไป
5นาทีต่อมา
ชั้นขอสาปไม่ให้พวกแกตายดี อ๊ากกก
ได้โปรดชั้นมีครอบครัวที่ต้องดูแล กรีดดด
ชั้นยังมีลูกที่ต้องดูแลอยู่นะได้โปรด
เสียงกรีดร้องและคำสาปแช่งดังระงมไปทั่วเมือง
หยุนหยุนมองอย่างเงียบหยุนหยุนอยู่แถวหลังๆจึงมีโอกาสตายที่หลังอยู่
“ให้ตายเถอะมันน่ากลัวกว่าในมังงะอีกนะ”หยุนหยุนเอ่ยในใจจะว่าผู้หญิงคนนี้แปลกก็ไม่ใช้นั้นเพราะเธอไม่เคยมีความกลัวมาตั้งแต่แรกแล้วทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้สึกกลัวแม้แต่น้อยแม้จะอยู่ต่อหน้าความตามก็ตามกลับกันเมื่อมองไปที่เปลิวเพลิงสีม่วงกลับทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นถามว่าเธอไม่สงสารหรือเห็นใจบางหรือขอโทษนะ
“ในโลกนี้ทุกคนน่าสงสารหมดนั้นละ แล้วยังไงเส้นทางที่คุณเดินคุณก็ต้องรับผิดชอบต่อมันเอง”หยุนหยุนคิดในใจหัวใจเริ่มต้นแรง
เวลาผ่านร่างแล้วร่างเล่า
ราวกับใบไม้ที่ร่วงลงมา
จนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้วของจำนวนคนที่อยู่
ตูมมมม
เสียงระเบิดดังขึ้น
ที่หน้าประตูเมือง
เจ้าเมืองสังหารโลหิตมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“1 2 ไปตรวจดูเดียวนี้ ”เจ้าเมืองที่กำลังควบคุมเพลิงอยู่กล่าวขึ้นอย่างเคร่งเครียดเขาไม่สามารถละจากการปรุงยาได้ไม่งั้นสิ่งที่เขาเตรียมมาจะสูญเปล่า
“ พวกเจ้ารีบเร่งเร็ว”เจ้าเมืองมองไปที่เหล่าผู้หญิงที่เหลืออยู่ด้วยสายตาจริงจัง
ครืนๆๆ
แรงกดดันปะทุออกจากร่างเจ้าเมืองสังหารโลหิต
มันทำให้ผู้หญิงและคนธรรมดาขยับไม่ได้โดยสมบูรณ์เพื่อป้องกันการหนีของพวกวัตถุดิบ
“ขอรับ”เหล่าทหารเริ่มเร่งมือ
ขณะที่เจ้าเมืองกำลังสั่งการอยู่
นั้นริ้วแสงสีทองก็พุ่งไปที่ศรีษะของเจ้าเมืองสังหารโลหิตอย่างฉับพลัน
เจ้าเมืองสังหารโลหิตขนลุกซู่
พยายามจะหันหลังและแผ่ปรานออกมาออร่าสีแดงเลือดชั้นบางๆปรากฎออกมา
ตูมๆๆ
ร่างของเจ้าเมืองกระเด็นออกมา
“ไอ้บัดซบตัวไหนออกมาเดียวนี้”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะที่เลือดในมุมปากไหลออกมาหากเค้าไม่หุ้มปราณทันหัวเค้าคงระเบิดไปแล้ว การโจมตีเมืองกี้นี้มากพอจะสังหารเค้าได้เลย
จากนั้นเงา2ร่างก็ปรากฎออกมาและแสดงรอยยิ้มออกมา
“555 โฮ้นี้มันใครกันนะโอ้ เฒ่ามารโลหิตนี้เองนึกว่าจะลงโลงไปเสียแล้ว ี้สินะที่เค้าว่าคนแก่ยิ่งหนังเหนียว”คนที่ปรากฎออกมาไม่ใช้ใครคือหานเซิ่นกับหานเฟยนั้นเอง
การโจมตีเมื่อกี้เป็นของหานเซิ่น
หานเซิ่นมองมีดที่ปักอยู่บนพื้นสะบัดมือเล็กน้อยมีดก็ลอยกลับมาที่มือ
เป็นการใช้พลังปรานควบคุมสิ่งของอย่างเชี่ยวชาญ
“ชุดแบบนี้พวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสของหอดารา”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะขมวดคิ้วแน่นนี้ชักจะเป็นปัญหาแล้ว
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นผักปลาเช่นนี้เจ้าไม่ละอายใจบางหรือหากพวกข้าไม่บังเอิญเดินเล่นแล้วมาพบเจ้ากระทำเช่นนี้ มาเถอะมารโลหิต ให้ข้าผนึกปรานเจ้าแล้วมาคุยกันเรื่องคุณธรรมกันเถอะ”หานเซิ่นกลล่าวอย่างไร้ยางอาย
ใบหน้าของมารโลหิตบิดเบี้ยวขึ้นมา
“บังเอิญเดินเล่นแล้วมาพบ?”
“คิดว่าชายชราคนนี้โง่รึไงสำนักเจ้าห่างจากที่นี้เป็นหลายหมื่นลี่เดินเล่นบ้านมึX”เจ้าเมืองสังหารโลหิตสบดออกมาและบอกให้เข้าผนึกปรานแล้วมาคุยกันนี้เจ้านี้เห็นเค้าเป็นเด็กสามขวบรึไง
เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ไม่ได้มาดี
“มารโลหิต มอบตัวซะโทษหนักจะได้เป็นเบาพวกเราสองคนล้อมเจ้าเอาไว้หมดแล้ว”หานเซิ่นหยิบโทรโข่งขึ้นมาจากไหนไม่รู้เอ่ยเสียงดังทั่วเมืองราวกับกลังคนทั้งเมืองไม่รู้
หานเฟยอยากตบหน้าพี่ใหญ่ของตนทันที
“ท่านพี่พอเถอะท่านจะกวนบาทาคนอื่นแบบท่านเจ้าสำนักไม่ได้นะ”หานเฟยอดพูดไม่ได้พี่ใหญ่ของเค้าเป็นลุกศิษย์คนเดียวของท่านเจ้าสำนักได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ
นี้สินะที่ว่าอาจารย์เป็นอย่างไรลูกศิษย์ก็เป็นอย่างนั้น
“ องครักษ์มาจัดการพวกมันเร็ว”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขึ้นแต่มีเพียงแต่กลับมีเพียงความเงียบ
“โอ้ ๆ น่าเสียดายถ้าเป็นองครักษ์ทั้ง4ของเจ้าละก็คงกำลังต่อสู้กับพวกเราอยู่ละมั่ง”หานเซิ่นเอ่ยออกมาขณะมองไปที่เจ้าเมืองสังหารโลหิตอย่างล้อเลียน
ใบหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนเป็นมืดมนปรานในร่างระดับ8สูงสุดปะทุออกมา
“โอ้ ท่านเจ้าเมืองท่านจะทำยังไงในเมื่อหากท่านไม่คุมเพลิงเอาไว้หม้อยาระวังระเบิดออกมานะ”หานเฟยที่เงียบอยู่นานเอ่ยเตือนเจ้าเมืองเล็กน้อย
แต่เจ้าเมืองสังหารโลหิตกับล้วงเข้าไปในแหวนสีดำและนำหินสีเลือดออกมา
นั้นคือแหวนมิติเป็นสมบัติหายากพอควรเพราะหากไม่สามารถปล่อยพลังงานออกมาจากร่างกายหรือระดับ7ขึ้นไปก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่ดี
สำหรับที่อื่นแหวนมิติอาจหายากแต่สำหรับโลกอีกด้านมันคือสิ่งแสดงความร่ำรวยความผู้แข็งแกร่ง
แต่หานเซิ่นกลับไม่ได้มองไปที่แหวนแต่มองไปที่หินสีเลือดที่อยู่ในมือมารโลหิต
“บัดซบนั้นมันศิลาโลหิต มารโลหิตเจ้ากล้าเอาชีวิตไปมากขนาดไหนกัน”หานเซิ่นเอ่ยพร้อมจิตสังหาร
ครืนพลังปราณราวสีทองอ่อนที่เปล่งประกายปรากฎออก
ความคิดเห็น