ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบชิงโชค(ปิดแบบไม่มีกำหนด)

    ลำดับตอนที่ #12 : โลกอีกด้านภาค1 ตอนเจ้าเมืองสังหารโลหิต

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 64


    ภายในจวนเจ้าเมืองมีชายวัยกลางคนนั่งบนเก้าอี้ที่แกะสลักมาจากไม้และกระดูกชั้นดี

     

    ชายคนนี้คือเจ้าเมืองสังหารโลหิตแห่งนี้

     

     

    หากดูจากรูปร่างเหมือนชายวัยกลางคนแต่มีอายุเกินร้อยปีเสียแล้ว

    ตอนนี้เจ้าเมืองสังหารโลหิตกำลังกังวลอยู่

     

     

    “เห้อตัวข้าเป็นอะไรนะนี้ก็สองวันมาแล้วลางสังหรณ์บอกข้าว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับข้า”เจ้าเมืองสังหารโลหิตคิดในใจขณะเดินไปมาเค้าเชื่อในลางสังหรณ์ของผู้ฝึกตนเสมอไม่ว่าจะสายมารหรือสายธรรมก็มีลางสังหรณ์กันทั้นนั้นเพียงแต่มันไม่ชัดเจนยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าไรก็ยิ่งต้องเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

     

     

     

    “ท่านเจ้าเมืองเรียกข้ามาด้วยเรื่องอันใดรึ”ชายชราที่อายุราว70เอ่ยอย่างเคารพกับเจ้าเมืองสังหารโลหิต

     

     

     

    “เว่ยหยา เจ้าจงตรวจสอบความเรียบร้อบของเมืองให้ข้าที่และก็ตรวจสอบบริเวณหุบเขาซินซางหากพบคนของทางการหรือยอดฝีมือให้แจ้งข้าด่วนด้วย”เจ้าเมืองสังหารโลหิตแม้จะโหดร้ายหรือชั่วร้ายเพียงใดแต่เค้าไม่ใช้คนโง่ไม่งั้นเค้าคงไม่อยู่รอดมาเกินร้อยปีหรอก

     

     

     

     

    “อีกแค่นิดเดียวขอบเขตยอดปรมาจารย์อีกแค่รอบเดียวเท่านั้นยอดปรมาจารย์ก็ก็แค่อืมเมื่อถึงตอนนั้นเหตุใดข้าต้องหลบซ่อนเช่นนี้”เจ้าเมืองสังหารโลหิตแผ่ออร่าสีเลือดออกมา

    บรรยากาศเริ่มมืดมน

     

     

    ทางด้านนอกเมืองสังหารโลหิตไปไกลนับ10ลี่

    มีกลุ่มคนในชุดดำประมาณ5คนกำลังซ่อนตัวอยู่ในโพรงดิน

     

     

    “นี้หัวหน้าแน่ใจนะว่านี้คือที่ซ่อนตัวของ มารโลหิตเป่ยชิง”หญิงสาวที่ใส่ชุดดำเอ่ยขึ้นเพื่อความแน่ใจ

     

    หลายคนมองที่หัวหน้าจนแน่ใจ

     

     

    “ข้าแน่ใจเจ้าเมืองสังหารโลหิตคือมารโลหิตเป่ยชิงแน่นอน”หัวหน้ากล่าวขึ้นอย่างจริงจัง

    “แต่หัวหน้าเจ้าเมืองสังหารโลหิต คือผู้ฝึกฝนระดับชั้น8นะเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ระดับนั้นมาหลายปีแล้วนะแม้ท่านจะอยู่ระดับ8เหมือนกันก็เถอะแต่มันเสี่ยงเกินไป”อีกคนเตือน

     

     

    “ข้ารู้แต่พวกเจ้าคงไม่ลืมใช้ไหมว่าพ่อแม่และญาติของพวกเจ้าก็ถูกมารโลหิตสังหารและถูกย่ำยีนะหหากพวกเจ้ายังนึกไม่ออกจงดูคนเหล่านั้นสมควรถูกกระทำแบบนั้นไหม แม้พวกเราผู้ฝึกตนจะไม่ได้สนใจคนธรรมดาแต่ก็เพราะพวกเราคือผู้ฝนตนพวกเจ้าก็น่าจะตระหกถึงคุณค่าของแต่ละชีวิตดี  นี้ก็เพื่อการแก้แค้นและภารกิจจากสำนักเราในฐานะผู้บ่มเพาะฝ่ายธรรมะจะไม่ยอมให้มารตัวใดหลุดรอดไปได้”หัวหน้ากลุ่มเอ่ย

     

    ทุกคนเงียบลงคำพูดของหัวหน้านั้นเป็นเรื่องจริง

    ระดับการบ่มเพาะในโลกนี้แบ่งเป็น

     

    ระดับ1-3เรียกว่าสามระดับล่าง

     คนที่พึ่งบ่มเพาะส่วนใหญ่และชาวยุทธ์ส่วนใหญ่จะอยู่ระดับนี้มีพลังกายมากกว่าคนปกติหลายเท่าแต่กระสุนยังสามารถสังหารพวกเค้าได้อยู่แต่พวกเค้ายังไม่สามารถเข้าสู่โลกอีกด้านได้ด้วยตัวเอง

     

     

    ระดับ4-6เรียกว่าสามระดับกลาง

    ระดับนี้ส่วนน้อยลงมาระดับนี้แม้แต่กระสุนปืนก็ไม่สามารถทำอะไรได้แต่ก็ต้องบ่มเพาะอยู่หลายสิบปีเช่นกันระดับนี้ต้องกลั่นร่างกายให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับพลังฟ้าดินยังไม่สามารถเข้าสู่โลกอีกด้านได้เช่นกัน

     

     

    ระดับ7-9เรียกว่าสามระดับบนระดับนี้ส่วนมากจะเป็นผุ้อาวุโสของสำนักหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลโดยผู้ที่สามารถมาถึงระดับนี้จะถูกชำระล้างจากพลังฟ้าดินและสามารถดูดซับพลังฟ้าดินได้แล้วระดับนี้อาวุธร้อนจะใช้กับพวกเค้าไม่ค่อยได้ผลแล้วเพราะสามารถใช้พลังฟ้าดินได้แล้วส่วนมากจะเป็นพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าอายุเป็นร้อยปี

    สามารถเข้าสู่โลกอีกด้านได้ตามต้องการเพราะสามารถปล่อยพลังภายในร่างออกมาได้แล้วอายุขัยจะมากกว่าคนธรรมดาถึง200ปี

     

    และระดับ9นั้นจะถูกเรียกว่ายอดปรมารย์โดยจะสามารถมีอายุขัยได้มากถึง300ปีโดยระดับนี้สามารถเป็นเจ้าสำนักหรือเป็นเจ้าที่ระดับสูงมากหรือแม้แต่รัฐมนตรีเลยทีเดียวโดยระดับนี้จะมีขั้นย่อยเยอะมากถือว่าเป็นขั้นสำคัญ

     

    ส่วนระดับต่อจากนั้นขอละไว้โอกาสหน้า

     

     

     

    โดยกลุ่มนี้มีสมาชิกทั้งหมด5คนเป็นดังพี่น้องกัน

    โดยหัวหน้าชื่อว่า หานเซิ่น

    เป็นผู้ฝึกตนของเขตสามระดับบนระดับ8ขั้นต้น

    อีก4คนอยู่ระดับ7ของสามระดับบนระดับสูงสุดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะเป็นระดับ8อยู่แล้ว

    โดยผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มมีชื่อว่าหานเหยียน

    ผู้ชายท่าทางสุขุมมีชื่อว่า หานเฟย

    ผู้ชายตัวโตที่ดูเหมือนสมองมีแต่กล้ามชื่อว่าหานชิง

    ผู้ชายที่ดูมุ่งมั่นชื่อว่า หานฉินหลิง

     

     

    ทั้ง5คนเป็นญาติในหมู่บ้านเดียวกันแต่เมื่อ20ปีก่อนหมู่บ้านของพวกเขาถูกมารโลหิตสังหารหมู่โชคดีที่พวกเขาไปเล่นที่ภูเขาจึงรอดชีวิตมาได้พวกเขาได้ถูกช่วยเหลือโดยยอดยุทธ์ระดับที่9ของสำนักหอดาราซึ่งเป็นสำนักใหญ่และฝึกฝนอย่างหนักเพื่อรอแก้แค้น

     

     

     

    จนเมื่อ3เดือนที่แล้วพกเขาได้ยินข่าวลือว่าว่ามีอุบัติเหตุรถตกเขาแต่พบแต่รถไม่พบผู้เสียชีวิตพวกเขาคิดว่าอาจมีผู้พลัดหลงเข้ามาในโลกอีกด้านสำนักหอดาราที่ดูแลมลฑลจึงส่งพวกเขามาตรวจสอบ

     

     

     

    แต่กลับพบเมืองสังหารโลหิตแต่ประจวบเหมาะกับที่เจ้าเมืองสังหารโลหิตนั้นคือมารโลหิตเป่ยชิงที่เป็นอาชญากรที่ทางงการต้องการตัวไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องตายไปเพราะมันมาตลลอดร้อยปีเป็นตัวเลขที่ไม่อยากจะจับซึ่งสำหรับผู้ที่สามารถจับหรือสังหารจะได้รับรางวัลจากทางการจำนวนมากมากพอที่จะสร้างยอดยุทธืระดับ9อีกคนเลยที่เดียวเพราะแบบนั้นชาวยุทธ์จึงพยายามค้นหามาตลอดหลายปีแต่ก็ไม่พบ

     

    หากไม่ใช้เพราะพวกเค้าอยากช่วยผู้พลัดหลงละก็คงไม่พบมารโลหิตจะเรียกว่าโชคชะตาก็ว่าได้

     

     

     

    “นี้ทางสำนักว่ายังไงบางเราเหลือเวาอีกแค่ถึงเที่ยงคืนนะก่อนที่เจ้านั้นจะเริ่มกลั่นเตาชีวิต”หานเซินหรือหัวหน้ากลุ่มเอ่ยขึ้น

     

    “ท่านเจ้าสึกนักกำลังเรียกรวมพลครับท่านพี่คาดว่าอีกไม่ถึง3ชั่วยามครับ”หานเฟยเอ่ยขึ้นขณะมองหยกสื่อสารในมือ

     

     

     

    “อะไรนะเอาละเอาไงเอากันพวกเราจะลงมือตอนที่เจ้าเมืองโลหิตเริ่มกลั่นเตาแห่งชีวิตช่วงนั้นจะไม่มีคนอยู่ในห้องของมันพวกเราจะลอบโจมตีอย่างน้อยมันก้จะได้รับบาดเจ็บแล้วเราก็คอยถ่วงเวลาจนเจ้าสำนักจะมา”หานเซิ่นเอ่ยแผนของตัวเองขึ้นมา

     

     

     

    ทุกคนต่างสว่างวาบ

    “ยอดมากพี่ใหญ่”หานฉินหลงเอ่ยยกนิ้วให้

     

     

    “อืมดีเหมือนกันอย่างน้อยเราก็ช่วยคนในเตาแห่งชีวิตได้บาง”หานเหยียนพยักหน้าอย่างน้อยผู้หญิงในเตาแห่งชีวิตก็ไม่ตายทั้งหมด

     

    ถือว่าเป็นการช่วยอีกทางหนึ่ง

     

     

    “แต่เราก็ต้องระมัดระวังการแฝงตัวต้องเตรียมพร้อมให้ดีเพราะอีกฝ่ายคือผู้ฝึกตนสายมารระดับ8สูงสุดมันต้องมีลางสังหรณ์แน่เราต้องดำเนินและเริ่มแผนแฝงตัวก่อน”หานเฟยที่ฉลาดที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น

     

     

     

    ทุกคนเห็นด้วย

     

     

     

     

    ในขณะที่ทุกคนต่างยุ่งไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองสังหารโลหิตหรือกลุ่่มพี่น้องหานจากสำนักหอดารา

     

     

     

     

    ห่างจาเทือกเขาซินซานไปหลายหมี่นไมล์ริ้งแสงสีขาวตัดท้องฟ้าไปด้วยที่มันเร็วและดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วทำให้หลายคนคิดว่ามันคือดาวตกซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากพลังเวทย์ที่สีขาวของฑูตสวรรค์ที่หุ้มหยุนไห่เอาไว้และปีกทั้งสามคู่ที่สยายไปตามสายลมด้วยความเร็วสูง

     

     

     

     

    ทางด้านในเมืองที่ห่างจากเทือกเขาซินซานไม่ใกล้

    มีกลุ่มคนประมาณ20คนโดยแต่ละคนแผ่บรรยากาศกดดันออกมา

     

     

     

    “ท่านเจ้าสำนัก ท่านแน่ในใช่ไหมที่พวกหานเซิ่นพบมารโลหิต”ชายชราเอ่ยด้วยความไม่สบายใจแรงกดดันที่ชายชราแผ่ออกมาไม่แพ้เจ้าเมืองสังหารโลหิตเลย

     

     

    “ไม่ต้องห่วงข้ายืนยันไม่งั้นข้าคงไม่ยกผู้อาวุโสมาเกือบหมดสำนักหรอก”ชายอายุราว30ปีเอ่ยขึ้นชุดสีขาวและบรรยากาศสบายๆทำให้คนรู้สึกสบายใจเค้าคือยอดปรมารย์ระดับ9ของหอดารา เจ้าสำนัก หลิวกัง ฉายา ดาบดารา

     

     

    "ใช่สิท่านเจ้าสำนักกระดับ7ขั้นต่ำ5คนขั้นกลาง4คนขั้นสูง2คนและขั้นสูงสุด1คน

    ระดับ8 9คน ต่ำ3  กลาง3คน สูง2คน สูงสุด1คนและยังยอดปรมารย์จารย์ระดับ9ขั้นต้นสูงสุดอีก

    มารโลหิตไม่ตายก็คางเหลืองแล้วละ"ผู้อาวุโสระดับ8คนหนึ่งเอ่ยบ่นออกมาและสงสารมารโลหิตในบอกได้คำเดียวต่อให้ทะลวงไปขั้นที่9สำเร็จก็ไม่ตายก็เจ็บสาหัสแน่นอน

     

     

     

    “ไม่ต้องกังวลไป  หากเราไม่สามารถเอาชนะมารโลหิตได้เพราะมันขึ้นสู่ระดับยอดปรมารย์จารย์เราก็แค่ถ่วงเวลามันให้ได้ซักครึ่งชั่วโมง เพราะข้าบอกทางการว่าพวกเราจับกุมมารโลหิตได้แล้วอย่าน้อยพวกเค้าก็จะส่งยอดปรมาจารย์มา2คนเป็นอย่างน้อย”เจ้าสำนักเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างสบายๆ

     

     

    มุมปากของทุกคนกระตุก

    “เจ้าสำนักท่านคือเจ้าสำนักนะ อย่าพูดให้ทางการได้ยินนะพวกเราขี้เกียจประกันตัวท่านแล้ว”ผู้อาวุโสทุกคนบ่นในใจ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×