คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แค่ซื้อของปัญหาก็มา
เช้าวันต่อมาหยุนไห่ตื่นขึ้นมาอย่างสดใส
"ห้าวว ดูเหมือนเราจะขี้เซาขึ้นนะ" หยุนไห่เอ่ยขณะเดินไปอาบน้ำ
สักพักเมื่ออาบน้ำเสร็จ
หยุนไห่เดินไปที่ตู้เย็นหยิบกระติกน้ำขณะเทเลือดออกมาหนึ่งเเก้ว
และดื่มเข้าไป
"เห้อ ช่วยไม่ได้แหะวัตถุดิบหมดแล้ววันนี้ลองเข้าเมืองดีกว่าว่าว่าแต่เมืองที่อยู่เเถวนี้คือเมืองหลินซานสินะช่างเถอะแค่ไปไม่ถึงชั่วโมงหรอก" หยุนไห่ปลอบใจตัวเองตั้งแต่เปลี่ยนสืบทอดสายเลือดมาหยุนไห่มักระแวงมนุษย์ขึ้นมาเล็กน้อยเพราะขึ้นแวมไพร์บรรพบุรุษจะแข็งแกร่งแต่หากถูกระเบิดนิวเคลียร์ก็ตายได้เช่นกันนี้จะไม่นับเรื่องที่ว่าโลกใบนี้จะมีเรื่องลี้ลับอะไรอีกเพราะแบบนั้นหยุนไห่คอดว่าจนกว่าจะมีพลังพอลบประเทศใดๆก็ได้ให้หายไปอย่างสมบูรณ์ก่อนไม่งั้นคงไม่กล้าประกาศตัวเองว่าเป็นแวมไพร์บรรพบุรุษแน่
มันไม่ใช่ว่าหยุนไห่กลัวมนุษย์เพราะหลังจากที่ทดสอบดูแวมไพร์บรรพบุรุษแทบไม่ตายจากมนุษย์เลยหัวใจก็เต็นร่างกายก็ยังอุ่นอยู่หยุนไห่ก็คิดว่าจะระวังตัวไว้
เค้ายังไม่ได้ดูดซับพลังทั้งหมดเลยพึ่งได้พลังไปแค่5%จากทั้งหมดเลยแถมนอกจากร่างกายที่เป็นแวมไพร์บรรพบุรุษก็ยังไม่มีพลังวิเศษมาเลยหรือมีแต่ยังใช้ไม่เป็นก็ไม่รู้
หยุนไห่สวมเสื้อแขนยาวสีดำดูเท่ๆขณะสวมแมส
หยุนไห่ได้ลงตอนนิยายอีก10ตอนก่อนจะปิดประตูและเดินออกจากบ้าน
หยุนไห่มองไปรอบเมื่อไม่มีคน
"เอาละ วิ่งสุดแรงเลย" หยุนไห่เริ่มวิ่งทันที
พริบตาก็ห่างจากจุดเดิมนับร้อยเมตร
กลายเป็นเงาเบลอๆหายไปตามถนน
10นาทีต่อมา
หยุนไห่วิ่งมาถึงหน้าเมืองที่ซอยเล็กๆ
"เอาละที่เหลือแค่เดินไปอีกไม่กี่นาที"หยุนไห่เดินเข้าไปในเมืองอย่างสงบ
ภายในเมืองหยุนไห่ที่สวมแมสแต่หลายคนก็ยังคงมองมาทางเค้า
มุมปากกระตุกหยุนไห่รู้สึกว่าใส่ไม่ใส่ก็ไม่เห็นต่างเลย
หยุนไห่เดินเข้าไปในห้าง
ภายในห้างมีผู้คนพลุกพล่าน
หยุนไห่เดินเข้าไปในโซนอาหารและเริ่มหาพวกผักและเนื้อสัตว์โดยไม่ลืมเลือดด้วย
"ไม่ว่าจะอร่อยไหมก็ช่างแค่กินแล้วไม่ตายก็พอแล้ว" หยุนไห่คิดขณะหยิบอาหารเตรียมไว้โดยเลือกอย่างดีเพราะสมัยเด็กหยุนไห่ร่างกายอ่อนแอจึงเล่นอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่แม่ของเค้ามักสอนเสน่ห์ปลายจวักให้ลูกชาย? ของเธอเสมอ
หยุนไห่คิดซักพักก่อนจะมองไปที่รถเข็น
และไปที่เคาน์เตอร์
" เออ ไม่ทราบว่าคุณเป็นดารารึป่าวคะ" พนักงานถามขึ้นเพราะตอนนี้หยุนไห่ไม่ใส่แมสแล้วความงามบริสุทธิ์ไร้การแต่งหน้าใด
เค้าเรียกว่าเกิดเลือกไม่ได้
หยุนไห่เงียบขณะส่ายหัว
พนักงานก็ตาเป็นประกายและคิดในใจ
"เห้อ ทำไมคุณสวยคนนี้ไม่เป็นดารากันนะช่างเถอะแต่ว่าดูยังไงก็สวยกว่าเทพธิดาอันดับ1ของเมืองยังเทียบไม่ได้เลย" พนักงานได้แต่ถอนหายใจงามล่มเมืองยังมีงามครองแผ่นดิน
เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าจริงๆ
"ทั้งหมด300หยวนคะ" พนักงานกล่าวขึ้น
หยุนไห่สแกนในมือถือ
หลังจากชำระเสร็จแล้วหยุนไห่ก็ใส่ฮูดสีดำของชุดคลุมไว้เพราะหน้าตามันสะดุดเกินไป
ในระหว่างที่หยุนไห่กำลังเดินออกจากห้างอยู่นั้นจู่ก็มีคนมาชน
"โอ๊ยยย นี้แก" เสียงชายหนุ่มดังขึ้น
หยุนไห่หันไปมองพบชายหนุ่มดูร่ำรวยในชุดสูทกำลังนั่งอยู่บนพื้นขณะมือถือและกาแฟหกใส่
ด้านหลังพบคนใส่ชุดสูทและแว่นดำอีกหกคนและยังมีชายชราในชุดโบราณเดินตามมา
"นี้ไม่มองทางรึไง" เสียงตวาดของชาบหนุ่มดังมากจนคนเริ่มไปสนใจและซุบซิบ
"นั้นมันคุณชายสามของตระกูลมู่ มู่หลงชุน ตระกูลอันดับ2ของเมืองหลงซานไม่ใช้ เห็นว่าเป็นคนรวยรุ่นสามนะแถมมีข่าวลือว่าเป็นเพลย์บอยด้วยนะ" คนที่มุงดูได้ซุบซิบนินทาไป
หยุนไห่มองอยู่สักพักก่อนจะนิ่งไม่ใช้เพราะอะไร
"ทำไงดีพอดีคุยกับคนแปลกหน้าไม่ค่อยเป็นด้วยสิ"หยุนไห่คิดในใจ
ขณะที่หยุนไห่นิ่ง
ชายที่ดูใส่สูทก็เอ่ย
" นี้แกไม่คิดจะขอโทษนายน้อยงั้นหรอ"ชายคนนั้นเอ่ยขณะพยายามจะกระชากมา
แต่หยุนไห่ได้คว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้
และออกแรงเล็กน้อยแต่คงลืมว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แล้ว
แกรก เสียงกระดูก
"อ๊ากกก ปล่อยนะ"ชายคนนั้นกรีดร้องขณะพยายามจะทำให้หยุนไห่ปล่อย
เหล่าบอดี้การ์ดที่เหลือก็พุ่งเข้ามาหมายจะช่วย
" หยุดก่อน"ชายชราที่เดินอยู่ข้างหลังพยายามจะตะโกนบอกแต่
มันสายเกินไป
ปัง
ร่างทั้ง6ปลิวไปหลายเมตรหลายคนกระเลือดออกมา
หากถอดเสื้อออกคงพบรอยฟ้ามือบนท้องของทักคนแน่นอนแต่ดูเหมือนพวกนี่จะเจ็บแล้วไม่จำ
ยังพยายามจะขู่
"นี้แกคงรู้ใช้ไหมว่ากำลังยั่วยุตระกูลมู่อยู่นะ" ชายคนหนึ่งที่ลุกขึ้นได้สบดออกมาอย่างดุร้าย
หยุนไห่ไม่ได้สนใจแต่หรี่ตามองชายชราผมขาวที่แตกต่างจากคนทั่วไป
มีออร่าสีแดงแผ่ออกมามากกว่าคนปกติหลายเท่า
หยุนไห่รู้อย่างหนึ่งคือดวงตาของเค้าสามารถมองเห็นพลังชีวิตของคนอื่นได้ยิ่งออร่าสีแดงใหญ่เท่าไรก็หมายถึงพลังชีวิตหรืออายุขัยนั้นยังยาวนาน
แต่ปกติคนแก่ไม่ควรมากแบบนี้ยกเว้นเพียง
"ผู้ฝึกตน?" หยุนไห่เอ่ยเบามาก
แต่ชายชราเหมือนจะได้ยินและพยักหน้า
"สหายเต๋าพวกเราไปคุยกันที่อื่นเถอะ" ชายชรามองไปรอบที่มีหลายคนถ่ายรูป
"ท่านผู้อาวุโสมู่พวกเราจะ-" ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบเค้าก็ถูกเอ่ยเสียงเย็นชา
"เงียบซะเค้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะยั่วยุได้ คุณชายตามข้ามาส่วนพวกเจ้ากลับตระกูลไป"ผู้อาวุโสมู่เอ่ยเพียงแค่นั้นและเดินออกจากห้าง
หยุนไห่เดินออกไปก่อนก้าวเดียวก็เคลื่อนไปนับสิบเมตรสบาย
ซึ่งคนที่เห็นก็ตกใจคนอุทานว่า
"ผี!" หรืออะไรอีก
แต่ไม่ใช้แค่หยุนไห่ผู้อาวุโสมู่ก็ก้าวตามไปเช่นกันแม้จะก้าวช้าๆแต่ก็เคลื่อนไหวไปเร็วมากกว่าที่ชายชราปกติทำได้
คุณชายมู่หลงชุนได้แต่ยิ้มอย่างขมขืน
"ชั้นแค่มาซื้อกาแฟและชนคนเองนะแล้วมันเป็นนี้ได้ไง" มู่หลงชุนพอเข้าใจคำที่ปู่3เค้ากล่าวกับ
คนในฮู้ดอยู่
ไม่นานหยุนไห่ก็มาหยุดที่สวนสาธารณะใกล้ๆห้าง
"สหายเต๋าข้าขอโทษกับการเสียมารยาทของคนตระกูลข้าหวังว่าสหายเต๋าจะไม่เอาความ" ผู้อาวุโสมู่โค้งคำนับ
หยุนไห่เห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยแน่นอนว่าน้อยเสียงนิ่งมาก
"เจ้าควรอบรมคนของตัวเองให้ดีกว่านี้ครั้งนี้เป็นแค่การตักเตือนแต่ครั้งหน้าข้าจะฝังพวกมันซะ" เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น
" ออกมาเถอะเจ้าหนู"หยุนไห่มองไปที่ต้นไม้ด้านหลัง
มู่หลงชุนก้าวออกมาอย่างมั่นคง
และโค้ง
"ข้าขอโทษที่ไม่ดูทางหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่เอาความ"
หยุนไห่ที่ใบหน้าที่สวมอยู่ในฮู้ดของหยุนไห่กำลังคิ้วกระตุก
" นี้มันบ้าอะไรกันแค่ออกมาวันแรกทำไมเป็นแบบนี้แล้วที่เราตอบไปก็แค่สร้างมาดผู้ลึกลับเท่านั้นไง"
การตอบสนองมันไม่เหมือนตั้งแต่ที่หยุนไห่พบชายชราเค้าก็คิดถึงเนื่อเรื่องของนิยายแนวกำลังภายในและตอบตามพล็อตเรื่องไปเท่านั้นละสหายเต๋าบ้านแกสิบิดาผู้นี้เป็นแวมไพร์ไม่ใช้ผู้ฝึกตนถึงอนาคตจะไม่แน่ก็เถอะ
หยุนไห่รวบรวมความคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะถอด
ฮู้ดออก
เมื่อใบหน้าปรากฎ
ทั้งชายชราและนายน้อยทั้งสองตกตะลึก
"งดงามยิ่งนักงดงามกว่าหลิวหยุนเสียอีก" มู่หลงชุนเผลอหลุดปากออกมาอย่างไม่ตั้งใจแต่ก็ช่วยไม่ได้หยุนไห่ตอนนี้ผมยาวถึงกลางหลังดวงตากลมโตผิวขาวราวไข่มุกคิ้วเรียวบางใบหน้าแสดงความสงบไม่มีเย็นชาหรืออ่อนโยนมีเพียงความสงบนิ่ง
แต่บรรยากาศกลับเย็นคงทันใด
"หลงชุนเสียมารยาทขอโทษเดียวนี้" ผู้อาวุโสตระกูลมู่เอ่ยเสียงดังเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายน่ากลัวเพียงใดแค่จิตสังหารกลับทำให้บรรยากาศเย็นลงแบบนี้มีเพียงยอดฝีมือเป็นแน่
ผู้อาวุโสตระกูลมู่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเค้าเมื่อครู่ทำให้พวกเขารอดพ้นจากความน่ากลัวสุดขีดมาได้
" ข้าน้อยขอโทษผู้อาวุโสโปรดรับสิ่งนี้แทนคำขอโทษด้วย" หลงชุนไม่ใช่คนโง่การที่ผู้อาวุโสตระกูลบอกเค้าแบบนี้แสดงว่าอีกฝ่ายทรงพลังมาก
หยุนไห่มองการ์ดที่ยื่นมาและถอดหายใจ
"ช่างเถิด" หยุนไห่รู้ว่าหากตนไม่รับอีกฝ่ายคงไม่สบายใจเป็นแน่และการต้อนอีกฝ่ายให้จนมุมก็ไม่ใช่ทางออกเช่นกัน
ทั้งสองคนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าบรนยากาศกดดันน้อยลง
หยุนไห่รับบัตรสีดำออกมาเงียบเค้ารู้ว่านี้คือบัตรรูดไม่จำกัดของธนาคาร&$&สามารถรับวงเงินสูงสุดไม่ต่ำกว่าสิบล้านหยวน
"สหายเต๋าไม่ทราบว่าท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าเข่นไร" ชายชราตระกูลมู่ถามอย่างระมัดระวัง
"ข้าสกุลหยุน แค่นี้ก็พอสหายเต๋าเราขอเตือนสักหน่อยการหายใจท่านไม่ดีเลยนะระวังด้วยละ" หยุนไห่กล่าวขณะพุ่งหายไปในพริบตาก็ห่างออกไปนับร้อยเมตร
ทั้งสองคนตกใจมาก
" ปู่สามพวกเราพบกับใครกันแน่"มุ่หลงชุนตกตะลึงมาก
"หลงชุนเอ๋ย เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าโลกใบนี้มันน่ากลัวกว่าที่เจ้าเยอะแต่เจ้าจงจำไว้อย่าได้ยั่วยุพวกเขาในอนาคตควบคุมอารมณ์ให้ดีอย่ามองคนแต่ภายนอก" ผู้อาวุโสตระกูลมู่เอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉยขณะเดินทางกลับ
" เห้อ การฝึกฝนตลอดชีวิตของชั้นไม่พอจะทำอะไรได้เลยโถ่ ชีวิตหนอชีวิต"
ความคิดเห็น