ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบชิงโชค(ปิดแบบไม่มีกำหนด)

    ลำดับตอนที่ #14 : โลกอีกด้านภาค1 การต่อสู้ของผู้ฝึกตนทั้งสองสายและการถือกำเนิด

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 64


     หานเซิ่นเอ่ยด้วยจิตสังหาร

     

     

     

    ศิลาโลหิตนั้นหายากมากๆแต่เพราะว่าที่หายากนั้นเพราะกระบวนการผลิตของมันต่างหาก

     

     

     

    นั้นคือต้องใช้โลหิตของมนุษย์จำนวนมหาศาล เยอะแค่ไหนก็ลองคิดดูว่าขนาดลูกปัด1เม็ดยังใช่เลือดของมนุษย์ไม่ต่ำกว่า10000คนแต่ว่านี้ มันมีขนาดใหญ่กว่าหัวเด็กอีก ต้องใช้คนมากขนาดไหน

    ถึงผู้ฝึกตนจะสามารถฆ่าคนธรรมดาเหมือนผักปลาได้แต่นี้คืออะไรมันเกินขอบเขตความอดทนเช่นกัน

     

     

     

    เจ้าเมืองสังหารโลหิตไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรกลับโยนศิลาโลหิตเข้าไปในเตา

     

     

     

    เปลิวเพลิงเสถียรขึ้น

     

     

     

    “เอาละที่นี้ก็ไม่ต้องควบคุมเพลิงอีก ไอ้พวกเด็กน้อยเอ่ย เตรียมตัวตาบซะ”ว่าจบร่างของเจ้าเมืองสังหารโลหิตก็ซัดฝ่าที่ปกคลุมด้วยปรานสีแดงชาดไปทางหานเซิ่น

    หานเซิ่นกลับมาจริงจัง

    และเบี่ยงตัวหลบ

     

     

     

    คลื่นฝ่ามือเคลี่อนผ่านหานเซิ่นไปอย่างรวดเร็ว

     

     

     

    คลื่นฝ่ามือพุ่งไปและโดนทหารยามผู้โชคร้าย

     

     

     

    อ๊าาากกกก

    หลังจากถูกซัดด้วยฝ่ามือร่างของทหารยามก็ระเบิดเป็นหมอกเลือด

     

     

     

    “น่า กลัวจริงๆ  ฝ่ามือทลายโลหิต”หานเซิ่นรู้สึกโชคดีที่ตนยังระวังไว้อยู่

     

     

     

    “โอ้เร็วดีนิผู้อาวุโสของหอดารา  ”เป่ยชิงหรือเจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะ

     

     

     

    พุ่งเข้ามา

    ด้วยความเร็วที่เกินขอบเขตของคนธรรมดา

    กรงเล็กสีเลือดถูกชักออกมา

    หมายจะจ้วงแทงให้ตาย

     

     

     

    หานเซิ่นชักมีดสีเงินออกมามันส่องแสงราวดวงจันทร์

    ทั้งสองปะทะกัน

     

     

     

    ครืนๆๆ

     

     

     

    ตูม

    ทั้งสองปะทะกันด้วยความรุนแรง

     

     

     

    หานเฟยที่เห็นว่าพี่ใหญ่ปะทะกับเป่ยชิงอยู่ีจึงรีบที่จะไปหยุดการปรุงยา

     

     

     

    แต่ลูกศรก็พุ่งมาหลังศรีษะหานเฟยโยกตัวเล็กน้อยลูกศร

     

     

     

    ตูม 

    โลศรทำลายลานไปกว่า1ใน10

     

     

     

    “ระดับ8อีกคนหรือ”หานเฟยหรี่ตาขณะมองไปที่ชายชราทที่อยู่บนหลังคาและคือลูกศรที่ควบแน่นด้วยพลังปรานไว้อยู่

     

     

     

    “ท่านรองเจ้าเมือง  ออกจากด่านฝึกตนแล้ว”  ทหารในเมืองที่เห็นชายชราตะโกนอย่างตื่นเต้น

     

     

     

    “รองเจ้าเมือง  นั้นสินะ”หานเฟยอยู่ระดับ7สูงสุดแต่ก็เกือบหลบไท่พ้นเมื่อกี้หากไม่ใช้เพราะเค้าคืออัจริยะก็คงหลบไม่ได้เช่นกัน

     

     

     

    “ระดับ 8ขั้นกลาง  คงหืดขึ้นคอแน่เรา”หานเฟยสะบัดมือสังหารทหารไปกว่า30คนก่อนจะกระโดดขึ้นไปหลังคา

     

     

     

    จากนั้นก็ดึงธนูออกมาจากกหลัง

     

     

     

    “ในฐานะมือธนูพวกเรามาดวลกันไหมผู้อาวุโส”หานเฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะควบแน่นศรปราณออกมาศรดีทองส่องปประกาย

    และยิ่งไป

     

     

     

     

    “โฮ้  ด้วยความยินดี” รองเจ้าเมืองชักธนูขึ้นมาและยิงสวนกัน

     

     

     

    ตูม

     

     

     

    ศรทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ

    มันเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืนเสียอีก

     

     

     

     

    ทั้งสองคนกระโดดกลางอากาศ

    และยังสวนกันไปมา

     

     

     

    ตัดมาทาง

     

     

     

    หยุนหยุนที่อยู่ด้านหลัง

     

     

     

    “ยินดีด้วยเนื่องจากเธอนิ่งสุดชั้นจะให้เธอเข้าเป็นคนสุดท้ายจงดีใจซะ”ทหารที่เห็นว่าเหลืออีก9คนก็จะควบแล้วจึงเอ่ยกับหยุนหยุนเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเดียวที่นิ่งที่สุดและไม่น่ารำคาญ

     

     

     

    โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะถือกำเนิดสิ่งที่โคตรน่ากลัวขึ้นมาก็ตาม

     

     

     

    “อืมขอบคุณ”หยุนหยุนเงียบเหมือนเดิมแต่ก็ดูดีเล็กน้อย

    เพราะรู้สึกว่าเตานั้นกำลังเรียกร้องเธอ  ไมม่สิสิ่งที่อยู่ภายในนั้นต่างหาก

     

     

     

    สักพักก็ถึงคิวขอบหยุนหยุน

    “ไม่ต้องคุณทหารชั้นจะไปเอง”หยุนหยุนกระโดดเข้าไปในเตาอย่างไม่ลังเล

     

     

     

    ทหารมองอย่างตกตะลึก

    อีกฝ่ายอยากตายขนาดนั้นเลยหรือ

     

     

     

    “นี้สินะคนที่ไม่กลัวตาย”ทหารส่ายหน้าและล้อมเตาปรุงยาเอาไว้

     

     

     

    ภายในเตาที่มีเปลวเพลิงสีม่วงอยู่

     

     

     

    หยุนหยุนที่เข้ามารู้สึกร้อนมาก

    แต่เลือดภายในกายกลับตื่นเต้นมาก

     

     

     

    เมื่อมองไปยังศิลาโลหิตที่ลอยอยู่กลางเตา

     

     

     

    ดวงตาของหยุนหยุนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     

     

     

    หยุนหยุนได้ถูกดึงเข้าไปในศิลาโลหิต

    หยุนหยุนคว้ามันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวราวกับคุ้นเคยมานาน

     

     

     

    จากนั้นหยุนหยุนก็ทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน

    เธอได้กัดมันเข้าไป

    ศิลาโลหิตที่ควรจะแข็งแกร่งแต่กลับถูกกัดง่ายราวไร้เเรงต้าน

    สักพักศิลาโลหิตก็ถูกกินทั้งหมด

     

     

     

    จากนั้น

    เสียงปริศนาก็ดังขึ้น

    เงื่อนไขทั้งหมดถูกเติมเต็ม

    พลังงานเพียงพอ

    ตรวจพบเมล็ดพันธ์แห่งจอมมารสมบูรณ์ในร่างกายของท่าน  

    จากบริเวณโดยรอบดวงวิณญาน  100,000ดวง 

    เงื่อนไขครบสมบูณณ์

    เทศกาลแห่งการถือกำเนิดจอมมารสมบูรณ์

    ท่านอยู่ในฐานะเผ่ามนุษย์

    ไม่ตรงกับเงื่อนไข

    ทำการตรวจหาสายเลือดบรรพชนที่แต่ต่างจากมนุษย์

    1รุ่น

    ไม่พบ

    2รุ่น

    ไม่พบ

    3รุ่น

    ติ่ง  

    พบสายเลือดแวมไพร์สายเลือดแท้ของฝ่ายชาย1%

    รุ่น4

    พบสายเลือดจิ้งจอกเก้าหางสายเลือดแท้2%

    ย้อนหลัง

    รุ่นที่99 จอมมารแห่งบาปเลเวียธาน 0.0001%

    ตรวจพบสายเลือดที่ตรงกับการเป็นจอมมาร

     

     

     

    เริ่มการวิวัฒนาการ

     

     

     

    ทันใดนั้นสิ้นเสียงปริศนา

    หยุนหยุนก็รู้สึกง่วงขึ้นมา

    พลังงานทั้งหมดที่เกิดจาการล้อมยาที่เกิดจากการสละชีวิตของผู้หญิงทั้งหมด998คน และเปลิวเพลิงเปลิวเพลิงสีม่วงก็

    ถูกดูดเข้าไปในร่าง

     

     

     

    พลังงานทั้งหมดเข้าสู่ร่างอย่างบ้าคลั่ง

    ร่างของหยุนหยุนเปลี่ยนไป

    เกล็ดสีฟ้าครามเริ่มปรากฎตามร่างกาย ร่่างที่ดูอายุ20ตอนปลายๆก็ดูเด็กลง

    ส่วนสูง186 ก็เหลืออยู่176

    ผมกลายเป็นสีฟ้าน้ำทะเล

    ตอนนี้ดูเหมือนเด็กอายุ16ปี

    ท่านได้รับ

    ท่านได้รับยูนีคสกิล ผู้ริษยา

    ท่านได้รับยูนีคสกิล ผู้แสวงหาสัจธรรม

     

     

    ท่านได้รับของขวัญ

     

     

     

    ติ่ง

    ยูนีคสกิล

    ผู้แสวงหาสัจธรรม

    ด้ทำการร้องขอการวิวัฒนาการจากโลก

     

     

     

    “ทำการร้องขอ ทำการรองขอ ทำการร้องขอ ทำการร้องขอ ”ผู้แสวงสัจธรรมได้เอ่ยในหัวของหยุนหยุนแต่หยุนหนยุนได้หลับไปแล้ว

     

     

     

    ผู้แสวงสัจธรรม  ทำการร้องขอสมบูรณ์

     

     

     

    ได้รับการตอบรับ

     

     

     

    ยูนีคสกิล ผู้แสวงสัจธรรม ได้รับการวิวัฒนาการ

     

     

     

    ท่านได้รับ อัลติเมทสกิลราชันย์แห่งการแสวงหาโอดิน

     

     

     

    “ในนามของ โอดินของบัญชาผู้ริษยาจงตื่นขึ้น”เสียงชายชราที่ดูเย็นชาดังขึ้น

     

     

    ทำการตอบรับ ราชันย์แห่งการแสวงหาโอดิน

     

     

    ยูนีคสกิลผู้ริษยาถูกวิวัฒนาการ

     

     

    อัลติเมทสกิล ราชันแห่งความริษยา เลเวียธาน

     

     

     

    ต่อไปนี้ หลังจากที่ตื่น

    ท่านจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง

    ในอีก5นาที

     

     

     

    หากหยุนไห่ได้มาเห็นคงอุทานแน่

    นี้คือเสียงของโลก

    ในโลกนี้มีพลัง3แบบ

    เวทย์มนต์

    ลมปราณ

    และผู้ถูกเลือกโดยโลก 

    บางคนอาจได้รับการถูกเลือกโดยโลกได้ยินเสียงของโลกและได้รับทักษะหรือความสามารถบางอย่างเช่นกัน

     

     

     

    ตัดมาทางหานเซิ่นและเป่ยชิงที่ปะทะกันมาสักพักแล้ว

     

     

     

    “ทักษะลับตัดดารา”หานเซิ่นเอ่ยขณะตวัดมีดไป

     

     

     

    คลื่นสีทองราวจันทราส่องประกาย

     

     

     

    “หึ  ไม่เลวไอ้หนู  สำนักหอดาราดูเหมือนจะได้รับอัจริยะมาสินะ”เป่ยชิงเอ่ยขณะตวัดกรงเล็บ

     

     

     

    คลื่นกรงเล็บสามเส้นปะทะกับคลื่นดาบ

     

     

     

    บรึ่มๆๆๆ

     

     

     

    พลังของทั้งสองปะทะกันบ้านเร่ือนใน

     

     

     

    พังราบเป็นหน้ากลอง ไปหลายร้อยหลัง

     

     

     

    พลังทำลายของอัจริยะและสัตว์ประหลาดเฒ่า ในระดับ8นั้นมันน่ากลัวมาก

     

     

     

    หากไปอยู่โลกมนุษย์เมืองที่คนพลุกผลาญ คงเกิดหายนะในเมืองเป็นแน่แต่ด้วยการที่มีโลกอีกด้านละกฎมากมายทำให้ ยอดมนุษย์พวกนีี้ไม่สามารถสร้างโศกนาฏกรรม

     

     

     

     

    “  แกรู้ไหมเป่ยชิง ว่าทำไมชั้นถึงพานายมาที่นี้ ”หานเซิ่นที่หยุดเคลื่อนไหว

     

     

     

    “แกหมายความว่าไวไอ้หนู”เป่ยชิงระมัดระวังขึ้น

     

     

    หานเซิ่นยกมือขึ้นลง

     

     

     

    สึกๆๆ

     

     

     

    “แก ชิ”เป่ยชิงเอ่ยอย่างเงียบขณะฟาดกรงเล็บไปด้านหลัง

     

     

     

    ศรสามดอกที่พุ่งเข้าศรีษะเค้าอย่างแม่นย่ำมาถูกทำลายแต่นั้นก็เพียงพอจะสร้างโอกาสให้หานเซิ่น

     

     

     

    มีดได้กวาดไปทางแนวทะแยงมุม

     

     

     

    หมายจะตัดศรีษะเป่ยชิงโดยทุ่มพลังปราณถึง1ใน3

     

     

     

    มันทรงพลังมาก

     

     

     

    เป่ยชิงรู้สึกดดันมากราวกับความตายกำลังคืบคานเข้ามา

     

     

     

     

    “โถ่  เว้ยคงต้องทะลวงตอนนี้ก่อน”เป่ยชิงกัดฟันความจริงเข้าสามารถได้ทะลวงไประดับ9ได้แล้วแต่เขาต้องการเม็ดยา9หยินผสานเพื่อทำให้รากฐานเสถียรและสามารถมีโอกาสก้าวเข้าไปสู่ระดับต่อไปได้

     

     

     

    มันมีความแต่ต่างระหว่าง

     

     

    ยอดปรมาจารย์ไร้น้ำยา และยอดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง

     

     

     

    เป่ยชิงได้ทะลวงไปในครั้งนี้เค้าคงก้าวไปสู่ระดับ9และไม่อาจก้าวหย้าต่อไปได้อีกแล้ว

     

     

     

    ความเกลียดชังเริ่มปะทุออกมา

     

     

     

    พลังปรานอันมากล้นปะทุออกมา

     

     

    หานเซิ่นตกใจแต่ก็ไม่ลังเลแม้จะไม่สามารถฆ่ามันได้แต่ก็ขอแขนไปข้างหนึ่งแล้วกัน

     

     

    ฉับ

     

    มีดยาวได้ตัดสะบันแขนขวาของเป่ยชิงไป

     

     

     

    เลือดสีแดงสาดกระจาย

     

     

     

    แม้เป่ยชิงจะทะลวงระดับแต่มันก้ไม่ได้แปลว่าเค้าจะไร้เทียมทาน

     

     

     

    “แก ไอ้เด็กเปรต ”เป่ยชิงเอ่ยอย่างเกลียดชังขณะมองไปที่หานเซิ่น

     

     

     

    และกระโดดขึ้นบนหลังคา

     

     

     

    “ท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างไร”รองเจ้าเมืองที่ปะทะกับหานเฟยเสร็จได้มายื่นอยู่ข้างกายเจ้าเมืองขณะที่ร่างกายมีรอยถูกทะลวงจากลูกศรหลายลูก

     

     

     

    “รองเจ้าเมือง เตาเป็นอย่างไร ”เจ้าเมืองเอ่ยขึ้นขณะแผ่พลังปราณระดับยอดปรมาจารย์ออกมาแต่มันยังไม่เสถียรดีไม่งั้นหานเซิ่นคงหนีไปแล้วแม้จะเป็นอัจริยะแต่การเอาชนะกับสังหารข้ามระดับมันต่างกัน

     

     

     

    “ผู้หญิงทุกคนเข้าไปหมดแล้วขอรับ”รองเจ้าเมื่องเอ่ยอย่างเย็นชา

     

     

     

    ทางด้านหานเซิ่นที่กำลังมองไปที่ใจกลางเมืองที่มีเตาชีวิตอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

     

     

     

    “พี่ใหญ่มีอะไรหากเราไม่รีบลงมือจะไม่มีเวลาแล้วนะ”หานเฟยกระโดดลงมาขณะที่มีเลือดที่มุมปากเห็นได้ชัดมาเค้าก็ได้รับบาดเจ็บ

     

     

     

    “ไม่รู้สิ ทักษะการทำนายดาราของข้าบอกว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัวที่ลานนั้น”หานเซิ่นเอ่ยหอดาราไม่ได้มีเพียงสำนักบ่มเพาะต่อสู้เท่านั้นยังมีการปรุงยา การทำนาย  และค่ายกล

     

     

     

    “แต่ว่า   มันคง-”หานเฟยยังพูดไม่จบ

     

     

     

     

    ออร่าอันน่าหวาดกลัวที่ออกมาจากเตาก็ระเบิดขึ้น

    ตูมมมมมมม

     

     

    เตาชีวิตได้ระเบิดขึ้นมา

     

     

     

    ทุกคนมองไปที่ใจกลางเมืองที่ระบิดโดยไม่รู้ตัว

     

     

     

    “บ้า จริงนี้มันอะไรแน่”หานเซิ่นเอ่ยขึ้นอย่างสั้นสะท้าน

     

     

     

    เค้ามองไปที่นั่นเห็นร่างของเด็กสาวผมสีฟ้าราวท้องทะเลสูงราว176 ดวงตาที่สีแดงเลือด

     

     

     

    โฮกกกกกกก

    เสียงคำรามอันน่าหวาดกลัวดังไปทั่วท้องฟ้า

    มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเจตนาฆ่า

     

     

     

    “บ้าน่านี้มันพลังเวทย์ มันคือปีศาจ ”หานเฟยอุทานออกมาไม่ใช่ว่านี้คือครั้งแรกที่เค้าเห็นปีศาจแต่เค้าไม่เคยเห็นปีศาจที่มีพลังเวทย์มากขนาดนี้

     

     

     

     

    จอมมารผู้ลืมตาตื่นได้ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว

     

     

     

    หายนะเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว

     

     

     

    ตอนต่อไป

     

    จอมมารแห่งความริษยาปะทะ หอดารา

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×