ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบชิงโชค(ปิดแบบไม่มีกำหนด)

    ลำดับตอนที่ #13 : โลกอีกด้านภาค1 ตอนเตาชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 64


    เวลา22.00น.ก่อนพิธี2ชั่วโมง

     

     

     

    ในคุกใต้ดินมีหญิงสาวนับ999คนกำลังเดินขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

    หยุนหยุนได้เดินตามกลุ่มไปเงียบเพราะไม่อาจหนีไปได้

    “ชั้นว่าตัวชั้นจะเปิดอัลติเมทสกิลเหมือนมังงะหรือหนึ่งได้ไหมนะ”หยุนหยุนคิดในใจ

    แม้จะมีลูกแล้วแต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นโอตาคุมือหนึ่งเช่นกัน

     

     

     

    “ว่าแต่ลูกหยุนพบห้องลับของชั้นรึยังหากเจอแล้วอ่าา”หยุนหยุนหน้าแดงเมื่อคิดถึงสิ่งที่อยู่ในห้องลับของเธอหากถามว่าทำไมเธอถึงกังวลเรื่องห้องลับที่บรรจุคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์(มังงะ)มากกว่าอนาคตของเธอนั้นก็เพราะว่าหยุนหยุนนั้นคิดว่ามันยังไม่ใช่เวลาดิ้นรนเพราะยังมีพวกทหารที่มีพลังราวอยู่ต่างโลกคอยคุมอยู่

     

     

     

    หยุนหยุนคิดในใจอย่างสบายๆ

    “สรุปเราหลุดมาต่างโลกหรืออยู่โลกเดิมแค่มันเหมือนเมืองลับแล”หยุนหยุนคิดในใจจินตนาการอย่างกว้างไกล

     

     

     

    “หุหุหุ  บางทีชั้นอาจปลุกพลังขึ้นมาก็ได้วะ555”หยุนหยุนหัวเราะขณะเอามือปิดตาซ้าย (แม่เป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น)

     

     

     

    “เห้  แกจะหนีไปไหน”ทหารยามที่เห็นผู้หญิงหลายสิบคนแตกแถวและวิ่งหนีออกไปจึงโกรธมาก

     

     

     

    ทหารนับสิบจึงพุ่งไปตามจับ

     

     

     

    กรีดดด  เสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาว

    1นาทีต่อมา

    เหล่าหญิงสาวที่หนีถูกเตะกลับมา


    มีหลายคนแขนขาหักเลือดอาบร่างมันดูโหดร้ายแต่จะทำยังไงละในสายตาผู้ฝึกตนสายมารชีวิตคนนธรรมดามีค่าน้อยเม็ดยาไม่สิสามารถเป็นทรัพยากรการบ่มเพาะให้เจ้าเมืองอยู่ด้วยนิ

     

     

     

    “จำ ไว้อย่าคิดแม้แต่จะหนีไม่งั้นพวกแกจะไม่ได้มีจุดจบแค่ความตายหรอกนะ จำไว้”ทหารเอ่ยอย่างเย็นชาหากอยากอยู่ในโลกนี้อย่างปลอดภัยความเมตตาคือสิ่งสำหรับผู้โง่เขลา

     

     

     

    หยุนหยุนมองไปที่เหล่าหญิงสาวอย่างสงสารไม่น้อยแต่ก็เงียบไว้เพราะทุกคนมีเส้นทางของตัวเองเราจะไม่ยุ่งเหมือนกัน



    “เห้อหยุนไห่  ดูเหมือนแม่อาจจะไม่รอดละ ”หยุนหยุนคิดในใจสำหรับเธอที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะลูกของเธอเธอเลี้ยงเขามาเดียวอย่างโดดเดียวไม่มีใครช่วยเหลือย้ายจากบ้านของพ่อแม่มาปลูกบ้านอยู่บนเขาเลี้ยงลูกอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่ยอมแพ้เป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายมากๆๆ

     

     

     

    “นี้ก็จะเที่ยงคืนแล้วแหะ”หยุนหยุนมองนาฬิกาข้อมือด้วยความไม่สบายใจหากบอกว่าไม่กลัวตายก็คงโกหกแต่ไม่ได้กลัวที่จะตายแต่กลัวที่จะตายโดยที่ทิ้งลูกไว้คนเดียวมากกว่ามันคือความรักของคนเป็นแม่นั้นเอง

     

     

    ภานในเมือง

     

    เหล่ากลุ่มหานก็ได้แอบเข้าเมืองมาสำเร็จ

     

    “ฟู่  พี่ใหญ่ดูเหมือนพวกเราจะแอบเข้ามาได้สำเร็จนะ”หานเหยียนถอนหายใจขณะนั่งลง

     

     

     

    “อืมตอนนี้23.00น.พอดีอีกแค่ไม่ถึง1ชั่งโมงพิธีของเจ้ามารโลหิตก็จะเริ่มแล้วเราต้องเตรียมตัว"หานเซิ่นเอ่ยขึ้น

     

     

     

    "อืมเข้าใจแล้วพี่ใหญ่ชั้นได้ตรวจสอบแผนโครงสร้างของเมืองเสร็จแล้วจุดที่ทำพิธีคือใจกลางเมือโดยมารโลหิตได้ตั้งเตาชีวิตไว้ที่ลานกลางเมืองโดยมันจะส่งผู้หญิง999คนไปกลั่นเป็นเม็ดยาโดยพิธีจะเริ่มตอนเที่ยงคืนที่หยินหนาแน่นที่สุด

    โดยมันยาเม็ดชื่อว่าเม็ดยา9หยินผสาน หากเป่ยชิงสามารถกลืนกินยาเม็ดนี้ได้มันจะทะลวงไปขอบเขตที่9ได้แน่นอน

    "หายเฟยเอ่ยขณะขยับแว่นและกางแผนที่ชี้ไปทางใจกลางเมืองที่เป็นลานกว้าง

     

     

     

     

    “เอาละ หานฉิงหลิน นายไปก่อก่อนเรียกความสนใจที่หน้าประตูเมืองตอนที่เจ้าเมืองทำพิธีมาได้ครึ่งทางเพราะมันมีความเป็นไปได้ที่เจ้าเมืองสังหารโลหิตจะไม่หยุดพิธีแต่มันก็ทำให้เจ้าของกระสับส่ายเราจะอาศัยจังหวะนั้นลอบโจมตีเค้าแม้จะลอบโจมตีไม่สำเร็จแต่เจ้านั้นก็คงได้รับผลสะท้อนจากการปรุงยาอยู่ดี”หายเฟยเผยรอยยิ้มออกมา

     

     


     

    “อืมแผนนี้โอเคแต่เราต้องลอบสังหารทหารที่อยู่บริเวณรอบๆก่อนพวกนายก็รู้ว่าวิชาของเจ้านั้นเราต้องต่อสู้กับมัคนเดียวเท่านั้นไม่งั้นต่อให้มีพวกเราอีก3กลุ่มก็เอามันไม่ลงหรอก”หานเซิ่นกล่าวอย่างใจเย็นทุกคนพยักหน้า

    และกระจายตัวกันไป

     

     

     

    ทุกทิศทาง

     

     


     

    ตัดมาทางเจ้าเมืองสังหารโลหิต

    ที่กำลังยื่นอยู่ที่ลานกว้างที่จุคนได้มากกว่าหลายพันคนได้สบายๆ

    โดยภายในมีเตาขนากใหญ่ที่สามาารถใช้คนได้นับร้อยพร้อมๆกันด้วยซ้ำ

     



    ตอนนี้เค้ามองผู้บังคับบัญชาด้วยสายตาเย็นชา

     

     




     

    “วันนี้ข้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรผิดพลาดพวกเจ้าเป็นถึงยอดฝีมือระดับ7จงตรวจตราดูแลลานแห่งนี้ให้ดีหากข้ากลายเป็นยอดปรมารย์เมื่อไรพวกเจ้าจะได้รับการดูแลจากข้าอย่างดี”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มขณะมองลูกน้องทั้ง4ของตน

     

     




     

    “ขอรับท่านเจ้าเมือง”องครักษ์เอ่ยขึ้นขณะไปประจำการทุกทิศทั้ง4ของ

     

     



     

    เจ้าเมืองสังหารโลหิตพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจคนพวกนี้บ่มเพาะสายมารเหมือนกับเค้าสำหรับผู้บ่มเพาะสายมารนับถือความแข็งแกร่งเป็นที่สุดซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนฝ่ายมารนั้นเรียบง่ายแต่โหดร้ายแล้วอย่างไร

     

     


     

    “ท่านเจ้าเมืองขอรับ พวกเรานำวัตถุดิบมาแล้วขอรับ”ทหารในชุดดำเอ่ยขึ้นขณะที่ด้านหลังมีแถวของหญิงสาวยาวออกมามีมากจนมากไม่ได้ 

    “ครบ999คนใช่ไหม”เจ้าเมืองสังหารโลหิตกล่าวถามอย่างเคร่งครึม

     

     

     

    ทหารพยักหน้าและเอ่ยขึ้น

    “ขอรับ  มีมากกว่าพันคนกันเหนียวไว้ครับ”ทหารกล่าวขึ้น

     

     



     

    “ดีมาก  ”เจ้าเมืองสังหารโลหิตมองนาฬิกาและมองเตาขนาดใหญ่

     



    ถึงเวลาแล้ว

     




     

    “เอาละเตรียมพร้อมข้าจะเริ่มการกลั่นแล้ว”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะนำคริสตันสีแดงออกมาและโยนเข้าไปในเตา

     



    เปลิวเพลิงสีม่วงลุกขึ้นลุกขึ้น

    เจ้าเมืองสังหารโลหิตมองคริสตันที่โยนและปล่อยออกมาเปลิวเพลิงอย่างปวดใจ

     



     

    “เห้อลาก่อนทรัพย์สิน1ใน10ของชั้นถ้าข้ามีธาตุเพลิงก็ดีสิ”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเป็นผู้ฝึกตนวิถีมารแต่เค้าไม่มีธาตุไฟจึงไม่สามารถปรุงยาเองได้

     

     

     

    “ให้ตายเถอะหากข้าไม่มีเศษเพลิงที่แท้จริงจะกลั่นยายังไงเนี้ย”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่นออกมาขณะโบกมือให้ทหาร

     

     

     

    ทหารพยักหน้าขณะขณะเริ่มทำงาน

     



     

    “กรีดๆๆๆ  ปล่อยชั้นไปเถอะ  อ๊ากกก ”หญิงสาวในชุดมัธยมเอ่ยขึ้นขณะดิ้นรนแต่แรงของคนธรรมดาจะสู้ผู้ฝึกตนได้หรือ?

     


     

    ร่างของสาวในชุดนักเรียนถูกโยนเข้าไปในเตาเพลิงสีม่วงที่ราวกับปีศาจโหมขึ้นราวกับได้เชื้อเพลิง

     

     



     

    ผู้หญิงทุกคนสั่นสะท้านมันน่ากลัวและไร้มนุษย์ธรรมมากเกินไป

    5นาทีต่อมา

     

     



     

    ชั้นขอสาปไม่ให้พวกแกตายดี  อ๊ากกก

     

     

    ได้โปรดชั้นมีครอบครัวที่ต้องดูแล  กรีดดด

     

     

     

    ชั้นยังมีลูกที่ต้องดูแลอยู่นะได้โปรด   

     

     

     

    เสียงกรีดร้องและคำสาปแช่งดังระงมไปทั่วเมือง

     

     



     

    หยุนหยุนมองอย่างเงียบหยุนหยุนอยู่แถวหลังๆจึงมีโอกาสตายที่หลังอยู่





    “ให้ตายเถอะมันน่ากลัวกว่าในมังงะอีกนะ”หยุนหยุนเอ่ยในใจจะว่าผู้หญิงคนนี้แปลกก็ไม่ใช้นั้นเพราะเธอไม่เคยมีความกลัวมาตั้งแต่แรกแล้วทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้สึกกลัวแม้แต่น้อยแม้จะอยู่ต่อหน้าความตามก็ตามกลับกันเมื่อมองไปที่เปลิวเพลิงสีม่วงกลับทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นถามว่าเธอไม่สงสารหรือเห็นใจบางหรือขอโทษนะ

     

     




     

    “ในโลกนี้ทุกคนน่าสงสารหมดนั้นละ แล้วยังไงเส้นทางที่คุณเดินคุณก็ต้องรับผิดชอบต่อมันเอง”หยุนหยุนคิดในใจหัวใจเริ่มต้นแรง

     

     




    เวลาผ่านร่างแล้วร่างเล่า

    ราวกับใบไม้ที่ร่วงลงมา

     

     




     

    จนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้วของจำนวนคนที่อยู่

     

     


     

    ตูมมมม

     



     

     

    เสียงระเบิดดังขึ้น

    ที่หน้าประตูเมือง

     

     

     


     

    เจ้าเมืองสังหารโลหิตมีสีหน้าเปลี่ยนไป

     

     



     

    “1 2 ไปตรวจดูเดียวนี้ ”เจ้าเมืองที่กำลังควบคุมเพลิงอยู่กล่าวขึ้นอย่างเคร่งเครียดเขาไม่สามารถละจากการปรุงยาได้ไม่งั้นสิ่งที่เขาเตรียมมาจะสูญเปล่า

     



     

     

    “ พวกเจ้ารีบเร่งเร็ว”เจ้าเมืองมองไปที่เหล่าผู้หญิงที่เหลืออยู่ด้วยสายตาจริงจัง

     





     

     

    ครืนๆๆ

    แรงกดดันปะทุออกจากร่างเจ้าเมืองสังหารโลหิต

     

     




     

    มันทำให้ผู้หญิงและคนธรรมดาขยับไม่ได้โดยสมบูรณ์เพื่อป้องกันการหนีของพวกวัตถุดิบ

    “ขอรับ”เหล่าทหารเริ่มเร่งมือ

     

     



     

    ขณะที่เจ้าเมืองกำลังสั่งการอยู่

    นั้นริ้วแสงสีทองก็พุ่งไปที่ศรีษะของเจ้าเมืองสังหารโลหิตอย่างฉับพลัน

     

     



     

    เจ้าเมืองสังหารโลหิตขนลุกซู่

     

     

     

    พยายามจะหันหลังและแผ่ปรานออกมาออร่าสีแดงเลือดชั้นบางๆปรากฎออกมา

     

     

     

    ตูมๆๆ

     

     

     

     

    ร่างของเจ้าเมืองกระเด็นออกมา

     

     

     

    “ไอ้บัดซบตัวไหนออกมาเดียวนี้”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะที่เลือดในมุมปากไหลออกมาหากเค้าไม่หุ้มปราณทันหัวเค้าคงระเบิดไปแล้ว การโจมตีเมืองกี้นี้มากพอจะสังหารเค้าได้เลย

     

     

     

    จากนั้นเงา2ร่างก็ปรากฎออกมาและแสดงรอยยิ้มออกมา




    “555  โฮ้นี้มันใครกันนะโอ้  เฒ่ามารโลหิตนี้เองนึกว่าจะลงโลงไปเสียแล้ว ี้สินะที่เค้าว่าคนแก่ยิ่งหนังเหนียว”คนที่ปรากฎออกมาไม่ใช้ใครคือหานเซิ่นกับหานเฟยนั้นเอง

    การโจมตีเมื่อกี้เป็นของหานเซิ่น

     

     

     

    หานเซิ่นมองมีดที่ปักอยู่บนพื้นสะบัดมือเล็กน้อยมีดก็ลอยกลับมาที่มือ




    เป็นการใช้พลังปรานควบคุมสิ่งของอย่างเชี่ยวชาญ

     

     



     

    “ชุดแบบนี้พวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสของหอดารา”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขณะขมวดคิ้วแน่นนี้ชักจะเป็นปัญหาแล้ว

     

     

     



     

    “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นผักปลาเช่นนี้เจ้าไม่ละอายใจบางหรือหากพวกข้าไม่บังเอิญเดินเล่นแล้วมาพบเจ้ากระทำเช่นนี้  มาเถอะมารโลหิต ให้ข้าผนึกปรานเจ้าแล้วมาคุยกันเรื่องคุณธรรมกันเถอะ”หานเซิ่นกลล่าวอย่างไร้ยางอาย

     

     




     

    ใบหน้าของมารโลหิตบิดเบี้ยวขึ้นมา

    “บังเอิญเดินเล่นแล้วมาพบ?”

     

     




     

    “คิดว่าชายชราคนนี้โง่รึไงสำนักเจ้าห่างจากที่นี้เป็นหลายหมื่นลี่เดินเล่นบ้านมึX”เจ้าเมืองสังหารโลหิตสบดออกมาและบอกให้เข้าผนึกปรานแล้วมาคุยกันนี้เจ้านี้เห็นเค้าเป็นเด็กสามขวบรึไง

     

     



     

    เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ไม่ได้มาดี

     




     

     

    “มารโลหิต  มอบตัวซะโทษหนักจะได้เป็นเบาพวกเราสองคนล้อมเจ้าเอาไว้หมดแล้ว”หานเซิ่นหยิบโทรโข่งขึ้นมาจากไหนไม่รู้เอ่ยเสียงดังทั่วเมืองราวกับกลังคนทั้งเมืองไม่รู้

     



     

     

    หานเฟยอยากตบหน้าพี่ใหญ่ของตนทันที

     

     



     

    “ท่านพี่พอเถอะท่านจะกวนบาทาคนอื่นแบบท่านเจ้าสำนักไม่ได้นะ”หานเฟยอดพูดไม่ได้พี่ใหญ่ของเค้าเป็นลุกศิษย์คนเดียวของท่านเจ้าสำนักได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ

    นี้สินะที่ว่าอาจารย์เป็นอย่างไรลูกศิษย์ก็เป็นอย่างนั้น

     

     

     

     

    “ องครักษ์มาจัดการพวกมันเร็ว”เจ้าเมืองสังหารโลหิตเอ่ยขึ้นแต่มีเพียงแต่กลับมีเพียงความเงียบ

     

     

     

    “โอ้ ๆ น่าเสียดายถ้าเป็นองครักษ์ทั้ง4ของเจ้าละก็คงกำลังต่อสู้กับพวกเราอยู่ละมั่ง”หานเซิ่นเอ่ยออกมาขณะมองไปที่เจ้าเมืองสังหารโลหิตอย่างล้อเลียน

     

     

    ใบหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนเป็นมืดมนปรานในร่างระดับ8สูงสุดปะทุออกมา

     

     

    “โอ้ ท่านเจ้าเมืองท่านจะทำยังไงในเมื่อหากท่านไม่คุมเพลิงเอาไว้หม้อยาระวังระเบิดออกมานะ”หานเฟยที่เงียบอยู่นานเอ่ยเตือนเจ้าเมืองเล็กน้อย

     

     

     


    แต่เจ้าเมืองสังหารโลหิตกับล้วงเข้าไปในแหวนสีดำและนำหินสีเลือดออกมา

     

     

    นั้นคือแหวนมิติเป็นสมบัติหายากพอควรเพราะหากไม่สามารถปล่อยพลังงานออกมาจากร่างกายหรือระดับ7ขึ้นไปก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่ดี

    สำหรับที่อื่นแหวนมิติอาจหายากแต่สำหรับโลกอีกด้านมันคือสิ่งแสดงความร่ำรวยความผู้แข็งแกร่ง

     

     

    แต่หานเซิ่นกลับไม่ได้มองไปที่แหวนแต่มองไปที่หินสีเลือดที่อยู่ในมือมารโลหิต

     

     

    “บัดซบนั้นมันศิลาโลหิต  มารโลหิตเจ้ากล้าเอาชีวิตไปมากขนาดไหนกัน”หานเซิ่นเอ่ยพร้อมจิตสังหาร

    ครืนพลังปราณราวสีทองอ่อนที่เปล่งประกายปรากฎออก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×