ตอนที่ 5 : Chapter 5 : มาดามตกกระป๋อง (100%)
เบ็ตตี้ / เบญจาภา
บทที่ 5 : มาดามตกกระป๋อง
ตรีประดับตั้งท่าจะบอกว่าตนไม่เอามันแล้วไอ้กระเป๋าสามล้านน่ะ! ทว่าในตอนนั้นสายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นนาฬิกาเรือนโตที่อยู่บนผนังห้องบอกเวลาสิบโมงเช้าพอดิบพอดี เท่านั้นละหญิงสาวก็ลืมคำพูดทุกอย่าง ลุกพรึบขึ้นจากโต๊ะราวกับเก้าอี้ที่นั่งทำจากกะทะทองแดงก็ไม่ปาน!
"เดี๋ยวนะ! วันนี้วันอะไรค่ะ!"
ปุริมเลิกคิ้วมองหญิงสาวที่จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมาก่อนจะหันมองตามสายตาของเธอแล้วเอ่ยตอบข้อสงสัย “วันพุท...ทำไม”
ทว่าตรีประดับกลับไม่ยืนเฉยรอตอบเขา เพราะทันทีที่เธอทราบวันที่แน่ชัดจากชายหนุ่ม ก็หมุนตัววิ่งหน้าตั้งออกจากบ้านชวนากรอย่างไม่คิดชีวิต ลืมสิ้นว่ายังไม่ได้ปฎิเสธเรื่องค่าสินสอดอะไรนั้นเลย!
ครอบครัวชวนากรมองหญิงสาวที่จากไปราวพายุพัดอย่างงงงวย ขณะที่ปุริมทำเพียงส่ายหน้า เขาวางแก้วกาแฟในมือลง ก่อนจะเดินตามคนกำลังจะแหกปากโวยวายไปเพราะพอจะคาดเดาอะไรได้
ตรีประดับวิ่งทักๆข้ามรั้วพุ่มไม้กลับมายังเขตบ้านของตัวเอง วิ่งพลางร้องเรียกบุพการรีไปพลาง ไม่สงไม่สนเจ้ารีเบกก้าที่นอนแอ้งแมงขว้างทางอยู่แม้ซักเสี้ยวนาที
“พ่อออออออ!!!!”
เสียงเรียกลั่นตรอก ลั่นซอย ลั่นหมู่บ้าน ทำให้ผกายฤทธิ์ที่กำลังทำข้าวต้มหมูด้วยความร่าเริงอยู่ในครัวรีบชะโงกหัวออกมาดู ทว่าลูกสาวจอมโวยวายกลับไม่อยู่ด้านล่างเสียแล้ว เธอวิ่งปรู๊ดขึ้นไปชั้นสอง หยิบจับเสื้อผ้าในตู้มาสวมใส่อย่างลวกๆ แต่เพราะตั้งแต่เริ่มทำงาน เธอได้ย้ายไปอยู่คอนโดเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ชุดที่มีในตู้เสื้อผ้าของที่บ้านตอนนี้จึงเป็นเพียงชุดอยู่บ้านเท่านั้น!
คนหัวไว้และเก่งในเรื่องแต่งตัวคว้าเอากระโปรงนักศึกษาสีดำออกมาสวม ตามด้วยเสื้อแขนกุดผ้าชีฟอง สุดท้ายดึงเสื้อคาดิแกนสีปูนแห้งที่ไม่ได้ใส่มันอีกเลยตั้งแต่จบมหาลัยมาสวมทับ แล้วรีบกระโดดลงจากบันไดที่ละสามขั้นกระทั่งมาถึงที่ด้านล่าง ที่นั้นเธอพบปุริมยืนกอดอกรออยู่ ข้างๆเขาคือร่างของบิดาซึ่งอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายชิโนริสีขาวชมพู มือข้างหนึ่งถือทัพพี อีกข้างถือหม้อข้าวต้มกลิ่นชวนน้ำลายสอเอาไว้ โหพ่อ ผ้าไม่ได้เข้ากับลุคเลยนะ!
“วันนี้มีประชุม?”
นายแพทย์ปุริมถามเสียงเรียบอย่างคาดเดา ทว่าตรีประดับกลับตอบสั้นๆว่า 'พรีเซนต์งาน' ก่อนจะหันไปทางพ่อบังเกิดเกล้าที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“พ่อจ๋าหนูขอยื่มรถหน่อย!”
ผกายฤทธิ์พยักหน้าก่อนจะส่งกุญแจรถฮัมวี่ไปให้ ทว่าตรีประดับที่ดูรีบร้อนกลับไม่ยอมรับมัน
“ไม่ใช่คันนี้ หนูหมายถึงเจ้าสีนิลของพ่อน่ะ!!!!”
และไม่ทันที่ผกายฤทธิ์จะได้ร้องห้าม บุตรสาวของเขาก็เลิกผ้ากันเปื้อนลายชิโนริขึ้น คว้าพวงกุญแจอีกพวงที่แหน็บติดเข็มขัดไว้ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็จ้ำอ่าวไปทางโรงรถ โดยมีสองหนุ่มหันหน้ามองกันอย่างตกใจ
ตรีประดับเดินมาถึงยังที่ตั้งของยานพาหนะได้ก็รีบดึงเอาผ้าคลุมออก เผยรถฮาเล่ย์สีดำคันงามที่จอดสงบนิ่งอยู่ เธอไม่ใช่สาวซิ่งหรอกนะ...ก็อาจเคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว แต่วันนี้เธอรีบจริงๆ หากอยากไปถึงที่ทำงานด้วยเวลากระชันชิดแบบนี้ ก็คงจะมีแต่วิธีนี้เท่านั้น!
หญิงสาวคิดก่อนจะถกกระโปรงขึ้นเหนือเข่าเพื่อขึ้นคร่อมลูกรักของบิดา เธอขยับสองสามทีอย่างคล่องแคล่วแล้วเริ่มสตาร์ท
‘ปรื้นนนนน!’
เสียงเบิ้ลของฮาเล่ย์สีดำมันปราบดังคำรามทั่วบริเวณโรงรถ กว่าที่ปุริมและผกายฤทธิ์จะไปถึงเพื่อห้ามปราบคนใจร้อน ตรีประดับก็ทะยานฮาเล่ย์คันสวยสวนออกไปทางหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวไอ้หนู!แล้วข้าวต้มของพ่อละลูก!”
ผกายฤทธิ์ที่ยังคงถือหม้อข้าวต้มไว้ตะโกนถามแข่งกับเสียงกระหึ่มของเจ้าฮาเล่ย์คันโปรด ปุริมมองนัยน์ตาพราวระยับอย่างภาคภูมิใจของผกายฤทธิ์ เขาดูออกว่าพ่อของตัวยุ่งปลื้มใจที่ลูกสาวขับลูกรักออกไปแบบนั้น หมอหนุ่มถอนสายตาจากรุ่นเก๋า เขาตะโกนไล่หลังร่างแบบบางที่ขี่ฮาเล่ย์คันใหญ่ไกลออกไปเรื่อยๆ
“ปริม ใส่หมวกกันน็อคด้วย!”
หญิงสาวไม่ได้หันมามองที่เขาอีกแล้ว เธอทำเพียงคว้าหมวกกันน็อคที่ห้อยอยู่บนแฮนด์จับมาถือไว้ ยกขึ้นกลางอากาศแล้วส่ายไปมาเพื่อบอกให้บุรุษทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงเธอ
อืม…แล้วคิดว่าเขาจะเลิกห่วงได้ไหมละ
นายแพทย์หนุ่มมองตามตรีประดับจนกระทั่งหญิงสาวเลี้ยวฮาเล่ย์ลับสายตาไป เขาหันกลับไปที่ผกายฤทธิ์ซึ่งบัดนี้กำลังใช้ทัพพีตักก้อนหมูสับที่ใส่จนเต็มพิกัดขึ้นมาชิม
“คุณลุงครับ”
“ว่าไงไอ้ลูกชาย”
“ผมขออนุญาต…ไปรับปริมกลับ”
'บริษัทคีย์นิวเอจ' คือบริษัทเอเจนซี่โฆษณาสัญชาติไทยซึ่งทำงานด้านสื่อแบบครบวงจร ทั้งสื่อสารการตลาด ประชาสัมพันธ์ จัดทําแผนโฆษณาและวางแผนสื่อให้กับลูกค้า ส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบโฆษณาเดี่ยวและแคมเปญ แม้คีย์นิวเอจจะเป็นบริษัทขนาดกลาง ซึ่งมีสูญกลางเป็นเพียงตึกดีไซส์แปลกตาสูงสามชั้นย่านอโศก ไม่ใหญ่โตเท่าพี่ใหญ่ในวงการรายอื่นๆ แต่ผลงานของบริษัทน้องใหม่แห่งนี้กลับไม่ได้เล็กตามไปด้วย เห็นได้จากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คีย์นิวเอจได้รับรางวัลการันตีความสามารถจากทุกสาขาโฆษณา จนใครต่อใครต่างขนานนามว่าคีย์นิวเอจคือเอเจนซี่อายุน้อยแต่อนาคตไกล ซึ่งแกร่งพอที่จะงัดข้อแย่งลูกค้าจากเอเจนซี่รายอื่นที่อยู่มานานกว่าอย่างสบายๆ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือการต่อสู้กันอย่างดุเด็จเผ็ดมันของบุคลากรในบริษัท การต่อสู้อันแสนเข้มข้น ที่ค้นหาเพียงโปรเจคหนึ่งเดียวของผู้ชนะเท่านั้น!
“นิกกี้! มาดามรับสายหรือยัง!”
บุริศร์ในชุดสูทตัวหรูร้องถามขณะก้มมองเท้าทั้งสองของตนที่ซอยถี่ลงบันไดหน้าบริษัทมาหาน้องในทีมอย่างรีบร้อน
ชายหนุ่มอีกคนนามธนิกที่กำลังต่อสายหาตรีประดับยิกๆส่ายหน้าปฎิเสธ “เชื่อเถอะเจ้ว่านิกกดโทรจนเจลที่เล็บจะแตกอยู่แล้ว มาดามมัวทำอะไรอยู่นะ หรือนางยังไม่สางเมา นอนอุตุอยู่บนเตียง ลืมไปแล้วว่าวันนี้มันวันพรีเซนต์ใหญ่ของบริษัท!!”
บุริศร์ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมร่างที่โงนเงนไปมาคล้ายจะเป็นลม ธนิกรีบเข้าไปพยุงร่างสูงหนาของอีกฝ่ายไว้ ขณะที่เจ้าตัวยกยาดมสูดเข้ารูจมูกไปด้วย
“เป็นไปไม่ได้ Group Head อย่างมาดามจะพลาดงานนี้ไม่ได้เด็ดขาด ทีมเราลงแรงกว่าสามเดือนเพื่อคิดงานนี้ ต้องเข่นฆ่าฟาดฟันกับทีมนังเบ็ตตี้จนเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะชนะ ที่สำคัญคุณทัตสึลูกค้าของเราก็อยากพบทีมออกแบบ นี้เป็นโอกาส เป็นผลงานชิ้นไฮโซโบว์ใหญ่ที่พวกเราจะสร้างชื่อให้ทีม! เพราะงั้นยังไงมาดามก็ต้องมา ฉันเชื่อในตัวมาดาม!”
บุริศร์กล่าวอย่างมาดมั่นแม้เวลานัดลูกค้าจะใกล้เข้ามาทุกที พลันนั้นเขาก็นึกถึงใบหน้าสมใจของ 'เบญจาภา' หรือเบ็ตตี้ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับตรีประดับมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย และนางนั้นคงจะพอใจแน่ถ้ารู้ว่าทีมของพวกหล่อนกำลังจะพลาดงานชิ้นสำคัญ!
ระบบการทำงานของคีย์นิวเอจคือจะแบ่งการทำงานเป็นทีม หนึ่งทีมมีจำนวนสมาชิก 5 คน ภายใน 5 คนนี้มีฝ่ายกลยุทธ์ทางการตลาด (Strategic Plannin) ฝ่ายอาร์ต (Creativ) รวมอยู่ในทีมเดียวกัน โดยหัวหน้าทีมคือ Group Head ซึ่งก็คือตรีประดับ จะคอยดูแล รับผิดชอบ และแจกแจงงานแกลูกทีมหลังได้รับ Brief งานจากฝ่ายดูแลลูค้า หรือ AE ทว่าที่เกริ่นว่าดุเดือดเลือดพล่านคือในบริษัทคีย์นิวเอจนั้นไม่ได้มีเพียงทีมๆเดียวในการคิดงานส่งลูกค้า แต่มีถึงสองทีมเพื่อแข่งขันกันเอง โดย AE จะส่งงานให้ และฝ่ายบริหารจะมอบต่อให้ Group Head ของสองทีมเพื่อคิดงานที่ดีที่สุดออกมา หากโปรเจกต์ของทีมไหนดีกว่าก็ชนะ ผลงานก็จะได้รับเลือกให้ส่งออกไปสู่มือลูกค้า ซึ่งแปลว่าสองทีมนี้เสมือนเป็นทีมคู่แข่งแต่อยู่ในบริษัทเดียวกัน แน่นอนว่าโปรเจกที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทีมของตรีประดับก็คิดงานจนชนะมาได้ แล้วมีหรือ Group Head ของทีมที่แพ้อย่างเบญจาภาจะไม่แสะยิ้มอย่างดีใจ ถ้าฝ่ายนั้นทราบว่าพวกหล่อนกำลังจะพลาดการพรีเซนต์ที่อุตส่าห์ลงแรงสุดตัว!
“เฮ้ยเจ้บี๋ ดูนั้น!!!”
จู่ๆเสียงของธนิกก็โห่ร้องขึ้นอย่างดีใจก่อนจะดึงๆดันๆให้บุริศร์หันไปมองยังถนนทางเข้าบริษัทที่บัดนี้ยังคงคับคั่งไปด้วยรถราอันเป็นผลจากการจราจรที่ติดคัด พลันนั้นบุริศร์ เลขาผู้พ่วงตำแหน่งน้องที่คณะของตรีประดับมาด้วยก็เบิกตากว้าง ครั้นมองเห็นร่างคุ้นตาของคนที่รอบคอยขับ…เดี๋ยวนะ! มาดามขับฮาเล่ย์มาทำงานเหรอ!!!
“มาด๊ามมมม กรี๊ดดด นิกกี้กางร่ม!!!”
แน่นอนว่าความโล่งใจย่อมมีมากกว่าความสงสัย บุริศร์วิ่งเข้าไปใกล้รถฮาเล่ย์คันใหญ่พอดีกับที่ตรีประดับจอดเอี๊ยดจนแทบขมำก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออก
“ไม่ต้องกางมันแล้วร่มน่ะ ไปเร็ว!!”
ว่าจบหญิงสาวก็กระโดนลงจากรถ ไม่สนใจกระโปรงที่ถลนขึ้นไปครึ่งขาอ่อน เดินดุ่มๆเข้าไปในบริษัท ไม่ยิ้ม ไม่ยกมือไหว้ตอบใครต่อใครตลอดทางเดินไปจนถึงทางขึ้นลิฟท์!
‘ตึง!’
ลิฟท์ตัวหรูเปิดออกพร้อมร่างแบบบางที่แทบจะกระโจนเข้าไปภายใน บุริศร์และธนิกวิ่งตามมาสบทบซ้ายขวา ก่อนตรีประดับจะกดชั้น 3 แล้วหันมองลูกทีมอีกสองคน
“คุณทัตสึมาหรือยัง!”
“มาแล้วค่ะมาดาม ถึงราวสิบนาทีได้แล้ว คุณจีนเธอว่าจะถ่วงเวลาไว้ให้ ยังไงก็ทันค่ะ แต่เอ่อมาดามคะ ชุดนี้มัน...จะดีหรือคะ”
ตรีประดับก้มมองชุดของตัวเองก่อนจะหันไปทางกระจกลิฟท์ด้านข้างเพื่อสำรวจการแต่งกายให้เต็มตา
โอเคนี้ผมหรือรังนกกระจิบ เสื้อคลุมคาร์ดิแกนนี้ก็ยับยู่ยี่เชียว สภาพนี้น่ะเหรอจะไปพบลูกค้ายัยตรี!ประ!ดับ!
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้วเมื่อลิฟท์ได้เคลื่อนตัวมาถึงยังชั้นเป้าหมาย เพราะงั้นคนที่เคยเนียบตั้งแต่หัวจรดเท้า บนตัวต้องมีของแบรนด์เนมซักสามสี่อย่างอย่างตรีประดับจึงจำต้องใช้สองมือรีดชุด ใช้ร่องนิ้วสางผมที่พันกันเป็นสังกะตังให้เข้าที่ เมื่อสำรวจและสรุปได้ว่าเธอคีพลุคให้ดูดีได้แค่นี้จริงๆ หญิงสาวก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก้าวออกจากลิฟท์ เดินตรงไปยังทางเดินด้านหน้า และที่หน้าห้องประชุมนั้น หญิงสาวพบลูกทีมอีกสามคนกำลังยืนทำหน้าเศร้า มองไปยังประตูห้องประชุมที่ปิดสนิท
“ทุกคน! ขอโทษที่สาย ฉันมาแล้ว”
นิดา ฝ่ายการตลาดของทีมเป็นคนแรกที่เห็นตรีประดับ เธอก้มหน้าน้ำตาคลอ และนั้นทำให้คนเป็นหัวหน้าทีมเริ่มใจเสีย
“เกิดอะไรขึ้นน้องดา"
“ฮึก พี่เบ็ตตี้แย่งงานเราไปแล้วค่ะพี่ปริม ตอนนี้เธอกำลังพรีเซนต์งานของเราอยู่ข้างใน”
"อะไรน๊ะ!!!"
ตรีประดับกีดร้อง และนั้นยิ่งทำให้นิดาตัวสั่นระริกเพราะรู้เดชนางพญาของตรีประดับดี มาดามปริมโกรธแล้ว!
ตรีประดับหันไปมองบุริศร์ที่สะดุ้งโหย่งทันทีที่โดนหันมอง “ไหนหล่อนบอกว่าพี่จีนกำลังถ่วงเวลาอยู่ไงบี๋”
หญิงสาวถามถึงรมณ์รุจี หัวหน้าแผนกที่บุริศร์กล่าวถึงในตอนแรก
“คุณจีนถ่วงเวลาให้เราค่ะ” นิดาแย่งขึ้น “แต่พวกพี่เบ็ตตี้กลับยกทีมเข้ามา พวกเขาเตรียมพร้อมมากอย่างกับเป็นงานของทีมเขาเสียเอง พอลูกค้าเห็นว่าทีมของบริษัทมาถึงแล้วก็ขอเริ่มการพรีเซนต์ คุณจีนเองก็หมดโอกาสที่จะปฎิเสธ”
ตรีประดับกำหมัดแน่นหลังรับฟังเรื่องราวที่เกิด หญิงสาวมองใบหน้าของลูกทีมที่เหลือ สามเดือนกับการอดหลับอดนอน ทุ่มสุดตัว ยอมทำงานห่ามรุ่งห่ามคำ ทว่าอยู่ๆพวกหมานัยขี้แพ้กลับคิดจะมาคาบเอาไป
คิดว่าเธอจะยอมงั้นเหรอ!!
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดใจ เอื้อมมือพลักบานประตูเข้าไปเต็มแรง พลันนั้นใบหน้าเอาเรื่องก็ฉีกยิ้มกว้าง
“สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษนะคะที่ปริมมาสาย”
ตรีประดับร้องขึ้นทันทีที่เธอก้าวเดินเข้าไปภายในห้องประชุม และนั้นทำให้ทุกๆสายตาที่กำลังนั่งฟังการพรีเซต์อยู่หันตัวกลับมามองเธออย่างแปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกัน หญิงสาวกวาดสายตามองลูกค้าชาวญี่ปุ่น เธอโค้งให้เขาแล้วกล่าวทักทายเป็นภาษาของอีกฝ่ายตามที่หัดมา ก่อนจะหันมองไปทางรมย์รุจี ที่บัดนี้คลายความตกใจต่อการปรากฏกายของเธอแล้ว เปลี่ยนเป็นตำหนิ ตาที่กรีดอายไลน์เนอร์เสียงคมบาดตานั้น คล้ายกับกำลังส่งสัญญาณบางอย่างมาให้
ตรีประดับเลือกที่จะไม่สนมรมย์รุจี หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางหน้าห้อง ดูจากสายตาการพรีเซนต์คงจะเริ่มไปได้ซักพักแล้ว เห็นได้จากสไลด์บนจอโปรเจกเตอร์ที่ทีมของเธอทำเองกับมือ ถูกเลื่อนไปยังสไลด์ที่สี่ ตรีประดับกัดฟันกร๊อด เลื่อนสายตาจากโปรเจกเตอร์ไปทางหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ด้านหน้า และเป็นคนเดียวภายในห้องเช่นกันที่ยืนพรีเซนต์งานอยู่
‘ยัยเบ็ตตี้!’
ร่างระหงส์ซึ่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนราวนางแบบส่งยิ้มให้ตรีประดับบางๆ นัยน์ตาคมเฉียวของหล่อนจ้องนิ่งมาที่คู่แข่งคนสำคัญเช่นตรีประดับไม่ยอมหลบไปไหน เบญจาภาดูไม่ตกใจต่อการมาของเจ้าของผลงานตัวจริงเลยซักนิด ซ้ำยังดูพอใจด้วยซ้ำที่ตรีประดับโพล่พรวดเข้ามา คล้ายสมใจที่แผน…กำลังจะเป็นไปตามแผน
“อ้าวเบ็ตตี้ เธอก็มาฟังพรีเซนต์ด้วยเหรอ แต่ขอโทษนะ…ยืนผิดที่หรือเปล่าจ้ะ”
ตรีประดับถามขณะก้าวเดินไปทางด้านหน้าอย่างมั่นใจ ทว่าจู่ๆรมย์รุจีที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวรที่หญิงสาวกำลังจะเดินผ่านกลับคว้าแขนของเธอเอาไว้ ปลายเล็บสีแดงสดกดลงบนข้อมือเล็กอย่างปรามๆ ทว่าความเจ็บแค่นั้นจะไปมีผลอะไร เพราะที่มันกำลังเจ็บกว่าคือใจของเธอและลูกทีมของเธอต่างหาก!
“หยุดนะปริม มานั่งลงข้างๆพี่”
ตรีประดับยิ้มกว้างให้รมณ์รุจี เธอแกะลำแขนของตัวเองออกก่อนจะตอบกลับ
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่จีน ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของปริม ที่ของปริมคือข้างหน้านั้น! เบ็ตตี้จะมาฉุบมือเปิบ แย่งงานทีมปริมไปเฉยๆไม่ได้!”
หญิงสาวว่าก่อนทำท่าออกเดินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รมย์รุจีกลับยืนขึ้นแล้วร้องห้าม “หยุดได้แล้วปริม! พี่เป็นคนอนุณาตให้เบ็ตตี้พรีเซนต์งานแทนเธอเอง!!”
ตรีประดับชะงักก่อนจะหันมองรมย์รุจีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “พี่จีน”
“นั่งลง รอให้การพรีเซนต์จบ เราค่อยคุยกัน”
“แต่พี่จีนคะ!”
“เธอกำลังทำให้บริษัทของเราเสียชื่อ! อย่าลืมสิว่าคนที่ลืมหน้าที่ของตัวเองก่อนคือตัวเธอนะปริม!”
ตลอดเวลาในการนั่งอยู่ในห้องประชุมเพื่อฟังคนอื่นบรรยายงานของตัวเอง ทำให้ตรีประดับรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าและหัวใจ เบญจาภาช่างเป็นนักพูดที่ดี หล่อนอธิบายโปรเจคของตรีประดับราวกับเป็นงานที่คิดขึ้นมาเอง ทุกคำพูด และทุกๆการตอบคำถามอย่างมีชีวิตชีวานั้นไม่ผิดไปจากที่ตรีประดับและลูกทีมเคยพรีเซ็นต์เอาไว้ในการแข่งขันคิดโปรเจกครั้งก่อน
คงเป็นครั้งนั้นที่เบญจาภาจดจำคำพูดตรีประดับ หรือไม่อีกฝ่ายก็อาจจะอัดเสียงเอาไป วันนี้ถึงได้พูดทุกอย่างตามเธอได้อย่างแม่นยำ
เธอมันเก่งจริงๆกับเรื่องพันอย่างนี้นังปลิงหัวดำ!
การพรีเซนต์จบลงอย่างสวยงาม ลูกค้าชาวญี่ปุ่ณพอใจกับแนวคิดและแผนการตลาดของโฆษณาตัวใหม่ที่คียน์นิวเอจทำให้ เขากล่าวขอบคุณรมย์รุจี และชมเบญจาภาพร้อมลูกทีมเป็นพิเศษ กล่าวว่าตัดสินใจดีลงานต่อๆไปกับคีย์นิวเอจอย่างถาวร และขอให้ทีมออกแบบคือทีมของเบญจาภาด้วย เพราะชื่นชมในความผิดแปลกใหม่ที่หล่อนใส่ลงมาในชิ้นงาน
รมย์รุจียืนส่งคุณทัตสึและเลขาออกจากห้อง ขณะที่ตรีประดับยันกายที่จู่ๆก็ปวดแปลบในช่องท้องให้ลุกยืนเพื่อเดินตามออกไป ทว่าจู่ๆเงาร่างของเบญจาภากลับมาขว้างทางเธอไว้ เมื่อตรีประดับเงยขึ้นมอง ก็พบรอยยิ้มร้ายจากเรียวปากที่แต้มด้วยลิปเมทสีชมพูอ่อน
“อะไรกันปริม ถึงจะโดนแย่งงานไปต่อหน้าต่อตา แต่อย่างน้อยก็น่าจะแต่งตัวให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ใช่เหรอ”
ตรีประดับกำหมัดแน่น นัยน์ตาหวานที่ไม่ได้แต่งเติมอะไรมาเลยกวาดมองทั่วตำแหน่งใบหน้าของอีกฝ่าย
เธอกำลังเลือกเป้าว่าจะประทับรอยมัดไว้ตรงไหนดี!
“โอ๊ะๆ โกรธซะแล้ว นี้ฉันทำมาดามปริมโกรธอีกแล้วหรือนี้”
ทว่ายังไม่ทันที่ตรีประดับจะได้ลงมือ รมย์รุจีกลับเดินเข้ามาคั่นกลาง หล่อนหันไปมองเบญจาภาแล้วเอ่ยเสียเย็น
“เธอไปได้แล้วเบ็ตตี้ ขอบคุณมากที่ยอมเหนื่อยเพื่อคีย์นิวเอจ”
เบญจาภาแย้มยิ้มยกมือไหว้รมย์รุจี แต่ก่อนที่จะเดินจากไป หล่อนกลับชะงักแล้วหันกลับมามองตรีประดับพร้อมใบหน้าเยาะเย้ยอีกครั้ง มือบางที่ประดับไปด้วยแหวนวงงามตามสมัยนิยมยื่น Storyboard ในมือมาให้หญิงสาว
“ฉันลืมคืน…พึ่งนึกขึ้นได้น่ะว่ามันเป็นผลงานของทีมเธอ”
รมย์รุจีรับเจ้า Storyboard นั้นแทนตรีประดับที่กำลังตัวสั่นเทา ก่อนส่งสายตาตำหนิใส่เบญจาภา ที่ยิ้มแย้มแล้วเดินหัวเราะออกไปพร้อมลูกทีมคนอื่นๆ
เมื่อพ้นไปแล้ว หัวหน้าแผนกอย่างรมย์รุจีก็หันกลับมามองตรีประดับ หล่อนถอนหายใจ เป็นลมหายใจที่ดูเหนื่อยและตำหนิติเตียน
“รู้หรือเปล่าว่าความผิดของเราคืออะไร”
คนเป็นหัวหน้าเริ่มพูด แววตาผิดหวังสาดซัดเข้าสู่จิตใจของตรีประดับจนเธอแทบพูดอะไรไม่ออก
“เพราะรู้ปริมถึงยอมหยุด ไม่อย่างนั้นยัยเบ็ตตี้เจอดีกับปริมแน่”
รมย์รุจีถอนหายใจอีกครั้ง เดินไปหยิบเอกสารในการพรีเซนต์มาถือไว้
“หนึ่งคือเธอมาไม่ตรงเวลา ปล่อยให้ลูกค้ารอ สองบรู๊ฟเอกสารในการประชุมที่พี่สั่งแก้ครั้งสุดท้ายก็ไม่ส่งมาให้ทั้งที่รับปากเอาไว้แล้ว พอพี่โทรเช็คเธอก็ปิดเครื่อง โทรหาลูกทีมเธอได้คำตอบว่าเธอไปเมาที่ร้านยาดองอะไรนั้น นี้เหรอหัวหน้าทีมที่สร้างชื่อให้คีย์นิวเอจมาหลายต่อหลายปีน่ะปริม ความรับผิดชอบของเธอมันหายไปไหน!”
รมย์รุจีกล่าวก่อนจะโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าตรีประดับ
“โชคดีที่เบ็ตตี้และทีมของเขามาช่วยกู้หน้าบริษัทเราไว้ เขาแก้เอกสารตามที่พี่สั่งอย่างถูกต้องทุกอย่าง ในขณะที่เธอซึ่งเป็นเจ้าของงานแท้ๆกลับหายหัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ปริม เราทุกคนรู้ดีว่าคุณทัตสึคือลูกค้ารายใหญ่ ถ้าเราดีลงานผ่านทางเขาได้ นั้นหมายถึงสื่อโฆษณาบริษัทในเครือของเขาทั้งหมดจะเป็นของเรา เธอก็รู้ดี”
“ปริมทราบค่ะ”
“ทราบแต่ก็ยังปล่อยให้ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้น นั้นยังน้อย เพราะสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือการบุกเข้ามาแหกหน้าเบ็ตตี้ จริงอยู่ที่ระบบของคีย์นิวเอจคือสร้างทีมให้สองทีมแข่งขันกันเองง เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ดีที่สุดก่อนส่งมอบให้ลูกค้าของเรา แต่สุดท้ายเราทุกคนคือทีมเดียวกันนะปริม ไม่ว่าเธอ เบ็ตตี้ ตัวพี่ หรือแม้แต่แม่บ้านทำความสะอาดต่างก็เป็นคีย์นิวเอจ แต่สิ่งที่เธอทำเมื่อกี้คือการขายองค์กรของเรา พี่ถามหน่อยว่ามันควรไหม”
“…ไม่ควรค่ะ”
รมย์รุจีมองตรีประดับอย่างผิดหวัง ท่าทีเข้มงวดค่อยๆจางหายไปหลงเหลือแค่แววตาสงสัยและเป็นห่วง อันเป็นสายตาที่ตรีประดับมักได้รับอยู่เสมอจากหัวหน้าที่เธอเคารพรักดุจญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“เธอไม่เคยเป็นแบบนี้" รมย์รุจีกล่าวต่อเสียวแผ่ว "นี่ไม่ใช่ Group Head ที่เอเจนซี่ทั้งประเทศต้องการซื้อตัวคนนั้นที่พี่รู้จัก คีย์นิวเอจมีทุกวันนี้ได้พี่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นเพราะมันสมองของเธอ ผลงานต่างๆ รวมถึงรางวัลที่บริษัทได้รับมาจากความสามารถในการนำทีมของเธอทั้งนั้น แต่นี้มันเกิดอะไรขึ้นปริม”
ตรีประดับหลับตาลงครั้นรมย์รุจีพูดมาถึงประโยคนี้ เธอนึกย้อนถึงความผิดพลาดของตัวเอง
เธอเสียศูนย์
ใช่เธอยอมรับ เพราะการถูกตรันบอกเลิกทำให้เธอเป็นบ้าเป็นหลังจนลืมการลืมงาน เธอจะไม่โทษว่าเป็นเพราะเขาหรอก เพราะที่สุดแล้วความรักบ้าๆบอๆไม่สามารถมาทำลายงานของเธอได้ แต่เป็นตัวเธอ เธอนั้นแหละที่ทำมันพัง ซ้ำยังฉุดลูกทีมของตัวเองให้ลงนรกตามมาด้วย!
“ปริมไม่ขอแก้ตัว” ตรีประดับเอ่ยเสียงเบาก่อนจะลืมตามองตอบรมย์รุจี “ปริมโมโหมากไปเพราะสงสารลูกทีมที่ทำงานหนักมาตลอดสามเดือน พี่จีนคะ ปริมยอมรับผิดครั้งนี้ แต่ลูกทีมของปริมไม่เกี่ยว เขาควรได้รับคำชม ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่คิดโปรเจกนี้ ตัวปริมไม่รับก็ได้ แต่ลูกทีมทุกคนของปริมต้องไม่ถูกลืม!”
“ตกลงเธอจะไม่เล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”
“ปริมไม่อยากพูดถึงเพราะมันไร้สาระเกินไปที่จะเล่า แต่อยากขออะไรพี่จีนซักเรื่องค่ะ”
รมย์รุจีขมวดคิ้วสงสัย “เธอต้องการอะไร”
“ให้เครดิตลูกทีมปริม และช่วยปลดปริมออกจากการเป็น Group Head ของทีมที”
การตัดสินใจและน้ำเสียงที่ชัดเจนเด็จขาดทำให้คนเป็นหัวหน้าเช่นรมย์รุจีเบิกตาโตต่อต้าน “ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เธอมีความผิดก็จริง แต่ไม่ได้ผิดขนาดต้องปลด”
“แต่ปริมต้องการอย่างนั้นค่ะพี่จีน"
ตรีประดับตอบทันควันคล้ายไม่ลังเลต่อการตัดสินใจของตัวเอง
"เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ปริมคิดได้ว่าปริมยังไม่พร้อมที่จะเป็นผู้นำของใครจริงๆ ปริมนึกถึงแต่ปัญหาของตัวเอง เอาอารมณ์ตัวเองนำทุกอย่าง ปริมไม่นึกถึงส่วนรวม ไม่เห็นค่าในงานที่ลูกทีมทำ ปริมไม่สามารถนำทีมขอปริมได้ และถ้าทำไมได้ ปริมก็จะไม่ฝืนทำมัน”
รมย์รุจีมองลูกน้องที่เห็นและดูการเติบโตมาตลอดตั้งแต่เป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ความเอ็นดูนั้นยอมรับว่ามีอยู่มาก เพราะตรีประดับเป็นคนหัวไว มีความสามารถและใช้คนเป็น คุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำทุกอย่าง จะผิดก็แค่วันนี้ ซึ่งคนเป็นหัวหน้าพอเดาได้เหมือนกันว่าสาเหตุมาจากอะไร
“บอกมาตามตรงว่าเรื่องที่ทำให้เธอเขว เป็นเรื่องของนายตรันใช่ไหม”
ตรีประดับเงียบไปครู่ ก่อนจะตอบกลับไป “แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ...แต่ที่ปริมรู้คือตอนนี้ปริมเหนื่อย ปริมอยากอยู่กับตัวเองซักพัก ทบทวนเรื่องบางเรื่องให้สมองกับหัวใจมันเข้าใจตรงกันเสียที ไม่อย่างนั้นปริมต้องบ้าไปแน่ๆ”
รมย์รุจีถอนใจ เมื่อเป็นความต้องการจากใจจริงไม่ใช่น้อยใจที่โดนตำหนิหล่อนก็ป่วยการที่จะยื้นคนหัวแข็งเช่นตรีประดับ
“แต่พี่อยากให้เราลองกลับไปคิดดูอีกที"
"พี่จีนรู้จักปริมดีนี่คะ ถ้าปริมไหว ถึงตายปริมก็ไม่ถอย"
หัวหน้าและลูกน้องมองสบตากันราวกับกำลังสื่ออะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายเข้าใจ และเป็นรมย์รุจีที่ยอมแพ้ให้กับการตัดสินของตรีประดับ
"พี่จะลองคุยกับคุณพิมานถึงความต้องการของปริม ท่านอาจจะหา Group Head คนใหม่มาแทนจนกว่าปริมจะพร้อมกลับมารับตำแหน่งเดิมของตัวเอง แต่ว่า…แค่เปลี่ยนตำแหน่งชั่วคราวเท่านั้นนะ ยังไงปริมก็ยังต้องอยู่ในทีม”
“ขอบคุณค่ะพี่จีน”
รมณ์รุจีพยักหน้ารับก่อนจะยกมือตบไหล่หญิงสาว “เอาเถอะ วันนี้พี่อนุญาตให้ลากลับบ้านได้ ไปพักผ่อนเติมพลังให้เต็มที่ แล้ววิคหน้ากลับมาไฟท์กันใหม่นะ”
ตรีประดับไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอทำเพียงยกมือไหว้ แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องประชุม
ที่ด้านนอก ลูกทีมทั้งสี่ของเธอยืนเรียงรออยู่ ดูเหมือนการสนทนาทั้งหมดระหว่างเธอและรมย์รุจีจะไม่ใช่ความลับเสียแล้ว
“มาดาม / พี่ปริม”
เสียเรียกอันสั่นสะท้านทำให้ตรีประดับจำต้องยกยิ้มทั้งที่ปากรู้สึกหนักอึ้ง “แบบนี้แหละดีแล้ว อีกอย่าง…ขอโทษนะทุกคนที่ทำให้ต้องลำบาก”
บุริศร์เป็นคนแรกที่เดินเข้าหาตรีประดับ ยกหลังมือปาดน้ำตาปอยๆก่อจะเริ่มพูด “ยังไงพี่ปริมก็คือหัวหน้าทีมของเรา”
ต่อด้วยนิดา ฐากร และคนอื่นๆที่เดินเข้ามาใกล้ราวกับเห็นด้วยในคำพูดของบุริศร์
“ขอบใจทุกคนมาก…รีบกลับไปทำงานกันเถอะ”
กล่าวจบหญิงสาวก็เดินแวกทางไปขึ้นลิฟท์ ทิ้งลูกทีมทั้งสี่ให้มองส่งอยู่ทางด้านหลังโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
-----------------------------
กำลังแต่งอยู่น้า
โอ๊ยต้องขุนความรู้ที่เรียนมา จบมาพึ่งได้ใช้ กร๊ากกก
มันละเอียนิดน้าาาา จบตอนนี้ก็ไม่มีแล้ววววว
ขอบคุณที่ช่วยไรท์ดูคำผิดจ้าา รักเหลือเกินนนน มีคำผิดแจ้งได้นะคะ T_T
คลิ๊ก! >> เพจเฌอมา <<
ผลงานของเฌอมา
ฝากเพจด้วยจ้า
__________________________________________________________________________________________________________________________________________
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจิตนาการและความคิดของผู้แต่งเท่านั้น ทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง สถานที่ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสเนื้อหาของนิยายให้มีความน่าสนใจขึ้นเท่านั้น ผู้อ่านที่รักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งใน นิยายไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด
[ สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สมาคมนักเขียน ]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จนต้องหาคำว่า "ภรรยาเจ้า" ถึงขึ้นมา 555 เพิ่งเจอนิยายใหม่นี่ล่ะค่ะ
ชอบแนวขำ ตลก ซึ้ง กินใจ แบบนี้เลยค่ะ ติดตามนะคะ
---------------------------------------------------
วันพุธ ไม่ใช่ ไม่วันพุทจ้าา