ตอนที่ 5 : Chapter 5 : น้องถั่วงอก (100%) รีไรท์
พ ร ะ พ า ย ท า ย รั ก
_______________________________________________________________________________________________________________________________________
By เฌอมา
Chapter 5 : น้องถั่วงอก
โรงอาหารของโรงพยาบาลในเวลาพักเที่ยงเนื่องแน่นไปด้วยผู้คน ทั้งญาติผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ ร่วมไปถึงคุณหมอจากแผนกๆต่างๆที่หลั่งไหลกันเข้ามาภายในอาคารชั้นเดียวอย่างไม่ขาดสาย คุณหญิงก้อยเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคุณหมอเหล่านั้น หญิงสาวกวาดสายตามองป้ายร้านอาหารนานาชนิดที่โชว์เด่นหราตรงหน้า ในหัวพลางคิดว่าวันนี้ตนจะกินอะไรดี
“งั้นเดี๋ยวเราไปจองที่นั่งให้ก่อนแล้วกัน ก้อยไปสั่งอาหารเลย”
รุ้งนรินหรือหมอรุ้ง เพื่อนหมอ OPD แผนกศัลกรรมกล่าวกับคนมีศักดิ์เป็นคุณหญิง ก่อนทั้งคู่จะแยกเดินไปคนละทางเมื่อตกลงกันเรียบร้อย
อาหารจานเดียวอย่างง่ายๆที่คุณหญิงก้อยเลือกทานในวันนี้คือผัดผักรวมราดข้าวกลิ่นหอมฉุย หลังจากได้เมนูอันโอชะที่นึกอยากทานตั้งแต่ช่วงเช้ามาแล้ว คนเป็นคุณหญิงก็เดินสอดส่ายสายตามองหาหมอรุ้งจากคลื่นมหาชนเบื้องหน้า เมื่อพบเพื่อนยืนเท้าโต๊ะโบกมือมาให้อยู่ทางมุมหนึ่งของโรงอาหาร ก็เร่งเดินเข้าไปหา เพื่อสลับให้อีกฝ่ายไปซื้ออาหารแทน
อาหารยั่วน้ำลายถูกวางอย่างเรียบร้อยตรงหน้า ทว่าเธอไม่คิดจะลงมือกิน เพราะหญิงสาวอยากที่จะรอทานไปพร้อมรุ้งนรินมากกว่า คนตัวบางเอนหลังนั่งพิงเก้าอี้ก่อนจะหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารของตัวเองออกมากจากกระเป๋าเสื้อ แลเห็นข้อความแจ้งเตือนของโปรแกรมแชทยอดนิยามปรากฏบนหน้าจอ แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกดเข้าไป ร่างสูงโปร่งของหมอดลก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน
“นั่งด้วยนะคุณหญิง”
“ไปให้พ้น”
คุณหญิงก้อยตอบกลับคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเงยมองตอบ และแน่นอนว่าคำไล่เพียงเท่านั้นย่อมใช้ไม่ได้กับคนกวนประสาทอย่างดลวัฒน์ ซ้ำคนแสร้งทำหูทวนลมยังก้มตรวจตามองจานอาหารของเธอ ก่อนจะพยักหน้าพอใจที่เห็นอาหารสุขภาพเช่นผัดผักรวมมิตร มิใช่ของทอดหรืออาหารรสจัดจ้านที่สาวๆทั่วไปชอบบริโภคกัน
“ถ้าให้ดีกินโปรตีนเพิ่มอีกซักหน่อยนะคุณหญิง หุ่นยิ่งเหมือนถั่วงอกแบบนี้ กินแค่นี้ไอส่วนที่ควรจะนู้นมันก็ไม่นู้นออกมากันพอดี”
คุณหญิงก้อยตวัดสายตามองชายหนุ่มที่เริ่มมาจุ้นกับชีวิตของเธออีกแล้ว ก่อนจะคว้าช้อนส้อมที่ชายหนุ่มกำลังใช้เขี่ยๆไปมาบนอาหารของเธอ รวบ แล้ววางอย่างเรียบร้อยไว้ที่เดิม
“บอกให้ไปให้พ้นไง! ฉันเบื่อขี้หน้านายจะแย่อยู่แล้วรู้ไหม!”
ดลวัฒน์เลิกคิ้วมองตอบคนที่ชอบฉุนเฉียวอยู่เสมอเวลาเจอเขา แต่กับคนอื่นกลับน่ารักเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ก่อนจะแสร้งทำสีหน้าน้อยใจ น้ำเสียงอ่อยเบาถูกหยิบมาใช้เพื่อให้ตนเองดูน่าสงสารเหลือประมาน
“ทำไมจิตใจโหดร้ายอย่างนี้ คุณหญิงจะพูดกับว่าที่สามีแบบนี้ไม่ได้นะ”
“นายไม่ใช่ว่าที่สามีฉัน! แล้วก็เลิกสร้างข่าวลือเรื่องกับดักรักบ้าบออะไรนั้นด้วย”
“ทำไมอ่ะ ก็เราสองคนรักกัน”
“นายไม่เคยรักฉัน! และฉันก็ไม่เคยรักนาย นายหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกคนอย่างฉันไม่ได้จำเอาไว้!”
ว่าจบคนเป็นคุณหญิงก็ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ ก่อนจะยกจานข้าวเดินออกไปอีกทาง
เธอยอมรับว่าเธอโมโห โมโหที่ชายหนุ่มเอาแต่พูดเรื่องแต่งงานอยู่ได้ เธอกับดลวัฒน์ใครก็รู้ว่าเป็นอริกันมานาน เป็นมาตั้งแต่เริ่มเรียนอนุบาลที่โรงเรียนหลวงกระทั่งจบหมอที่มหาลัยเดียวกัน ใช้ทุนที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งเดียวกัน เธอและเขาไม่เคยคุยกันดีๆซักครั้ง แต่การที่เขามาแกล้งบอกว่ารัก แกล้งผูกมัดเธอด้วยการแต่งงานมันออกจะหนักไปซักหน่อย เรื่องอื่นแกล้งได้เธอไม่ว่า แต่เรื่องอย่างนี้มันเอามาเล่นได้ที่ไหน!
ร่างแบบบางกระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะม้าหินในสวนย่อมระหว่างอาคาร ความเงียบสงบของสถานที่ทำให้คนเป็นคุณหญิงผ่อนจิตผ่อนใจลงได้เกือบครึ่ง ทว่า...
“เดินไม่รอกันเลยนะที่รัก”
‘มันยังจะตามมาอีก!!’
คุณหญิงก้อยตวัดใบหน้ามองคนอารมณ์ดีก่อนจะถอนใจ รอจนกระทั่งชายหนุ่มนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามเธอจึงเริ่มเสวนาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
“นายต้องการอะไรกันแน่นายดล ฉันไม่เชื่อว่านายจะงมงามกับเรื่องพระพายเสี่ยงทายนั้น และก็เชื่อว่านายไม่ได้รักฉันอย่างที่กำลังเสแสร้งแกล้งทำ”
“...คุณหญิงคิดมากไปแล้ว เรารักคุณหญิง เราถึงขอแต่งงาน”
“ถ้านายยังไม่เลิกพูดภาษาแมวๆแบบนั้นอีก ฉันจะหาตระก้อมาครอบปากนายซะ”
“ถ้าเรายอมให้ครอบแต่โดยดี คุณหญิงจะยอมแต่งกับเราหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่!”
ต่อนี้จ้าา
ประโยคตัดสัมพันธ์ทำให้หญิงสาวที่กำลังยกอาหารเดินเข้ามาใกล้ชะงัก เมื่อสองหนุ่มสาวบนโต๊ะหินรับรู้ถึงการมาของใครอีกคนก็หันกลับไปดู จึงพบหมอเกวลิน หรือหมอเกล เพื่อในกลุ่มของดลวัฒน์
“อ้าวเกล”
ดลวัตน์รีบยันกายลุกขึ้นทันทีที่เห็นเกวลินเดินเข้ามาใกล้ ก่อนชายหนุ่มจะรี่เข้าไปหา รับถาดอาหารที่หญิงสาวถือมาไว้ในมือ เมื่อก้มมองก็พบก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมกตับ ของโปรดซึ่งเขามักจะกินมันซ้ำๆจนเคยชิน กับจานข้าวผัดหมู ของโปรดของฝ่ายหญิงวางอยู่เคียงกัน
“ซื้อมาให้เราอีกแล้วเหรอ ที่หลังไม่ต้องลำบากนะ”
คุณหญิงก้อยกลอกตามองบนกับภาพและท่าทางสุภาพนุ่มนวลของดลวัฒน์ ไอ้กิริยาทะนุถนอมหมอเกลนั้นน่าสะอิดสะเอียดสิ้นดี กับคนอื่นละเป็นสุภาพบุรุษ ทีกับเธอล่ะกวนประสาทกันไม่เลิกรา เหอะ!’
“ไม่เป็นไร เกลเห็นดลคุยกับคุณหญิงอยู่เลยไปซื้อให้เองเสียเลย ยังไงเกลก็ติดเลี้ยงข้าวดลคืนอยู่แล้ว อ้อ เกลปรุงมาให้แล้วด้วยนะ ”
หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตครีมกระโปรงดำกล่าวขณะยิ้มตอบดลวัฒน์ ก่อนจะหันมาทักทายคุณหญิงก้อย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับตามปกติเฉกเช่นมารยาทของเพื่อนหมอร่วมโรงพยาบาลเดียวกัน
หมอเกลหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคุณหญิงก้อย ทว่าคนเป็นคุณหญิงกลับกำลังกระฟัดกระเฟียด เพราะดลวัฒน์ที่นั่งเป็นคนสุดท้าย เบียดกายลงมานั่งข้างเธอเสียอย่างนั้น แถมยังเบี่ยงตัวมาสะชิด จนแทบจะเรียกได้ว่า ร่างของเขาและเธอแทบจะบี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“นี่นายดล! จะมานั่งอะไรตรงนี้ฮะ!
“อ้าว ก็เก้าอี้มันมีแค่สองฝั่งอะ จะให้เราไปนั่งตรงไหน” ขณะพูดชายหนุ่มก็เบียดหญิงสาวอีกรอบ จนร่างเธอแทบจะเซไปอีกทาง
“นู้น! ไปนั่งบนพื้นนู้น! พื้นหญ้ามีตั้งมากมายให้นายได้ใช้สอย”
“ไม่เอาอะ นั่งกับก้อยจ๋าดีกว่า”
เกวลินมองเพื่อนของตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะออกปากชักชวนให้ดลวัฒน์มานั่งข้างเธอ เพราะหญิงสาวทราบดีว่าสองหญิงชายตรงหน้าไม่ค่อยจะลงรอยกันซักเท่าไร ทว่าชายหนุ่มเพียงคนเดียวกลับไม่ยินยอม ยืนยันจะนั่งนี้ ข้างๆคู่อริของตนอย่างนี้
ส่วนคุณหญิงก้อยก็ไม่น้อยหน้า ตอนนี้เธอไม่คิดจะถอยออกหรือเปลี่ยนที่นั่งอีกแล้ว เพราะกลัวคนข้างๆจะได้ใจและคิดว่าเขาชนะเธออีก จึงกลายเป็นว่าคนทั้งคู่เบียดบี้กันอยู่บนเก้าอี้ไม่ยอมถอยห่างจากกัน
“นี่ แขนน่ะหุบๆลงหน่อยจะได้ไหม!”
“เรื่องมากจริงคุณหญิง โดนนิดโดนหน่อยไม่ได้เลยนะ”
“โอ๊ยนายเหยียบเท้าฉัน!”
“ขอโทษล่ะกัน เรานึกว่าขาโต๊ะสนุ๊ก”
หมอเกวลินยกมือนวดขมับขณะคิดหาทางหยุดสงครามย่อมๆของสองคุณหมอผู้มีฐานันดร ก่อนจะเหลือบไปเห็นจานถั่วงอกที่ตนเป็นคนไปขอเพิ่มมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว จึงรีบใช้มันดึงดูดสายตาของชายหนุ่มทันที
“อ่ะนี่ดล ถั่วงอก เราขอเพิ่มมาให้”
ดลวัฒน์หันไปมองจานถั่วงอกด้วยตามันวาว ก่อนจะรับของโปรดมาถือไว้แล้วกล่าวขอบคุณเกวลิน “โอ๊ะขอบคุณเกล รู้ใจกันจริงๆ”
คุณหญิงก้อยมองมือขาวสะอาดของหมอหนุ่มที่หยิบเจ้าถั่วงอกเส้นบางขาวใสจากจานตรงหน้าขึ้นมาเต็มมือ ก่อนจะใส่มันลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของเขาในปริมาตรที่มากจนล้นจนพูนชาม
“ตาบ้า กินเข้าไปได้ยังไงขนาดนั้น เหม็นเขียวจะตาย”
ดลวัฒน์เลิกคิ้วมองคุณหญิงก้อยก่อนจะใช้ช้อนคลุกก๋วยเตี๋ยวกับถั่วงอกเหล่านั้นให้เข้ากัน
“ใครว่า ถั่วงอกกินแล้วชื่นใจจะตายไม่เหม็นเขียวซักนิด” ว่าจบก็หันไปมองหญิงสาวข้างกาย จนคุณหญิงก้อยผงะถอยห่างให้กับสายตาของเขา
“...อะไร”
“เปล๊า แค่จะบอกว่าเราชอบนะ...ถั่วงอกน่ะ”
คุณหญิงก้อยอึกอักเข้าให้แล้วเมื่อเจอคำพูดกํากวมของดลวัฒน์ ก็จะไม่ให้เธอชะงักได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้ตาบ้านี้ยังเรียกเธอว่าถั่วงอกอยู่เลย แล้วมาพูดแบบนี้มัน...
เกวลินมองคนสองคนที่ทำให้บรรยากาศรอบด้านแปลกไปอย่างใช้ความคิด ก่อนหญิงสาวจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาใหม่ ต้องเริ่มก่อนที่ตัวเธอจะถูกลืมว่ายังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
“จริงสิค่ะคุณหญิงก้อย เห็นว่าคุณหญิงตั้งใจเรียนต่อเฉพาะทางสูติเหมือนกันใช่ไหม คงจะเป็นปีหน้าหรือเปล่าคะที่จะเริ่มเรียน”
คำถามของแพทย์เฉพาะทางสูติฯอย่างหมอเกวลินทำให้คุณหญิงก้อยและหมอดลหยุดชะงัก แต่ถ้าสังเกตดีๆ บนใบหน้าของคนเป็นคุณหญิงมิใช่เพียงแค่ชะงัก แต่กำลังซีดเผือดจนหน้าตกใจ ส่วนชายหนุ่มที่นั่งข้างกายเธอเองก็ไม่น้อยหน้ากัน เพราะบัดนี้เขากำลังขมวดคิ้วเครียด มองเกวลินอย่างตำหนิถึงคำถามที่เพื่อนในกลุ่มถามขึ้นมา
“เอ่อ เกลแค่...”
เกวลินมองคุณหญิงก้อยอย่างรู้สึกผิด ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไรต่อ รุ้งนรินที่เดินหาเพื่อนสาวอยู่นานก็เข้ามาคั่นกลางเสียก่อน
“ก้อยมาอยู่นี้เอง เราหาทั่วเลย”
คุณหญิงก้อยรีบใช้โอกาสนั้นยันกายลุกขึ้น แล้วหันกลับมองสองคนที่เหลือบนโต๊ะม้าหิน
“รุ้งมาพอดี งั้นเราขอตัวไปกินข้าวกับรุ้งก่อนนะ ไปเถอะรุ้ง”
แรงฉุดแขนที่ไม่หนักไม่เบาทำให้หมอรุ้งขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนของตัวเองไปแต่โดยดี ทิ้งให้หมอดลกับหมอเกลนั่งนิ่งเงียบอยู่บนโต๊ะม้าหินทามกลางบรรยากาศที่แสนจะน่าอึดอัด
“...ดล”
“เกลไม่ควรถามก้อยแบบนั้นหรือเปล่า”
ดลวัฒน์ที่ปกติเรียกคุณหญิงก้อยว่าคุณหญิงเปลี่ยนกลับมาเรียกชื่อเล่นธรรมดาของหญิงสาวแทน เป็นสิ่งบอกแก่เพื่อนของเขาว่ามีบางสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้นเสียแล้ว
“ขอโทษ เกลแค่พยายามชวนคุย จนลืมคิดไปว่า...”
“ช่างเถอะ” หมอดลสรุปก่อนจะยกชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาถือแล้วลุกขึ้นยืน “แต่คราวหน้าเกลช่วยรักษาความรู้สึกก้อยเขาหน่อยนะ เพราะคงไม่มีใครรู้สึกดีเวลาโดนสะกิดปมในใจเหรอ”
ว่าจบชายหนุ่มก็ยิ้มบาง แล้วเดินหันหลังกลับไปทางโรงอาหารของโรงพยาบาลทันที
******************
“ก้อย...นี่!”
เสียงเรียกของหมอรุ้งทำให้หม่อมราชวงศ์กนกวลีสะดุ้ง “หะ...มีอะไรเหรอรุ้ง”
“เราเรียกตั้งนาน ได้ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ยยัยคุณหญิง”
“โทษทีเราคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย เมื่อกี่รุ้งถามว่าอะไรเหรอ”
รุ้งนริลถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วเปลี่ยนกลับมายืนประจันหน้ากับหม่อมราชวงศ์กนกวลี
“เราถามว่าเมื่อกี้หมอเกลพูดอะไร ทำไมสีหน้าก้อยถึงได้ดูไม่ดีเลย”
หม่อมราชวงศ์กนกวลีชะงักก่อนจะระบายยิ้มกลบเกลื่อนแล้วตอบกลับไป
“เขาก็พูดเรื่องทั่วไปน่ะ”
“แต่ว่า...”
“เชื่อสิ มันไม่มีอะไรหรอก เรารีบกลับไปที่แผนกกันดีกว่า”
ว่าจบคนเป็นคุณหญิงก็ลากเพื่อนสาวให้เดินตามเธอไป ไม่ปล่อยโอกาสให้ได้ถามหรือซักไซ้อะไรเธออีก
_______________
รีไรท์แล้ว งงไหมค่ะ บอกได้น้า จะได้แก้ไขจ้า
ขอบคุณทุกการติดตาม สวัสดีแอดแฟน 4,580 คนด้วยจ้าา ^^
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งใน นิยายไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด
[ สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สมาคมนักเขียน ]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 กรกฎาคม 2559 / 23:14
คุณหญิงก้อยมีความหลังฝังใจอะไรกับแผนกสูติรึปล่าวววว
รอค่าาาา