ตอนที่ 4 : Chapter 4 : อย่างนี้เรียกว่าจีบหรือเปล่า? (100%) รีไรท์
พ ร ะ พ า ย ท า ย รั ก
_______________________________________________________________________________________________________________________________________
By เฌอมา
ช่วงเช้าของโรงพยาบาล K เนื่องแน่นไปด้วยผู้ป่วยนอก [1] ที่ยืนออเรียงรายกันอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล และด้วยจำนวนคนที่มีมากกว่าร้อยๆคนทำให้ทางเดินด้านหน้าโรงพยาบาลที่ทอดยาวไปสู่ประตูใหญ่ซึ่งยังคงปิดสนิทเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการดูแน่นขนัดมืดฟ้ามัวดินไปหมด เหล่าเจ้าหน้าที่ บุรุษพยาบาล และนางพยาบาลพากันวิ่งวุ่นอยู่ภายใน เร่งเตรียมการให้พร้อม รอรับผู้ป่วยและญาติที่มาด้วยกัน ซึ่งในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า คลื่นมหาชนด้านนอกจะหลั่งไหลกันเข้ามาด้านในเพื่อทำเรื่องและรับการรักษาอย่างเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา (อ้างอิงจาก ร.พ จุฬา)
คุณหญิงก้อยเดินเข้าสู่ตึกโรงพยาบาลด้วยเส้นทางเฉพาะของแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ก่อนจะผงกหัวยกมือรับไหว้นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลที่หันมาส่งยิ้มให้แพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์กนกวลีเช่นเธอ
“มาแต่เช้าเชียวนะคะคุณหมอก้อย”
นางพยาบาลคัดแยกผู้ป่วยนอกเอ่ยทักคุณหญิงก้อย ขณะตัวเธอเดินเข้าไปประจำที่เตรียมปฏิบัติหน้าที่ของตน
“เช้าเท่าไรก็มาเร็วสู้พี่นันไม่ได้ซะที แบบนี้ก้อยไม่ภูมิใจหรอกค่ะ”
นางพยาบาลคนดังกล่าวหัวเราะก่อนจะหันไปคว้าไมค์ข้างตัวขึ้นมาถือ เพื่อเตรียมประกาศบอกขั้นตอนและวิธีต่างๆแก่ผู้ป่วยนอกซึ่งยังไม่เคยใช้บริการกับทางโรงพยาบาลแห่งนี้
“ยังไงวันนี้ก็พยายามเข้านะคะ”
“สู้ๆค่ะ”
คุณหญิงก้อยตอบกลับก่อนจะหมุนตัวไปทางลิฟต์ของโรงพยาบาล และในทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดอ้ารับตัวเธอ เสียงประชาสัมพันธ์ด้านหลังก็ดังขึ้นโดยนางพยาบาลคนเมื่อครู่ พร้อมประตูโรงพยาบาลที่เปิดออก เป็นสัญญาณบอกแกทุกคนว่าได้เวลาเปิดทำการสำหรับผู้ป่วย OPD ของโรงพยาบาลแล้ว
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ทางโรงพยาบาล K พร้อมให้บริการ สำหรับผู้ป่วยที่กดรับบัตร กรณีที่มีใบนัดมาด้วย ให้ไปรอเรียกชื่อตรงหมายเลขช่องที่ปรากฏอยู่บนมุมขวาของบัตรคิว ส่วนผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยใหม่ ไม่มีบัตรคิว ไม่เคยเข้ารับการรักษาที่นี้มาก่อน กรุณาต่อแถวเพื่อพบพยาบาลคัดแยกอาการ...”
**************************
ทางเดินภายในชั้นตรวจ OPD แผนกศัลยกรรมของเช้าวันนี้ยังคงวุ่นวายไม่ผิดจากวันอื่นๆ เหล่านางพยาบาลประจำแผนกในชุดสีขาววิ่งพุ่งไปทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง และแน่นอนว่าในทันที่ที่เหล่านางพยาบาลมองเห็นคุณหญิงก้อย แพทย์ทั่วไป [2] ของแผนก GP ก็รีบผละจากธุระที่ทำอยู่ ยกมือขึ้นไหว้และรับไหว้คุณหญิงเช่นทุกๆวัน
“คุณหมอมาเร็วจังเลยคะ แต่ก็ยังไม่เร็วเท่า...”
เหล่านางพยาบาลหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหน้ามองกันแล้วหัวเราะคิกคัก คุณหญิงก้อยถอนใจเพราะพอจะเข้าใจว่าสิ่งที่นางพยาบาลกล่าวมาหมายถึงอะไร ทว่าก่อนที่เธอจะหมุนตัวตรงไปจัดการคนที่รอเธออยู่ที่ห้อง หนึ่งในนางพยาบาลเหล่านั้นก็เรียกเธอไว้ซะก่อน
“โอ๊ะ! เดี๋ยวค่ะคุณหมอๆ พี่สาฝากนี้ไปให้หมอดลด้วยค่ะๆ”
นางพยาบาลคนนั้นวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์ ส่งกระดาษบางอย่างมาให้พลางยิ้มแซว
“อะไรหรือคะ...นี้มัน!”
คุณหญิงก้อยร้องอย่างตกใจครั้นมองเห็นเจ้าแผ่นกระดาษที่ว่าในมือ
‘โปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน’
“หมอดลเขาบอกให้พี่สาเตรียมมาให้น่ะคะ ทั้งของคุณหมอแล้วก็ของหมอดล คิคิ”
คนเป็นคุณหญิงทั้งโกธรทั้งเขินอาย สิ่งเดี่ยวที่ทำได้คือตวัดตัวตรงรี่ไปยังห้องตรวจของตนเอง ซึ่งเธอรู้ดีว่าไอ้ตัวเจ้าปัญหาอยู่ในห้อง นั่งรอเธอสบายใจเฉิบอย่างเช่นทุกวัน!
‘ปัง!!’
ประตูที่เปิดอ้าออกด้วยความแรงแบบเดิมทุกๆ วันทำให้นายแพทย์หม่อมหลวงดลวัฒน์นึกอยากแสร้งสะดุ้งตกใจขึ้นมา
คุณหญิงก้อยมองคนเป็นแพทย์ประจำบ้าน [3] ซึ่งทำงานในแผนกเดียวกับเธออย่างไม่ชอบใจ โดนปกติคนเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์อย่างเขาควรจะเรียนหนักและไม่มีเวลาว่างไม่ใช่หรือ แล้วทำไมคนตรงหน้าถึงดูว่างมาก ซ้ำยังชอบถือวิสาสะเข้ามายุ่งวุ่นวายในห้องทำงานของแพทย์ทั่วไปอย่างเธออีก!
หญิงสาวทำหน้าบึ้งตึงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนที่ทำเป็นขวัญอ่อนบอบบาง แล้วปา ‘โปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน’ ใส่
“นี้มันบ้าอะไร!”
หมอดลไม่ได้ขัดค้านอะไรทั้งนั้น ทำเพียงหมุนกระดาษสองแผ่นเข้าหาตัว ก่อนจะดึงปากกาที่อยู่ตรงอกเสื้อขึ้นมา บรรจงกรอกชื่อตัวเองลงไปบนโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน ไม่ลืมกรอกอีกใบเป็นชื่อคุณหญิงก้อยด้วย
“นายดล! หยุดน้ะ!” คนเป็นคุณหญิงรีบดึงกระดาษพวกนั้นกลับมาไว้ในมือ “นายคิดจะทำบ้าอะไรห๊ะ แกล้งฉันมันสนุกนักเหรอ!”
ดลวัฒน์เลิกคิ้วมองคนโกรธพลางทำหน้าใสซื่อ “แกล้งอะไร เราจริงจังนะ ถ้าไม่ซีเรียสเราจะยอมจ่ายค่าตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานให้เราสองคนไปทำไม”
คุณหญิงก้อยโมโหความยียวนของดลวัฒน์ ก่อนจะขย้ำโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานในมือจนยับยู่แล้วเอ่ยต่อ “ฉันไม่ได้จะแต่งงาน ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว “ใครบอกว่าจะไม่ได้แต่งล่ะ แค่รอท่านธีปเสด็จกลับเราก็ได้แต่งกันแล้ว ฤกษ์ยามก็หาไว้แล้วด้วย”
คุณหญิงก้อยถลึงตาใส่หมอดล ก่อนจะใช้มือรั้งตัวชายหนุ่ม พลักๆดันๆคนตัวสูงเป็นเปรตออกไปจากห้องของเธอ
‘ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก โดนลากออกจากห้องมันตลกนักหรือไง!’
กว่าที่คุณหญิงก้อยจะดันหมอดลออกมาจากห้องทำงานของตัวเองได้ก็เล่นเอาหอบแฮก ผิดกับคนต้นเรื่องที่ยืนสบาย คล้ายไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย แต่ยังไม่ทันที่คนเป็นคุณหญิงจะได้พูดจาต่อว่าคนชอบมายุ่งยามกับเธอ เธอก็ต้องชะงัดค้าง เหมือนพบว่าทั้งแผนกที่เมื่อครู่ยังเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยผู้ป่วยและญาติที่รอเข้ารับการรักษา ที่สำคัญคือทุกสายตาเหล่านั้นกำลังจ้องมองมาทางเธอที่ทำท่าคล้ายกับกำลังโอบหมอหนุ่มรูปหล่อจากทางด้านหลัง
“…!!”
ร่างแบบบางรีบผละออกจากตัวหมอดล ก่อนจะแก้เก้อด้วยการหันไปค้อนคนสูงกว่า ทว่าทันใดนั้นเอง...
“ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย”
เสียงตามสายที่ดังขึ้นในทุกๆชั้นและในทุกๆแผนกของโรงพยาบาลก็ทำให้คนเป็นคุณหญิงขนลู่ซู่ แน่นอนว่าเสียงที่พูดก่อนเพลงชาติจะดังตามมาไม่มีทางทำให้คนเป็นคุณหญิงตกใจได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราว่า…
“อ๊ะ! นายดล!”
วงแขนแข็งแรงของหมอดลรั้งร่างของคุณหญิงก้อยเอาไว้ในทันทีที่หญิงสาวคิดจะวิ่งหนีไปอีกทาง ก่อนเขาจะดันตัวเธอไปติดกำแพงโรงพยาบาล และขังร่างที่กำลังต่อต้านไว้อย่างนั้นเพื่อรอเวลา
“ปล่อยนะ! ไอโรคจิต!”
“เราจงร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช...”
“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”
ร่างสองร่างยื่นแย่งมือไม้กันไปมาขณะที่คนอื่นๆ ซึ่งจ้องมองตาเป็นมันก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อเคารพเพลงชาติ
หมอดลมองร่างของหญิงสาวที่ถูกเขาดึงมาชิดกายอย่างล้อเลียน ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วแล้วถึงยอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ “ยืนนิ่งๆเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยล่ะคุณหญิง ไม่งั้นเราฟ้อง ผ.อ แน่”
คุณหญิงก้อยมองคนตรงหน้าอย่างเคืองโกธร แต่จะผละออกห่างไปในตอนนี้ก็ไม่ได้เสียด้วย นั้นเพาะเพลงชาติเริ่มบรรเลงขึ้นแล้ว
“ประเทศไทยยย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยยยยย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วนนนน”
ความโมโหของคุณหญิงก้อยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระลอกคลื่น ก็จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร ในเมื่อหลายๆอาทิตย์มานี้ พอถึงเวลาเคารพธงชาติทีไร ตาบ้านี้ก็ชอบมาทำแบบนี้ ชอบเอาตัวมาชิดมาแน่บเธอ แล้วใช้ข้ออ้างที่ต้องยื่นนิ่งไม่กระดุกกระดิกเวลาเคารพเพลงชาติมาหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ให้เขาได้ชิด ครั้งนี้อยู่ใกล้กันยังพอว่า บางทีเธอและเขาอยู่กันคนละแผนก ตาบ้านี้ก็วิ่งพุ่งพราดเข้ามาหา ทำอย่างกับกลัวว่าจะมาไม่ทันเพลงชาติอย่างนั้นแหละ!!
หมอดลมองคนที่อยู่ชิดตัวเขาซึ่งเดี๋ยวก็ก้มหน้าหนีเดี๋ยวก็เงยหน้าขึ้นมามองค้อน ก่อนเขาจะถามเสียงเย้าแน่นอนว่าคำถามนั้นมีแต่เขาและคนตรงหน้าเท่านั้นที่จะได้ยิน
“จะเล่นตัวไปถึงไหนคุณหญิง ถามจริง ยังคิดว่าจะรอดไปได้อีกเหรอ”
คุณหญิงก้อยเชิดหน้าขึ้นมองคนเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ใครฟังก็รู้ว่าตัวเธอต้องกดเก็บอารมณ์เอาไว้มากแค่ไหน
“ดูปากนัชชานะคะ...ฉันไม่มีวัน! แต่งกับนาย!”
หมอดลยิ้มรับเพราะตนรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ก่อนจะใช้สายตาตรวจสอบใบหน้าของคนใกล้กายอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ใบหน้าของหญิงสาวเล็กมากๆ ออกจะเล็กกว่าฝ่ามือของเขาอีกมั้ง และบัดนี้มันกำลังง้อง้ำ พาลทำให้ริ้วคิ้วเส้นละเอียดสวยที่เรียงไปในทิศทางเดียวกันขมวดเป็นปมตามไปด้วย จมูกโด่งที่โด่งพองามไม่มากไปไม่น้อยไปจรดไปบนริมฝีปากอิ่ม ที่ชอบขบกัดตัวมันเองตลอดเวลาเขาทำอะไรให้คนเป็นเจ้าของไม่พอใจ แล้วยังพวงแก้มนั้น ที่มัน...
“...จะเลิกมองได้หรือยัง!”
หญิงสาวตะโกนถามอย่างอึดอัด นึกโกรธคนแต่งเพลงชาติขึ้นมาเสียแล้ว ว่าทำไมถึงแต่งเพลงออกมาเสียยาวตั้ง 1 นาที 1 วินาทีอย่างนี้ คนเขาอึดอัดรู้บ้างไหมม!
ทางด้านหนึ่งของแผนกศัลยกรรม มีเหล่านางพยาบาลที่ยืนตัวตรงเคารพธงชาติกำลังเหล่ตามองสองคุณหมอจี๋จ๋ากัน ก่อนพวกเธอจะเริ่มกระซิบกระซาบเม้ามอยภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
“คุณหมอก้อยโดนแล้ว! นี้ยังไงที่ทุกคนเรียกกันว่ากับดักรักตอน 8 โมงเช้าน่ะ!”
“หมอดลนี้ร้ายจริงๆเลย ใช้ข้ออ้างมาใกล้คู่หมั้นแบบนี้”
“อะไรของเธอ เขายังไม่ได้หมั้นกันเสียหน่อย ไปฟังข่าวมาจากไหน”
“โอ๊ย ก็หมอดลเป็นคนบอกเองกับปาก เธอไม่รู้ถือว่าเชยมากเลยนะ หมอดลเขาออกจะประกาศตัวขนาดนั้น เห็นบอกว่าหมอก้อยเธอเขิน ก็เลยปฎิเสธ”
ว่าจบสายตาของบรรดานางพยาบาลก็หันกลับไปมองยังคู่ตุนาหงันที่ขณะนี้ยังคงยืนแน่บชิดติดกันเพราะเพลงชาติยังไม่จบ
หมอดลยิ้มกริ่มคิดแต่จะเย้าจะแกล้งฝ่ายหญิง ก่อนจะพูดเสริมคนที่เลิกก้มหน้า เปลี่ยนเป็นจ้องเขาอย่างหาเรื่องแทน
“ถ้าขอดีๆไม่แต่ง งั้นเตรียมรับมือเราให้ดีก็แล้วกัน”
“เหอะ จะมาไม้ไหนฉันก็ไม่แต่ง ให้แต่งเขาวายะวงศ์เหรอ...ฝันไปเถอะ!”
ว่าจบคุณหญิงก้อยก็พลักร่างของชายหนุ่มที่ทำท่าจะโน้มเข้ามาใกล้ออกจากตัว ก่อนจะสะบัดตัวเปิดประตูห้องตรวจของตัวเองเข้าไปด้านใน ทิ้งให้คนอยากเป็นเจ้าบ่าวจนตัวสั่นยิ้มมองตาม
“เอ๊ะๆ ไอหมอ ฉันว่ามันยังไงๆ อยู่นาาาาาา”
หมอดลหันไปมองทางด้านหลังก็พบหมอเอก เพื่อนหมอด้วยกันที่เดินนำกลุ่มนายแพทย์หนุ่มของแผนกศัลยกรรมมา
“แรกๆบอกชอบแกล้งคุณหญิงก้อยเฉยๆ ทำไมหลังๆ แกชักถึงเนื้อถึงตัว รู้หรือเปล่าตอนนี้ทั่งโรงพยาบาลเขาเรียกไอ้ที่แกทำเมื่อกี้ว่ากับดักรักตอน 8 โมงเช้าไปแล้วนะ”
หมอดลเลิกคิ้วสูงครั้นได้ฟังสิ่งที่หมอเอกพูด “กับดักรักตอน 8 โมงเช้าเหรอ...ใครเป็นคนคิดชื่อนี้เนี่ย”
“ทำไมวะ จะตามไปจัดการหรือไง”
น้ำเสียงใคร่รู้ของเพื่อนชายทำให้ดลวัฒน์หัวเราะเสียงแผ่ว
“เปล่า...จะตามไปตบรางวัล”
คนข้างนอกกำลังครึกครื้น ทว่าคนข้างในกลับกำลังฟึดฟัดไม่พอใจ คุณหญิงก้อยทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะทำงานของตน สงบสติอารมณ์ก่อนจะหมุนตัวไปคว้าชุดกาวน์สีขาวมาสวมใส่ ทว่าแทบจะในทันที่ที่หญิงสาวหันกลับมาแล้วเหลือบไปเห็นดอกพุดซ้อนสีขาวดอกโตที่ถูกวางปักไว้บนแก้วน้ำ เธอก็ต้องกลับมาฉุนกึกอีกครั้ง
มือบางหยิบดอกไม้สีขาวที่กำลังส่งกลิ่นหอมละมุนขึ้นมาถือไว้ด้วยกิริยาที่ไม่ได้ถนอมแต่ก็ไม่ได้ต้องการให้กลีบดอกบอบช้ำ ก่อนนัยน์ตาหลังแว่นกรอบเหลี่ยมจะเพ่งมองไปยังใต้ฐานของดอกไม้หอมด้วยความเคยชิน นั้นเพราะเจ้าดอกไม้มีกลิ่นนี้ถูกส่งมาวางยังโต๊ะทำงานของเธอทุกๆ วันตลอดเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา แน่นอนว่าคนเอามาวางจะเป็นใครไม่ได้นอกจากดลวัฒน์!!
นิ้วเรียวขาวช้อนการ์ดใบเล็กที่ถูกผูกเข้ากับตัวก้านขึ้นมาผลิกอ่าน เผยลายมือหวัดๆแต่เรียงเป็นระเบียบสวยแก่สายตาของเธอ
‘ก้อยจ๋า แต่งงานกันนะ’
และไม่ต้องเสียเวลาคิดซ้ำ เจ้าดอกพุดซ้อนที่ว่าก็ถูกส่งลงไปอยู่ในถังขยะทันทีที่เจ้าของมืออ่านจบ
‘ฟุบ’
แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ ว่ากลิ่นหอมละมุนละไมของมันยังคงหอมตลบอบอวลรบกวนจิตใจของหญิงสาวอยู่อย่างนั้น...กระทั้งถึงเวลาเลิกงาน
_______________
[1] ผู้ป่วยนอก หรือ ผู้ป่วย OPD (Out-Patient-Department) คือผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสามารถกลับบ้านได้เลยในวันที่เข้ารับการรักษา ผู้แต่งอ้างอิงจากระเบียบของตึก ภปร ร.พ จุฬานะคะ เนื่องจากที่จุฬาตึกฉุกเฉินจะแยกต่างหาก และจะเปิดทำการตลอดเวลา 24 ชม
[2] แพทย์ทั่วไป (General Practitioner) แพทย์ที่จบ 6 ปีและใช้ทุนแล้วแต่ไม่ได้เรียนต่อเฉพาะทาง สามารถทำงานในโรงพยาบาลโดยมีหน้าที่ตรวจรักษาโรคทุกอย่างที่ไม่ซับซ้อนได้ทั้งหมด หากตรวจพบโรคที่ซับซ้อนจะส่งต่อให้แพทย์เฉพาะทางในสาขาๆนั้นเพื่อรับไปรักษาต่อ
[3] แพทย์ประจำบ้าน (Resident) คือแพทย์ที่เรียนจบแล้ว และตัดสินใจกลับมาเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาที่ตนสนใจ แพทย์กลุ่มนี้คือแพทย์เต็มตัว เพียงแต่เขากลับมาสู่ระบบการเรียนอีกครั้งหนึ่งโดยที่ยังมีความเป็นแพทย์อยู่ครบครัน จะพบเห็นแพทย์กลุ่มนี้ในโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ใส่เสื้อกาวน์สั้นมีตราประจำโรงพยาบาล มีคำว่า "นพ. พญ." นำหน้า โดยทั่วไปการอบรมแพทย์ประจำบ้านใช้เวลา 3 - 4 ปีแล้วแต่สาขา ที่มาที่ไปของคำว่าแพทย์ประจำบ้าน คือแพทย์ที่มาเรียนส่วนใหญ่จะต้องใช้ชีวิต 90% อยู่ในบ้าน (โรงพยาบาล) ของตัวเอง เลยถูกเรียกว่า resident หรือแพทย์ประจำบ้าน
ฝากเม้นเป้นกำลังใจด้วยน้าาา ^^
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งใน นิยายไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดทางกฎหมายตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติที่ได้ระบุไว้และจ่ายค่าเสียหายตามแต่เจ้าของผลงานจะกำหนด
[ สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สมาคมนักเขียน ]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จินตนาการพี่สนยุกต์เป็นหมอดลแล้วเขินมากกกกกกกเลยค่ะ หมอดลน่ารักกกกกกกขั้นเทพ^^
คู่นี้ยังกับหนูกับเเมวจังเลย