ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 : ไปดูหน้าน้องสะใภ้ 2
ดอกสึบากิสีแดง
หอม และนุ่มนิ่ม
นั้นคือสิ่งที่คนเป็นพันเอกรู้สึกได้ เขามองใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ใกล้เพียงระยะประชิด เห็นเจ้าหล่อนกำลังเบิกตาโตตอบกลับมา ก่อนใบหน้าที่ทำให้เขาพอใจตั้งแต่แรกพบจะค่อยๆ ก้มมองตัวเองซึ่งถูกกอดเอาไว้ มองเนื้อตัวของเราที่กำลังแน่บชิดกัน เวลานี้…ไม่มีส่วนไหนของร่างนุ่มนิ่มที่ไม่ถูกเขาสัมผัส
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
"นะ นี่เจ้าญี่ปุ่น! คิดจะรังแกกันเหรอ!!"
“เอ๋?”
“องเอ๋อะไร!! วางฉันลงเดี๋ยวนี้!”
ตรัสจบก็ตีพันเอกโนบุนากะ ‘ป้าบๆ’ จนอีกฝ่ายต้องรีบปล่อย ทว่าเขากลับไม่ได้ดูนิ่งขึงตึงโมโห เอาแต่อมยิ้มและค่อยๆวาง ’ฮิเมะ’ ลง เมื่อเห็นว่ายืนมั่นคงแล้วถึงเงยหน้าสบตาด้วย
“ตีผมทำไม ผมช่วยคุณไว้นะ?”
เขากล่าวก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวรวบมือเสด็จหญิงใหญ่วังนรังสรรค์ไว้อีกครั้ง เขาต้องการหยุดการทุบตีก็จริง แต่…ก็อยากจับแม่คนเนื้อนุ่มนี่อีกครั้งหนึ่งด้วย
ผู้หญิงอะไรตัวขาวอย่างกับหิมะ ชุดที่สวมก็สีแดงจัด ทำให้เขานึกถึงดอกสึบากิสีแดงที่บานในฤดูหนาว
ทว่าสึบากิดอกนี้ดูพิเศษไม่เหมือนใคร เขานึกอยากเอาไปประดับไว้ในคฤหาสน์โฮชิฮิโตะที่เกียวโตจริงๆ
ท่านยายจะชอบหล่อนหรือเปล่านะ
"พูดอะไรโบ้ๆเบ้ๆ ฟังไม่รู้เรื่อง! แล้วก็ปล่อยมือนะ ปล่อย!”
เสด็จหญิงปั้นขืนพระหัตร์ขององค์เองกลับมาเต็มที่ ทรงตกพระทัย เพราะตั้งแต่เกิดมาน้อยนักจะถูกใครสัมผัส! แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างท่านหญิงโปรดที่แม้จะรู้ใจกันมานานก็ยังเกรงพระทัยและวางพระองค์ไว้สูงกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษแปลกหน้าเลย! แต่ทหารญี่ปุ่นคนนี้ นอกจากจะจับจะแตะกันอย่างไม่เกรงใจแล้ว เมื่อกี้ตอนที่วิ่งเข้ามาช่วยรับ มือของเขาที่รับพระองค์ไว้ยัง…ยังมา ‘คลึงเอว’ พระองค์เล่นอีก!
แล้วจะไม่ให้ตีหรือ! ตาคนนี้น่ะต้องตีให้ตายถึงจะถูก!
ข้าหลวงทั้งหลายที่ตามเสด็จมาจากวังนรังสรรค์มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและอยากจะเข้ามาช่วย แต่ติดที่มีรั้วเหล็กกั้นไว้จึงทำอะไรไม่ได้ ท่านหญิงโปรดที่ทนดูไม่ไหวจึงรีบแกะมือคนที่ควรช่วยแต่ไม่ช่วยอะไรออกจากตัว เธอวิ่งเข้าไปห้ามพันเอกโนบุนากะด้วยภาษามือเงอะงะ ทว่าพูดยังไงคนๆ นี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเสด็จ
“นี่อย่าแตะพระวรกายค่ะ มันเป็นการหลู่พระเกียรติ คนที่นี่เขาไม่ทำกัน!”
คนเป็นพันเอกขมวดคิ้วมองน้องสะใภ้แล้วหันไปทางโทชิที่ยืนมองดูเหตุการณ์ไม่พูดไม่จา “โทชิ น้องสะใภ้พูดว่าอะไรน่ะ”
คำว่าน้องสะใภ้ที่ใช้เรียกท่านหญิงโปรดดูจะเป็นคำปกติและชินหู ‘อากาศหนุ่ม’ ไปแล้ว แต่คำนั้นกลับไม่คุ้นหูเหล่าทหาร อันที่จริงพวกเขาตกใจมาก
เอ๋!!! น้องสะใภ้ท่านนายพันเหรออ!!?
อย่างนั้นก็เป็นภรรยาของผู้บังคัญบัญชาเขานะสิ!!! มิน่า เมื่อคืนพวกเขาถึงถูกเกณฑ์มาที่นี่อย่างลับๆ ที่แท้!
เหล่าทหารมองหน้ากัน พวกเขานึกอยากทิ้งปืนลงพื้นซะเดี๋ยวนี้ ต่างคนต่างทบทวนในหัว ว่าเมื่อคืนตอนพวกตนเข้ายึดวังนี้ ได้ทำอะไรที่เป็นการข่มขู่ภรรยาผู้บัญชาการไปหรือเปล่า!
ไม่ต้องกล่าวถึงลำดับขั้นทางทหาร แค่ผู้บัญชาการคนใหม่ของพวกเขาเป็นโฮชิฮิโตะ เป็นบุรุษในตระกูลกิ่งก้านของรางชวงศ์ดอกเบญมาศก็นับว่าควรให้ความเคารพแล้ว! แล้วหญิงสาวคนนี้ยังเป็นถึงภรรยา!
เป็นน้องสะใภ้ของท่านนายพัน! เป็นหลานสะใภ้ของท่านนายพล!!
ชิมัตตาา!!! (ชิบหายแล้วว!!!)
นายกองโอซามุที่ได้ยินทุกอย่างเต็มสองหูกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ รีบทำสัญญาณมือให้เหล่าทหารเก็บอาวุท ทั้งหมดทำท่าทางพร้อมเพียง ก่อนถอยห่างออกไปจากบริเวณอย่างรีบร้อน
ท่านหญิงโปรดที่ไม่รู้สักนิดว่าเวลานี้ตัวเองถูกแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งภรรยาของใคร มองโนบุนากะที่กำลังทำท่าทางราวขอให้เจ้าปีศารปลาช่วย เธอจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปทางเขาอีกครั้ง ตัดสินใจเดินหน้าเข้าไปหา
คนคนนี้เข้าใจและรู้ทุกอย่างแต่กลับไม่คิดจะทำอะไร จู่ๆเธอก็เหลืออด! รู้สึกอยากตีเขาแรงๆขึ้นมา!
"บอกเพื่อนของเธอเดี๋ยวนี้ว่าให้ปล่อยพระองค์หญิง ถ้าเธอไม่ห้ามเขา หญิงจะจัดการเธอจริงๆ!”
'อากาศหนุ่ม' มองตอบท่านหญิงโปรดอย่างสนใจ จัดการเขา จัดการยังไง จะเอาแก้วเขวี้ยงใส่หัว เหมือนที่เคยทำกับเขาตอนเด็กๆ งั้นเหรอ?
“เวลาจะขอร้องให้คนอื่นช่วย ‘ท่านน้า’ ของท่านหญิงเขาสอนให้ขอร้องแบบนี้เหรอ”
นี่นับเป็นการพูดกับเธอโดยตรงครั้งแรก และท่าทางของเขา น้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ของเขา บอกกับท่านหญิงโปรดอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้นับเธอเป็นมิตรเลย! ทว่าพอหญิงสาวมองเห็นรอยแผลจางๆ ที่บริเวณหางคิ้วของเขา รอยแผลที่เกิดจากฝีมือเธอในตอนเด็ก เสียงที่ทำท่าจะโหมใส่ก็…พลันอ่อนลง
“แล้วจะให้ทำยังไง จะให้ไหว้เธอ ให้คุกเข่าอ้อนวอนเธอเหรอ? หญิงไม่รู้จริงๆว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่เธอเองก็เป็นไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่าอะไรที่ควรไม่ควร เธอจะไม่เคารพหญิง ไม่นับถือธรรมเนียมที่มีต่อหญิง หญิงไม่ว่า แต่เธอต้องเคารพพระเกียรติของพระองค์อื่นๆ เพราะพระองค์อื่นๆไม่เคยทำผิดต่อเธอ!”
ชายหนุ่มนิ่งเฉยมองคนอายุน้อยกว่าที่พยายามอบรมเขา เขาเฉยอยู่นาน ราวกับต้องการให้หญิงสาวอึดอัดให้มากกว่านี้ กดดัน หวาดกังวลให้มากกว่านี้ ชั่วอึดใจ…จึงยอม
นาวาอากาศหนุ่มมองไปทางลูกพี่ลูกน้องของตนที่ยังคง ‘เถียงคนละภาษา’ กับเสด็จหญิงปั้นไม่หยุด แล้วแปลภาษาให้ฟัง
“เธอบอกว่าอย่าหลู่พระเกียรติเจ้าหญิง ธรรมเนียมไทยจะแตะต้องตัวเจ้าหญิงไม่ได้”
โนบุนากะหันมองน้องชาย “แตะไม่ได้? ทำไมจะไม่ได้? ในเมื่อฉันเองก็เป็น ‘โจ’ เป็นเจ้าชายตามตำแหน่งตระกูลเราเหมือนกัน นายก็โจรุ่นหลานเหมือนฉัน บอกผู้หญิงพวกนี้ไปสิ หล่อนจะได้รู้ว่าเราเท่าเทียม จริงๆไม่ใช่แค่จับอย่างเดียวนะ…จูบยังได้เลย~”
เขาว่าก่อนหันไปพูดคำว่าจูบกับแม่ดอกสึบากิแดงที่เขาจับไว้
“นี่ฮิเมะ พวกเราเป็นมิตรกันนะ รัฐบาลคุณประกาศแล้วนี่ว่าเวลานี้ไม่มีใครบุกใครทั้งนั้น อันที่จริงที่น้องชายผมคุมวังนี้ไว้ ก็เพราะเขาหวังดี เขาแค่...”
“พูดบ้าอะไรของนาย! ปล่อยมือได้แล้ว ปล่อยยยย!!!”
“ผมบอกว่า…พวกผมเป็นมหามิตรของคุณ”
เสด็จหญิงปั้นชะงัก เพราะจู่ๆ พันเอกโนบุนากะก็เลือกจะพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาคิดว่าภาษานี่น่าจะสื่อสารกับหญิงสาวได้ และก็ใช่ เพราะเวลานี้ท่าทีที่ดูดิ้นรนพยายามจะแกะมือให้หลุดจากพันธนาการ เปลี่ยนเป็นชะงักงันและเดือดดานแทนที่แล้ว…!?
“เป็นมหามิตร? พูดมาได้ว่าเป็นมหามิตร! มิตรแบบไหนบุกยึดบ้านช่องคนอื่น!? มิตรแบบไหนถือปืนเดินกร่างไปทั่วแผ่นดินของคู่มิตร!!“
ทรงตรัสตวาดด้วยภาษาเดียวกับเขา ทว่าพระกิริยาฉุนเฉียวรุนแรงอย่างนี้ ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
”มิตรที่ดีจะเข้าบ้านคนอื่นต้องขออนุญาต! แต่พวกนายบีบบังคับเรา ทั้งที่ไทยและญี่ปุ่นมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศจะไม่บุกรุกกัน! แต่พวกที่กล้าเรียกตัวเองว่ามหามิตรแบบนายกลับตระบัตสัตย์! เกิดเป็นคนไม่รักษาคำพูดจะเรียกว่าคนได้ยังไง! อย่างพวกนายนะไม่มีวันเป็นมหามิตรของไทยเราหรอก คงจะเป็นได้แค่ ‘หมามิตร’ เท่านั้น!!”
พันเอกหนุ่มฟังออกทุกคำเพราะก่อนสงครามเขาเองก็ศึกษาด้านทหารอยู่ในประเทศของเจ้าของภาษานี้ แต่คำว่า ‘หมามิตร’ เขากลับไม่เข้าใจ มันดูเปร่งๆหู ที่สำคัญหลังพูดคำนี้ ท่าทีของแม่ดอกสึบากิแดงดูจะสะใจเหลือเกิน
“หมา-มิตร?”
ท่านหญิงโปรดหันมองโทชิอย่างร้อนใจ ราวกับจะบอกเขาว่าถ้ายังจะนิ่งเฉย จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ! นั้นเพราะเธอรู้จักพระสหายของตนดี เสด็จหญิงปั้นแม้เป็นหญิงก็รักชาติพันธุ์ตนเองเกินใคร จิตใจไม่แพ้บุรุษแม้ซักคน ดูเอาเถิด ทั้งที่วรกายไม่ได้ใหญ่โตและสูงเพียงไหล่ของทหารญี่ปุ่นคนนั้น แต่ไม่ทรงกลัวเลย ซ้ำยังทำสีพระพักตร์ท้าทายอย่างไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ความหมาย ท่านหญิงโปรดแสนกังวล กลัวจะเกิดความรุนแรงหลังจากนี้จึงหันไปตวาดนาวาอากาศหนุ่ม
“โทชิ!”
สุดท้ายเขาก็ยกยิ้มเยาะ พูดอะไรบางอย่างกับนายทหารคนนั้น พันเอกโนบุนากะชะงักไปก่อนจะหัวเราะชอบใจเสียงดังกังวาน ยอมปล่อยพระวรกายของเสด็จและถอยออกมา ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความหมายของคำนั้นแล้ว แต่ไม่โกธร แถมยังชอบใจเสียด้วย เขามันบ้าไปแล้วจริงๆ
ท่านหญิงโปรดวิ่งเข้าไปหาพระสหายในทันที เช่นเดียวกับเสด็จหญิงปั้นที่รีบกุมมือเธอไว้ เตรียมจะพาไปด้วยกัน
“ไปวังนรังสรรค์กับหญิง! หญิงจะไม่ปล่อยให้โปรดอยู่วังนี้คนเดียว!”
“ไปไม่ได้”
ทว่าโทชิกลับกล่าวขึ้นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าคำพูดห้วนๆอย่างนั้นทำให้เสด็จหญิงปั้นไม่พอพระทัย ทรงดึงท่านหญิงโปรดไปหลบด้านหลังพระองค์ กดสายพระเนตรใส่ชายหนุ่มที่ใส่ชุดทหารญี่ปุ่นเต็มยศแต่กลับพูดภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“หมายความว่ายังไงที่ว่าไปไม่ได้? ก็ไหนว่าเป็น 'หมามิตร่ แล้วทำไมยังจะบีบบังคับคนอื่นอีก!”
นาวาอากาศหนุ่มไม่ตอบเสด็จ แต่มองไปทางท่านหญิงโปรด และไม่รู้เพราะอะไร หญิงสาวราวกับเข้าใจที่เขากำลังเตือน
เขาทวงว่าเขาช่วยตามที่ขอแล้ว งั้นเธอก็ต้องอยู่ในการควบคุม ถ้าเขาให้อยู่ต้องอยู่ ทว่าต่อให้เขาไม่เตือนเธอก็ไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวเขา แต่หน้าที่เธอคือต้องอยู่ที่นี่ อยู่เป็นขวัญให้คนในวังตามรับสั่งของพระบิดา
ท่านหญิงโปรดดึงพระหัตร์เสด็จเบาๆ ก่อนก้มกายนั่งลงกับพื้น การกระทำนั้นทำให้ข้าเก่าเต่าเลี้ยงในวังอัฐทิศ รวมถึงข้าหลวงของวังนรังสรรค์ที่ตามเสด็จเจ้านายตนเองมาด้วยรีบนั่งลงตาม เมื่อเชื้อพระวงศ์ประทับต่ำ บริวารต้องอยู่ต่ำกว่า
“หม่อมฉันจะอยู่ ไม่ไปไหนเพคะ”
“ยัยโปรด! ตัวหมายความว่ายังไงที่ว่าจะอยู่ พวกญี่ปุ่นอยู่เต็มวังอย่างนี้!”
หญิงสาวสบพระเนตรแสนห่วง ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุผลซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพระบิดา เธอก็ห้ามความอ่อนแอไม่ได้ จึงได้แต่ทูลอธิบายด้วยเสียงสั่นเครือ
“เสด็จพ่อประชวร…หนักมากเพคะ ทรงมีรับสั่งให้อยู่ที่วัง เป็นขวัญให้คนที่นี่ หม่อมฉันจะอยู่รอจนกว่าจะมีรับสั่งอีกครั้ง เพราะไม่แน่ว่านี้อาจเป็น…รับสั่งสุดท้าย”
ท่าทีอย่างนั้นของสหายทำให้ท่าทีแข็งไม่ยอมอ่อนของเสด็จหญิงปั้นอ่อนลง ทรงทราบเรื่องพระพลานามัยของพระองค์เจ้าอัฐทิศราวิน ทราบว่าจู่ๆก็ทรงประชวรหนักถึงขั้นดำเนินไม่ได้ แต่ไม่เคยทราบว่าหนักหนาเท่าไร
“แต่ตัวเป็นผู้หญิงจะอยู่ยังไง ถ้าพวก ‘หมามิตร' มันมารังแกใครจะช่วย”
เสด็จตรัสถามก่อนย่อวรกายลงข้างๆ ท่านหญิงโปรดทราบถึงน้ำพระทัยที่ทรงห่วง จึงยกพระหัตร์ของเสด็จขึ้นนาบแก้มตนเอง “หม่อมฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง รู้แต่ว่าไม่อยากผิดรับสั่งเสด็จพ่อ อย่าทรงห่วงเลยเพคะ พวกเขาคงไม่ทำอะไรหรอก”
“ตัวจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้มีเกียรติสะที่ไหน!”
ท่านหญิงโปรดมองผ่านพระสหายไปทางชายหนุ่มร่างสูงเหมือนขุนเขา อันที่จริงถึงเธอจะหวาดหวั่นเขา แต่ในใจ ไม่รู้ทำไมถึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขา…ไม่ได้คิดจะฆ่าแกงกัน ก็เหมือนเมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้คิดจะไม่ช่วย แต่เธอแค่ต้องขอร้อง ต้องยอมให้เขากระทำจนพอใจ เขาถึงจะช่วย…
ความเงียบทำให้เสด็จหญิงปั้นถอนพระทัยแรง ทรงตัดใจจะกลับไปก่อนอย่างมีแผนในใจ
“เอาเถอะ อีกไม่นานทูลกระหม่อมพ่อกับเสด็จแม่ของหญิงจะนิวัติ เพราะอาการป่วยพระหทัยของน้องชายปัณณ์ดีขึ้นมาก แข็งแรงพอแล้วที่จะพาเสด็จกลับจากอังกฤษ หญิงจะทูลให้ทูลกระหม่อมพ่อไล่เจ้าญี่ปุ่นพวกนี้ไป โปรดอดทนหน่อยนะ”
ท่านหญิงโปรดยิ้มรับ “เพคะ”
เสด็จหญิงปั้นลุกขึ้น มองโนบุนากะและโทชิ ทรงตรัสกับพวกเขาด้วยภาษาอังกฤษอย่างฉะฉานชัดเจน “ถ้ายัยโปรดเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายก้อย ฉันจะทำทุกทางให้พวกเธอเดือดร้อนที่สุด! อยากจะเจอดีก็ลองดู!” ก่อนสาวพระบาทกลับ โดยมีข้าหลวงวังอัฐทิศเปิดประตูส่งเสด็จ
ท่านหญิงโปรดยืนส่งจนขบวนรถของวังนรังสรรค์ลาลับไป ก่อนจะเดินเข้าวังไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้หันไปมองพวกญี่ปุ่นหรือเขาคนนั้นอีก
โทชิและโนบุนากะมองตามร่างแบบบางที่เดินหายไปในวังทั้งที่ยังมีน้ำตาเปื้อนแก้ม
“นั่นน้องสะใภ้ร้องไห้นี่"
“อืม”
“ฮิเมะมาบอก ‘ข่าว’ เรื่องท่านพ่อของน้องสะใภ้งั้นเหรอ”
คำถามของพันเอกโนบุนากะทำให้ใบหน้าของคนฟังขรึมขึ้นหลายส่วน “ไม่มีทางรู้ได้หรอก”
“แล้วนายไม่คิดจะบอกเหรอ น้องสะใภ้น่าสงสารนะ ควรใจดีกับเธอหน่อย"
โทชิยิ้มเย็น เหลือบมองคนแสร้งใจดี "ถ้าอยากจะให้ใจดีจริงๆ นายคงไม่คิดใช้วิธีให้เธอเสียชื่อเสียงหรอก"
พันเอกโนบุนากะยิ้มกว้าง เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงแผนเรื่องรักๆใคร่ๆ ที่เขาคิดขึ้น “เฮ นั่นฉันช่วยนายเลยนะ เปิดทางให้นายได้มาอยู่ในวังนี้แบบไม่มีใครสงสัยไง”
“นายไม่ได้เป็นคนใจดีขนาดนั้นโนบุนากะ”
ญาติผู้พี่หัวเราะ “นายเองก็ไม่ใช่คนที่ยอมเสียเวลา ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ ‘สำคัญ’ กับนายจริงๆเหมือนกัน”
การต่อปากต่อคำของกันและกันทำให้นาวาอากาศหนุ่มขมวดคิ้ว “…ฉันช่วยวังนี้เพราะติดค้างบุญคุณท่านผู้นั้น"
“เหรอ แล้วตัวลูกสาวของท่านผู้นั้นละ ได้ติดค้างอะไรนายไว้เหรือเปล่า?”
พันเอกโนบุนากะมองญาติผู้น้อง มองท่าทีที่นิ่งเฉยเดาความรู้สึกไม่ได้ นึกอยากจะรู้ ว่าในอดีตมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันหนอ เจ้านี้ถึงได้ฝังใจและเกลียดท่านหญิงคนนั้นขนาดนี้
“…ท่านลุงให้นายหาบ้านพักไม่ใช่เหรอ”
พันเอกหนุ่มหัวเราะ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไล่ เขาจึงแสร้งผละจากคนเป็นน้อง หันไปทางวังอัฐทิศอย่างอารมณ์ดีแทน “ไม่รีบๆ ฉันจะอยู่เล่นกับน้องสะใภ้ก่อน เธอน่าจะโดนนายแกล้ง ฉันจะอยู่ช่วย”
โทชิขมวดดคิ้วมองลูกพี่ลูกน้อง ก่อนเผยอหน้าไปทางอีกฝากของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วพูดถึง ‘ฐานที่ตั้งสำคัญ’ ของสถานที่หนึ่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขุล่ย "วังของฮิเมะอยู่ทางนั้น”
ซึ่งได้ผลชะงัก เพราะโนบุนากะรีบหันสายตาไปมองทางทิศนั้นทันที เขาอุทานราวกับพึ่งนึกอะไรขึ้นได้ “อ้า! ฉันเองก็ต้องรีบไปหาบ้านพักใกล้ๆวังนั้นนี่นา เอ ว่าแต่ชื่อวังอะไรนะ?”
“…นรังสรรค์”
นาวาอากาศหนุ่มมองพันเอกโนบุนากะที่ทำท่าวันทยาหัตถ์ลาเขาอย่างทหาร ก่อนเดินดุ่มไปขึ้นเรือ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าจะไปที่ใด…
ชายหนุ่มเลิกสนใจญาติผู้พี่ เขากลับไปมองที่ตัววังอัฐทิศ นึกถึงเสียงสั่นเทาและน้ำตาเม็ดน้อยที่เห็นเมื่อครู่ ก่อนหมุนกายไปเรียกระดมพล แบ่งกำลังทหาร เตรียมลำเลียงของสำคัญที่จะมาถึงวังอัฐทิศในไม่ช้า
ใครจะร้องไห้ จะน่าสงสารยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขา
เขาช่วยวังนี้แล้วก็ถือว่าจบกัน บุญคุณใดๆต่อจากนี้…ไม่มีอีก
______________________
ตอนหน้ามีคนแย่งห้องท่านหญิงโปรดนอนนะคะ แล้วไล่นางเอกไปนอนห้องเล็กข้างๆแทน
โอ๊ยพล็อตน่ะพร้อมม แต่คนเขียนกดดันตัวเอง เขียนลบๆหมายฟามว่าไงย๊ะอิเฌอมาาาา
ฝากกดติดตามนิยายไว้ด้วยนะค่าา มาๆหายๆ กำลังปั้นค่าา 55
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น