คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : ผิดวินัยทัพ
พันเอกโนบุนากะ
คู่ของป้าปั้น แอร๊ยย
บทที่ 4 : ผิดวินัยทัพ
หลังรัฐบาลไทยประกาศยินยอมให้ญี่ปุ่นผ่านเส้นทางไปพม่า กองกำลังญี่ปุ่นที่เตรียมพร้อมรออยู่ที่บางปูก็เดินทัพเข้ากรุงเทพในทันที
รถหุ้มเกาะขับนำแถวกองทัพสู่เขตเมืองชั้นใน ทามกลางบรรยากาศตึงเครียด เจือไปด้วยความหดหู่ของเหล่าประชาชนคนไทยที่พากันออกมายืนดูทหารญี่ปุ่นกว่าห้าหมื่นนายดานหน้าเข้าเหยียบพื้นแผ่นดินของเรากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
นาวาอากาศตรีโทชิมาถึงอาคารหลังใหญ่ที่กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นสถานที่รวมพล ที่ด้านหน้าอาคารก่ออิฐถือปูนกลางเก่ากลางใหม่ ธงทัพญี่ปุ่นถูกยกขึ้นประดับเด่นเป็นสัญลักษณ์ของการถือครองเรียบร้อยแล้ว
การรวมพลเป็นไปอย่างเคร่งครัดตามระบบระเบียบทหาร หลังจากนั้นเขาถึงถูกเรียกตัว
ในห้องทำงานห้องใหม่ของท่านนายพลฮิเดอากิ นอกจากท่านนายพลใหญ่ผู้มีอำนาจและสิทธิขาดในการบัญชาการรบในภูมิภาคนี้ คนที่ยืนรอเขาอยู่อีกคนคือร้อยโทคุโรสึ ก็เจ้าตัวน่ารำคาญนั้นแหละ
นาวาอากาศหนุ่มโค้งเคารพท่านนายพลตามระเบียบทหาร ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นลุง เป็นพี่ชายแท้ๆของแม่ ซึ่งนับตั้งแต่เขาและมารดาเดินทางกลับญี่ปุ่น ท่านลุงก็อภิบาลดูแลเขาเรื่อยมา ทว่าในฐานะทหาร เวลานี้เขาคือคนใต้บังคับบัญชาไม่ใช่ครอบครัว จึงต้องปฎิบัติกับอีกฝ่ายเช่นนายทหารคนอื่นๆ
"มีรายงานว่าเมื่อคืนหน่วยของเธอไม่ได้อยู่รอรับคำสั่งรบที่บางปู”
นายพลฮิเดอากิกล่าวเสียงขรึม แววตาไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใด นอกจากความยุติธรรม
“สาเหตุที่ฉันยอมให้เธอเข้าร่วมกองทัพครั้งนี้เพราะถือว่ารู้ภาษา คงได้ใช้ช่วยกองทัพในการสื่อสารกับคนไทย แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะสามารถใช้กองกำลังของตัวเองบุ่มบามทำตามอำเภอใจในเวลาไหนก็ได้ มีอะไรจะแก้ตัวไหม”
นาวาอากาศหนุ่มเตรียมจะตอบ ทว่าเสียงของผู้มาใหม่กลับขัดเอาไว้
“มีครับ”
ผู้มาใหม่ไม่ใช่ใคร เขาคือนายทหารชั้นนายพัน พันเอกโนบุนากะ ญาติผู้พี่ของโทชิและเป็นบุตรชายแท้ๆ ของท่านนายพลฮิเดอากินั้นเอง
อีกฝ่ายอยู่ในชุดนายทหารคล้ายคลึงกับนาวาอากาศหนุ่ม ผิดกันที่ปกคอเสื้อมีแทบแดงถึงสามขั้นและประดับเอาไว้ด้วยดาวทองข้างล่ะสามดวง ยศพันเอก
โนบุนากะทำความเคารพบิดา เพราะความเข้มข้นของสายเลือดตระกูลโฮชิฮิโตะ ทำให้เขา โทชิ และท่านนายพลมีรูปร่างสูงใหญ่ใกล้เคียง ใบหน้าพวกเขาคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน
“ขออนุญาตครับ” เมื่อผู้เป็นพ่อพยักหน้า เขาก็เริ่มอธิบาย “เมื่อคืนผมเป็นคนสั่งให้โทชิลอบเข้ากรุงเทพมาทำภารกิจเอง แต่ไม่คิดว่าคำสั่งของพันเอกอย่างผม ต้องรายงานให้ร้อยโทเล็กๆ ทราบก่อน”
ท่านนายพลขมวดคิ้ว จากตอนแรกหลานชายผิดวินัยทัพ ตอนนี้กลายเป็นลูกชายผิดวินัยทัพเสียเอง เจ้าหนุ่มสองคนนี้ เจตนาจะทำให้ตระกูลของตัวเองเสียชื่อตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่เชียวเหรอ
“มีเหตุผลอะไร”
โนบุนากะโค้งตัวก่อนเดินเข้าใกล้บิดา กระซิบสองสามทีก่อนถอยกลับมายืนจุดเดิม “เพราะเหตุผลนั้นครับ”
แน่นอนว่านายพลฮิเดอากิเข้าใจในทันที ที่แท้เป็นเพราะเรื่องของ ‘ของ’
ท่าทีของนายพลฮิเดอากิที่ดูอ่อนลง ทำให้คุโรสึซึ่งยืนอยู่เริ่มอยู่ไม่สุก “ท่านนายพล?”
“โทชิรับภารกิจของเขา มีเหตุผลสมควร ฉันจะถือว่าไม่มีความผิด"
คุโรสึกำหมัดแน่น เจ็บใจและเสียหน้าไม่น้อย ทว่าเรื่องที่ควรจะจบ คนที่โดนเล่นงานก่อนอย่างนาวาอากาศโทชิกลับไม่ยอมให้จบง่ายๆ
เขาเลือกที่จะ…ฟ้องกลับบ้าง อยากทำตัววุ่นวายนัก จะให้วุ่นสมใจ
“จริงอยู่ที่ผมได้รับภารกิจจึงไม่ได้รอรับคำสั่งรบที่บางปูเหมือนหน่วยอื่น แต่ร้อยโทคุโรสีไม่ได้มีภารกิจใดๆ ความจริง…จึงเป็นเขาต่างหากที่ทำผิดวินัยทัพ”
คนกล่าวหน้านิ่งจริงจัง ผิดกับพันเอกโนบุนากะที่แอบยิ้มมุมปาก ดูญาติผู้น้องจัดการคนจุ้นไม่เข้าเรื่อง
เจ้าคุโรสึเองก็ไม่รู้จักจำ ตามหาเรื่องเจ้าโทชิมากี่ครั้ง แล้วเคยชนะเจ้านี่เหรอ?
นาวาอากาศหนุ่มยังคงกล่าวต่อไป "เมื่อคืนร้อยโทคุโรสึพากองกำลังของตัวเองตะลอนไปทั่วกรุงเทพในตอนที่ไทยยังไม่ประกาศยินยอม เขาพยายามบุกเข้าวังชนชั้นสูงของไทย อ้างว่ามีคำสั่ง ตั้งใจจะจับกุมเชื้อพระวงศ์หญิงคนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน ความผิดของเขานอกจากจะผิดวินัยทัพ ยังผิดที่ปลอมแปลงคำสั่งผู้บัญชาการ เห็นได้ชัดเจนว่ามีเจตนาคิดไม่ซื่อต่อกองทัพของเรา”
“เป็นความจริงเหรอ!” นายพลฮิเดอากิตวัดสายตามองคุโรสึ ก่อนมองหลานชายอีกครั้ง “เรื่องราวเป็นยังไง”
“อย่างที่พวกเราทราบ องค์จักพรรดิมีรับสั่งในที่ประชุมอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่รบกับไทย เมื่อต้องบุกไทยเราจึงต้องใช้วิธีเจรจา แต่คงเป็นเพราะร้อยโทคุโรสึเจนจัดในสงคราม เคยชินที่ต้องใช้วิธีบุก ฆ่า ทรมาน ข่มขืน มาตั้งแต่เราทำสงครามกับจีนและเกาหลี พอถึงคราวบุกเข้าไทยบ้างจึงคิดจะบีบคั่นโดยการจับกุมตัวใครต่อใครไปทั่ว ถ้าหากเมื่อคืนผมไม่ได้ทำภารกิจอยู่ที่นั่น ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงกับเชื้อพระวงศ์หญิงคนนั้นบ้าง"
“แกใส่ความฉัน!”
“เงียบ!!” นายพลฮิเดอากิคำรามใส่ร้อยโทคุโรสึ ส่งสัญญาณให้หลานชายกล่าวต่อ
“ซึ่งในฐานะที่ผมเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ต้องขอเตือนให้พวกเราระมัดระวังเอาไว้ว่า การที่ร้อยโทคุโรสึคิดควบคุมตัวเชื้อพระวงศ์หญิงเพื่อต่อรองกับฝ่ายสัมพันธมิตรไม่ใช่ความคิดที่ควรทำ เพราะคนไทยรักและเคารพเจ้านายของพวกเขาเทียบเท่าชาติและชีวิต การกระทำอุดจาดอย่างนั้น มีแต่จะทำให้เราและไทยบาดหมางกัน หากบาดหมางก็อาจถึงขั้นต้องทำสงคราม เมื่อทำสงครามเราก็ต้องเสียทั้งเวลาและทรัพยากรทางทหารมากขึ้น หนทางที่จะไปถึงพม่าก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นั้นเท่ากับความเป็นไปได้ที่กองทัพญี่ปุ่นอาจแพ้ในสงครามครั้งนี้ก็จะมากขึ้นตามไปอีก ความผิดของร้อยโทคุโรสึครั้งนี้จึงมีมากกว่าผิดวินัยทัพ มากกว่าปลอมแปลงคำสั่งผู้บัญชาการ เพราะเขามีเจตนาชัดเจนที่จะทำให้กองทัพขององค์จักพรรดิ…แพ้สงคราม”
“ไม่!”
สิ้นเสียงของนาวากาศหนุ่ม ร้อยโทคุโรสึก็เข่าทรุดลงไปกับพื้น เขาไม่เข้าใจ เรื่องเล็กเท่านั้น ทำไมพออยู่ในปากของเจ้าโทชิถึงได้ดูยิ่งใหญ่ กลายเป็นเขามีเจตนาทำให้กองทัพแพ้สงครามไปได้!
“เปล่านะ! ผมก็แค่ คะ แค่อยากให้พวกคนไทยยินยอมให้กองทัพของเราผ่านเส้นทางเร็วขึ้นเท่านั้น! อีกอย่างบุตรสาวของราวินคัมพะนีก็เป็นหมากสำคัญไว้ใช้ต่อรองกับพวกสัมพันธมิตร ช้าเร็วเราก็ต้องควบคุมตัวไว้ ผมเลย…”
“ต่อรองอะไร” นาวาอากาศหนุ่มถามย้ำ “ก็องค์จักพรรดิรับสั่งแล้วว่าให้เรามาอย่างมิตร เท่ากับไม่อนุญาตให้บีบบังคับข่มขู่ หรือความคิดของนายมันสำคัญกว่า? นี่นายถึงกับคิดขัดรับสั่งขององค์จักพรรดิเลยเหรอ"
“ไอโทชิ!”
“พอแล้ว! ใครอยู่ข้างนอก มาเอาร้อยโทคุโรสึออกไป!”
ร้อยโทหนุ่มถูกคุมตัวไปรับผิดหลังจากนั้น แน่นอนว่าความผิดทุกข้อของเขาล้วนร้ายแรง ทว่าในเวลานี้กองทัพญี่ปุ่นไม่ควรจะแสดงให้ไทยเห็นว่าพวกเขาเกิดความระหองระแหงกันเอง โทษของคุโรสึจึงจะถูกพักไว้ก่อน แต่นับจากนี้เขาก็ไม่สามารถหายใจหายคอได้สะดวกอย่างเหมือนก่อนเช่นกัน
หลังคุโรสึถูกพาตัวออกไป ภายในห้องก็เหลือเพียงสามบุรุษจากตระกูลโฮชิฮิโตะ แน่นอนว่าเมื่อไร้คนนอก ท่าทางของทั้งสามจึงไม่ได้ดูห่างเหินอย่างผู้บังคับบัญชาและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอีก
นายพลฮิเดอากิถอดหมวทรงแคบวางบนโต๊ะก่อนนั่งลง เขามองหลานชายเพียงคนเดียวอย่างสนใจ แม้ท่าทียังดูเที่ยงตรง แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดกลับเจือด้วยความผ่อนปรน ผิดกับเมื่อครู่
“การคืนบุญคุณเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่จำไว้ว่าหากมีการกระทำใดที่เกินขอบเขตจนกลายเป็นการไม่ซื่อต่อกองทัพ ลุงก็จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเช่นกัน! เข้าใจใช่ไหม"
โทชิโค้งตอบท่านลุงของเขาอย่างเคร่งครัด “ครับท่านลุง!”
ท่านนายพลมองหลานชายแล้วเงียบไป แน่นอนว่านายพลฮิเดอากิรู้เรื่องราวของพระองค์เจ้าอัฐทิศราวิน รู้เรื่องพระมหาการุณาธิคุณที่ทรงมีให้น้องสาวแสนดื้อรั้นและหลานชายแท้ๆของเขา เมื่อทราบว่าโทชิโร่ไปควบคุมดูแลวังสำคัญวังหนึ่งไว้ในช่วงหน้าสิวหน้าขวาน ถึงจะมีคำแก้ตัวเรื่องภารกิจลับมารองรับ ก็ใช่จะเดาไม่ออกว่าหลานชายทำไปเพราะอะไร
ทว่านายพลฮิเดอากิกลับไม่ติดใจเอาความเพราะรู้ว่าหลานชายรู้รอบขอบเขตดี จึงหันไปทางบุตรชายที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล “แล้วเรื่อง ‘ของ’ พวกนั้น แน่ใจเหรอว่าจะเก็บไว้ที่วังนั้น”
“ก็เจ้าโทชิว่าแบบนั้น ท่านพ่อก็รู้ว่าหลานชายท่านพ่อคุ้นเคยกับที่นี่ดีกว่าพวกเรา”
“อย่างนั้นเหรอโทชิ” ท่านนายพลหันกลับมาถามหลานชายอีกครั้ง “หลานมั่นใจใช่ไหมว่า‘ของ’ จะปลอดดภัย นั้นคือความหวังของกองทัพ เราต้องใช้มันเป็นทุนในการทำสงครามจนจบเชียวนะ”
นาวาอากาศหนุ่มโค้งรับคำ “ผมมั่นใจ วังอัฐทิศเป็นวังที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในเขตเมืองชั้นนอก จึงห่างจากสายตาของรัฐบาลไทย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด สะดวกในการขนถ่าย ‘ของ’ ที่สุด”
เมื่อลูกพี่ลูกน้องเริ่มกล่าว พันเอกโนบุนากะก็ช่วยกางแผนที่ที่กองทัพส่งหน่วยสอดแนมมาทำไว้ เขานำไปวางบนโต๊ะหน้าที่นั่งของผู้เป็นพ่อ เพื่อให้เห็นภาพภูมิประเทศของเมืองหลวงไทยชัดเจนมากขึ้น
"ด้านหน้าวังติดคลองขุดใหม่ชื่อว่าคลองสาธรที่เชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศใต้ของเมืองหลวง เป็นเส้นทางที่สามารถเดินเรือตรงออกสู่ทะเลได้โดยตรงผ่านทางคลองลัด จึงง่ายต่อการเดินทางทางเรือและขนส่งทางน้ำ อีกสามทิศรอบวังอัฐทิศกินพื้นที่กว่าด้านละสิบไร่ ไม่มีวังหรือเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทำให้ยากต่อการสอดแนม นับว่าเป็นจุดยุทศาสตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก ผมมั่นใจว่า ‘ของ’ จะปลอดภัย จนกว่าถ้ำที่เมืองกาญจะขุดเสร็จ"
ท่านนายพลพยักหน้าเบาๆ ขณะคิดภาพในหัว
“และเมื่อถึงเวลาขนย้าย ก็จะเป็นจุดสนใจน้อยกว่าที่อื่น เพราะวังอัฐทิศทำเหมืองดีบุกที่เมืองกาญอยู่แล้ว ถ้าคนในวังจะขนกล่องเหล็กบรรจุเครื่องมือทำเหมืองไปส่งที่เมืองกาญบ้าง ก็ดูไม่น่าสงสัยเท่าไร"
นาวาอากาศหนุ่มสรุป ก่อโค้งเคารพผู้เป็นลุง
“ดี ละเอียดและรอบคอบดีมาก!”
ท่าทางชื่นชมและพออกพอใจของคนเป็นพ่อทำให้พันเอกโนบุนากะเสริมตาม “ผมถึงบอกไง ว่าเจ้าโทชิจะช่วยเราได้มาก”
ท่านนายพลพยักหน้ารับลูกชาย ทว่าก็ยังไม่คลายสีหน้ากังวล “แต่มันคงไม่ง่าย ถ้าจู่ๆเราจะส่งทหารเข้าไปควบคุมดูแล ‘ของ’ ในวังนั้น พวกรัฐบาลไทยคงสงสัยแน่”
“ถ้าเขาสงสัย ก็อ้างว่าหลานชายของท่านพ่อเป็นคนรักของบุตรสาววังนั้นสิครับ” พันเอกโนบุนากะเสนอ
“เอ๋”
“ยังไงเราก็ต้องยึดวังนั้นให้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะเหมืองราวินเป็นเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ เป็นเหมืองสำคัญที่ส่งออกแร่ให้ไอพวกสัมพันธมิตรมานาน เราจึงต้องยึดมาอยู่ในการควบคุมของญี่ปุ่นเพื่อตัดทางผลิตอาวุทของพวกมัน แต่เราประกาศตัวว่ามาอย่างมิตร จะให้ใช้กำลังไปควบคุมเอามาคงจะไม่ได้ จึงทำได้แค่…ใช้วิธียึดอย่างประนีประนอมที่สุดเท่านั้น”
ท่านนายพลเงียบฟังบุตรชาย ผิดกับนาวาอากาศหนุ่มที่เหลือบมองพี่ชาย ท่าทีของเขาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็ตั้งใจฟังต่อโดยไม่ขัดอะไร
“ลูกจะเสนออะไร”
“ใช้เรื่องราวความรักของบุตรสาวเพียงคนเดียวของวังนั้นกับนาวาอากาศหนุ่มของเรา ถ้านาวาอากาศของเราเป็นคนรักตั้งแต่วัยเด็กของท่านหญิงวันนั้น จะแปลกอะไรถ้าที่นั่นจะมีกองกำลังไปอารักขาดูแล? จะแปลกอะไรถ้า ‘นายทหารหนุ่มคลั่งรัก’ จะไปเฝ้าคนรัก กินนอน วนเวียนอยู่ที่นั่น และจะแปลกอะไรถ้าท่านหญิงซึ่งมีสิทธิขาดในวังนั้นทั้งหมดจะเห็นใจ และทำตามการอ้อนออดของคนรักที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างการหยุดส่งออกแร่ของราวินคัมพะนีไปให้ไอพวกฝรั่ง”
ห้องทำงานใหญ่เงียบฉี่ในทันที
คนหนึ่งยิ้มย่องว่าความคิดตัวเองแยบยลดีแล้ว
คนหนึ่งนั่งนิ่งไม่มีใครอ่านความคิดเขาได้…อ้อนเหรอ
ส่วนอีกคน คนที่อาวุโสที่สุดกลับเหลือบมองบุตรชายแล้วคิดในใจ…เจ้านี่ ก็ไม่รู้ว่าไปเจ้าเล่ห์เหมือนใครในตระกูล!
………………
5555 มาซี่ๆ ฉันบอกแล้วว่านิยายไม่เครียด พี่ชินอิจิสายฮานะคะ เกียมไปดูหน้าน้องสะใภ้กันนนน มา!
ตอนนี้เปิดให้สั่งจองนิยาย คนละภพ+พร้อมเล่นพิเศษ รอบพิมพ์ซ้ำอยู่นะคะ ใครรออยู่กดสั่งเลยน้า
กดสั่งตรงนี้จ้ะ >> http://chermabookshop.com/product
เปิดให้สั่งในรอบสองปีเลย และคงไม่เปิดแล้้วน้า
…………………………
หวังว่าจะชอบนะคะ
ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ เน้นรัก เน้นตลก รอเจอคู่ป้าปั้น เกิดมาเสด็จปั้นไม่เคยโดนใครมากระชากแขน แต่พี่ชินอิจิกระชากแทบหลุด ลากด้วย! อ้ากก สามหาววว!
สปอยตอนต่อไป…
“หญิงเป็นเจ้า ของที่นี่น่ะ! ถ้าจะอ้างว่ามาอย่างมิตร พวกคุณก็ต้องเคารพธรรมเนียมของที่นี่ด้วยสิ!”
“ผมก็เป็นเจ้า ของที่บ้านเกิดเหมือนกัน “
ฮิโรโตะเถียงกลับ ก่อนทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะพึ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากโทกิ ลูกพี่ลูกน้องของเขา
“นายบอกคุณเจ้าหญิงคนนี้ไปสิ ว่าที่ญี่ปุ่นฉันก็เป็นโจ เป็นท่านชายเหมือนกัน นายเองก็เป็นเหมือนฉัน ผู้หญิงพวกนี้จะได้รู้ว่าเราเท่าเทียม! นอกจากจะจับได้แล้ว จูบยังได้เลย!”
หนีไปปป เสด็จกับหญิงโปรดรีบหนีไปปป ไอหนุ่มพวกนี้มันเอาจริงนะะะ!!!
ความคิดเห็น