ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    焰曲 บทเพลงแห่งเปลวเพลิง

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 การกลับมาของหงส์ปีกบิ่น : 1

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 66


    บทที่ 2 การกลับมาของหงส์ปีกบิ่น

    เรือนหงกวาง จวนเจ้าเมืองเฟย

         แสงเทียนถูกจุดจนสว่างไสวภายในเรือนหงกวางตั้งแต่เช้าตรู่ เหล่าสาวรับใช้วิ่งวุ่นเข้าออกภายในเรือน ต่างช่วยกันลำเรียงกล่องอาภรณ์กล่องเครื่องประดับที่เจี๋ยมามานำมาจากวังหลวงเข้าไปด้านใน

         บรรยากาศที่มีทั้งตื่นเต้นระคนวุ่นวายเหล่านั้น เกิดขึ้นเพราะวันนี้เจ้าของเรือนอย่างคุณหนูรองเหรินเฟิ่งจะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ที่สำคัญ เหลียนฮองเฮาพระมารดาของไท่จื้อ ยังถึงขนาดส่งนางกำนัลข้างกายอย่างเจี๋ยมามามาแต่งโฉมให้คุณหนูด้วยตนเอง

         ทั้งยังอาภรหงส์ที่ฮองเฮามีรับสั่งให้ทำขึ้นจากผ้าไหมเพลิงบุปผาปักไข่มุกจากทะเลตงไห่เพื่อให้คุณหนูรองใส่ในพิธีอีกเล่า ทั้งหมดล้วนถูกทำขึ้นเพื่อคุณหนูรองของพวกนางโดยเฉพาะ พวกนางจึงอดคิดอย่างลำพองถึงอนาคตอันใกล้ของคุณหนูไม่ได้

         ขนาดคุณหนูรองและไท่จื่อยังไม่เสกสมรส เหลียนฮองเฮายังเอาใจใส่ว่าพี่ลูกสะใภ้ถึงเพียงนี้ อีกหน่อยคงไม่ต้องพูดถึง

         เหรินเฟิ่งนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกบานโต ให้นางกำนัลในวังแต่งใบหน้าให้ เวลานี้อาภรหงส์สีชาดปักลายหงส์เริงระบำถูกสวมบนร่างงามเรียบร้อยแล้ว บนศีรษะสวมรัดเกล้าเข้าคู่กัน และเพราะผิวของนางขาวดั่งหยกเป็นทุนเดิม จึงยิ่งส่งให้คุณหนูรองเหรินเฟิ่งในเวลานี้ดูราวนางพญาแห่งมวลหมู่หงส์ ช่างงดงามเหนือผู้คน ดูเป็นสาวสะพรั่ง ไม่ใช่สาวน้อยที่พึ่งพ้นวัยเด็กไปหมาดๆอีกแล้ว

         "เสร็จแล้วเจ้าค่ะ"

         เจี๋ยมามากล่าวขึ้นอย่างพออกพอใจเมื่อประทินโฉมเหรินเฟิ่งเสร็จ ก่อนหันไปหยิบกล่องใบหนึ่งส่งให้หญิงสาว "ของขวัญในพิธีปักปิ่นเพคะพระชายา"

         เหรินเฟิ่งมองเจี๋ยมามาอย่างตกใจ "พระชายาอะไรกันเจ้าคะ"

         "เป็นเรื่องที่ต้องเกิดแน่นอนอยู่แล้วนี่เพคะ ช้าหรือเร็วหม่อมฉันก็ต้องเรียกพระชายาเช่นนี้"

    นางหน้าแดงซ่าน มองเจี๋ยมาม่าที่ลุกขึ้นทำการโค้งกายคำนับอย่างเต็มพิธี ไม่คิดขัดใจผู้อาวุโสอีก

         "ลูกสาวข้างดงามยิ่ง!"

         ทว่าการคำนับเต็มพิธีของเจี๋ยมามากลับถูกขัดอย่างน่ารังเกียจด้วยเสียงแหลมสูงของจื่อฮูหยิน ก่อนเจ้าของร่างจะเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหลังฉากกั้น มองบุตรสาวอย่างพออกพอใจ ไม่ลืมหันไปคาราวะเจี๋ยมามา

         เจี๋ยมามารับคำนับอย่างเก็บสีหน้า ก่อนจะขอตัวออกไปรอด้านนอกโดยไม่กล่าวสิ่งใด  ทิ้งให้บุตรมารดาสนทนากันเพียงลำพัง

         เหรินเฟิ่งจับจ้องท่าทีไม่พอใจของเจี๋ยมามาก่อนจะหันไปมองมารดาอย่างอ่อนใจ "ท่านแม่ ข้าเตือนท่านหลายครั้งแล้วนะเจ้าคะเรื่องเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาในเรือนของข้าแบบนี้ ท่านต้องฝึกมารยาทกิริยาของท่านให้ชิน เพราะในวันข้างหน้าท่านจะเป็นถึง…"

         "พระมารดาของฮองเฮา แม่รู้ๆ แม่แค่ดีใจเกินไปที่วันนี้ลูกสาวงดงามเช่นนี้ เอาเถอะ ไว้แม่จะไปขอโทษเจี๋ยมามาเอง"

         สองแม่ลูกมองกันและกันก่อนจะนั่งลง หรินเฟิ่งเองก็ไม่คิดจะถือสามารดา

         แม้มารดาจะน้อยมารยาท แต่ชาวเมืองเฟยก็มักมีนิสัยโผงผางฉูดฉาดเช่นนี้

         จะเอามารยาทอะไรจากบุตรสาวเจ้าของโรงหมักสุรานักเล่า ถึงอย่างไรมารดาก็รักนางมาก นางจะถือสาได้อย่างไร…มีแต่ต้องทำใจ...ต้องอดทน

         “เจ้ารู้หรือไม่ว่าไท่จื่อมาถึงเมืองเฟยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน”

         เหรินเฟิ่งหันมองกระจก มองดวงหน้างดงามของตนที่ถูกแต่งแต้มจนโดดเด่น

         “ทราบเจ้าค่ะ และข้ายังรู้อีกด้วยว่า ท่านขอให้ท่านตาไปว่าจ้างนักเล่านิทานที่ลานกลางเมือง ให้เล่าเรื่องของพี่ใหญ่…”

         จื่อฮูหยินชะงักกิริยาทันที ก่อนจะยิ้มพอใจอย่างคนที่เชื่อเต็มอกว่าสิ่งที่ตนทำไปไม่นับว่าเป็นความผิด 

         “ใช่ แม่ต้องเสียเงินไปโขเพื่อจ้างให้นักเล่านิทานพวกนั้นเล่าเรื่องไม่ดีของเฟยเหยี๋ยนเฟิ่งเมื่อคืน หวังว่าไท่จื่อเองก็คงจะได้ฟังว่านางชื่อเสียงป่นปี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว หากเขาคิดอยากจะเอานางนั้นกลับไปเป็นพระชายาเหมือนเดิมจะได้หยุดความคิดไร้สาระพวกนั้นเสีย!”

         เหรินเฟิ่งมองมารดาผ่านกระจก “ท่านไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น”

         “ไม่จำเป็นหรือ? ไท่จื่อหมั้นหมายกับเยวี๋ยนเฟิ่งกว่าสิบปี ถึงไม่รักใคร่แต่ใครล่ะจะรู้หัวใจบุรุษ! สิ่งที่แม่ทำก็เพื่อตัวเจ้าทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะมาต่อว่าแม่อีก!”

         เหรินเฟิ่งหันกายกลับมามองมารดาตรงๆ การเปลี่ยนท่าทางทำให้อาภรณ์หงส์สีแดงชาดดูระยิบระยับงดงามเล่นแสงไฟ

         “ข้าเพียงแต่ ไม่อย่างให้ท่านเหนื่อยเท่านั้นเจ้าค่ะ อีกอย่าง ไท่จื้อจะอาวรณ์พี่ใหญ่ไหมข้าไม่เห็นสนใจ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องเป็นสามีข้า จะสงสารหรือไม่สงสารนาง จะสำคัญอะไร"

         “ไม่สนจริงรึ เหรินเอ๋อเอ๋ย แม่เป็นแม่ของเจ้า แม่ย่อมรู้จักเจ้าดีกว่าใคร”

         เหรินเฟิ่งไม่โต้เถียงมารดาอีก จื่อฮูหยินก็ไม่คิดเปิดโปงบุตรสาว นางยื้นมือไปเก็บลูกผมให้เหรินเฟิ่งอย่างถนอม ด้วยบุตรสาวผู้นี้เท่านั้นที่ทำให้นางได้ทุกอย่างมา ก่อนเอียงกายไปหยิบกล่องทรงยาวใบหนึ่งมา

         “เอาเถอะ วันสำคัญของเจ้าเราอย่าพูดเรื่องไม่เป็นมงคลเลย ดูนี่สิ วันนี้แม่ให้ร้านฟางหรานทำปิ่นประดับชิ้นงามมาให้เจ้าใช้ในพิธี มา แม่จะเสียบให้เจ้า”

         เหรินเฟิ่งมองปิ่นหยกแดงในมือมารดาแล้วแย้มยิ้ม ยอมเอียงศรีษะให้มารดาเสียบประดับบนมวยผมที่ถูกเกล้าเอาไว้อย่างประณีต 

         จื่อฮูหยินทำท่าพออกพอใจ ก่อนจะขอตัวออกไปรับแขกที่ด้านหน้า

         ไล่หลังมารดา รอยยิ้มอ่อนหวานของเหรินเฟิ่งก็ค่อยๆจืดจางลง นางดึงปิ่นหยกแดงออกจากมวยผมในทันที โดยไม่คิดพินิจมองให้นาน มือบางก็สะบัดมันไปทางแจกันหยกเนื้อแข็งใกล้ๆ 

         'เพล้ง'

         ปิ่นหยกแดงแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

         ท่าทีของเหรินเฟิ่งไม่ได้ทำให้สาวใช้รอบกายตกใจเลยซักนิด กลับก้มหน้านิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้ากระดิกกายหรือส่งเสียงใดๆ

         แม้ภายนอกคุณหนูรองของพวกนางจะเป็นเพียงคุณหนูแสนบอบบางราวไม่เคยต้องแรงลมแดดแรงลมฝน แต่ในความเป็นจริงคุณหนูเป็นถึงผู้ฝึกยุทรขั้นล้างกระดูก หากพูดไม่ถูกหูเข้า ไม่รุ้ชีวิตน้อยๆของพวกนางจะเป็นอย่างไร สู้ไม่เอ่ยอะไรเลยจะดีกว่า

         "ปิ่นหยกแดงรึ? มารดาข้าถึงกับกล้าเอาหยกแดงกระจอกๆมาสวมให้ในวันสำคัญเช่นนี้ รสนิยมของมารดานั้น บุตรเช่นข้าคาดไม่ถึงเลยจริงๆ"

         สาวใช้รีบชุบผ้าหมาดๆ มาเช็ดมืออ่อนบางให้อย่างรู้หน้าที่ นิ่งอยู่นานก่อนเหรินเฟิ่งจะเอ่ยขึ้นอีก

         "ยู่ฉี่ เจ้าให้คนไปสืบที ว่าเมื่อคืนไท่จื่อพักที่ใด แล้วตอนที่นักเล่านิทานของท่านแม่เล่าเรื่องของพี่ใหญ่...พระองค์ได้นั่งฟังด้วยหรือไม่"

         "เจ้าค่ะคุณหนู"

         ทว่าไม่ทันที่สาวใช้คนสนิทจะเดินออกไปพ้นเรือน ก็มีคนเดินสวนเข้ามา เป็นพ่อบ้านของจวนนั้นเอง

         “คุณหนูรองขอรับ นายท่านให้บ่าวมาเรียนว่าไท่จื่อเสด็จมาถึงแล้ว พระองค์สั่งให้คนส่งของขวัญมาให้ด้วยขอรับ”

        เหรินเฟิ่งรีบรับกล่องแพรงดงามนั้นไว้ เมื่อเปิดออกก็พบปิ่นหงส์แสนงามเล่มหนึ่งวางอยู่ด้านใน 

         ปิ่นทองคำทำขึ้นจากฝีมือช่างวังหลวง ทั้งงดงาม ทั้งประณีต นางพญาหงส์บนหัวปิ่นคล้ายจะมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันสยายปีกโผ่บินเหนือมวลเมฆ นัยน์ตาประดับด้วยอัญมณีสีแดงชาดที่เปล่งแสงออกมาจางๆอยู่ตลอดเวลา

         "นี่คงเป็นปิ่นหงส์สยาย ของหมั้นประจำราชวงศ์หยางจงสินะ"

         เหรินเฟิ่งกล่าว นางลูบไล่ปิ่นหงส์สยายอย่างพอใจ ความขุ่นเคืองเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น

         "สามปีที่ฮองเต้ส่งหนังสือมาเปลี่ยนตัวว่าที่พระชายา แต่ของหมั้นกลับยังไม่เคยส่งมาถึงข้าเลย ที่แท้พวกเขาก็รอจะมอบให้ข้าในวันมงคลเช่นนี้...ยู่ฉี่ ปักปิ่นนี้ให้ข้าเร็ว"

         สาวใช้ยู่ฉี่แอบส่งยิ้มให้พ่อบ้าน ก่อนจะรีบทำตามคำสั่งคุณหนูของตน เมื่อเสียบปิ่นงามเรียบร้อยก็ถอยกายออกมา มองอย่างชื่นชม

         พ่อบ้านซย่ามองคุณหนูรองอย่างพอใจ ก่อนเอ่ยเตือนอย่างน้อบน้อมยิ่ง

         "นี่ก็สายมากแล้ว คุณหนูรีบไปที่ห้องโถงเถอะขอรับ ไท่จื่อเองก็คงรอพบคุณหนูไม่ไหวแล้วเช่นกัน"

         เหรินเฟิ่งยิ้มรับ นางมองกระจกเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากเรือนหงกวางเพื่อเข้าพิธีปักปิ่นของตน
     __________

    เม้นกำลังใจสำคัญนะคะ คนเขียนจะได้รู้ว่าดีไหม ถ้าไม่ดีจะได้ไปเขียนเรื่องอื่นที่ดีจ้า

    อาจหลุดคำผิดบ้าง ขออภัยนะคะ รีไรท์ลงเล่มคำผิดจะไม่มีแน่นอนจ้า...ถ้าอั้วเขียนจบ 55

    _________________

    ฝากติดตามเพจเฌอมา ด้วยนะจ้ะ อิอิ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×