ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์บรรดาศักดิ์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : เด็กชายที่มาจากทะเล

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 65





    บทที่ 2 : เด็กชายที่มาจากทะเล

    ไอเด็กประหลาด

    พูดไม่เป็น ฟังไม่ได้ มันทำได้แค่ไปซื้อของที่ตลาด กับนับก้อนหินเล่นไปวันๆ

    พ่อของมันตายไปน่ะดีแล้ว ถ้ายังอยู่แกคงช้ำใจ ที่ตัวเป็นถึงหมอ แต่มีลูกบ้าใบ้ปัญญาทึบอย่างเจ้าเด็กกินปลาดิบนั่น!

    เสียงก่นว่าด่าท่อที่ดังลอยมาจากเรือนครัวด้านหลังทำให้ท่านหญิงโปรดละสายตาจากโน๊ตเปียโนแล้วมองลงไปยังลานกว้างด้านล่าง มองร่างเด็กชายที่กำลังถูกก่นด่า แต่กลับนั่งนับก้อนหินเงียบๆ ใบหน้าถูกซ่อนไว้ใต้ผมดำสนิทราวน้ำหมึก 

    เด็กคนนั้นอยู่ในวังของเธอมานาน พ่อเขาเป็นหมอประจำราชสกุล จึงต้องพาเขาและแม่ชาวญี่ปุ่นมาอยู่ในวังด้วย แต่หมอกอบเสียไปสองปีแล้ว เขาและแม่ไม่มีที่ไปจึงยังอยู่ที่นี่ เมื่อไม่มีสามีสถานะจากลูกชายหมอก็เปลี่ยนเป็นแค่ ลูกคนรับใช้ของหม่อมแม่เท่านั้น

    ท่านพ่อรักเด็กคนนั้น เพราะทรงชอบพอคนเก่งอย่างหมอกอบ เมื่อเขาโตพอจึงทรงกรุณาให้เด็กคนนั้นเข้าเรียนพร้อมเธอ เขาโตกว่าจึงอยู่ชั้นข้างบน หม่อมแม่สอนเธอนับนิ้วสามครั้งเพื่อบอกอายุของเขา โตกว่าสามปี

    แต่ท่านน้าเล็กไม่ชอบเขา บอกว่าเขาเป็นตัวประหลาด

    หนูโปรด

    เสียงเรียกชื่อทำให้เด็กหญิงสะดุ้ง รีบหันมองเด็กหนุ่มข้างกาย มองท่านน้าเล็ก อนุชาต่างมารดาของหม่อมแม่

    สนใจอะไรอยู่คะ น้าพูดด้วย หนูโปรดไม่เห็นสนใจเลย ไม่อยากให้น้าสอนแล้วเหรอ

    เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งร้องถาม เขาอายุห่างจากเธอสิบกว่าปี แต่มีศักดิ์เป็นน้าชาย เขาบอกเสมอว่าเขารักเธอ รักหลานสาวคนนี้มาก รักเป็นพิเศษ

    สนใจไอเด็กญี่ปุ่นั้นอยู่เหรอคะ

    เปล่าค่ะ

    ก็น้าเห็นอยู่ว่ามองมัน

    ไม่ใช่นะคะ

    อ่อ

    เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจท่าทีตกใจของเด็กน้อยอีก เขาเหลือบสายตามองออกไปยังนอกหน้าต่าง มองร่างเด็กชายในชุดมอซอ แม้เนื้อผ้าไม่ได้ขาดรุ่งริ่งแต่ก็มีสีซีดจาง บ่งบอกว่าผ่านการใช้ซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน 

    น่าสมเพช พวกขยะ

    เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ก่อนหันไปหยิบแก้วน้ำข้างโต๊ะเปียโนขึ้นมาแล้วส่งให้หลานสาว

    ท่านหญิงโปรดรู้ในทันทีว่าท่านน้าของตนต้องการอะไร ท่านน้าต้องการให้พิสูจน์คำพูด เธอขัดใจท่านน้าไม่ได้ จึงจำต้องรับแก้วใสใบนั้นมาแล้วเขวี้ยงออกไปนอกหน้าต่าง แก้วกระแทกโดนศีรษะของเจ้าตัวประหลาดเต็มๆ ก่อนสีแดงของเลือดจะกลบไปทั่ว แต่เจ้าตัวประหลาดไม่ร้องซักเอะ เขาแค่เงยหน้ามองกลับขึ้นมา จ้องท่านน้า และหยุดนิ่งสายตาไว้ที่เธอ

    ท่านน้าเล็กปัดม่านหน้าต่างปิดหลังจากนั้นอย่างไม่พอใจ แต่เธอ อึดอัดจนอยากร้องไห้ออกมา

    น้าไม่ชอบเด็กคนนั้น หนูโปรดชอบมันเหรอ? ท่านพ่อของหนูโปรดส่งมันเข้าโรงเรียนเดียวกับหนูโปรด เท่ากับเป็นเพื่อนกันแล้วสิ

    เด็กน้อยส่ายหน้า ทำให้น้ำตาที่คลอรออยู่แล้วร่วงแผละๆ 

    เธอไม่รู้จะทำยังไง เธอกลัวว่าท่านน้าจะโกธรแล้วทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะตั้งแต่หม่อมแม่ตั้งครรถ์น้องชายก็ทรงประชวลเพราะครรถ์นั้น เล่นกับเธอไม่ได้ มีแต่ท่านน้าเล็กที่หม่อมแม่พามาจากวังท่านตา พามาให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอจึงต้องเชื่อฟังท่านน้าให้มาก

    มันเป็นตัวน่ารังเกียจ ตามตัวมีแต่แผล มีแต่เชื้อโรค! พวกสัตว์ประหลาดไม่มีบ้าน มันมาจากทะเล กินปลาดิบ เดินบนไม้ดังก๊อกแก๊กไม่มีมารยาท! หนูโปรดต้องจำไว้ว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ถ้าเจอที่โรงเรียนอย่าไปใจดีด้วย หนูโปรดต้องเชื่อฟังน้านะ…ต้องฟังน้าคนเดียว

    เธอในตอนนั้นยังเด็กมากและเชื่อฟังน้าชายอย่างที่สุด เมื่อถึงโรงเรียนในตอนเช้า เธอก็บอกเพื่อนๆ ไปอย่างนั้นบ้าง

    เด็กคนนั้นไม่มีพ่อ ไม่มีปู่ไม่มีย่า ไม่มีตาไม่มียาย มีแต่แม่ ถ้าทุกคนไปคุยกับเขา จะไม่มีพ่อแม่เหมือนเขานะ

    อ้าว? เขาไม่ใช่พระญาติของหญิงโปรดหรอกเหรอ

    ไม่ใช่ เขาเป็นลูกคนรับใช้หม่อมแม่ แม่เขาเป็นตัวที่มาจากทะเล พวกที่ชอบกินปลาสดๆ พวกที่เดินบนไม้ดังก๊อกแก๊กๆ

    จากนั้นเจ้าตัวประหลาเริ่มโดนแกล้ง ไม่รู้พวกผู้ชายโตๆได้ยินสิ่งที่เธอพูดได้ยังไง จึงเริ่มดูถูกเขา แต่งเพลงล้อเลียนเขา ตะโกนร้องข่มคำรามใส่เขาตลอดเวลา

    ไอเด็กประหลาดไม่มีพ่อ

    ปีศารจากทะเลกินปู่ย่าตายายตัวเอง

    โทชิกินแต่ปลาจนนิ้วงอกเป็นรองเท้าไม้ เดินก๊อกแก๊ก

    ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก ตกน้ำตาย

    เธอไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น เมื่อเติบโตถึงได้รู้ว่าไม่ควรพูดอย่างนั้น

    คำพูดของเธอทำให้เจ้าตัวประหลาถูกล้อเลียน ถูกแกล้ง นานวันพวกผู้ชายก็แกล้งรุนแรง จึงต่อยตีกัน

    ตอนนั้นเสด็จพ่อรีบร้อนไปพบ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าตัวประหลาเป็นคนเริ่มลงมือพระองค์กลับไม่ดุหรือทำโทษ ทรงถามสั้นๆ ว่าเขาทำผิดจริงหรือไม่ เสด็จพ่อของเธอทรงยุติธรรมที่สุด

    แต่เรื่องราวไม่จบแค่ตรงนั้น พวกเด็กเกเรเป็นลูกท่านหลานเธอ อันที่จริงโรงเรียนของเธอมีแต่เชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น พอคนพวกนั้นทราบว่าเจ้าตัวประหลาดไม่ได้มีเชื้อสายใดๆ พวกเขาจึงไม่ชอบใจมากกว่าเดิม เมื่อถึงคราวจึงเรียกร้องให้ขับออกไป

    ครูใหญ่มาแจ้งเสด็จพ่อ อ้างว่าพวกเด็กๆ ที่โดนทำร้ายบาดเจ็บรุนแรงที่ดวงตา อาจจะบอด บิดามารดาเขาไม่ยอม ทางโรงเรียนจึงทำได้แค่ ต้องไล่ออก

    เสด็จพ่อไม่พูดสิ่งใด แค่เรียกเจ้าตัวประหลาดมา แล้วถามเขาว่าเพราะอะไร ทำไมถึงทำ แต่เด็กคนนั้นแค่แค่เงยหน้ามองมาที่เธอ

    เธอที่เป็นตัวต้นเหตุ แต่กลัวเกินกว่าจะออกไปรับผิด

    เธอกลัวเสด็จพ่อจับใจ สิ่งที่ทำได้คือหลบอยู่หลังท่านน้าเล็กทั้งอย่างนั้น

    แต่ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประหลาดจะพูดออกไปว่าสาเหตุเป็นเพราะเธอก็ได้ เพราะเขาเห็นและได้ยินว่าเธอเล่าเรื่องของเขาให้คนที่โรงเรียนฟัง แต่เขากลับไม่พูด เขาแค่มองเธอ สายตานั้นเธอยังจำติดใจ

    เสด็จพ่อทำอะไรไม่ได้เมื่อเจ้าตัวประหลาดไม่ยอมพูด นอกจากต้องตีเขา ดีกว่าจะให้บิดาของพวกเด็กเกเรใช้กฎหมาย

    เสียงหวดของไม้หวายที่ฟาดลงบนหลังของเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าก้องอยู่ในหูเธอ ความอยุติธรรมที่เธอหยัดเหยียดให้เขา สายตาที่เขามองมายามถูกตี เธอจำได้ดี

    เธอทำให้เขาถูกเสด็จพ่อเฆี่ยน ทำให้ต้องออกจากโรงเรียน 

    ในตอนนั้นเธอเห็นเสด็จพ่อเรียกแม่ของเขาเข้าไปพบ ทรงตรัสว่าให้คิดดีๆ

    ทรงขอให้เลิกหนี ตรัสว่า เพราะลูกชายของเธอควรจะได้อยู่ในที่ของเขา

    ที่ที่มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี เพราะในประเทศไทยแห่งนี้ ทั่งสองแม่ลูกไม่มีสิ่งใด

    เมื่อไม่มียศ ไม่มีฐานะ ก็เท่ากับไม่มีความเป็นคน จะต้องถูกกดขี่และถูกกระทำเรื่อยไป

    เธอทราบแต่ว่ามีเสียงร่ำไห้ตลอดคืน วันรุ่งขึ้นแม่ของเขาก็พาเขาจากไป กลับไปญี่ปุ่น

    แต่นั้น เธอไม่ได้ข่าวของเขาและแม่อีกเลยกระทั่ง



    ตึ้งง ตึ้งงง

    เสียงนาฬิกาบอกเวลาตีห้า เสียงนั้นทำให้ท่านหญิงโปรดที่นั่งเงียบอยู่ในภวังค์วันวานสะดุ้ง

    หญิงสาวมองห้องรับแขกของวังที่เต็มไปด้วยข้ารับใช้ ตั้งแต่ถูกทหารญี่ปุ่นล้อมไว้ ทุกคนในวังก็พร้อมใจมานั่งรวมกันอยู่ในนี้ หมอบเฝ้าเธออยู่มากมายจนล้นออกไปตามโถงทางเดิน แต่บรรยากาศกลับเงียบเฉียบมาก มันทั้งน่าอึดอัด และไม่มีใครคิดกระดิกตัว แม้แต่หายใจยังพยายามทำให้เบาที่สุด เพราะพวกญี่ปุ่นยังอยู่ข้างนอก 

    ความหวังเดียวในเวลานี้คือข่าวจากวิทยุ ทุกคนจึงได้แต่เงียบและรอฟัง รอฟังการกระจายเสียงแจ้งข่าวของทางรัฐบาล ว่าเวลานี้เกิดอะไร และเราควรช่วยเหลือตัวเองอย่างไร

    พวกเราไม่มีหวัง เพราะพวกเราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถึงพวกญี่ปุ่นที่อยู่ข้างนอกจะไม่ได้ทำร้ายเรา ตั้งแต่ประกาศว่าจะควบคุมเรา นอกจากตัดสายสัญญาณโทรศัพท์เพื่อไม่ให้คนในวังอัฐทิศแจ้งข่าวกับคนข้างนอกได้ พวกเขาก็ไม่ทำอะไรอีกเลย

    แต่ใครล่ะจะวางใจ ในเมื่อผู้นำของเขา ไม่ได้แสดงความเป็นมิตรออกมาเลย

    จู่ๆ ความเคลื่อนไหวที่ด้านนอกก็เรียกความสนใจ ดูเหมือนจะมีคนมา

    เสียงเคลื่อนกำลังของคนจำนวนมากที่ด้านนอกทำให้ท่านหญิงโปรดรีบรุดออกไปดู คิดอย่างมีหวังว่าใครซักคนอาจมาช่วย เมื่อคนอื่นๆ เห็นก็มองกันเลิกลั่ก รีบตามเสด็จไป

    แต่ที่ด้านนอกกลับปรากฏกองกำลังญี่ปุ่นอีกหน่วยที่เตรียมบุกเข้ามา ไม่ใช่ตำรวจไทยอย่างที่เธอคิด พวกเขามากันทางรถ ผิดกับกองกำลังก่อนหน้าของ…‘เขาคนนั้นที่เข้าควบคุมวังอัฐทิฐโดยใช้เส้นทางทางเรือ

    เสียงพูดคุยภาษาญี่ปุ่นดังกร้าวขึ้นจากกองกำลังที่มาใหม่ จากชายหนุ่มท่าทางเอาเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของฝ่ายนั้น ทว่าชายหนุ่มที่ประกาศตัวเข้าควบคุมวังอัฐทิศเป็นคนแรกกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาแค่ยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม พร้อมกองกำลังของเขาที่ยังคงปักหลักอยู่หน้าวังอัฐทิศ

    นี่พวกเขากำลังทะเลาะกันเองเหรอเธอไม่เข้าใจ

    ท่านหญิงโปรดขมวดคิ้ว มองชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้เธอ 

    นาวาอากาศโทชิในเวลานี้ไม่รู้ซักนิดว่ากำลังมีใครแอบมองเขาอยู่ อาจเพราะเขากำลังมองผู้นำกองกำลังหน่วยใหม่ที่ขนทหารมาเต็มคันรถ ร้อยโทคุโรสึ เพื่อนร่วมกองทัพที่มักทำตัวน่ารำคาญเสมอ

    เปิดประตู ฉันมาพาตัวบุตรสาวของวังนี้ตามคำสั่ง

    คำสั่งใคร

    นาวาอากาศหนุ่มถามกลับด้วยภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน เสียงของเขาหนักแน่นชัดเจนและไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัว เขามองคู่สนทนา ก่อนกล่าวต่อด้วยท่าทีนิ่งเฉยแบบเดิม ไม่มีการออกคำสั่งให้ควบคุมตัวใครในวังนี้ไปไหนทั้งนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้รับคำสั่งให้ต่อรองกับไทยเพื่อขอผ่านเส้นทาง ขอด้วยการพูดคุยดีๆ นายจึงไม่มีสิทธิ์ควบคุมตัวใคร หรือพาไปไหนโดยพลการ

    ใช่เราขอผ่านทาง แต่พวกคนไทยไม่ยอมตกลง มันเอาแต่อ้างขอผลัดผ่อนเวลา ไม่รู้เล่นเล่ห์รอให้ไอพวกฝรั่งบุกมาช่วยหรือเปล่า! ฉันจึงเห็นว่าควรจะควบคุมตัวบุตรสาวของ ราวินคัมพะนีไว้ต่อรองและกดดันพวกรัฐบาลไทยและพวกฝรั่ง ซึ่งนายก็ควรให้ความร่วมมือกับกองทัพตัวเอง ถ้าไม่อยากให้ฉันรายงาน!

    ร้อยโทคุโรสึกล่าวก่อนเดินหน้าเข้าชิดรั้วเหล็กกล้า ประชันหน้าท้าทายนาวาอากาศหนุ่ม

    อย่าขวางฉันดีกว่า อย่าลืมว่านายต้องโดนสอบวินัยทัพหลังจากนี้โทชิ ท่านนายพลออกคำสั่งให้เราเตรียมยกพลพร้อมรบอยู่ที่บางปู แต่นายกลับแอบพาหน่วยของนายมาที่นี่ มันหมายความว่ายังไง?”

    ฉันจะทำอะไร ต้องอธิบายให้นายฟังด้วยเหรอ

    นาวาอากาศหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทีแบบเดิม และความเฉยเมยไม่สนในคำขู่อย่างนั้น ยิ่งทำให้ความไม่พอใจในตัวนาวาอากาศหนุ่มที่อีกฝ่ายมีอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทวี

    ไอโทชิ! แกอย่าคิดว่าการที่แกเป็นหลานท่านนายพลแล้วจะทำอะไรก็ได้! อย่าลืมว่าแกน่ะไม่ใช่พลบกด้วยซ้ำ ถ้านับลำดับขั้นทหาร ในเวลานี้แกสิต้องฟังคำสั่งฉัน! และฉันกำลังเตือน ว่าแกกำลังทำผิดวินัยทัพ!

    ผิดวินัยทัพ?” นาวาอากาศเพียวคนเดียวของกองทัพทวนเสียงสูง “แล้วคนที่อ้างว่ารู้วินัย วิ่งแล่นพาหน่วยของตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ถ้ารู้หน้าที่นัก ทำไมไม่รอรับคำสั่งรบอยู่ที่บางปูล่ะ"

    ก็เพราะฉันไม่วางใจแกถึงต้องแอบตามมาน่ะสิ!ร้อยโทคุโรสึกล่าว แกเป็นทหารอากาศดีๆ จะมาสมัครเข้าร่วมพลบกทำไม! ทั้งที่ตอนแรกแกต้องถูกส่งไปรบขับไล่เครื่องบินของพวกสัมพันธมิตรที่สิงค์โปร์ แต่กลับเจาะจงขอเข้าร่วมพลบกทันทีที่รู้ว่าเราจะบุกไทย! มันเพราะอะไร!?"

    คุโรสึกล่าวก่อนกวาดมองไปทั่ววังอัฐทิศอย่างข้องใจ หรือสาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะแกต้องการปกป้องพวกราวินคัมพะนี? ทำไม พวกเขาเป็นอะไรกับแกงั้นเหรอ?

    เรื่องสอดรู้สอดเห็นมันงานถนัดของพวกผู้หญิงอย่างนาย ก็ไปสืบเอาสิ

    ไอโทชิ!

    ทว่าไม่ทันที่การสนทนาของสองทหารหนุ่มจะลุกลาม ทหารสื่อสารประจำหน่วยของร้อยโทคุโรสึก็เข้ามากระซิบกระซาบ

    อะไรนะ! รัฐบาลไทยกำลังจะประกาศหยุดยิงงั้นเหรอ!?”

    ครับ ท่านนายพลเดินทางมาถึงแล้ว เรียกทุกหน่วยไปรายงานตัวพร้อมกัน” 

    ร้อยโทคุโรสึคลายสีหน้าตกใจก่อนยกยิ้มแสยะ มองนาวาอากาศหนุ่มผ่านรั้ววังอัฐทิศ ดี ฉันก็อยากจะรู้ว่าท่านนายพลจะตัดสินความผิดของแกยังไง

    นาวาอากาศหนุ่มยืนนิ่งมองอีกฝ่ายนำกองกำลังกลับไป ก่อนจะหันกลับไปทางตัววัง เพียงไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงประกาศหยุดยิงจากคณะรัฐบาลของไทยดังแว่วออกมาจากวิทยุเครื่องใหญ่ข้างในวัง

    ฟ้ากำลังสาง

    พระอาทิตย์วันใหม่เริ่มโพล่พ้นขอบฟ้าจนอาบย้อมวังสีฟ้ามอครามให้ค่อยๆ ปรากฏแกสายตา

    แสงอาทิตย์นั้นสาดเคลือบไปทั่ววังหลังงาม ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นร่างบอบบางที่ยืนนิ่งอยู่หน้าวังตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ

    ท่านหญิงโปรด

    เธอยังอยู่ในชุดนอนสีขาวตัวเดิมเหมือนตอนแรกที่เขามาถึง ใบหน้าที่ดูละมุนละไมเกินใครดูอิดโรย คงเพราะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับไม่ได้ดูอ่อนล้า กลับมองตรงมาที่เขา ความสงสัยมีมากมาย

    นี่ก็อีกคน เป็นตัวน่ารำคาญพอๆ กับเจ้าคุโรสึ

    แบ่งกำลังส่วนหนึ่งคอยควบคุมวังนี้ไว้ จนกว่าฉันจะกลับมา ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับคนในวังนี้คนในก็อย่าให้ออกไป

    เขากล่าวกับโอซามุนายทหารคู่กาย แต่ตายังจ้องตอบท่านหญิงโปรดอยู่ตลอด

    แล้วรีบแจ้งไปหน่วยหนึ่ง รายงานพันเอกโนบูนากะว่าคืนนี้ให้เตรียม ของ’ ไว้ได้เลย

    นายทหารผู้รับคำสั่งรีบโค้งเคารพเสียงดังพึ่บพับ หันไปสั่งการนายทหารชั้นเล็กๆ แบ่งกำลังตามนาวากาศหนุ่มไปรายงานตัว ก่อนมองส่งหัวหน้าของตนขึ้นเรือ

    ใจจริงเขาอยากจะตามไปด้วย แต่เรื่องการขนส่ง ของที่ตัวเขาได้รับมอบหมายโดยตรงจากผู้บังคับบัญชาคนใหม่มีความสำคัญมากกว่า

    ถึงแม้ความจริงตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ว่าของในกล่องเหล็กหนักเป็นสิบๆตันพวกนั้น แท้จริงแล้วคืออะไรก็ตาม

    __________________

    เกลาก่อนนะ คิคิ

    เรื่องนี้ไม่ดร่าม่านะคะ พระเอกไม่ได้มาเอาคืน แต่…ถ้้าจะจับบ้้างคล้ำบ้าง ท่านหญิงอย่าขัดขืนก็แล้วกัน! แอร๊ยยยย~~~

    พระเอกเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นน้า เอาเป็นว่ากดติดตามรออ่านเถอะ ไม่เครียด ไม่การเมือง ไม่อิงประวัติอะไรทั้งนั้น แค่คนจะรักกันจ้ะ 555 

    ปล.คู่รองคือคู่เสด็จป้าปั้นน!!

    ก็ฉันเคยทำให้พวกแกผิดหวังรึไง!

    ตอนนี้เปิดให้สั่งจองนิยาย คนละภพ+พร้อมเล่นพิเศษ รอบพิมพ์ซ้ำอยู่นะคะ ใครรออยู่กดสั่งเลยน้า

     กดสั่งตรงนี้จ้ะ >> http://chermabookshop.com/product

    เปิดให้สั่งในรอบสองปีเลย และคงไม่เปิดแล้้วน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×