ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    焰曲 บทเพลงแห่งเปลวเพลิง

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟย : 2

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 66


     

    บทที่ 1 คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟย 2



     

       

    "ส่วนคุณหนูใหญ่ไร้ค่าผู้นั้น…”

    เหอะ! ใครจะยังสนนางอีกเล่า!"

    สตรีสาวท่าทีดูยโสโอหังในชุดเกราะอ่อนสีเปลือกไข่นางหนึ่งตะโกนขัดนักเล่าเรื่องที่ทำท่าจะกล่าวถึงคุณหนูใหญ่อดีตว่าที่พระชายาไท่จื้อ

    "นางตะกละตะกลามในการบำเพ็ญจนถึงขั้นจิตย้อนพลังสะท้อนกลับ! นางเกือบทำให้ตนเองตายก็แล้วไปเถอะ! เกือบทำให้ตระกูลเสียหน้าก็แล้วไปเถอะ! แต่นี่ความทะเยอทะยานอยากจะเป็นฮองเฮาของนางเกือบจะทำให้ใต้หล้าเดือดร้อนไปด้วย!! หากไม่มีคุณหนูรองปรากฏตัวขึ้นมาและเป็นคู่บำเพ็ญฟ้าดินของไท่จื่อแทนนางได้ จะเกิดหายะนะใด นังคุณหนูใหญ่เยวี๋ยนเฟิ่งอะไรนั้นน่ะ! นางเป็นตัวกาละกีนีโดยแท้!!!

    บุรุษขี้เมาผู้หนึ่งที่นั่งดื่มสุราและทำท่าทางระรานคนอื่นไปทั่วได้ฟังประโยคด่าว่าคุณหนูใหญ่ก็รีบตะโกนค้าน ตั้งใจทำท่าทีกระลิ้มกระเหลี่ยขณะกล่าวถึงอดีตสตรีศักดิ์สิทธิ์เมืองเฟย

    เจ้าก็พูดไป ถึงแม้คุณหนูเยวี๋ยนเฟิ่งจะกลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้ว แต่สำหรับข้า นางก็ยังไม่ไร้ค่าไปเสียทีเดียวหรอกนะ

    นักเล่าเรื่องเหลือบมองบุรุษขี้เมา แม้ไม่ได้ขมวดคิ้ว แต่เป็นใครก็ดูออกว่านางไม่พอใจที่มีคนกล่าวชมคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟย “แล้วเพราะอะไรคนไร้ค่าอย่างคุณหนูเยวี๋ยนเฟิ่งถึงไม่ไร้ค่าเสียแล้วเล่า

    ก็เพราะข้าได้ยินมาว่านางนั้นงามล้ำปานล่มเมืองเลยนะสิ! แม้นางจะเป็นคนไร้ค่า แต่ความงามก็ยังพอจะทดแทนได้มิใช้หรือข้าน่ะมิใช่ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่ต้องการคู่บำเพ็ญที่มีวรยุทเป็นหญิงยอดอัจริยะอย่างองค์รัชทายาท เพียงแค่มีร่างอ่อนนุ่มของคุณหนูใหญ่มาอยู่ใต้ร่าง ได้ฟังเสียงนางครวญครางออดอ้อนฉอเลาะก็เพียงพอแล้ว!"

    คำกล่าวของบุรุษขี้เมาทำนักเล่าเรื่องหรี่ตามองไม่แสดงอาการใดอีก ทว่าก็ยังมีชาวเมืองเฟยโต๊ะข้างเคียงที่ค้านเสียงแข็งขึ้นมา

    วาจากักขฬะเจ้ายังกล้าพูด! ถึงคุณหนูใหญ่เยวี๋ยนเฟิ่งจะเป็นคนไร้ค่า แต่ก็เป็นลูกหลานตระกูลเฟยนายเรา เจ้าคงอยากจะโดนทหารจวนเจ้าเมืองเฟยลากไปตีกระมัง!

    ลูกหลานรึ!?” บุรุษขี้เมาสถบดูแคลน ตระกูลเฟยไม่เห็นนางอยูในสายตานานแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่านับแต่เปลี่ยนตัวว่าที่พระชายาไป ตระกูลเฟยก็ไม่เคยรับคุณหนูใหญ่กลับมาจวนเจ้าเมืองอีก นางน่ะถูกครอบครัวตนเองทอดทิ้งแล้ว คนทั้งใต้หล้าล้วนไม่มีใครต้องการนาง!...แต่เอ๊ะ ที่เจ้ามาโต้แย้งข้าเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าคิดจะมาแก่งแย่งว่าที่ภรรยาของข้าหรอกนะ?"

    บุรุษขี้เมาลุกโซซัดโซเซไปหาอีกฝ่าย พลางยกมือโอบไหล่สนิทสนม "อันที่จริงคุณหนูเยวี๋ยนเฟิ่งก็เป็นถึงอดีตว่าที่พระชายาไท่จื่อ ใครจะยังกล้าแต่งนางไปเป็นภรรยาเอกจริงไหม งั้นเอาแบบนี้ดีหรือไม่ หากพบนาง เจ้ากับข้าก็มาแบ่งนางกันคนละครึ่งคืน อิ่มเอมกายนางจนพอใจแล้ว ค่อยโยนทิ้งไว้ในป่าเปลี่ยวรกร้างที่ไหนซักแห่ง เพราะข้าก็ไม่คิดจะสู่ขอนางมาเป็นภรรยามีหน้ามีตาอะไรอยู่แล้ว ก็แค่อยากลิ้มลองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่ฮองเฮาแห่งแดนเหล่ยซิงเราเท่านั้น! ฮ่าๆๆๆ

    เหล่าบุรุษที่นั่งฟังส่งเสียงเอาด้วยกันอย่างคึกคะนอง อนิจจา ศักศรีของคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟย ถูกย้ำยีด้วยวาจาอย่างไม่เหลือชิ้นดี

    "ถึงข้าจะอยากร่วมด้วย แต่ยังไงคุณหนูไร้ค่าผู้นั้นก็เคยเป็นว่าที่พระชายา หากไม่ทรงประกาศชัดเจนว่าทอดทิ้ง นางก็คือสมบัติของไท่จื้อเท่านั้น แล้วใครจะกล้าไปหยามหน้าพระองค์?"

    "จะไปยากอะไร ไว้พรุ่งนี้ตอนไท่จื้อเสด็จมาร่วมพิธี ข้าจะแต่งตัวให้หล่อไปดักรอเข้าเฝ้าที่ประตูเมืองเฟย ไปขอคุณหนูใหญ่เยวี๋ยนเฟิ่งมาเป็นเมีย!! ใครอยากไปกับข้าบ้างก็ตามมา!"

    "ข้าๆ ข้าไป ข้าอยากมีเมียเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟย!"

    "เจ้าปากตระกระ นั้นเมียข้า!"

    "เจ้าสิปากตระกระ พูดแบบนี้ไม่กลัวเมียแก่ที่บ้านเจ้าตีกระบาลให้รึ!"

    "งั้นข้าขอคุณหนูใหญ่เป็นอนุก็ได้ เอ๊ะ รึแค่นางอุ่นเตียงพอ"

    "แค่นางอุ่นเตียงก็เพียงพอสำหรับคนไร้ค่าเช่นนาง! ฮ่าๆๆ"

    _________

     

    เสียงแก่งแย่งตัวนางอุ่นเตียงเยวี๋ยนเฟิ่งระหว่างบุรุษแสนกักขฬะภายในลานกว้างยังคงดังต่อไปอย่างสนุกปาก โดยไม่มีใครสนใจหรือรับรู้เลยว่า วาจาเหล่านั้นกำลังทำให้แขกบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมใกล้ๆ ซึ่งได้ยินทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น แทบจะเขวี้ยงกระบี่หมอกอรุณของตนลงมากลางวงให้รู้แล้วรู้รอดไป!

    โชคดียิ่งที่รอบกายมีเหล่าศิษย์คอยทั้งฉุดทั้งรั้งเอาไว้ ไม่งั้นเจ้าพวกกักขฬะปากสว่างข้างล่าง คงได้เจอฤทธิ์ผู้บำเพ็ญขั้นจิตว่างอย่างปรมาจารย์เทาจินแห่งสำนักยอดเขาดอกชาไปแล้ว!

    "เจ้ารอง! อย่ามาห้ามอาจารย์ อาจาย์จะไปฟาดมัน!"

    "พอเถอะอาจารย์ น้องสี่ที่เป็นเจ้าของเรื่องยังไม่เห็นว่าอะไรเลย ดูสิ นางนั่งกินเสี่ยวหลงเปาไปสองจานแล้ว สนใจพวกข้างล่างเสียที่ไหน"

    ผู้เฒ่าชุดเทาเก่าคร่ำคร่าหันไปทางศิษย์คนเล็กของตนทันที และที่เห็นก็จริงอย่างที่ศิษย์คนรอง 'ลู่คงพูด เจ้าหงส์น้อยนั่งเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มเปล่งออกมา พอตนทำตาขวางมองดู แหน๊ะ! นางยังยิ้มแฉ่งคืนข้ามาอีก!!!

    "เจ้านี่มัน!!"

    เฟยเหยี๋ยนเฟิ่ง หรือคุณหนูใหญ่ผู้ไร้ค่าที่ใครต่อใครกำลังกล่าวถึงรีบเบี่ยงกายหลบปลายกระบี่ของอาจารย์ นางรีบยัดเสี่ยวหลงเปาอีกครึ่งชิ้นใส่ปาก ก่อนจะถลาไปจับแขนอาจารย์อย่างออดอ้อนน่ารัก 

    "โธ่อาจารย์ ท่านจะถือสาอะไรกับคนขี้เมาเล่าเจ้าคะ"

    "เคี้ยวให้หมดแล้วค่อยพูด!"

    เยวี๋ยนเฟิ่งยิ้มแหะ รีบหันไปรับน้ำชาจากศิษย์พี่รอง 'ลู่ชิงศิษย์พี่หญิงเพียงหนึ่งเดียวของนาง ในขณะที่ศิษย์พี่ใหญ่ 'เล่อหาน' ยังคงนั่งเงียบอยู่ข้างๆ ทำเพียงจิบชาหน้านิ่งเฉย

    พอโล่งคอดีแล้วทั้งเกี๊ยวทั้งน้ำชา นางก็หันกลับมากอดแขนปรามาจารย์เทาจินต่อ

    "ก็แค่พวกขี้เมา ก็แค่นักเล่านิทาน คนหนึ่งพูดเพราะเมา อีกคนเล่าเพราะหากินเจ้าค่ะ"

    ปรมาจารย์เถาจินรีบดันร่างงามของศิษย์คนเล็กออกห่างอย่างโมโห หลังนางกระทำเรื่องนั้นกับจิตตนเอง ท่าทีก็เปลี่ยนไปมาก ซึ่งอาจารย์เช่นตนไม่ชอบยิ่ง มีคนด่าเรา เราต้องลงไปตีมันสิ! จะมาเห็นอกเห็นใจอะไร! นี่ถ้าหากเป็นเจ้าหงส์น้อยก่อนหน้านี้ล่ะก็ ลานกลางเมืองเฟยเวลานี้คงกลายเป็นลานเลือดไปแล้ว!

    ปรมาจารย์สายเถื่อนเช่นข้าขัดใจยิ่ง!

    เยวี๋ยนเฟิ่งคล้ายเข้าใจ และเพราะตนมีความผิดติดตัวที่ลงมือโหดเหี้ยมกับตนเองอย่างไม่ยอมปรึกษาใครเมื่อครั้งก่อนอยู่แล้ว...จึงยินยอมจะทำตามใจอาจารย์

    "เจ้าค่ะๆ ท่านอยากให้ศิษย์อาละวาดศิษย์ก็จะอาละวาด พอดีเลย ศิษย์มีของจะทิ้งอยู่ด้วย"

    กล่าวจบนิ้วเรียวยาวก็ปาของบางสิ่งออกไป เร็วกว่าที่ใครจะเข้าใจว่านางทำอะไร ของรูปร่างเพียวยาวที่ว่าก็พุ่งแหวกอากาศไปปักเข้าที่คอของบุรุษขี้เมาตรงลานกว้างแล้ว!!

    "อ้ากกกกก!!!!"

    เสียงร้องโหยหวนกลบเสียงคึกคักตรงลานกว้างในทันที ทว่าคนสร้างเรื่องเช่นเยวี๋ยนเฟิ่งกลับไม่ได้สนใจมอง เพราะตาของนางจับจ้องอยู่ที่บุรุษชุดฟ้าครามซึ่งนั่งอยู่ห่างจากเจ้าคนขี้เมาที่กำลังดิ้นพล่านไม่ไกล

    รอบกายบุรุษผู้้นั้นห้อมล้อมไปด้วยผู้ติดตาม แต่ละคนนั่งนิ่งราวศิลาเช่นผู้เป็นนาย ไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ลอบทำร้ายที่อยู่ใกล้เพียงระยะปะชั้นชิด ผิดกับชาวเมืองเฟยในลานกว้าง ที่บ้างก็ลุกขึ้นกรีดร้อง บ้างก็วิ่งไปแจ้งทางการ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

    แต่นางไม่คิดสนใจจะมองให้นาน พอเสร็จ ธุระแล้วก็หันไปดึงแขนอาจารย์ที่เอ่ยปากชมเปาะนางไม่หยุด แล้วพาเดินเข้าไปด้านในโรงเตี้ยม โดยที่นางไม่รู้ตัวเลยว่า ทันทีที่นางละสายตาจากบุรุษผู้นั้น กลับเป็นบุรุษผู้นั้นที่เป็นฝ่ายเงยขึ้นมามองนางเสียเอง

    ผู้ติดตามทั้งสี่มองตามสายตาของไท่จื่อหยางจงอี้คุณที่มองไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมไม่ละสายตา แม้สงสัยว่าองค์ชายมองสิ่งใด แต่กลับไม่มีใครกล้าถาม ไม่เว้นแม้แต่องค์รักคู่ใจอย่างเฉินเหยา

    ครู่ใหญ่ องค์รักเฉินเหยาก็เห็นร่างสูงดุจต้นสนของไท่จื่อลุกจากที่นั่ง องค์ชายก้าวยาวๆตรงไปยังร่างบุรุษขี้เมาที่ยังคงนอนดิ้นพล่านโอดโอยกองอยู่กับพื้น สองมือกุมลำคอข้างซ้ายที่มีวัตถุแหลมยาวบางอย่างปักอยู่ ก่อนจะโน้มกายลงดึงสิ่งนั้นออกมาอย่างไม่ออมแรง

    "อ้ากกกกก!!"

    องค์รักเฉินเหยามองของในมือไท่จื้ออย่างตกใจ ปิ่นหงส์สยายปีกเล่มงาม นัยน์ตาของพญาหงสาสัญลักษณ์ประจำตัวฮองเฮาประดับไว้ด้วยทับทิมเพลิงที่เปล่งแสงสีชาดอ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา

    นั้น...มิใช่ปิ่นหงส์สยายของหมั้นหมายประจำราชวงศ์หรอกหรือ 

    เขาจำได้ว่าปิ่นหงส์สยายนี้ถูกเก็บไว้อย่างดีเพื่อมอบเป็นของขวัญให้คุณหนูรองเหรินเฟิ่งในพิธีปักปิ่นพรุ่งนี้ แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ซ้ำยังถูกใช้เป็นอาวุทโจมตีเจ้าขี้เมาปากเปราะนี่อีก!?

    ทว่าข้อสงสัยนั้นไร้ความกระจ่าง เห็นแต่เพียงองค์รัชทายาทที่ยืนจ้องปิ่นหงส์เปื้อนเลือดอยู่นาน ก่อนพระองค์จะกุมมันไว้ แล้วก้าวเท้าออกจากลานกว้างไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใด...

     


    ก็พระเอกไงง

    เรื่องนี้ขอรับรองว่า พระเอกตามนางเอกจ้ะ 

    ตามไม่หยุด ตามๆๆ หึหึ

    ________________

    sirilux49 : เขินๆ ไม่เคยแต่งจีนเลยค่ะ ยังไงฝากอ่านไปนานๆ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนน้าาา 

    พิน่อ  : ขอบคุณค่าคุณพิน่อ พยายามให้สำนวนดูจีนที่สุดเท่าที่มีศัพท์ในหัวค่ะ ฮ่าๆ แนะนำได้นะคะ มือใหม่นิยายจีนค่าๆ เอ็นดูน้อนด้วยยย


    ฝากติดตามเพจเฌอมา ด้วยนะจ้ะ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×