ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รวมฟิคสั้น] Super Junior (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Flower Boys (SJ)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 55


    Title :: Flower Boys
    Pairing :: WonHyuk YeRyeo KyuMin KangTeuk KiHae HanChul
    Author :: kobamura
    Rating :: PG - 13
    Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงแค่เหตุการณ์สมมติ อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ












    กิจกรรมพิเศษต้อนรับวาเลนไทน์ ร้าน Flower Boys

    บริการส่งดอกไม้ทั่วมหาวิทยาลัย (สามารถเลือกคนส่งได้)

    สนใจติดต่อ - นาริ (แฟนชินดง)





    อีกอาทิตย์เดียวก็จะวันวาเลนไทน์แล้ว บรรดาคนโสดล้วนแต่โอดครวญถึงไฟริษยาที่จะประทุขึ้นมาเป็นพิเศษในวันแห่งความ รักนี้ หากเพียงชั่วข้ามคืนความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อรุ่งเช้ามีป้ายประกาศติดไป ทั่วตามบอร์ดสำคัญต่างๆของมหาวิทยาลัย คนโสดและไม่โสดต่างไปรุมดูป้ายประกาศแล้วกรี๊ดกร๊าดกับโปรโมชั่นร้านดอกไม้ เปิดใหม่ของแฟนปู่มหา’ลัยอย่างพี่ชินดงปีแปดที่เป็นที่เคารพสักการะของรุ่น น้องคณะศิลปศาสตร์และคณะอื่นๆทั่วมหาวิทยาลัย ไม่เคารพได้ยังไงกัน ขนาดพี่นาริเรียนจบจนเปิดกิจการทำธุรกิจร้านดอกไม้ไปแล้ว พี่ชินดงยังเป็นเด็กมหาวิทยาลัยอยู่...อูยยยย...



    กลับเข้ามาเรื่องโปรโมชั่นสุดซี๊ด



    จะไม่ได้กรี๊ดกันได้ยังไงในเมื่อในใบโปรโมชั่นนั้นแนบรูปภาพของหนุ่มส่ง ดอกไม้เอาไว้ให้เลือกด้วย ก็คงจะไม่จี๊ดใจสาวๆเท่าไหร่ถ้าหกหนุ่มบนป้ายประกาศนั่นไม่ใช่เดือนคณะสุด หล่อขวัญใจสาวๆทั้งเดือนรุ่นพี่หรือแม้แต่เดือนป้ายแดงที่เพิ่งจะรับตำแหน่ง ไปหมาดๆเมื่องานเฟรชชี่ที่ผ่านมา ประกอบด้วยใครกันบ้างไปดูกัน...



    ฮันคยอง...คณะศึกษาฯ เอกการสอนภาษาจีน ปี 4

    เยซอง...คณะดุริยางค์ฯ เอกขับร้อง ปี 4

    คังอิน...คณะวิศวะฯ เอกเครื่องกล ปี 3

    ซีวอน...คณะบริหาร เอกการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ปี 2

    คิบอม...คณะรัฐศาสตร์ เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปี 2

    คยูฮยอน...คณะวิทยาศาสตร์ เอกคณิตศาสตร์ ปี 1





    งานนี้สาวโสดต่างวางแผนขอเพ้อฝันรับวันวาเลนไทน์เสียจนยอดออร์เดอร์แทบจะล้น ออกมานอกร้านดอกไม้ของนาริ เรียกได้ว่าขอทุ่มเท่าไหร่เท่ากันเพื่อให้หนุ่มในฝันได้มาส่งดอกไม้ให้ในวัน พิเศษแบบนี้ ถึงมันจะเป็นการส่งดอกไม้ตามหน้าที่ แต่คนจะเพ้ออ่ะ...มีปัญหาไหม?



    ว่าแต่...ออร์เดอร์หลักร้อย...

    ถึงจะหารหกก็ไม่ใช่น้อยๆนะ




    “พี่บ้าหรือเปล่า...ออร์เดอร์มาเป็นร้อย! อะดรีนารีนผมติดลบหมดแล้วเนี่ย” คยูฮยอนที่เห็นจำนวนรายชื่อในใบรับออร์เดอร์ที่ระบุว่าต้องการให้เขาไปส่ง ดอกไม้ให้ยาวเป็นหางว่าว ไม่ต้องเรียนกันล่ะทีนี้ แคลคูลัสสองมันไม่ใช่ง่ายๆนะ เผลอนั่งเหม่อไปห้านาทีก็มึนตึบแล้ว แล้วนี่ต้องโดดทั้งคลาส?!

    “ยังไม่ถึงครึ่งร้อยด้วยซ้ำทำเป็นบ่น แกลองไปดูใบรายการของซีวอนไป ส่งทั้งวันยังไม่รู้ว่าจะครบหรือเปล่าด้วยซ้ำ” คังอินที่เพิ่งถอนหายใจทิ้งไปหนักๆกับจำนวนออร์เดอร์ของตัวเองพยักพเยิดให้ น้องเล็กหันไปดูสุดหล่อพ่อทุกคณะที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ไม่ไกลนัก

    “ร้อยกว่าคนเองพี่คังอิน เดี๋ยวให้คยูฮยอนคำนวณความเร็วในการส่งให้ก็ได้ ลองวิชาไง”

    “ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ แกได้ไปกี่คนหน่ะคิบอม” หนุ่มรัฐศาสตร์อมยิ้มก่อนจะมองรายชื่อคนสุดท้ายในลิสต์

    “พอๆกับคยูฮยอนนั่นแหละพี่ เห็นโวยวายกันไปหมดแล้วก็เลยไม่รู้จะโวยวายไปทำไม”

    “แล้วเยซองกับฮันคยองล่ะ”

    “ฉันโชคดีหน่อยที่ไม่ป๊อบแบบพวกแก ส่งแค่ช่วงครึ่งเช้าก็น่าจะเสร็จ” และนั่นคงจะเป็นครั้งแรกที่ทุกคนอิจฉาความไม่ค่อยป๊อบของเยซอง อย่าว่าไป...เวลาเยซองขึ้นเวทีร้องสดทีไร ซีวอนก็ซีวอนเถอะ...ดับครับ




    เพราะว่าคนเรานั้นต่างก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป




    “ของฉันก็ไม่เท่าไหร่ ทำเวลาดีๆก็น่าจะส่งเสร็จบ่ายๆ”

    “บอกแล้วไงว่าให้คยูฮยอนมันคำนวณ จะใส่สูทถอดรูทอะไรก็จัดไป”

    “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งพี่ แค่จัดกรุ๊ปคณะก็พอ แบบว่าไปถึงแล้วก็โยนตูมเดียวเสร็จอะไรแบบนี้”

    “เด็กสมัยนี้แม่งเถื่อน ใจไม่แข็งแม่งอยู่ด้วยไม่ได้” คังอินเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะพลางตบหัวน้องใหม่ที่เพิ่งรับเข้ากลุ่มมาได้ไม่ นานเบาๆ คยูฮยอนลูบหัวตัวเองก่อนจะเถียงตามประสาเด็กวิทย์มีหลักการ

    “แค่ไปส่งดอกไม้นี่พี่ ไม่ได้เอาไปให้แฟนจริงๆซักหน่อย”

    “สร้างความประทับใจให้เขาหน่อยก็ได้มั้ง” คิบอมที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาหันไปก้มศีรษะขอบคุณเมื่อนาริยื่นแก้วคาปูชิโน่เย็นที่เพิ่งไปสั่งมาแจก ให้น้องๆแต่ละคน

    “ยอดจองเยอะไปไหม? ขนาดพี่ชินดงยังบอกเลยว่าหนักไป ถ้าไม่ไหวพี่ลดยอดให้ได้นะ”

    “ถ้าลดยอดแล้วจะถูกโวยกลับมาไหมพี่นาริ?” หญิงสาวร่างเล็กหัวเราะกับคำถามจากซีวอน ดูจากความหวังของสาวๆทั่วมหาวิทยาลัยที่จะได้รับดอกไม้จากหนุ่มในฝันในวันวา เลนไทน์แล้ว...

    “ก็ต้องโดนหนักอยู่แล้ว”

    “งั้นอย่าเลย ส่งตามนี้แหละ อีกอย่าง...พวกเราก็เป็นฝ่ายรับปากพี่นาริไปเองว่าจะทำ ช่วยไม่ได้นี่นะ ผลตอบรับกลับดีเกินคาดขนาดนี้”

    “นั่นสิ...จากที่เล่นกันขำๆซักจะขำไม่ออกซะแล้ว”

    “ทำเป็นพูดไป ใครจะไปรู้...เราอาจจะเจอสาวในสเปคซักคนจากการส่งดอกไม้ครั้งนี้ก็ได้นะ” ทุกคนต่างหันไปมองหนุ่มชาวจีนที่นั่งเงียบนั่งไล่รายชื่อในลิสต์ของตัว เองอยู่เป็นนาน...สงสัยสะกดชื่ออยู่จะได้เรียกไม่ผิด




    เออ...จะว่าไป...ที่ฮันคยองพูดก็เข้าท่าอยู่นะ











    “เซ็ตสุดท้าย...” ชายหนุ่มพูดเบาๆกับตัวเองระหว่างที่เดินเข้าไปในคณะของตัวเอง ใช่แล้ว...ดอกกุหลาบสิบกว่าดอกที่ถูกเข้าช่ออย่างดีในอ้อมกอดเขาให้นำมาส่ง ที่คณะของเขาเอง เยซองยิ้มบางๆให้รุ่นน้องที่เอ่ยแซวอาชีพใหม่ของเขาในวันนี้อย่างไม่ขาดสาย เพื่อหาหญิงสาวเจ้าของดอกไม้

    “พี่เยซองทางนี้ๆ”

    “ปีนี้ถึงขนาดซื้อดอกไม้ให้ตัวเองเลยหรอมิยอน?” เอ่ยแซวรุ่นน้องปีสองที่เป็นน้องเอ็นดูของเพื่อนสนิท น่าแปลกอยู่ไม่น้อยเมื่อเจอสาวเจ้าแล้วพบว่าดอกไม้ทั้งหมดที่เขาหอบเข้าคณะ มาเป็นของเจ้าตัวและเพื่อนๆในกลุ่มทั้งหมด

    “มีแฟนกันทั้งกลุ่มแล้วไม่ใช่หรอ? แต่ยังต้องมาซื้อดอกกุหลาบให้ตัวเองอีกเนี่ยนะ? พิจารณาตัวเองได้แล้วมั้ง”

    “พี่เยซอง! ร้ายกาจมาก!”

    “ก็พูดเรื่องจริงนี่...” ยกยิ้มขำๆเมื่อรุ่นน้องสาวๆในกลุ่มอย่างโวยวายเป็นการใหญ่ว่าเดี๋ยวแฟนพวก หล่อนก็มาเซอร์ไพร์สหลังเลิกเรียน บางคนถึงกับบอกว่ามีแพลนไปเดทกันถึงเช้าด้วยซ้ำ

    “แล้วจะสั่งดอกไม้ทำไม?”

    “สั่งให้รุ่นน้อง”

    “อ้าว...ที่แท้ซุกกิ๊กหญ้าอ่อนกันหรอเนี่ย?”

    “ไม่ใช่!!!” เรียกได้ว่าการแกล้งน้องๆถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด หลังจากหยุดพายุโวยวายของสาวๆได้เยซองก็เอ่ยถามว่าตกลงเขาต้องเอาดอกไม้พวก นี้ไปส่งให้ใคร ซึ่งทั้งกลุ่มก็ต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน

    “...คิมเรียวอุค?”

    .
    .
    .
    .
    .


    “นายจะเอาไปให้พี่เขาตอนไหนอ่ะอุคกี้?” คนตัวเล็กที่กำลังนั่งเรียงช็อคโกแลเล็กๆใส่โหลพลาสติกรูปเต่าเงยหน้ามองเพื่อนก่อนจะยิ้มบาง

    “ถ้าเจอก็ให้ ถ้าไม่เจอ...ก็เอากลับบ้าน”

    “แต่วันนี้เห็นว่าพี่เขาต้องไปส่งกุหลาบทั่วมหาวิทยาลัยเลยไม่ใช่หรอ? ไม่น่าจะเข้าคณะหรอกมั้ง”

    “............................” มุนอามองเพื่อนที่หมองลงไปถนัดตาแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

    “ฉันบอกแล้วว่าให้นายสั่งดอกไม้พี่เขา พอพี่เขาเอาดอกไม้มาให้นายก็ให้ช็อคโกแลตพี่เขาไป ได้ให้ชัวร์ๆแน่”

    “ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนบังคับพี่เขาให้มาหาหน่ะสิ”

    “แล้วมานั่งหวังลมๆแร้งๆว่าจะเจอหรือเปล่าแบบนี้หน่ะหรอ? ฮึ่ย!!” อยากจะจับเพื่อนตัวเล็กมาเขย่าแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยว แต่ก็ติดเสียงทุ้มที่เอ่ยขัดขึ้นมา

    “โทษทีนะ...” รุ่นน้องปีหนึ่งสองคนถึงกับตาโตเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาทักเป็นใคร และคนที่ตกใจมากที่สุดคงไม่พ้น...คิมเรียวอุค

    “มีคนสั่งดอกไม้ให้เราหน่ะ...คิมเรียวอุคใช่ไหม?”

    “คะ...ครับ” พยักหน้ารัวๆพลางก้มหน้างุด เกิดอาการไม่กล้ามองหน้ารุ่นพี่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น มุนอาที่เพิ่งตั้งหลักได้หันไปมองเพื่อนแล้วรู้สึกขัดใจ ไหนบอกว่าถ้าเจอแล้วจะให้ช็อคโกแลตไง เอาแต่ก้มหน้าแบบนี้จะได้ให้กันไหมล่ะ!

    “ใครเป็นคนสั่งดอกไม้มาให้หรอคะรุ่นพี่?”

    “พวกมิยอนหน่ะ เป็นสายรหัสกันใช่ไหม?”

    “ครับ...”

    “แย่หน่อยนะดันถูกแม่พวกนี้เอ็นดูเข้าให้แล้ว ชีวิตปีหนึ่งอาจจะไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ แต่ก็คง...สนุกดี” เอ่ยยิ้มๆพลางยื่นดอกกุหลาบเต็มอ้อมกอดให้ ซึ่งเรียวอุคก็ลุกขึ้นมารับแล้วก้มหน้างุดตามเดิม

    “พี่อยู่ปีสี่แล้ว ไม่ได้ว๊ากรุ่นเรา ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้มั้ง” เอ่ยแซวกับคนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้าจนแทบจะซุกไปกับช่อกุหลาบอยู่แล้ว เมื่อเห็นรุ่นน้องยังคงเงียบก็เลยไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ อีกอย่างงานเขาก็เสร็จแล้วด้วย กลับไปรอเจ้าพวกนั้นที่ร้านพี่นาริดีกว่า

    “เอ่อ...พี่เยซองครับ” คนเป็นพี่หันกลับมามองรุ่นน้องตัวเล็กที่หันไปวางกุหลาบกับโต๊ะ แล้วหยิบอะไรบางอย่างเดินมาหา

    “ช็อคโกแลตครับ ช่วยรับด้วยนะครับ!” ก้มหน้าหลับตาปี๋แล้วยื่นกระปุกช็อคโกแลตรูปเต่าให้รุ่นพี่ที่ชื่นชอบ เยซองมองท่านี้น่ารักๆนั้นแล้วหัวเราะเบาๆ

    “ใส่โหลเต่ามาด้วยนะเนี่ย แสดงว่าตั้งใจให้สินะ”

    “คะ...ครับ”

    “ขอบใจนะ” รับกระปุกช็อคโกแลตมา แล้วส่งยิ้มบางๆให้ เมื่อเจ้าตัวเล็กยังไม่พูดอะไร เยซองจึงเดินออกไปจากตรงนั้น มุนอารีบวิ่งมาหาเพื่อนเมื่อรุ่นพี่เดินจากไปแล้ว ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันก็ต้องเงียบไปอีกรอบ เมื่อกุหลาบแดงดอกหนึ่งถูกยื่นให้ตรงหน้า

    “แลกกันไง” ส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินจากไป ปล่อยเรียวอุคที่ช็อคนิ่งไปแล้วกับมุนอาที่พยายามจะกรี๊ดออกมาแทนเพื่อนแต่ กรี๊ดไม่ออกอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดจะช่วยหรือไขความกระจ่างอะไร เพราะทุกอย่างก็บอกในตัวของมันเองอยู่แล้ว...




    ดอกกุหลาบดอกเดียว...แปลว่า...รักแรกพบ











    “คิมฮีซอล...คิมฮีซอล...คนนี้ชื่อแอบคุ้นเหมือนกันนะเนี่ย” มองชื่อลูกค้ารายสุดท้ายบนกระดาษโน้ตในมือพลางสอดสายตามองไปทั่วลานคณะอักษร ชายหนุ่มส่งยิ้มให้บรรดาสาวๆที่ส่งยิ้มมาให้ การที่คนต่างคณะเดินลุยเดียวเข้ามาว่าเด่นแล้ว แต่คงไม่มีอะไรเด่นไปกว่าช่อดอกกุหลาบแดงเก้าสิบเก้าดอกใหญ่ช่อยักษ์ที่เขา อุ้มมาด้วยนี่หรอกมั้ง

    “ขอโทษครับ” ฮันคยองตัดสินใจทักนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินผ่านไป

    “ไม่ทราบว่ารู้จักคนชื่อคิมฮีซอลไหมครับ? พอดี...ผมเอาดอกไม้มาส่ง” หลายคนในกลุ่มมีท่าทีแปลกใจก่อนจะพยักหน้าเข้าใจเมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็น หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มที่วิ่งวุ่นส่งดอกไม้วาเลนไทน์ในวันนี้

    “พี่ฮีซอลชอบนั่งตรงม้าหินอ่อนข้างสระเล็กตรงด้านโน้นหน่ะค่ะ” เขาเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินไปตามทางที่เด็กปีหนึ่งบอก ที่ข้างสระมีม้าหินอ่อนอยู่สองสามตัวก็จริง แต่ตอนนี้มีคนจับจองมานั่งอยู่เพียงแค่ตัวเดียว แต่ปัญหาคือนั่งกันอยู่สองคน แล้วใครล่ะ...คิมฮีซอล?

    “ขอโทษครับ มาส่งดอกไม้ครับ” ว่ากันว่าหากหลงทาง ทางที่ถูกก็อยู่ที่ปากนี่แหละ ถ้าไม่ลุยเข้าไปถาม วันนี้ก็คงหากันไม่เจอ ป่านนี้เยซองคงไปนั่งกระดิกขารออยู่ที่ร้านแล้ว ไม่ได้ๆ ต้องรีบตามไปชิลด้วย

    “หืม?” พอเห็นสีหน้าแปลกใจของร่างโปร่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ ฮันคยองก็ชักหมดความมั่นใจ...หรือว่าทักผิดคนวะเนี่ย...

    “เอ่อ...คือ...ผมมาจากร้านดอกไม้พี่นาริ มาส่งดอกไม้ให้คุณคิมฮีซอลหน่ะครับ” คนฟังพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม

    “นี่แอบไปใช้บริการร้านพี่นาริเหมือนกันหรอเนี่ย” มือเรียวหยิบหนังสือเล่มเล็กตีแขนคนที่นั่งหันหน้าเข้าหาสระน้ำตรงหน้าพลาง เอ่ยแซว หนุ่มเอกจีนศึกษาถึงกับชะงักไปชั่วขณะเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ากลับมา คิมฮีซอลที่เขาคุ้นชื่อหนักหนาที่แท้ก็คือคนสวยที่เจอกันในผับเมื่ออาทิตย์ ก่อนนี่เอง...ถึงว่า...ทำไมชื่อคุ้นๆ

    “ส่งช้านะ ดอกไม้ฉันช้ำไปหมดหรือยัง?” สาบานได้ว่านั่นคือคำทักคำแรกของคนสั่งดอกไม้? สาวๆที่เขาส่งดอกไม้ให้วันนี้ทั้งวันไม่มีใครพูดแบบนี้กับเขาเลยซักคน

    “ไม่หรอกครับ ผมดูแลมาอย่างดี อีกอย่างดอกไม้ของคุณสั่งทำพิเศษ ผมก็เลยเพิ่งไปรับมาจากร้านเมื่อครู่นี่เอง ไม่มีเหี่ยวไม่เฉาแน่นอนครับ” คนสวยเท้าคางฟังคนส่งดอกไม้แก้ตัวก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

    “แต่นายเนี่ย...เจอกันตอนกลางวันดูแก่กว่าที่คิดนะ”

    “ห๊ะ...?”

    “อย่าบอกนะว่าจำฉันไม่ได้? ม่อฉันเอาไว้เยอะขนาดนั้นยังจำไม่ได้นี่มันน่าถีบตกสระมากเลยนะ” คนถูกจู่โจมเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะยิ้มแห้ง

    “จำ...จำได้ครับผม”

    “ก็แล้วไป...”

    “ตกลงว่ารู้จักกันมาก่อนหรอ? แล้วนี่ใครจีบใครเนี่ย?”

    “เงียบไปเลยอีทึก” อีทึกมองเพื่อนก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อพอจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ แปลว่าถูกใจหนุ่มจีนนี่พอดูสินะ ถึงได้ลงทุนสั่งดอกไม้ระบุตัวให้เขามาส่งให้ถึงที่

    “อ่า...เอ่อ...ดอกไม้ครับ” เมื่อไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หนุ่มชาวจีนจึงตัดสินใจรีบทำภารกิจให้เสร็จ แต่ฮันคยองกลับหน้าเหวอเมื่อฮีซอลไม่ยอมรับช่อดอกไม้จากเขา แถมยังเอ่ยประโยคที่ทำให้อีทึกหัวเราะคิกออกมาอีกต่างหาก

    “คุกเข่าลงด้วยสิ โรแมนติกหน่อย หรือว่าม่อเป็นอย่างเดียว?”

    “.........................”

    “คืนนั้นฉันพูดอะไรเอาไว้บ้างจำได้หรือเปล่า? หรือว่าเมาเลยความจำเสื่อม?”




    ‘ฉันไม่ชอบให้คนมาจีบก่อน’

    ‘ถ้าฉันชอบ...ฉันจะเริ่มเอง’

    ‘เข้าใจไหม?’





    “.........................” จู่ๆประโยคที่เคยกระซิบอยู่ข้างหูท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกในผับก็แวบเข้ามา ในหัว หนุ่มจีนฉีกยิ้มกว้างก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นกุหลาบแดงช่อโต ให้คนสวยที่นั่งกดยิ้มลึกอยู่

    “ขอความกรุณาด้วยครับ” คิมฮีซอลคลี่ยิ้มให้กับการกระทำนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปรับช่อสีแดงสดจากชายหนุ่มตรงหน้ามาถือไว้

    “ก็แค่นั้นแหละ...” นัยน์ตาเรียวสวยมองสีแดงสดของดอกกุหลาบที่เข้าช่อมาอย่างดีแล้วอมยิ้ม เขาชอบสีแดง ทุกอย่างรอบตัวเค้าต้องเป็นสีแดง ถึงแม้ความหมายของสีแดงจะมีหลากหลายทั้งในแง่ดีและไม่ดี แต่สำหรับคิมฮีซอลคนนี้มันมีเพียงความหมายเดียวเท่านั้น





    ดอกกุหลาบสีแดงสด...หมายถึง...สำหรับคุณที่สวยที่สุดของผม











    “หืม?” คนที่กำลังหอบหนังสือออกมาจากคณะถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อจู่ๆก็มีคนตัว ใหญ่มายืนขวางพร้อมกับดอกกุหลาบขาวช่อโตที่ยื่นมาให้พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น และตาขีดเดียวอันเป็นเอกลักษณ์

    “ให้ผิดคนหรือเปล่า? พี่ไม่ได้สั่งนะ”

    “ไม่ผิดหรอก พี่ก็รู้ว่าผมตั้งใจเอามาให้...เหมือนทุกปี” อีทึกมองรุ่นน้องต่างคณะแล้วคลี่ยิ้มบาง คนเป็นพี่ยอมรับกุหลาบขาวช่อโตมาถือไว้ในขณะที่คังอินก็ขอหนังสือทั้งหมดไป ถือไว้เองเพื่อให้อีกฝ่ายได้ถือช่อดอกไม้สะดวก

    “แล้วนี่ส่งดอกไม้ให้สาวๆเสร็จแล้วหรอ?”

    “เสร็จแล้ว คนสุดท้ายก็ที่คณะพี่นี่แหละ” คนฟังพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มเขินเมื่อรุ่นน้องที่เดินผ่านไปมาเอ่ยแซว

    “พี่อีทึกสั่งดอกไม้จากพี่คังอินเหมือนกันหรอคะ?”

    “บ้า! สั่งดอกไม้เพิ่งมีปีนี้ปีแรก แต่พี่คังอินเขาให้มาสามปีติดแล้วนะ”

    “อ้าว...งั้นก็ของจริงหน่ะสิ”

    “เห็นไหมล่ะ น้องๆมันยังรู้เลย” คังอินยื่นหน้าเข้ามากระซิบแล้วเปลี่ยนมาถือหนังสือมือเดียวส่วนอีกมือ...ก็ กุมมืออีกฝ่ายเดินไปด้วยกัน

    “รู้หรอว่าพี่จะไปไหน?”

    “แบกหนังสือมากองโตแบบนี้ต้องไปคืนหนังสือที่หอสมุดอยู่แล้ว...ใช่ไหมล่ะ?”

    “แล้วจะไปด้วยทำไม?”

    “พอดีวันนี้อาจารย์สอนเขียนเรซูเม พี่ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ ไปนั่งกันที่คาเฟ่ในหอสมุดก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

    “ดอกไม้นี่...ค่าจ้างตรวจเรซูเมสินะ” ตั้งใจจะเอ่ยแซวอีกฝ่ายแต่กลับต้องเป็นฝ่ายเขินเสียเองเมื่อถูกย้อนกลับมาด้วยรอยยิ้ม

    “เรซูเมหน่ะ...มันเป็นข้ออ้างที่ผมจะอยู่กับพี่ต่างหาก”

    “.......................”

    “ถ้าสามปีสำหรับพี่มันยังน้อยไป ผมก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ให้พี่รู้ว่าผมหน่ะ...เสมอต้นเสมอปลายขนาดไหน” คังอินเอ่ยพลางก้มลงมองมือเรียวที่เขากุมอยู่ แต่ก่อนเขาเป็นฝ่ายกุมมืออีกฝ่ายอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือนี้เริ่มจับตอบเขามา...แต่มันก็ เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ?




    ดีมากๆเลยแหละ




    “คังอิน...”

    “ครับ?”

    “ทำไมต้องเป็นกุหลาบขาวล่ะ?” คนถูกถามหันมามองคนที่เดินอยู่ข้างกันก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี

    “เพราะเป็นพี่อีทึกไง ถึงต้องสีขาว...สีขาวเท่านั้น” ใช่แล้วล่ะ สำหรับคนๆนี้ที่เขาพร้อมจะปกป้องด้วยกำลังทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เหมาะกับพี่อีทึกไปกว่าสีขาวอีกแล้ว ดอกกุหลาบขาวช่อนี้ก็เหมือนกัน





    ดอกกุหลาบขาว...หมายถึง...คุณมีค่าสำหรับผม


    .
    .
    .
    .
    .

    “กรุ๊ปสุดท้ายๆๆ จะทันติวแคลคูลัสตอนเย็นไหมวะเนี่ย” หนุ่มคณะวิทย์เอ่ยพลางอุ้มตะกร้าใส่ดอกกุหลาบเดินดุ่มเข้าไปในคณะวิศวะ บรรยากาศช่วงบ่ายแก่คนเริ่มบางตาไม่ค่อยสมกับความใหญ่โตของตึกซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจ หนุ่มเฟรชชี่รีบเดินตรงไปหายามของคณะเพื่อสอบถาม พอได้เป้าหมายก็เดินกอดตะกร้าพึมพำขึ้นตึกไป

    “เทคโนชีวภาพชั้นสอง เทคโนอาหารชั้นสาม...”


    .
    .
    .
    .
    .



    “ขอโทษครับ มาส่งดอกไม้ครับ” สาวๆที่กำลังนั่งเม้าท์กันหลังออกจากแล็ปต่างหันมามองเด็กหนุ่มต่างคณะแล้ว ก็พากันกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ คยูฮยอนจึงจัดการงัดโพยที่จดชื่อเอาไว้ออกมา

    “ฮวางมีโซ...อีอึนบี...ชเวจีซู...จองจีฮเย...อิมอึนนา...ชินเยจี...คิมยูซอง...มารับดอกไม้ด้วยครับ”

    “โหย...เรียกชื่อยังกับจะให้ออกไปรับประกาศนียบัตร” บรรดาพี่สาวต่างบ่นอุบเมื่อเดือนเฟรชชี่ไม่ได้ทำตามขั้นตอนอย่างที่พวกเธอ คิด ให้ดอกไม้วันวาเลนไทน์เชียวนะ มันต้องโรแมนติกชวนให้เพ้อฝันหน่อยสิ แล้วนี่อะไร...

    “อ้าว...ก็ผมมาส่งดอกไม้ตามออร์เดอร์นี่ครับ”

    “อย่างน้อยก็น่าทำให้พี่ๆฟินหน่อยนะน้องนะ ไม่ใช่ทื่อๆแบบนี้ มันร้าวรานใจมาก” น้องใหม่ได้ยินบรรดาพี่สาวเอ่ยแบบนั้นก็เพียงแค่กระตุกยิ้มตามสไตล์ ก่อนจะจัดการแจกดอกไม้ให้พี่สาวแต่ละคนจนเหลือสองช่อสุดท้าย

    “มีโซกับอึนนายังอยู่ในแล็ปอยู่เลย”

    “ผมฝากไปให้หน่อยได้ไหมครับ ผมมีคลาสติวแคลคูลัสตอนเย็นคงอยู่รอไม่ได้”

    “เดินเข้าไปให้เลยก็ได้ ไม่ใช่แล็ปซีเรียสอะไรแค่ทำช็อคโกแลตหน่ะ พอดีออร์เดอร์เพิ่งเพิ่มเข้ามา แถมยังเป็นออร์เดอร์จากอาจารย์ด้วยก็เลยไม่รับไม่ได้”

    “พวกพี่ทำช็อคโกแลตกันด้วยหรอครับ? แค่ทดลองหรือว่าทำขาย”

    “ทำขายสิ อร่อยนะ ถ้าอยากลองชิมก็ขอเอาในแล็ปนั่นแหละ มีเยอะเลย”

    “ครับๆ” ก้มศีรษะให้รุ่นพี่เอกเทคโนอาหารที่กลับไปนั่งเม้าท์กันต่อก่อนจะหยิบกุหลาบ สองช่อเดินตรงไปที่แล็ป กลิ่นหอมของโกโก้เข้มข้นให้อารมณ์ไม่ต่างกับเวลาได้กลิ่นกาแฟในคาเฟ่ คนส่งดอกไม้ดูจะเกร็งขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นบรรดารุ่นพี่ในชุดกาวน์สีขาว เดินสวนกันไปมาในห้องกระจก ถึงแม้จะเป็นเพียงการทำช็อคโกแลตแต่ทุกอย่างภายในห้องนั้นก็ดูสะอาดตาไม่ ต่างกับห้องปลอดเชื้อ

    คยูฮยอนมองถาดช็อคโกแลตที่ถูกนำมาวางตรงริมหน้าต่างที่เขายืนอยู่ ก่อนจะสบกับดวงตากลมโตที่พ้นมาส์กปิดปากออกมาเพียงเล็กน้อย เขาจึงชี้ให้ดูช่อกุหลาบสองช่อที่ถืออยู่ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจแล้ว เดินไปตามพี่สาวสองคนที่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้องให้

    “โอ้ ตามมาให้ถึงที่แล็ปเลยหรอ? รอเจอพี่ไม่ไหวหรือคะน้อง?” มีโซกับอึนนาที่เดินยิ้มออกมาจากห้องทำขนมเอ่ยแซวรุ่นน้องอย่างอารมณ์ดี

    “พอดีผมมีติวตอนเย็นหน่ะครับ กลัวไม่ทันเลยเอามาให้ที่นี่เลย”

    “พูดไม่ถนอมน้ำใจแบบที่พวกนั้นเม้าท์เอาไว้จริงๆด้วย” หนุ่มเฟรชชี่เพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับคำบอกนั้นก่อนจะหันไปสนใจอีกคนที่ยังคง อยู่ในห้องแล็ป

    “นั่นเขาทำอะไรหน่ะครับ?” เอ่ยถามด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังคีบอะไรบางอย่างใส่ลงไปในหลุมช็อคโกแลต

    “เชอร์รี่แช่ไวน์แดงหน่ะ ใส่ลงไปเป็นไส้ช็อคโกแลต อาจารย์ท่านรีเควสมาน่ะก็เลยลองทำให้” เห็นรุ่นน้องต่างคณะมีท่าทีสนใจจนแทบจะเกาะกระจกดูก็เลยเอ่ยชวนอย่างไม่คิด อะไรมาก

    “จะเข้าไปดูก็ได้นะ”

    “เข้าได้หรอครับ?”

    “ได้สิ...ทัศนศึกษาไง” พอได้รับคำอนุญาตก็เลยเข้าไปในห้องแล็ปด้วยความอยากรู้ อีกสองชั่วโมงมีติว แวะหาความรู้ใส่ตัวแป๊บนึงคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

    “ซองมิน...น้องคยูฮยอนเขาสนใจช็อคโกแลตสูตรใหม่ของนายหน่ะก็เลยขอเข้ามาดู” คนที่เพิ่งจิ้มเชอร์รี่ใส่ช็อคโกแลตอันสุดท้ายเสร็จเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน ที่พาชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาด้วย มือเรียวดึงมาส์กปิดปากออกก่อนจะส่งยิ้มให้

    “บรรลุนิติภาวะหรือยัง? ถ้ายัง...ฉันให้กินไม่ได้หรอกนะ” พอได้ฟังเสียงหัวคิ้วก็กระตุกเข้าหากันทันที ก็เขานึกมาตลอดว่า....

    “ภาควิชานี้ผู้ชายก็เรียนหรอครับ?”

    “ทำไมถึงคิดว่าผู้ชายเรียนเทคโนอาหารไม่ได้ล่ะ?” ซองมินเลื่อนถาดช็อคโกแลตให้เพื่อนไปทำต่อก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่คยูฮยอนพูด

    “ก็มันวิชาผู้หญิง...”

    “พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เรื่องงานครัวเลยสินะ”

    “ผมหน่ะตัวอันตรายของห้องครัวที่บ้านเลยล่ะ” เอ่ยบอกพลางก้มลงมองชามเชอร์รี่แช่ไวน์ใกล้ๆ กลิ่นหอมของไวน์มันยั่วยวนเขาเสียเหลือเกิน แต่ซองมินกลับเลื่อนชามนั้นออกห่าง

    “เพิ่งอยู่ปีหนึ่งแสดงว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะสินะ”

    “อยู่ที่บ้านผมดื่มกับคุณพ่อออกบ่อยไป แล้วผมก็อยากรู้ด้วยว่าเชอร์รี่พอมันแช่ไวน์แล้วจะเป็นยังไง ขอลูกนึงนะพี่ซองมิน”

    “ไม่ได้ นายยังอายุไม่ถึง” เอ่ยพลางรับถาดช็อคโกแลตอันใหม่จากมีโซมาจิ้มเชอร์รี่ใส่ต่อ คยูฮยอนมองอีกฝ่ายก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆชามใส่เชอร์รี่ กลิ่นมันสุดยอดจริงๆให้ตายเถอะ

    “ให้น้องซักลูกเถอะซองมิน วันนี้วันวาเลนไทน์อย่าใจร้ายนักเลย”

    “พวกเธอนี่ตลอด...” ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบไม้จิ้มมาจิ้มลูกเชอร์รี่ให้รุ่น น้องที่นั่งอยู่ข้างตัว คยูฮยอนถึงกับฉีกยิ้มก่อนจะอ้าปากรับไปเคี้ยวตุ้ย เชอร์รี่รสเปรี้ยวที่ชุ่มไปด้วยไวน์แดงนี่มัน...สวรรค์ชัดๆ

    “สุดยอดดดดด”

    “พี่ทำขายใช่ป่ะ? ผมซื้อกล่องนึงไปฝากคุณพ่อได้ไหม?”

    “พี่ว่านายคงจัดการหมดก่อนถึงคุณพ่อมากกว่าล่ะมั้ง”

    “ไม่หรอก กินด้วยกัน” ซองมินยิ้มให้กับคำเถียงนั้น เมื่อกี้พวกที่นั่งเล่นอยู่หน้าภาควิชาโทรมาบอกว่าน้องมันกวนประสาทมาก แต่จะว่าไป...เด็กนี่ก็แอบมีมุมอ้อนๆกับเขาเหมือนกันถ้าเจออะไรที่ถูกใจ

    “ไม่มีจะขายหรอก อาจารย์สั่งเอาไว้หมดแล้ว” พอได้ยินแบบนั้นคยูฮยอนก็แสดงสีหน้าเสียดายอย่างชัดเจน พอก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าอีกชั่วโมงนึงก็ต้องเข้าติวแล้ว

    “งั้นผมกลับล่ะ แต่ถ้าพี่มีอีกเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ ผมจะซื้อจริงๆ” พออีกฝ่ายพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเขาจึงขอตัวกลับ ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูห้องก็ถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน

    “คยูฮยอน...”

    “ครับ?” หันมามองรุ่นพี่ในชุดกาวน์สีขาวที่ถือกล่องเล็กๆเดินมาหา

    “เห็นนายแล้วพี่นึกถึงน้องชาย ซองจินก็น่าจะอายุเท่ากันแหละ ชอบพวกช็อคโกแลตสอดไส้พวกนี้เหมือนกัน ตอนแรกบอกว่าจะแวะมาหาเลยเตรียมไว้ให้ แต่ดันโทรมายกเลิกเพราะจะไปเดทกับแฟน งั้นพี่ให้นายแล้วกัน”

    “ครับ?”

    “เป็นช็อคโกแลตสอดไส้รสเหล้ากาแฟ เหล้าไอริชครีม เหล้าฮาสล์นัท แล้วเหล้าส้มหน่ะ พี่ทำเอง...รับรองว่าดีกรีไม่สูง แต่ก็ควรกินแต่น้อยนะ” หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยื่นกล่องใส่ช็อคโกแลตสีชมพูหวานให้

    “โทษทีนะ มันอาจจะแหววไปนิดนึง พอดีพี่ชอบสีชมพูหน่ะ”

    “ไม่หรอกครับ ก็เข้ากับพี่ซองมินดี ขอบคุณสำหรับช็อคโกแลตนะครับ”

    “อ้อ...ผมก็มีอะไรให้พี่เหมือนกัน” เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกก่อนจะหยิบขวดโหลมายื่นให้รุ่นพี่ ซึ่งซองมินก็รับไปแบบงงๆ

    “ดอกอะไรหน่ะ?”

    “ดอกกล้วยไม้ครับ...อืม...พันธุ์รองเท้านารีล่ะมั้ง พอดีเมื่อกี้แวะไปส่งดอกไม้ที่ชั้นเด็กเทคโนชีวภาพมา เขากำลังเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพันธุ์นี้กันอยู่ ก็เลยขอซื้อมา แต่เขาก็ให้มา หลายกระปุกด้วยเลยแบ่งให้รุ่นพี่กระปุกนึง แลกกับช็อคโกแลตอร่อยสุดยอด”

    “อืม...น่ารักดี ขอบใจนะ”

    “ครับ ขอบคุณสำหรับช็อคโกแลตเหมือนกันนะครับ” ก้มศีรษะให้รุ่นพี่ก่อนจะขอตัวกลับเพราะใกล้เวลาเข้าติวเต็มที คยูฮยอนเหลือบตามองรุ่นพี่ที่เดินกลับเข้าไปในห้องก่อนจะอมยิ้ม อาจารย์ที่คุมแล็ปกล้วยไม้บอกความหมายบางอย่างกับเขาไว้ก่อนจะให้มา และเขาคิดว่า...มันก็น่าจะจริง...




    กล้วยไม้รองเท้านารี...หมายถึง...คุณชนะใจผม










    “ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ” เอ่ยกับหญิงสาวที่กำลังกอดช่อดอกไม้แน่นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าหล่อนก่อนจะเดินออกมา เมื่อยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าบ่ายมากแล้ว พี่เยซองเพิ่งโทรมาบอกว่าคยูฮยอนเสร็จภาระกิจเป็นคนที่สี่ แสดงว่าเขาเป็นคนที่ห้า ส่วนคุณชเว...คงจะอีกนานพอดู

    “ไปรวมตัวที่ร้านพี่นาริก่อนแล้วกัน” หลังจากที่มองซ้ายขวาแล้วไม่รู้จะไปไหนต่อดี ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินออกไปที่หน้าคณะโดยไม่ลืมส่งยิ้มให้ บรรดารุ่นน้องปีหนึ่งที่ส่งยิ้มปลื้มมาให้

    “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้อย่าลืมซื้อช็อคโกแลตให้ฉันอ่ะฮยอกแจ!!!”

    “ทีแกยังไม่ซื้อให้ฉันเลยนะ จะมาทวงอะไรเนี่ย!!”

    “เดี๋ยวฉันค่อยให้แกวันไวท์เดย์ไง ไปซื้อมาให้ท่านอีทงเฮเดี๋ยวนี้เลย เฮ้ย! อย่ามาเดินหนีนะ อีฮยอกแจ!!!” ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนซี้สองคนที่เดินตีกันมาตั้งแต่บนบันไดลงมาจนถึงหน้า ตึก เสียงที่เรียกได้ว่าตะโกนใส่กันทำเอาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันไปมอง แล้วหัวเราะออกมาเพราะตีกันได้ทุกวัน แต่ตีกันแล้วน่ารักดีเลยไม่มีใครนึกรำคาญ อยู่ๆก็มีคนน่ารักสองคนมายืนเถียงใส่กันเป็นเด็ก ทะเลาะกันอยู่ซักพักแล้วก็เดินกอดคอกันไปเหมือนเมื่อกี้ไม่เกิดอะไรขึ้น



    น่ารักดีออก



    “อ้าว...มาทำอะไรที่นี่หน่ะคิบอม” ฮยอกแจที่กำลังเดินหนีทงเฮไปทางโรงอาหารพอหันมาเจอชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป้า หมายเดินมาหา ทำให้ทงเฮต้องเดินตามมาด้วยเป็นลูกปลาช่อนว่ายน้ำตามแม่

    “มาส่งดอกไม้หน่ะ”

    “อ้อ...โปรโมชั่นร้านพี่นาริอ่ะนะ?”

    “อืม”

    “ส่งเสร็จยังอ่ะ”

    “หืม?...ฉันหรอ? เพิ่งส่งดอกไม้เสร็จเมื่อกี้เอง” หนุ่มร่างบางถึงกับยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบที่ถูกใจ นัยน์ตาเรียวเล็กที่เน้นให้โดดเด่นด้วยอายไลน์เนอร์เหล่มองเพื่อนที่ยืนอยู่ ไม่ไกลกันนักก่อนจะเอ่ยด้วยประโยคที่ทำเอาทงเฮตาโต

    “ถ้าเสร็จแล้วก็วานไปซื้อช็อคโกแลตมาให้ทงเฮหน่อยสิ ฉันโดนบ่นจนหูชาตั้งแต่เช้าแล้ว”

    “ฉันบอกให้นายซื้อนะฮยอกแจ!” คิบอมเพียงแค่อมยิ้มเมื่อทงเฮสวนขึ้นมาเสียงดัง

    “แล้วทงเฮอยากกินช็อคของอะไรล่ะ?”

    “โอย...ซื้อเอาตามซุปเปอร์อันละไม่กี่สิบวอนก็พอ จะต้องหรูอะไรมาก โอ้ย! จะตีทำไมเนี่ย!” หันไปโวยใส่เพื่อนที่ซัดเข้ามาที่หลังจนแทบจะชาเป็นรูปฝ่ามือ

    “เฟอเรโร่ รอชเชอร์ กล่องใหญ่!!”

    “จะเอาอะไรเพิ่มอีกก็คุยกันเองแล้วกัน ฉันจะไปโรงอาหารอยากกินไอซ์ช็อคโก้มากกว่า...ไปล่ะ” ผลักเพื่อนตัวดีให้เข้ายืนเผชิญหน้ากับหนุ่มรัฐศาสตร์ก่อนจะเดินย้อนกลับไป หาเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรก

    “อ้อ...ถ้าอยากได้เฟอเรโร่ รอชเชอร์กล่องใหญ่ล่ะก็นะ เหมือนที่วัตสันจะมีโปรโมชั่นวันวาเลนไทน์ แถมดูเร็กซ์ให้สองกล่องด้วยแหละ ทงเฮคงอยากได้แบบนั้นล่ะมั้ง...” เดินจากไปได้เพียงไม่กี่ก้าว อีฮยอกแจก็หันกลับมาพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำเอาทงเฮแทบอยากจะกระโดดเตะ เพื่อนให้หายแค้นเขิน(?)

    “อีฮยอกแจ!!!”

    “ทงเฮอยากได้แบบนั้นจริงๆหรอ?”

    “บ้า! ฉันอยากกินช็อคโกแลต ไม่ได้อยากกินถุงยาง” เอ่ยเถียงด้วยใบหน้าแดงกล่ำจนชายหนุ่มอดที่จะหัวเราะอย่างเอ็นดูไม่ได้ ซึ่งทงเฮมองแล้วรู้สึกขัดใจพิลึก

    “นายอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กน้อยได้ไหม ให้ฮยอกแจมันเป็นไปคนเดียวก็พอแล้ว” คนฟังเพียงแค่ยิ้มรับจนตาปิด ไม่อยากจะเอ่ยปากเถียงซักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าอะไรที่ทงเฮไม่เห็นด้วยต่อให้มันค้านความเป็นจริงแค่ไหน ทงเฮก็พร้อมจะดับเครื่องชนใส่คนที่เห็นต่างกับตัวเองเสมอ เงียบไว้แล้วปล่อยไปตามน้ำนั่นแหละดีแล้ว

    “ตกลงจะเอาช็อคโกแลตไหม?”

    “เอาสิ!!”

    “งั้นเดี๋ยวมา” ทำท่าจะเดินไปจนทงเฮต้องเดินตามไปด้วยความสงสัย

    “จะไปไหน?”

    “ไปเอาช็อคโกแลตให้ไง” คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองคนที่กำลังเปิดประตูรถแล้วโน้มตัวเข้าไปหยิบอะไรซัก อย่างมายื่นให้เขา แล้วมันก็เป็น...เฟอเรโร่ รอชเชอร์กล่องใหญ่อย่างที่เขา(แอบ)อยากได้จริงๆด้วย

    “สาวที่ไหนให้มาล่ะ?”

    “เปล่า...ซื้อมาเอง”

    “ซื้อไปให้ใคร?”

    “ตั้งใจว่าจะให้คนชื่อทงเฮ” คนที่กำลังกอดกล่องช็อคโกแลตทำหน้าไม่ถูกไปพักใหญ่ ไม่รู้จะมองอีกฝ่ายยังไงหรือยิ้มแบบไหนให้ดีก็เลยเพียงแค่เสหน้าไปทางอื่น

    “ถ้าเขินก็บอกได้นะ”

    “ของแบบนั้นใครเขาบอกกัน!” หนุ่มรัฐศาสตร์ยิ้มจนตาปิดอีกครั้งเมื่อได้ยินคำบอกนั้นจากคนตัวเล็ก ชายหนุ่มมองนัยน์ตาหวานที่กำลังส่องเป็นประกายเวลามองช็อคโกแลตในกล่อง เขาชอบมองตาของทงเฮ เพราะทงเฮเป็นคนตาสวย ยิ่งเวลาได้ของที่ถูกใจดวงตากลมๆนั้นก็จะยิ่งส่องประกายเหมือนพระอาทิตย์ยาม เช้าที่สดใส

    “หืม? อะไรอีกนั่นหน่ะ” เพราะมัวแต่มองช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดในกล่องบรรจุที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีคน ให้มา ทงเฮจึงเอ่ยถามอยากแปลกใจเมื่อเงยหน้ามาเจอดอกไม้สีเหลืองๆหน้าตาไม่คุ้นช่อ เล็กๆถูกยื่นมาให้ตรงหน้า

    “ดอกไม้ไง”

    “หมายถึงว่าเอามาให้ฉันทำไม”

    “ก็อยากให้ มันหอมดี แล้วก็...ทงเฮชอบสีเหลืองไม่ใช่หรอ?” ยื่นเข้าไปใกล้อีกนิดเป็นการบอกกรายๆว่าให้อีกฝ่ายรับไป ทงเฮจึงหันไปมองซ้ายขวาพอไม่เห็นมีใครผ่านมาทางนี้จึงรีบรับไว้ เพราะเขาไม่อยากโดนใครแซว...โดยเฉพาะไอ้เพื่อนตัวแซบอย่างอีฮยอกแจ

    “อะไรกันหน่ะ เพิ่งให้กุหลาบเราเมื่อกี้เองนะ เผลอแป๊บเดียวมาหยอดขนมจีบใส่อีกคนซะแล้ว” กลุ่มสาวๆที่เพิ่งรับดอกไม้ช่อสุดท้ายจากคิบอมเดินผ่านมาพอดีจึงเอ่ยแซว ชายหนุ่มทอดมองคนที่กำลังก้มหน้างุดก่อนจะหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม

    “อันนั้นทำตามหน้าที่ครับ แต่อันนี้ของจริง”

    “อูยยยย....แรงนะคะ” สาวๆหัวเราะกันคิกคักแล้วเดินจากไปทิ้งคนที่ยืนยิ้มจนตาปิดไว้กับคนที่ยืน หน้าแดงกล่ำไว้อย่างนั้น สองคนยืนเงียบกันอยู่เป็นนานก่อนที่คิบอมจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีก ครั้ง

    “ชอบไหม?”

    “...อืม...ดอกอะไรหรอ? ไม่เคยเห็น”

    “ดอกแดฟโฟดิลหน่ะ” ทงเฮเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วก้มลงมองช่อดอกไม้เล็กในมืออีกครั้ง แก้มที่ขึ้นสีระเรื่อยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ้มชอบใจ ทงเฮโหมดเขินแล้วเงียบแบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นกันง่ายๆ เห็นแล้วที่น่าแกล้งเหมือนกันแฮะ

    “อยากกินช็อคโกแลต”

    “อะไร? นายยกให้ฉันแล้วนะ” คิบอมแทบหลุดขำออกมาเมื่อมือที่กอดกล่องเฟอเรโร่ รอชเชอร์นั้นกระชับแน่นขึ้นมาทันที

    “แล้วกินด้วยกันไม่ได้หรอ?”

    “....................” คนถูกถามด้วยน้ำเสียงอ้อนๆที่แทบไม่เคยจะได้ยินจากคนตรงหน้านิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในคณะ คิบอมถึงกลับยิ้มค้าง

    “ทงเฮ...?”

    “...แล้วจะยืนกินกันตรงลานจอดหรือไง?” ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะรีบสาวเท้าตามคนตัวเล็กไป เห็นไหมล่ะ...เขาเลือกไม่ผิดหรอก ดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองเหมาะกับทงเฮมากจริงๆ




    ดอกแดฟโฟดิลสีเหลือง...หมายถึง...ดวงตะวันมักจะส่องสว่างเสมอในเวลาที่ผมอยู่กับคุณ


    .
    .
    .
    .
    .

    “กรี๊ดดดดดด พี่ซีวอนเอาดอกไม้มาให้ฉันจริงๆด้วย” โรงอาหารเวลาบ่ายแก่ๆ ถ้าเป็นที่คณะอื่นอาจจะร้างผู้คนไปแล้ว แต่สำหรับคณะศิลปกรรมยิ่งเวลานี้คนจะยิ่งเยอะมาก เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่จะมาซ้อมเต้นหรือซ้อมการแสดงที่ห้องซ้อมช่วงเย็นๆเสมอ จึงทำให้เสียงกรี๊ดของหญิงสาวเป็นที่สนใจของเด็กศิลปกรรมคนอื่นขึ้นมาทันที รวมถึงร่างบางที่กำลังคาบหลอดดูดไอซ์ช็อคโก้ด้วย

    “ขอถ่ายรูปกับพี่หน่อยได้ไหมคะ นะคะๆๆๆๆ” เล่นตื้อออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ไม่รู้จะเอ่ยปฏิเสธยังไงดี หนุ่มเฟรนลี่ตัวพ่อเลยโอบไหล่น้องปีหนึ่งผู้โชคดีถ่ายรูปคู่ด้วยกันสองสาม รูปก่อนจะเอ่ยปากขอตัว เพราะเจ้าหล่อนเริ่มได้คืบจะเอาศอก ขอเลี้ยงน้ำเขาซักแก้วเพื่อเป็นการขอบคุณเรื่องดอกไม้ในวันนี้ อยากจะบอกน้องเหลือเกินว่า...



    ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ เพราะพี่ส่งมาร้อยกว่าคนแล้ววันนี้



    “ไม่เป็นไรครับน้อง พี่ยังต้องไปส่งดอกไม้อีกเยอะ”

    “พี่ซีวอนดูเพลียๆนะคะ ให้ฮเยรินตอบแทนด้วยน้ำหวานซักแก้วนะคะ” คล้องแขนอ้อนรุ่นพี่ในดวงใจกะว่ายังไงอีกฝ่ายต้องไม่ปฏิเสธแน่ๆ หากซีวอนกลับค่อยๆแกะมือนั้นออกอย่างใจเย็น

    “ไม่เป็นไรครับ พี่มีแล้ว” ปล่อยให้หญิงสาวดาวเฟรชชี่ยืนงงอยู่แบบนั้นก่อนจะเดินไปตรงหาคนที่กำลังนั่งแกะห่อจูป้าจุ๊บอยู่

    “หิวน้ำ” ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่วันนี้ดูโทรมไปโขก่อนจะบุ้ยปากไปที่แก้วตรงหน้า

    “มีเหลืออยู่ก้นแก้วแค่นั้นแหละ พอแก้ขัดได้ไหมล่ะ?”

    “ได้อยู่แล้ว” คว้าแก้วไอซ์ช็อคโก้ที่เหลือเพียงน้ำแข็งละลายกับรสชาติช็อคโกแลตจางๆดูดไปอึกใหญ่

    “...ค่อยยังชั่ว” ส่งยิ้มให้กับร่างบางที่นั่งแก้มตุ่ยเพราะอมยิ้มก่อนจะแบมือไปข้างหน้า

    “ขอบ้างสิ กำลังขาดน้ำตาล” คนถูกขอปันขนมสุดโปรดไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขายังมีสำรองอยู่ในกระเป๋าเสื้ออีกหนึ่งอัน มือเรียวจึงหยิบส่งให้ไป

    “วันนี้ดูท่าจะป๊อบนะ ขนาดคิบอมยังส่งเสร็จไปตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเลย” เอ่ยแซวคนหล่อที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม ซีวอนเพียงแค่ยิ้มบาง

    “อีกสิบกว่าคนเท่านั้นแหละ แล้วนี่ต้องขึ้นไปซ้อมเต้นอีกไหม?”

    “มีสอนท่าใหม่ให้รุ่นน้องหน่ะ ก็คงอยู่จนตึกปิด”

    “งั้นเดี๋ยวมารับ” พักหน้ารับคำบอกนั้นก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมือหนาเอื้อมมาดึงอมยิ้มในปากไป

    “ขี้เกียจแกะ ขออันนี้แล้วกัน” ส่งอมยิ้มรสสตรอเบอร์รี่แอนด์ครีมของร่างบางเข้าปากก่อนจะยื่นอมยิ้มอีกอันคืนให้

    “ห้าโมงครึ่งที่หน้าตึกนะ” ระบุพิกัดเสร็จก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากโรงอาหาร ทิ้งร่างบางไว้ท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่และรุ่นน้องนับสิบ ฮยอกแจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะคว้าจูปาจุ๊บที่ซีวอนวางเอาไว้แล้วเดินกลับ ขึ้นตึกไป ส่วนน้องผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยไปเถอะ เด็กเพิ่งเข้ามาปีแรกคงไม่รู้อะไร



    แต่คงจะรู้ตัวบ้างแล้วนะว่า...อะไรเป็นอะไร...


    .
    .
    .
    .
    .


    “พี่ฮยอกแจ ตึกปิดแล้วนะ ยังไม่กลับอีกหรอ?” ร่างบางชุดเสื้อฮูทสีสดเงยหน้าจากไอแพดก่อนจะส่งยิ้มให้รุ่นน้องที่เพิ่งลง มาจากตึกที่คุณยามไปไล่ลงมาเพราะจะปิดอาคารแล้ว

    “อีกแป๊บนึง รอเพื่อนอยู่”

    “แต่พี่ทงเฮกลับไปแล้วนี่ครับ”

    “อย่าทำเหมือนฉันมีเพื่อนคนเดียวสิมินโฮ” เอ่ยอย่างขำๆกับรุ่นน้องที่สนิทกัน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมินโฮทำตาโตแล้วอุทานเสียงดังจนคนอื่นๆที่กำลังเตรียม กลับบ้านหันมามองแล้วส่งเสียงโอ้โหยาวเป็นทอดๆกันไป

    “โว้ววววววววววววววว”

    “...................” พอหันไปมองตามก็ต้องอึ้งกับคนหล่อที่กำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับกุหลาบช่อโต เต็มอ้อมกอด นี่ยังส่งดอกไม้ไม่เสร็จอีกหรอเนี่ย

    “ไหนว่าห้าโมงครึ่งก็เสร็จแล้วไง ยังส่งอยู่อีกหรอดอกไม้เนี่ย” ซีวอนยิ้มบางๆให้กับคำตอบนั้น ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อหยดมาตามไรผมเรียกได้ว่าเห็นเป็นเม็ดๆเพราะเขาพยายาม เร่งส่งให้เสร็จก่อนจะรีบกลับไปที่ร้านพี่นาริเพื่อเอากุหลาบช่อสุดท้ายของ วันนี้มาส่งตามออร์เดอร์...



    ของตัวเขาเอง



    “อืม...ก็...คนสุดท้ายแล้ว” เอ่ยบอกพลางสาวเท้าเข้ามาจนใกล้ ฮยอกแจขมวดคิ้วมองท่าทีแปลกๆของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

    “ก็ไปส่งสิ อยากกลับหอแล้ว”

    “ก็รับไปสิ จะได้กลับหอด้วยกัน”

    “หือ? ฉัน?”

    “ก็ใช่หน่ะสิ ออร์เดอร์นี้เป็นของนาย” หลังจากยื่นกุหลาบช่อโตให้ก็บังเกิดเสียงโห่แซวจากรุ่นพี่รุ่นน้องชมรมเต้น ดังไปทั่วลานใต้คณะ ฮยอกแจมองหน้าอีกฝ่ายแล้วหัวเราะ

    “เล่นอะไรเนี่ย”

    “ไม่ได้เล่น เอาจริงต่างหาก”

    “อยากเปิดตัวแล้วหรือไง?” มองกุหลาบสีแดงและสีขาวที่ถูกเข้าช่อมาอย่างดีแล้วคลี่ยิ้มหวานก่อนจะเอื้อม มือไปรับมากอดเอาไว้ แถมช่อยังใหญ่มากจนรู้สึกว่าโอบเอาไว้แทบไม่มิด ซีวอนเห็นท่าน่ารักๆนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม

    “มันก็น่าจะถึงเวลาที่คนอื่นจะรู้เรื่องของเราแล้วนี่นา” ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิดเมื่อฮยอกแจพยายามกอดช่อดอกกุหลาบด้วยแขนเพียงข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาซับเหงื่อตามไรผมให้เขา

    “เหนื่อยไหม?”

    “เหนื่อย...แต่หายเหนื่อยแล้ว” คว้ามือเรียวที่กำลังซับเหงื่อให้แล้วจูบเบาๆที่หลังมือนั้น เสียงร้องปานถูกเชือดของเด็กศิลปกรรมที่อยู่รอบข้างทำให้รู้ตัวว่าไม่ได้ อยู่กันเพียงแค่สองคน

    “อิจฉาเว้ยยยยยยย”

    “อย่าทรมานใจคนโสด...ขอร้องงงงงงงงงง”

    “แฟนผมอยู่หนายยยย!!!!”

    “แล้วมึงจะทำท่าจาพนมทำไมเนี่ย?!”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ” สองคนมองบรรดาหนุ่มโสดที่จับกลุ่มโหยหวนกันอยู่ตรงลานจอดจักรยานของคณะแล้ว เพียงแค่ยิ้มเขินๆ มินโฮที่ยืนอยู่ใกล้ทั้งคู่มากที่สุดเห็นช็อตหวานชัดที่สุดจึงส่งยิ้มล้อ เลียนไปให้

    “ถ้าแฟนพี่ฮยอกแจมารับแล้ว ผมก็กลับแล้วนะ” ก้มศีรษะให้ก่อนจะวิ่งๆไปหาเพื่อนที่รวมกลุ่มกันอยู่ ฮยอกแจโบกมือให้รุ่นน้องแล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อซีวอนคว้ามือของ เขาไปกุมไว้

    “เย็นแล้ว กลับหอกันเถอะ”

    “จะแวะกินอะไรก่อนไหม? ดูนายเหนื่อยๆนะ” เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงกลัวคนหล่อจะเป็นลมตายไปก่อนจะกลับถึงหอ คนที่กำลังเปิดประตูรถให้ยิ้มบาง มหกรรมส่งดอกไม้วันนี้โหดไปหน่อยก็จริง แต่พอได้อยู่กับฮยอกแจแล้วได้รับความห่วงใยแบบนี้


    บอกตรงๆว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย


    “อยากกลับไปกินฝีมือนายมากกว่า”

    “เอาแบบนั้นก็ได้” ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วกอดช่อดอกไม้ไว้กับอก เพิ่งจะมาสังเกตจริงๆจังๆเองว่าดอกกุหลาบแดงถูกจัดให้เป็นรูปหัวใจสีแดงท่าม กลางพื้นสีขาวของกุหลาบขาว พี่นาริจัดดอกไม้เก่งจัง

    “ชอบไหม?” ร่างสูงที่เพิ่งขึ้นมานั่งฝั่งคนขับหันไปมองคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งมองดอกไม้ช่อโตในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้น

    “นายให้อะไรฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ส่งยิ้มให้สารถีหนุ่มสุดหล่อก่อนจะก้มลงมองมือขวาที่ถูกอีกฝ่ายคว้าไปกุมไว้ รอยยิ้มยิ่งกว้างมากขึ้นเมื่อปลายนิ้วยาวสอดประสานเข้ากับเรียวนิ้วของตัว เอง ซีวอนชอบจับมือเขาเวลาขับรถ พอถามก็ตอบมาว่า



    มันเป็นการย้ำเตือนเสมอว่าเราสองคนพร้อมที่จะไปด้วยกันไม่ว่าที่ไหนก็ตาม



    “สตรอเบอร์รี่ชีสพายในตู้เย็นน่าจะกินได้พอดี...” เสียงจากคนที่กำลังขับรถอยู่ดึงให้ร่างบางหลุดออกมาจากภวังค์ นัยน์ตาเรียวเล็กละจากมือที่สอดประสานมามองใบหน้าหล่อเหลาข้างๆแทน

    “เพิ่งลองทำครั้งแรก ไม่รู้จะกินเข้าหรือเปล่าหน่ะสิ”

    “ต้องกินได้สิ ผลัดกันป้อนคนละคำ เดี๋ยวก็หมด”

    “นั่นสินะ เดี๋ยวฉันจะป้อนนายคำใหญ่ๆเลย” เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกลับมามองช่อกุหลาบในอ้อมกอดอีกครั้ง นี่ถือเป็นวาเลนไทน์ปีแรกของพวกเขา เพราะกว่าจะตัดสินใจคบกันมันก็เลยช่วงนั้นมาแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรพิเศษแบบนี้ ความจริงซีวอนไม่ต้องให้อะไรเขาเลยก็ได้ เพราะทุกๆวันที่อยู่ด้วยกันมันก็พิเศษอยู่เสมออยู่แล้ว บางทีเขาควรจะเอ่ยขอบคุณสุดที่รักของเขาบ้างนะ ว่าแต่...จะขอบคุณยังไงดีล่ะ ซีวอนถึงจะถูกใจ?


    อ้อ...นึกออกแล้ว...


    “ซีวอน...”

    “หืม?”

    “ขอบคุณนะ” เอ่ยบอกเสียงแผ่วก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆแล้วกลับมานั่งกอดดอกไม้ ตามเดิม คนถูกหอมแก้มหันมองด้วยความประหลาดใจก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าน่ารัก กำลังขึ้นสีระเรื่อ ฮยอกแจรู้ว่าเขาชอบให้หอมแก้มมากที่สุด ก็เลยเลือกที่จะขอบคุณเขาด้วยวิธีนี้ แต่เขาก็อยากจะบอกคนน่ารักเหลือเกินว่ามาหอมแก้มบนรถแบบนี้เขาก็หอมกลับไม่ ถนัดหน่ะสิ ไม่เป็นไร...กลับถึงหอค่อยว่ากันอีกที

    ซีวอนไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไรกับคำขอบคุณนั้นนอกจากยกมือเรียวที่กุมไว้มาจูบ เบาๆ นัยน์ตาคมที่กำลังทอดมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้าเหลือบมองคนรักที่นั่งยิ้ม กับช่อกุหลาบขาวแดงแล้วก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ พี่นาริบอกว่าดอกกุหลายสีขาวแทนความหมายว่าคนนั้นมีค่ามากแค่ไหน ส่วนดอกกุหลาบสีแดงจะแทนความหมายของความสวยงาม เขาก็เลยเลือกทั้งสองสีเพราะเลือกไม่ได้ซักทีว่าจะสีไหนไปให้ฮยอกแจดี แต่แล้วก่อนที่จะออกไปจากร้าน พี่นาริก็ได้บอกความหมายของช่อดอกไม้ที่เขาเลือกในวันนี้ ถึงมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เขาก็คิดว่ามันเป็นความหมายที่ตัวเขาเองก็อยากจะบอกกับฮยอกแจมานานแล้ว เหมือนกัน



    ดอกกุหลาบสีขาวและแดงคู่กัน...หมายถึง...มารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกันเถอะ









    “เสร็จซักที” หญิงสาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อหลังจากจัดการผูกโบว์สีทองให้ลิลลี่ช่อสุดท้าย เสร็จ นาริส่งช่อดอกไม้นั้นให้พนักงานส่งของร้านเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าที่เตรียม ออกเดทในค่ำคืนนี้ที่ร้านอาหารสุดหรู ริมฝีปากสีอ่อนคลี่ยิ้มบางก่อนจะเอ่ยขอบใจพนักงานภายในร้านคนอื่นๆที่ทำ งานอย่างหนักมาทั้งวัน ป้ายหน้าร้านถูกเปลี่ยนเป็น [ปิด] หมดหน้าที่สื่อรักในวันนี้ซักที

    “ปิดร้านแล้วหรอ?” นาริเงยหน้ามองคนมาใหม่ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ คนรักร่างท้วมที่เดินเข้ามาในร้านแล้วแจกน้ำหวานแก้วใหญ่ที่ไปซื้อมาให้กับ พนักงานทุกคน

    “หมดออร์เดอร์สำหรับวันนี้แล้วค่ะ” รับน้ำหวานมาดูดอึกใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกโข การได้รับน้ำตาลในช่วงที่กำลังเหนื่อยจัดๆนี่มันช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

    “เจ้าพวกนั้นกลับไปแล้วหรอ?”

    “ค่ะ มานั่งกันอยู่ซักพักก็บ่นว่าคงช่วยอะไรไม่ได้ก็เลยแยกย้ายกันหลับหน่ะค่ะ แล้ววันนี้พี่ชินดงไปไหนมาหรือคะ? แต่งชุดเรียบร้อยจังวันนี้” คนถูกถามยิ้มกว้างก่อนจะบอกเซอร์ไพร์สที่ทำให้นาริกระโดดจนตัวลอย

    “ไปทำเรื่องขอจบการศึกษามา พี่เรียนจบแล้วนะ”

    “ดีใจด้วยนะคะ! พี่ชินดงเก่งที่สุดเลย!” วางแก้วน้ำก่อนจะโผเข้ากอดคนรักแน่น ชินดงเป็นคนที่เรียนไม่ค่อยเก่ง แต่มีทักษะการเต้นและการเอ็นเตอร์เทรนแทบทุกประเภท ถึงจะเรียนไม่จบแล้วยืดเยื้อมาจนถึงปีแปด แต่ชินดงก็มีโรงเรียนสอนเต้นและร้านอินเทอร์เน็ทคาเฟ่ที่เกิดจากน้ำพักน้ำ แรงของตัวเอง การมีอาชีพและมีเงินเข้ามาทำให้ความตั้งใจในการเรียนลดลง แต่เพราะนาริขอเอาไว้ว่าอยากให้เรียนให้จบ เขาถึงได้พยายามจนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

    “เรียนจบแล้ว จะได้ทำตามความฝันอีกอย่างซักที” หญิงสาวร่างเล็กเอียงคอมองคนรักที่ยิ้มเหมือนมีอะไรแอบอุบเอาไว้ มือเล็กเขย่าๆต้นแขนอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้

    “แอบซุ่มจะทำอะไรอีกแล้วคะ มีกิจการอยู่สองอย่างแล้วยังรวยไม่พออีกหรอ?”

    “อันนี้ธุรกิจใหญ่เชียวนะ วางแผนมานานแล้วล่ะ” เอ่ยบอกยิ้มๆก่อนจะเดินไปดูดอกไม้ที่อยู่ตามตู้เหมือนกำลังหาอะไรซักอย่าง แล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อเจอของที่ต้องการ นาริมองคนรักร่างท่วมอย่างสงสัย อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อชินดงเปิดตู้หยิบดอกไอริสสีขาวมายื่นให้


    ดอกไอรีสสีขาว...หมายถึง...ผมมีอะไรจะบอกคุณ


    “บอกอะไรหรอคะ?” ด้วยความที่อยู่กับดอกไม้มานาน ทำให้นาริเข้าใจสิ่งที่คนรักสื่อมาได้เป็นอย่างดี ชินดงไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองหาดอกไม้ที่เขาต้องการจนเจอแล้วเปิดตู้มาส่งให้ หญิงสาวอีก คราวนี้เป็นโรสแมรีสีม่วง และนั่นทำให้นาริถึงกลับหัวเราะออกมา


    ดอกโรสแมรีสีม่วง...หมายถึง...การที่คุณเข้ามาในชีวิตผมทำให้ผมมีชีวิตชีวา


    “เช่นกันค่ะ” เอ่ยตอบก่อนจะเดินตามคนรักที่กำลังเดินหาดอกไม้ไปเรื่อยๆ บรรดาพนักงานในร้านต่างมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มและลุ้นไปพร้อมๆกันว่าแฟนของ เจ้านายกำลังจะเซอร์ไพร์สเรื่องอะไร พนักงานหญิงสองคนถึงกับปิดปากกรี๊ดเขินแทนเจ้านายคนสวยเมื่อชินดงยื่นดอก ทิวลิปสีแดงให้


    ดอกทิวลิปสีแดง...หมายถึง...ผมรักคุณ


    “ฉันก็รักพี่ค่ะ” รับมาดอกไม้ชนิดที่สามมาถือไว้ด้วยรอยยิ้ม และเดินตามไปจนถึงตู้เก็บดอกไม้ตู้สุดท้าย อย่างที่บอกว่าหญิงสาวรู้จักดอกไม้ในร้านทุกชนิด และแต่ละดอกก็ต่างมีความหมายในตัวของมัน นัยน์ตากลมโตเริ่มมีหยาดน้ำคลอหน่วยเมื่อเห็นคนรักหยิบดอกไม้ชนิดหนึ่งออกมา ยื่นให้พร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่ถูกเปิดออกให้เห็นแหวนเพชรน้ำ งามข้างใน

    “ดอกไอวี่...นาริรู้ความหมายของมันใช่ไหม?”

    “...ค่ะ...”

    “ตกลงไหม?” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กๆนั้นอีกนอกจากแรงโถมเข้าหาหนักๆ พนักงานในร้านต่างปรบมือกันอย่างดีใจและหัวเราะกันอย่างมีความสุขเมื่อเห็น ชินดงกอดคนรักแล้วหมุนเหวี่ยงไปรอบๆ




    ดอกไอวี่...หมายถึง...แต่งงานกันเถอะ


    .
    .
    .
    .
    .



    รับดอกไม้แทนใจซักดอกไหมคะ? ^^





    END




    เป็นโปรเจ็คที่ใช้เวลาแต่งเสียนานจนเลยช่วงวาเลนไทน์มาแล้วอาทิตย์นึง แต่ก็ยังลุยต่อจนในที่สุดก็จบลงด้วยดี...เอาหน่า...ถือซะว่าเป็นฟิคฉลอง เดือนแห่งความรักแล้วกันนะคะ >///<

    ไม่ได้แต่งฟิครวม 6+1 คู่มานาน...ยั้งไม่อยู่ ปาเข้าไป 30 หน้า A4 ขอให้ทุกคนมีความสุขไปและมีรอยยิ้มไปกับฟิคของปอนะคะ *ส่งจูบ 360 องศา*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×