ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รวมฟิคสั้น] Super Junior (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #8 : [SF] Red Wine and White Milk (CinTeuk)

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 54


    Title :: Red Wine and White Milk
    Pairing :: CinTeuk
    Author :: kobamura
    Rating :: PG-13
    Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ


    มะ...มา...อีกแล้ว...














    ในคืนหนาว คืนหนึ่งผมเปิดระเบียงออกมารับลมพร้อมกับแก้วไวน์แดงในมือ แต่ไม่รู้ทำไมความตั้งใจที่จะดูดาวท้าลมหนาวของผมถึงได้จางหายไป...พร้อมกับ ควันกรุ่นๆจากแก้วเซรามิคในมือคนที่ยืนอยู่ระเบียงถัดไป…



    .
    .
    .

    Red Wine and White Milk

    .
    .
    .




    [ติ๊ง~]


    มือเรียวเปิดฝาไมโครเวฟก่อนจะสวมถุงมือกันความร้อนแล้วหยิบแก้วเซรามิครูป คุณเป็ดสีเหลืองน่ารักออกมาวางไว้ตรงที่พัก กลิ่นนมสดอุ่นๆที่ลอยขึ้นมาแตะจมูกนั้นทำให้อดยิ้มขึ้นมาบางๆไม่ได้


    [โฮ่ง~!]


    นัยน์ตาเรียวก้มลงมองเจ้าตัวเล็กสีน้ำตาลที่กระโดดเหยงๆตะกายขาอยู่ไม่ห่าง มือเรียวเอื้อมลงไปลูบขนนุ่มก่อนจะเอ่ยอย่างเอ็นดู

    “หิวเหมือนกันหรอช็อคโก้?”

    “โฮ่ง!”

    “นี่มันนมสดนะ ฮยอกแจบอกว่ากินไม่ได้นี่นา เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก” พอเห็นเจ้าตัวเล็กที่น้องชายฝากเลี้ยงหงอยลงไปก็อดไม่ได้ที่จะเปิดกระปุก หยิบขนมให้กินแก้หิว ก่อนจะเดินประคองแก้วนมอุ่นๆออกมาจากห้องครัว

    รายการโทรทัศน์คืนนี้น่าเบื่อกว่าทุกครั้ง มือเรียวกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อยโดยมีลูกสุนัขสีน้ำตาลนั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆ

    “ดูอะไรดีเนี่ยช็อคโก้?”

    “โฮ่ง~!”

    “เฮ่อ...” ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกออกไปยืนรับลมที่หน้าระเบียง อีทึกถึงกับย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นนิโคตินลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ...เขาไม่ชอบ กลิ่นของมันเลยจริงๆ นัยน์ตาเรียวเหลือบมองคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ระเบียงข้างๆ ร่างโปร่งในชุดนอนผ้ามันสีแดงเลือดหมูกำลังยืนพ่นควันสีเทาอย่างไม่นึกเกรง ใจเขาแม้แต่น้อย

    “ซักมวนไหม?”

    “หืม?” อีกฝ่ายกำลังพูดกับเขาอย่างนั้นหรอ?

    “ถามว่าจะเอาซักมวนไหม?” พอชัดเจนแล้วว่ากำลังถูกถามจึงเอ่ยตอบไปตามมารยาท

    “ผมไม่สูบ”

    “ก็เห็นมอง...”

    “ก็มันเหม็น...” เผลอสะดุ้งตัวหน่อยๆเมื่ออีกฝ่ายหันขวับมามองทั้งที่ตอนแรกก็เงยหน้ามองท้องฟ้าแบบนั้นอยู่นานแล้ว

    “อ้อ...” ลากเสียงยาวเหมือนรับรู้ใจความนั้น ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาอีทึกคิ้วกระตุก

    “ถ้าเหม็นก็เข้าไปในห้องสิ จะมาทนดมทำไม” หลังจากยืนอึ้งไปนาทีเศษๆ ร่างบางในชุดนอนไหมพรมหนานุ่มสีขาวก็เดินผลุนผลันเข้าไปในห้องปิดประตูกระจก เสียงดังกว่าทุกครั้ง แต่ก็ยังเบากว่าเวลาเขาเปิดประตูระเบียงเวลาปกติเสียอีก

    “เฮ่อ~” คนกวนโมโหเพียงแค่ถอนใจเบาๆก่อนจะกระดกไวน์รวดเดียวหมดแก้ว




    คุยกันครั้งแรกก็ไม่ค่อยเวิร์คซะแล้วสิ...




    .
    .
    .

    Red Wine and White Milk

    .
    .
    .




    “วันนี้ไปซื้อของมาตุนกันดีไหมช็อคโก้? อาหารเม็ดหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย” เปิดเคาท์เตอร์สำรวจอาหารให้เจ้าตัวเล็กที่ยืนกระดิกหางอยู่ข้างๆ แล้วก็พบว่ามันร่อยหรอเต็มทน

    “นมในตู้เย็นฉันก็หมดเหมือนกัน งั้นเราไปซุปเปอร์กันดีกว่าเนอะ” ยิ้มจนตาหยีเมื่อเจ้าตัวเล็กแสดงการดีใจจนออกนอกหน้า มือเรียวอุ้มสุนัขของน้องชายขึ้นมาหอมเบาๆก่อนจะพากันไปที่ห้องนอน

    “งั้นก็ไปแต่งตัวกันเถอะ~!”

    “โฮ่ง~!”

    “อืม...จะเสร็จแล้ว ยังไม่เลยเวลาเปิดร้านซักหน่อยทำไมต้องโทรมาเร่งด้วยเนี่ย เสียอารมณ์หมด” บ่นกับคนปลายสายพลางใช้ปลายนิ้วไล่จัดทรงผมอยู่หน้ากระจกจนได้ทรงที่พอใจ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อโค้ทลายสก็อตสีแดงสดมาสวมทับเสื้อกล้ามสีดำ เก็บโทรศัพท์มือถือเสร็จก็เดินไปหยิบรองเท้าบูทหนังมันคู่โปรดมาสวมและไม่ ลืมคว้ากระเป๋าหนังลายสก๊อตสีแดงใบโตที่เข้าชุดกัน สำรวจความเรียบร้อยรอบห้องอีกซักที แล้วก็ได้ฤกษ์ออกจากห้อง

    แต่เมื่อเปิดประตูห้องออกไปก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนน่ารักในชุดโค้ทสี ขาวสะอาดตาเปิดประตูออกมาจากห้องเช่นกัน คนอะไรทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่สีขาวไม่ว่าจะเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า ถ้าจับเจ้าลูกหมาในอ้อมกอดนั่นย้อมสีขาวได้ดูท่าจะทำไปแล้ว



    แต่ก็...ดูขาวสะอาดบริสุทธิ์ดีออกนะ






    “มีอะไรหรือเปล่าครับ?” สงสัยคงจะมองเพลินไปหน่อยอีกฝ่ายเลยหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อืม...เหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

    “หืม?”

    “ก็เห็นคุณมอง...”

    “คิดว่าฉันมองหรอ?” เรื่องปากดีของให้บอก คิมฮีซอลไม่เคยเป็นสองรองใครอยู่แล้ว และก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป

    “ขอโทษที่เข้าใจผิดก็แล้วกันครับ” อีทึกโค้งตัวให้อีกฝ่ายตามมารยาทก่อนจะเดินลิ่วๆไปที่ลิฟต์ พอเจ้ากล่องเหล็กสี่เหลี่ยมเปิดออกก็รีบแทรกตัวเข้าไปแล้วกดปิดทันที แต่ก็ไม่ทันเมื่อมีคนเอามือกันไว้ ฮีซอลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้านั้นดูจะขัดใจไม่น้อยที่เขาตามมา จนถึงในลิฟต์

    “อยู่ชั้นเดียวกัน ห้องติดกันแท้ๆ แถมยังออกจากห้องพร้อมกันอีกต่างหาก กดลิฟต์รอซักนิดก็ไม่มี ใจร้ายจังนะ” เอ่ยเหมือนตำหนิแต่น้ำเสียงก็ดูหยอกเย้าเสียมากกว่า อีทึกเพียงแค่เหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง มีเพียงช็อคโก้เท่านั้นที่จ้องมองหนุ่มชุดแดงดำอย่างสนใจ

    “ว่าไงเจ้าตัวเล็ก สนใจทักทายเพื่อนข้างห้องหน่อยไหม?” เอ่ยคุยกับลูกสุนัขสีน้ำตาลตาโตเว่อร์ๆ ก่อนจะชูกระเป๋าใบโตที่หิ้วมาด้วยแล้วเปิดซิปที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้น...

    “เมี๊ยวววววววว”

    “โฮ่ง~!”

    “อะไรหน่ะ!” อีทึกถึงกับตกใจหันมามองก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นดวงตาวาววับที่สะท้อนอยู่ในกระเป๋าใบใหญ่

    “แมวไง...ไม่รู้จักแมวหรอ?”

    “ผมหมายถึงคุณจะแกล้งช็อคโก้ทำไม”

    “ไม่ได้แกล้งซักหน่อย แค่อยากให้รู้จักกันไว้” คิ้วเรียวยิ่งขมวดหนักขึ้น เมื่ออีกฝ่ายยังคงกวนประสาทใส่ไม่เลิก

    “เคยถามบ้างหรือเปล่าว่าช็อคโก้อยากจะรู้จักแมวคุณไหม”

    “อ้าว...แล้วมันตอบว่าไงล่ะ แปลให้ฉันฟังหน่อยสิ” ถูกตอบกลับมาแบบนั้นก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง แล้วเสียงสัญญาณของลิฟต์ก็มาช่วยชีวิตพอดี อีทึกจึงอุ้มช็อคโก้เดินลิ่วออกไปโดยไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก ปล่อยให้คนในลิฟต์หัวเราะขำอยู่คนเดียว




    น่ารักเอาเรื่องอยู่แฮะ



    .
    .
    .

    Red Wine and White Milk

    .
    .
    .




    “ลูกพี่ของนายหน่ะ หนีเที่ยวนานเกินไปแล้วนะ” เอ่ยกับเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดระหว่างพากันออกมาเดินเล่น แต่ก็นั่นแหละ...ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละ อยากไปสวีทที่โน่นที่นี่เต็มไปหมด



    ว่าแต่กรณีของซีวอนกับฮยอกแจนี่...ข้าวใหม่ปลามันมากี่ปีแล้วนะ?



    “เอาเถอะ...เกิดเป็นพี่ ดูแลเจ้าลูกรักให้น้องชายซักเดือนสองเดือนจะเป็นอะไรเนอะ”

    “โฮ่ง~!” หัวเราะคิกคักก่อนจะก้มลงหอมเจ้าตัวเล็กในชุดลูกเป็ดเบาๆ ถ้าฮยอกแจมาเห็นคงบ่นเขาแย่ เพราะชุดเก่งของช็อคโก้คือชุดลูกไก่ แต่ทำไมล่ะ...ตอนนี้เขาเป็นคนดูแลช็อคโก้นี่นา ช็อคโก้ก็ต้องใส่ชุดที่เขาชอบสิ

    “อากาศเย็นๆแบบนี้ถ้าได้อะไรร้อนๆซักแก้วคงดีเนอะช็อคโก้เนอะ” ชวนเจ้าตัวเล็กคุยก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าร้านที่การตกแต่งค่อนข้างสะดุดตา ไม่ได้มาแถวนี้เสียนาน ไม่คิดว่าจะมีร้านกาแฟแนวโกธิคผุดขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก่อนร้านนี้มัน...ใช่ร้านดอกไม้ของคุณป้าใจดีคนนั้นหรือเปล่านะ?

    “สวัสดีครับคุณผู้หญิง เชิญแวะลิ้มรสกาแฟสไตล์โกธิคแห่งเดียวในเกาหลีก่อนนะครับ” หนึ่งคนหนึ่งลูกหมาได้แต่กระพริบปริบๆใส่เด็กหนุ่มในชุดบริกรที่ออกมากวาด ถนนหน้าร้านซึ่งเดินเข้ามาทักทายอย่างดี...แต่...ตาถั่วไปหน่อยนะ

    “ผมเป็นผู้ชายครับ” เด็กคนนั้นมีท่าทีตกใจไม่น้อยก่อนจะรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

    “ขอประทานโทษครับนายท่าน ใบหน้าของนายท่านช่างงดงามจนผมเข้าใจผิดไป ขอประทานโทษจริงๆครับ” อีทึกมองคนที่โค้งจนลำตัวขนานกับพื้นแล้วได้แต่ถอนใจเบาๆ เขาว่าร้านนี้มันต้องเป็นร้านที่แปลกเอาการแน่ๆ แค่พนักงานร้านก็กินขาดแล้ว

    “ผมพาสัตว์เลี้ยงมาด้วย ไม่ทราบว่าทางร้านอนุญาตหรือเปล่า?”

    “เพทหรือครับ? ได้สิครับนายท่าน ทางเราได้เตรียมที่ไว้สำหรับเพทของนายท่านอยู่แล้ว เชิญด้านในเลยครับ” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกดุนหลังให้เดินเข้าร้านชอบกล

    “ทงเฮ ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าอย่าบังคับลูกค้า” คนที่กำลังอึ้งกับการตกแต่งภายในของร้านได้แต่หันมามองตาปริบๆ ข้างหน้าเป็นชายหนุ่มในชุดที่แตกต่างจากเด็กหนุ่มที่พาเขาเข้ามาในร้านเล็ก น้อย ดูจากการพูดการจาน่าจะมีตำแหน่งสูงกว่า

    “ขอประทานโทษคุณผู้หญิงด้วยนะครับ พนักงานใหม่ของเราคงตื่นเต้นกับการทำงานวันแรกไปหน่อย ก็เลยอาจจะเสียมารยาทกับคุณผู้หญิงไปบ้าง ต้องขออภัยแทนเด็กใหม่ด้วยนะครับ” ดูท่าสงสัยสายตาคนร้านนี้จะคัดมาแบบเดียวกันหมดจริงๆ

    “ผมพูดไปสองรอบแล้วว่าผมเป็นผู้ชาย” นั่นไง...ท่าทีตกใจโขกกันมาเด๊ะๆ

    “ขอประทานโทษครับนายท่าน ใบหน้าของนายท่านช่างงดงามจนผมเข้าใจผิดไป ขอประทานโทษจริงๆครับ” มันเป็นแพตเทินการขอโทษหรือไงนะ ทำไมพูดเหมือนกันเป๊ะเลย

    “เดี๋ยวกระผมจะให้พนักงานมาบริการนายท่านนะครับ รอซักครูนะครับ” โค้งให้อย่างสุภาพก่อนจะเดินไปเขกหัวเด็กหนุ่มที่พาเขาเข้าร้านมา ดูท่าจะทำโทษข้อหาที่ไม่บอกเรื่องเขาเป็นผู้ชายจนหน้าแตกกันไปตามๆกัน

    “โอย...ขายหน้ามากๆ เปิดร้านมาเกือบปีเพิ่งเคยหน้าแตกละเอียดก็คราวนี้” คนที่กำลังชงกาแฟหันมามองมาสเตอร์ของร้านแล้วขมวดคิ้ว

    “เป็นบ้าอะไรของแกหน่ะหานเกิง บ่นจนหลุดสำเนียงบ้านเกิดเชียว” เจ้าของร้านชาวจีนหันมามองเพื่อนรักก่อนจะรีบถลาเข้ามากอดคอ

    “แกดูลูกค้าโต๊ะนั้นดิ โคตรน่ารักเลย แต่ทงเฮมันดันไม่บอกว่าเป็นผู้ชาย เผลอเรียกไปว่าคุณผู้หญิง เหมือนจะนอยด์ไม่น้อยเลยว่ะ” เหลือบตามองตามเพื่อนก่อนจะชะงักเมื่อคนน่ารักที่ว่าก็คือนางฟ้าสีขาวข้าง ห้องเขานั่นเอง

    “แล้วเขาสั่งอะไรล่ะ?”

    “ไม่รู้เหมือนกัน ส่งริเอะไปรับออร์เดอร์แทน เดี๋ยวก็คงได้...นี่ไง...” เอื้อมมือไปรับออร์เดอร์จากสาวน้อยในชุดสาวใช้สุดแสนโมเอ้

    “นมอุ่น? แล้วก็...คุกกี้นมสด?” คนฟังออร์เดอร์ถึงกับอมยิ้ม เขาไม่แปลกใจเลยที่ออร์เดอร์เป็นแบบนี้

    “…แปลว่าไม่ผิดตัว” หานเกิงได้แต่หันมามองเพื่อนที่ดูจะอารมณ์ดีขั้นแม็กซ์ เขาไม่เข้าใจที่หมอนี่พูดจริงๆ...อ่า...สงสัยต้องเพิ่มคอร์สภาษาเกาหลีอีก ซักคอร์สท่าจะดี

    “รายการที่สั่งได้แล้วครับ” คนที่กำลังนั่งเล่นกับสุนัขตัวโปรดหันมามองเครื่องดื่มกับขนมที่ถูกวางตรง หน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นขอบคุณ รอยยิ้มหวานชะงักค้างไปครูหนึ่งเมื่อเห็นหน้าบริกรถนัดตา

    “คุณ...” ฮีซอลยิ้มรับท่าทีนั่นก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

    “เรานี่ดวงสมพงศ์กันตลอดเลยนะเนี่ย” คนฟังทำเหมือนไม่สนใจคำพูดนั้นก่อนจะยกแก้วนมอุ่นขึ้นจิบ แต่แล้วก็ต้องชะงักเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันเมื่อเห็นลายวาดรูป เป็ดบนฟองนมหนานุ่ม

    “อย่ามาวาดอะไรเล่นๆบนเครื่องดื่มของคนอื่นแบบนี้นะ”

    “อ้าว...เซอร์วิสพิเศษสำหรับนายเลยนะ ไม่ชอบหรอ?” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นแก้มเนียนๆนั้นขึ้นสีระเรื่อ ปากบางๆที่ดูเหมือนจะขยับบ่นแต่ถ้าอ่านดีๆก็จะรู้ว่า...

    “ก็เพราะชอบหน่ะสิ...” โอย...เคยมีใครบอกไหมว่าอย่าเสียงกับหน้าแบบนี้



    หัวใจเต้นผิดจังหวะไปหมดแล้ว...




    .
    .
    .

    Red Wine and White Milk

    .
    .
    .




    คืนนี้ยังคงหนาวเหมือนทุกวัน เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆก็ทำให้เกิดควันขาวลอยขึ้นไปในอากาศได้ ร่างโปร่งวนแก้วไวน์ในมือเบาๆ มองของเหลวสีแดงเคลื่อนไปมาอยู่ในแก้วก่อนจะเหลือบมองระเบียงห้องข้างๆที่ มืดสนิท สงสัยอีทึกจะเข้านอนไปแล้ว...ก็แน่ล่ะ นี่มันตีสองเข้าไปแล้วนี่นะ

    ปลายนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆเมื่อยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการไม่ได้สูบบุหรี่ แกล้มไวน์ แต่ก็นั่นแหละ...เพราะใครบางคนบอกว่ามันเหม็น เขาถึงได้เลิกสูบมาตั้งแต่วันนั้น ถ้าไม่มีควันสีเทาพวกนั้น ช่วงเวลาที่ระเบียงก็จะยาวนานขึ้น




    นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาคิดจะทำอะไรเพื่อคนอื่น...

    อืม...ถึงแม้ว่าบางส่วนจะเพื่อตัวเองด้วยก็เถอะ







    [...ครืด...]




    หันไปตามเสียงก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างบางในชุดนอนสีขาวเปิดประตูออกมา ด้วยท่าทีประหม่าไม่น้อย อีทึกเพียงแค่ยิ้มแห้งๆให้กับคนที่จ้องมองตัวเองอยู่ ต่างคนต่างเงียบอยู่แบบนั้นจนฮีซอลต้องเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน

    “ยังไม่นอนอีกหรอ?”

    “นอนแล้ว...แต่นอนไม่หลับ...พอดี...เห็นไฟระเบียงคุณเปิดอยู่...ก็เลย...ลองออกมา”

    “หืม? ออกมาคุยกับฉันงั้นหรอ?”

    “ก็...ไม่เชิง...คือ...คุณยังไม่นอนใช่ไหม?” คนถูกถามพยักหน้ารับก่อนจะชูแก้วไวน์ที่เพิ่งพร่องไปเล็กน้อยเท่านั้น

    “รอให้หมดแก้วนี้ก่อนแล้วค่อยนอนหน่ะ”

    “ผมอยากให้คุณสอนผมชงนมอุ่นแบบที่ร้านหน่ะ ไม่ต้องตอนนี้ก็ได้นะ” รีบออกตัวไว้ก่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายพลิกตัวมาฟังเขาอย่างตั้งใจ จะคิดว่าเขาไปกวนหรือเปล่าก็ไม่รู้

    “ก็คือ...เดี๋ยวนี้...กินนมอุ่นแบบเวฟธรรมดาแล้วมันไม่หลับแล้วหน่ะ ผมอยากกินนมแบบที่คุณทำให้กินที่ร้าน มันถูกปากผมมากเลย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ใบหน้าหวานถึงหงอยลงเล็กน้อย เขาคงยุ่งกับผู้ชายคนนี้มากไป

    “ถ้ามันรบกวนคุณก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่...อยากลองถามดูเฉยๆ”

    “อยากกินเลยไหมล่ะ เดี๋ยวทำให้”

    “ครับ?”

    “มาที่ห้องฉันสิ เดี๋ยวไปเปิดประตูรับ” พูดจบก็เดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้อีทึกยืนอึ้งอยู่ตรงระเบียง จนได้ยินเสียงเคาะประตูห้องตัวเองนั่นเองนั่นแหละ ถึงได้สติแล้ววิ่งไปเปิดก่อนจะตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างกัน

    เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในห้อง อีทึกก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง วอลเปเปอร์สีแดงหม่น พื้นก็ปูด้วยพรมสีแดงเข้ม เฟอร์นิเจอร์ดำบ้างแดงบ้าง หมอนี่เป็นผีดูดเลือดหรือเปล่านะ?

    “มองแบบนี้แปลว่าผิดกับที่ห้องนายล่ะสิ ฉันเดาเลยว่าทั้งห้องนายคงจะเป็นสีขาวทั้งห้อง”

    “คุณรู้ได้ยังไง?”

    “ดูจากการแต่งตัวก็รู้แล้ว” หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นร่างบางก้มหน้างุดซ่อนแก้มแดงระเรื่อ เขาผายมือเชิญให้อีกฝ่ายไปนั่งรอที่โซฟาสีแดงก่อนจะเดินผละเข้าไปในครัว เปิดเครื่องสตรีมเตรียมทำเครื่องดื่มให้คนน่ารัก ไม่นานนักนมอุ่นพร้อมฟองนมลายเป็ดน้อยก็ถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ อีทึกเอ่ยขอบคุณก่อนจะประคองแก้วเซรามิคสีแดงไว้ด้วยรอยยิ้ม

    ฮีซอลนั่งจิบไวน์อยู่ข้างๆพลางเหลือบมองริมฝีปากอิ่มนั้นค่อยๆละเลียดจิบ เครื่องสีขาวอย่างมีความสุข ราวกับรู้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ อีทึกจึงหันมามองพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้ในระยะกระชั้นชิด โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแพ้ต่อความน่ารักของตัวเองขนาดไหน

    “หืม?” ร่างบางชะงักเมื่อปลายนิ้วปาดฟองครีมที่เลอะตรงมุมออกให้อย่างเบามือ รู้สึกใบหน้าเริ่มร้อนเห่อตามความอุ่นของนมสดในมือ เหลือบมองอีกฝ่ายที่ยังคงนั่งมองตัวเองอยู่แบบนี้แล้วรู้สึกเคอะเขินชอบกล

    “เอ่อ...ขอ...” ยังไม่ทันจะเอ่ยขอบคุณริมฝีปากได้รูปก็โฉบลงมาทาบทับ คางมนถูกเชยขึ้นเพื่อรับจุมพิตเจือกลิ่นไวน์แดง ลิ้นร้อนตวัดทักทายเพียงครู่ก่อนจะถอนออกมาเชื่องช้า อีกทั้งยังจูบช้ำลงมาอีกครั้งราวกับตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน




    “เครื่องดื่มที่ฉันชอบมากที่สุดคือไวน์ แต่นายทำให้ฉันชอบไวน์แดงเจือกลิ่นนมสดซะแล้วสิ”





    .
    .
    .

    Red Wine and White Milk

    .
    .
    .




    “รับนมอุ่นกับคุกกี้นมสดเหมือนเดิมนะครับ” พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เด็กหนุ่มพนักงานที่เริ่มจะสนิทกันแล้ว ทงเฮยิ้มอย่างเขินๆก่อนจะรีบวิ่งเอาออร์เดอร์ไปให้บาริสต้าก่อนจะถูกเขกหัว อย่างหมั่นไส้ตามด้วยเสียงทะเลาะอีกชุดใหญ่จนหานเกิงต้องออกมาปรามพร้อมกับ ถือถาดขู่เตรียมฟาดทั้งคู่ อีทึกมองภาพที่เกิดขึ้นก่อนจะหัวเราะเบาๆ

    “หัวเราะอะไร? อารมณ์ดีจังนะโปรยเสน่ห์เนี่ย”

    “เปล่าซักหน่อย” รับเครื่องดื่มสุดโปรยมาจิบก่อนจะก้มลงมองฟองนมตรงหน้าอีกครั้ง อดยิ้มไม่ได้เมื่อบนฟองนมมีอะไรบางอย่างแปลกปลอมเพิ่มขึ้นมา

    “เขียนนานไหมเนี่ย...”

    “เขียนหัวใจไม่เห็นจะยาก”

    “หลายใจ”

    “ก็เขียนซ้ำๆให้อยู่คนเดียวเนี่ยแหละ” คนฟังถึงกับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเขินก่อนจะทำเป็นจิบนมอุ่นไปเรื่อยๆ

    “นี่...ทำไมยังต้องมานั่งที่ร้านอีกล่ะ ปกติฉันก็ทำให้นายกินทุกคืนอยู่แล้วนี่”

    “ก็อยากกินแบบธรรมดาๆนี่”

    “อ้าว...มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ฉันเป็นคนทำทำไมฉันจะไม่รู้ว่าส่วนประสมทุกอย่างมันเหมือนกันเป๊ะๆ อย่ามามั่วหน่า”

    “เพราะนายเป็นคนทำนั่นแหละ มันถึงไม่เหมือนกันไง” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังทำหน้างง อีทึกจึงหลุดหัวเราะออกมาแล้วไม่พูดอะไรอีก มือเรียวหยิบคุกกี้นมสดขึ้นมากินอย่างอารมณ์ดี

    “อีทึก...” ไม่รู้หรือไงนะว่าอะไรที่มันไม่เคลียร์นี่มันค้างคาโคตรๆ อย่าให้หงุดหงิดนะ พ่อจะจับปล้ำกลางร้านจริงๆด้วย

    “อะไร?”

    “บอกมาเลยว่าทำไมมันไม่เหมือนกัน” คนถูกเค้นถามเพียงแค่ยิ้ม มือเรียวหยิบทิชชูมาเช็ดมือที่มันเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกระเป๋าสีขาวหยิบเงินมาวางไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมออกจากร้าน

    “ทึกกี้...ฉันซีเรียสนะ” คนที่เดินออกไปจากโต๊ะหยุดหันมามองคนรัก ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทสีขาวสะอาดตาเดินกลับมาหาคนที่นั่งงอนอยู่ก่อนจะก้มลง กระซิบเบาๆพอได้ยินสองคน



    “นานๆทีก็อยากกินนมสดอุ่นแบบธรรมดาๆเท่านั้นเอง อยู่ที่ห้องทีไรได้กินแต่นมสดเจือกลิ่นไวน์ทุกทีเลยหน่ะสิ”
    เอ่ยจบก็เดินลิ่วออกไปจากร้าน ทิ้งให้คนบ้าไวน์มองตามอย่างหมั่นเขี้ยว







    คอยดู...คอยดู...เดี๋ยวคืนนี้คิมฮีซอลจะจัดอะไรที่แตกต่าง!








    END



    เป็นที่วางพร้อมพร้อมๆกับเรื่อง CAT’s เลยค่ะ คนละอารมณ์เลยเนอะ กว่าจะได้แต่งนี่ก็นานโขอยู่ พอเข้าช่วงปิดเทอมก็เริ่มแต่งวันละนิดวันละหน่อย จนเสร็จสิ้นในคืนนี้ คนไหนที่รอซินทึกจากปออยู่ก็อย่าลืมแสดงตัวให้ชื่นใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×